รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) - เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก) โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า

รายละเอียด

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)  โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

ผู้แต่ง

ท่าเพชร

เรื่องย่อ

ผีมีจริงหรือไม่?

          คนเราตายแล้วไปไหน?

            สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

สารบัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 2 วิวาห์ผี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 4 หอปรารถนาดี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 8 ไปหาดใหญ่คราวนั้นฉันยังจดจำ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 9 โค้งเขาท่าเพชร,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 11 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3)

เนื้อหา

เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก)

ย้อนไปเกือบหกสิบปีที่แล้ว ความบันเทิงเริงรมย์สำหรับชายนอกจากดื่มสุราสังสรรค์ตามร้านเหล้า สถานเริงรมย์แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือนางบังเงาโสเภณีทั้งหลาย ซ่องเจ๊เนาเป็นซ่องที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ท้ายตรอกหลังตลาด ลักษณะเป็นห้องแถวไม้สองชั้นขนาดกว้างใหญ่ตีซอยห้องเล็กๆ ด้านหน้ามีห้องโถงกว้างไว้บรรดานางโสเภณีเล็กใหญ่คอยรับแขก ให้แขกมานั่งพักผ่อนก่อนจ่ายเงินเลือกซื้อหาความสุขทางกามรมณ์กับนางคณิกา เจ๊เนาแม่เล้าเจ้าของซ่องเป็นสาวใหญ่ทรงสะบึมผิวขาวสาวสะคราญ ใครๆ ได้แต่ทายอายุอานามแกแต่ไม่มีใครกล้าถามเพราะแกจะอารมณ์เสียไล่ตะเพิดไล่ตบคนถามมานักต่อนักแล้ว ซ่องเจ๊เนามีเด็กสาวในสังกัดมากมาย เจ๊เนาแกไม่ซื้อเด็กในพื้นที่มาทำงานเพราะเด็กในพื้นที่รู้ความมาก ถ้าขี้เกียจรับงานก็แอบหนีกลับบ้านสร้างความวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น เด็กที่ทำงานซื้อมาจากแถวภาคเหนือ แถวดอย บางทีมีสายส่งมาเร่ขาย ถ้าแกไม่รับซื้อเด็กพวกนี้จะต้องล่องไปทำงานในซ่องตะเข็บชายแดนภาคใต้ อย่างบ่ายวันนี้นายศรีสายส่งเด็กนำเด็กลงเรือมาจากบางกอกแวะมาจอดพักเพื่อไปต่อรถไฟล่องลงใต้เลยถือโอกาสเรียกเจ๊เนาไปดูเด็กที่ท่าเรือ

“ช่วงนี้มันไม่ค่อยดีนายศรี ลูกค้ารายใหญ่ติ๊ปหนักๆ จนลงหลังสงคราม” เจ๊เนาสงวนท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้

“เหอะนาเจ๊ ช่วยๆ กัน เด็กพวกนี้เกรดดีๆ ทั้งนั้น ทำเงินให้เจ๊มากอยู่นา ถ้าหลุดไปถึงปาดังเบซาร์ถึงสุไหงโกลก คงได้เป็นถึงดาวประจำซ่อง” นายศรีเชียร์ขายผู้หญิงราวกับเป็นสินค้า

“ข้าจะซื้อดีไหมวะ ไอที่มีอยู่ก็นานค้างปีเตรียมปลดระวางจากชั้นหนึ่งลงชั้นสองหลายคน แพงไหมวะศรี” เจ๊เนาไตร่ตรองสำรวจสต๊อกนางๆ ทั้งหลายที่มีอยู่

“ไปดูหน้างานก่อน ราคาต่อรองกันได้ครับ” นายศรีสำทับ

“อีหวิน อีหวิน” เจ๊เนาเรียก

“ขา” หวินลูกน้องคนสนิทออกมาจากด้านหลังบ้าน

“ไปท่าเรือกับฉัน” เจ๊เนาสั่ง นายศรีเดินนำเจ๊เนาและหวินมาลิ่วๆ ในเรือเครื่องมีประทุนลำหนึ่งมีเด็กสาวมากมายนอน นั่ง สีหน้าดูมีกังวล บางคนก้มหน้าร้องไห้ เจ๊เนายืนสำรวจอยู่ตรงหัวสะดุดกับเด็กสาวคนหนึ่งนั่งมองสบตากับเจ๊เนา สายแข็งกร้าวไม่กลัวอะไร

“แกชื่ออะไร” เจ๊เนาถาม

“เอื้อง” เด็กสาวตอบสั้นๆ ยังคงมองเจ๊เนาไม่ละสายตา

“ไม่ดัดจริต นี่คงผ่านผู้ชายมาแล้วสินะ” เจ๊เนาเย้ย

“ยัง” เอื้องตอบห้วนๆ

“อีเอื้องแข็งแบบนี้จะฝึกยากนะเจ๊” หวินเดาใจนายตนเองออกเลยทักท้วงขึ้น

“เอ็งก็เห็นนี่ ซ่องมีแต่อีพวกหัวอ่อน ผู้ชายมันก็เบื่อเป็นเหมือนกัน อย่างอีเอื้องถ้าฝึกนิดฝึกหน่อย จับแต่งตัว สอนจริตมารยา มันจะเป็นดาวเด่น ชายทุกผู้จะต้องการมัน” เจ๊เนาพูด “ศรี เอ็งคิดเท่าไหร่”

“ยี่สิบบาท” ศรีโขกราคาเสียเลือดซิบเลย

“ไม่แพงไปหน่อยหรืออ้ายศรี อีตัวอื่นๆ ซื้อมาแค่สิบบาทอย่างมากสิบห้า อีเอื้องเลี่ยมทองหรือไงยะ ถึงขายราคานี้” หวินร้องลั่น

“เอาๆ ไปเถอะ อีเอื้องมันช้างเผือก หน้าตาผิวพรรณสวยสะ เป็นชาวเหนือ สาวเครือฟ้าแต้ๆ เลย” ศรียังอวดสรรพคุณของนางเอื้องต่อไป

“เอาก็เอา อีหวินจ่ายแล้วเลือกมาอีกสักสองคน เจ๊เนาเดินกลับเพียงลำพังปล่อยให้ธุระเรื่องชำระเงินซื้อขายมนุษย์เป็นของหวินไป สรุปว่านอกจากนางเอื้องแล้ว หวินยังได้ซื้อนางแรมกับนางสมมาเป็นโสเภณีใหม่ประดับซ่องเจ๊เนา

ช่วงบ่ายนั้น พวกคุณตัวทั้งหลายเริ่มตื่นนอนมาพบกับน้องใหม่สามนาง พวกนางเหล่านี้ไม่ได้ถูกห้ามปรามจากเจ๊เนา สามารถอิสระไปไหนมาไหนได้เพียงแต่ช่วงค่ำต้องรับแขก แต่พวกนางเลือกอยู่ในซ่องไม่พบปะกับคนภายนอกเพราะรู้ดีว่าชาวบ้านทั่วไปรังเกียจพวกนาง มีแต่ความรังเกียจเดียดฉันท์มอบให้ และอายสังขารตนเอง บางคนจากที่เคยสวยเป็นดาวเด่นในยามราตรีเป็นดอกไม้งดงามเป็นที่หมายปองของเหล่าภู่ภมรล่วงมาถึงกลางวันไร้เครื่องประทินโฉมใดๆ สารร่างราวกับซากศพเดินได้ อย่าไปสนใจอะไรเลย มาสนใจน้องใหม่สามคนก่อน เจ๊เนาใช้ห้องโถงชั้นบนฝึกฝนน้องใหม่สามนาง มีคนอื่นๆ มาแอบดูอยู่เนืองๆ

“ยังไม่ต้องรับแขกก่อน ต้องฝึกฝนให้เจนจัด ทั้งสามเปลี่ยนชื่อ อีเอื้องเปลี่ยนเป็นเครือฟ้า อีแรมเป็นเป็นจวงจันทร์ อีสมเป็นสมหญิง พวกมึงคอยรับใช้พวกพี่ๆ ไปก่อน เรียนรู้เรื่องต่างๆ ที่กะหรี่ชั้นสูงพึงมี” เจ๊เนาสะบัดโบกพัดระหว่างพูดพล่าม

“เจ๊ตั้งชื่ออีเอื้องว่าเครือฟ้า มันจะไม่ตายห่าตามสาวเครือฟ้ารึเจ๊” หวินถาม

“ไม่หรอกนา เจ๊ฝึกให้มันเป็นกะหรี่ชั้นสูง กะหรี่ชั้นสูงไม่เจ็บ ไม่ตายง่ายหรอก” เจ๊เนาตอบ

“กะหรี่ชั้นสูงเป็นไงจ๊ะเจ๊” เอื้องไม่ใช่สิเครือฟ้าถาม

“ต้องย้อนไปสมัยพุทธกาลโน่น แต่เมืองมีหญิงงามเมืองไว้คอยให้ความสุขแก่ผู้ชาย บางนางสวยจนได้ต้อนรับแขกบ้านเมือง ผู้ชายแย่งกัน ใครให้ราคาสูงสุดก็ได้ตัวนางไป แต่ไม่จำเป็นต้องขายเรือนร่าง ใช้แค่จริตมารยา ความรู้ความบันเทิงเริงใจ เราต้องเรียนรู้ธรรมชาติของผู้ชาย รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เจ๊เนาเล่า “เอาล่ะ เริ่มจากตัดเสื้อก่อน หวินไปเรียกอีรินมาวัดอีสามคนนี้ เอาหนังสือมาเลือกแบบด้วยล่ะ”

“เจ๊เนาจ๋า มีจดหมายมาถึงเจ๊จ้า” อีฟองลากสังขารขึ้นมาส่งจดหมายที่รับมาจากนายชาติบุรุษไปรษณีย์ที่คุ้นเคยกับซ่องเจ๊เนาแห่งนี้

“กูเข้าห้องก่อนนะ อีหวินดูๆ ไป ก็แล้วกัน” เจ๊เนาสั่งความเพิ่มเติมแล้วเดินเอาจดหมายแนบอกเข้าห้องส่วนตัวไป นางปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา

“พี่หวินใครกันที่เขียนจดหมายมาหาเจ๊เนา ผัวเจ๊แกรึ” เครือฟ้าถามเอาความจากนางหวิน

“เอ็งอย่าไปถามกับแกนะ เอ็งจะโดนดี อย่างเบาก็โดนด่าว่าเสือก อย่างมากก็ถูกตบ” หวินเตือน

“เจ๊เนาแกดูใจดีออก จะตบใครเป็นหรือ” จวงจันทร์พูด

“น้อยไปสิอีจันทร์ แกตบกับแม่ค้าในตลาดมานักต่อนัก เมื่อก่อนแกจ่ายตลาดซื้อกับข้าวเอง อีพวกแม่ค้าปากตลาดทำดัดจริตรังเกียจเบี้ยหอยจากกะหรี่อย่างเราๆ เจ๊เนาด่าฉอดๆ ว่าเงินนี้ก็ได้มาจากผัวของพวกแม่ค้านี้แหละ เป็นเมียจะรังเกียจเงินเบี้ยของผัวก็ดัดจริตตอแหลเกินไป จากนั้นก็ตบกันโครมคราม ตลาดแทบพัง” หวินเล่า “จดหมายของเจ๊เนาก็มีคนเดียวที่เขียนถึง คุณเรืองฤทธิ์”

“คุณเรืองฤทธิ์เป็นใครกันจ๊ะ” สมหญิงถาม

“โอ๊ย! เรื่องมันอับปรีย์จัญไรประจำซ่องนี้แหละย้อนไปเป็นสิบปี ตอนนั้นเจ๊เนาก็ยังเป็นกะหรี่นั่นแหละ แกมีเพื่อนกะหรี่ที่รักใคร่ชอบพอกันอยู่คนหนึ่งชื่อยี่โถ ยี่โถเป็นกะหรี่ชั้นหนึ่งเพราะความสวยคมขำ จนกระทั่งแกพลาดท่าตั้งท้อง ตามกฎแห่งกะหรี่ถ้าท้องต้องทำแท้ง ด้วยความรักลูกยี่โถไม่ยอมทำแท้งจึงต้องยอมเป็นขี้ข้ารองมือรองตีนกะหรี่ทั้งหลาย ทำงานหนักตรากตรำทั้งๆ ท้องโย้ จนคลอดคุณเรืองฤทธิ์ออกมากลางซ่อง แม่ยี่โถตกเลือดตาย ศพถูกลากไปฝังหยาบๆ ท้ายป่าช้าวัดเลียบเพราะแม่เล้าเห็นว่าจัดงานศพให้ก็สิ้นเปลือง ใครจะมาร้องไห้ให้กะหรี่กันเล่า เจ๊เนาได้รับเงินที่เก็บหอมรอมริบของยี่โถ เงินนั้นก็มากพอควรด้วยค่าที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันมา พร้อมทั้งเลี้ยงดูคุณเรืองฤทธิ์เป็นอย่างดี เมื่อมีคุณเรืองฤทธิ์ทำให้แกจะคิดจะหยุดรับแขก แต่แม่เล้าไม่ยอม แกมาเจอกับข้าเข้าเพราะฉันออกจากบ้านมาหางานทำ แกจ้างให้ข้าเป็นพี่เลี้ยงดูแลคุณเรืองฤทธิ์ แกคิดแผนให้ข้าปล่อยข่าวลือว่าผีแม่ยี่โถอาละวาดในซ่อง ให้ข้าแกล้งทำเสียงโหยหวน ปลอมเป็นผีหน้าขาวตอนมีแขกเข้า จนไม่มีแขกเข้าซ่อง แม่เล้าแกติดไพ่ หาเงินมาใช้หนี้ในวงไพ่ไม่ทัน เจ้าหนี้ส่งคนมากระทืบหลายหน จนแม่เล้าผูกคอตาย เจ๊เนาใช้เงินของแม่ยี่โถกับของแกลงทุนทำซ่องแห่งนี้มาถึงทุกวันนี้แหละ เจ๊เนาแกรักเอ็นดูคุณเรืองฤทธิ์มาก แกส่งคุณเรืองฤทธิ์ไปเรียนที่โรงเรียนกินนอนในบางกอกเพราะแกรักของแก ไม่อยากให้ใครดูถูกคุณเรืองฤทธิ์ได้ว่าเป็นลูกกระหรี่เกิดในซ่องโตในซ่อง แต่แล้วเรื่องอุบาทว์ก็เกิดขึ้นจนได้ คุณเรืองฤทธิ์โตเข้าวัยหนุ่ม หน้าตาสะสวย กิริยามารยาทเจ้าชู้กรุ่มกริ่ม แกกลับมาช่วงโรงเรียนปิดภาคฤดูร้อน เจ๊เนาหน้ามืดตามัวเอาเด็กที่ตนเลี้ยงทำผัว ให้เด็กหัวนมเพิ่งแตกพานขึ้นครูอย่างไร้ยางอาย จากแม่เนาที่เคารพของเรืองฤทธิ์กลายเป็นพี่เนาที่รักของเรืองฤทธิ์ เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าคุณเรืองฤทธิ์มาอย่าไปยุ่งเชียวแหละ เจ๊เนาแกหวง ข้าไปเรียกอีรินมาตัดเสื้อก่อนล่ะ พูดเสียนานจนน้ำลายเหนียวเลย” หวินเดินลงไปข้างล่างหายลับไป