รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ
ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ
ผีมีจริงหรือไม่?
คนเราตายแล้วไปไหน?
สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
นวลทำงานรับใช้ทั่วไปจำพวกงานทำความสะอาดตามคำสั่งของแฉล้มซึ่งรับคำสั่งมาจากเจ้านายอีกทอด งานทำความสะอาดจะทำแบบลวกๆ ขอไปทีไม่ได้ต้องใช้ความละเอียดลออใส่ใจในรายละเอียด ใช่ว่าเพราะต้องการความสะอาดเป็นหน้าเป็นตาของนายเมื่อมีแขกไปใครมาเท่านั้นแต่ด้วยเพราะของใช้ของประดับตกแต่งล้วนเป็นของมีราคาค่างวดต้องทำความสะอาดอย่างเบามือระมัดระวังหากแตกหักเสียหายไป บทลงโทษไม่ใช่เพียงแค่ด่าทอ หล่อนจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ไม่อยากจะคิดถึงมูลค่าของมัน นวลปัดกวาดเช็ดถูในห้องรับแขก ปัดฝุ่นกรอบรูปถ่ายในห้องอย่างเบามือ มีกรอบรูปกรอบหนึ่งมีภาพชายหนุ่มถ่ายครึ่งตัว เขาเป็นผู้ชายที่นวลคิดว่าสวยราวเทพบุตร ตั้งแต่เกิดมาไม่เห็นใครจะหล่อเทียบเทียม คุณวิชาลูกชายท่านเจ้าคุณที่เกิดจากคุณนายพร้อมเมียรองยังไม่สวยเท่า
“ใครกันจ๊ะป้า” นวลถาม
คุณอินทร์ ลูกชายคนโตของท่านเจ้าคุณ ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงน้อม” แฉล้มตอบ “ท่านไปเรียนที่เมืองนอก จำได้ว่าเรียนที่อังกฤษ”
“อีกนานไหมจ๊ะป้า กว่าคุณอินทร์จะกลับมา” นวลถาม
“ก็ไม่รู้กัน ตอนคุณอินทร์ไปก็ยังเด็กๆ อยู่เลย ไปนานหลายปีแล้ว แต่คุณอินทร์เขียนจดหมายมาบ้าง ส่งของกลับมาบ้าง อย่างรูปภาพนี้ ท่านถ่ายที่เมืองนอกแล้วส่งภาพมา เลิกถาม ทำงานต่อให้เสร็จ หากคุณหญิงพบเข้าจะโดนเอ็ดเอาเสีย”
นานวันเข้า นวลปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ แต่มันก็มีบ้างที่ตกกลางคืนได้เวลานอน นวลนอนร้องไห้เบาๆ เพราะคิดถึงบ้าน คิดถึงทุ่งนาเขียวขจี คิดถึงไอ้ทุยที่เคยจูงพาไปกินหญ้าชายทุ่งชายป่า คิดถึงพ่อแม่ พี่ๆ น้องๆ บางครั้งก็ฝันว่าตนได้นั่งกินข้าวล้อมวงในครอบครัว เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังแว่วในความฝัน พอตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้อาวรณ์ แม้จะมาอยู่พระนครก็มาอยู่นาน แค่การเป็นคนรับใช้ทำงานอยู่ในบ้านเพื่อเป็นหลักค้ำประกันมิให้ดอกเบี้ยเงินกู้พอกพูน มิได้ไปไหนมาไหน เปิดหูเปิดตาดูบ้านเมืองให้เพลินตาเจริญใจ จากเด็กสาวบ้านนอกฟุ้งกลิ่นโคลนสาบควายสู่วัยสาวแรกรุ่นดั่งดอกไม้แรกแย้มเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ คนงานในบ้าน เพราะคนรับใช้หญิงในบ้านมีนวลนี่แหละสาวมากที่สุด ส่วนคุณอรบุตรีเจ้าคุณนรนิตย์ฯ ที่เกิดคุณนายช้องไม่ต้องพูดถึงแม้จะสาวสวยสะคราญเพียงใดก็เป็นดอกฟ้าไม่มีวนลงมาเกลือกกลั้วคนรับใช้ให้หมองมัว ไม่มีวันกินของสกปรกไปได้
ในวันหนึ่ง แฉล้มเรียกให้คนรับใช้ทุกคนมารับคำสั่งจากคุณหญิงน้อม วันนี้บนตึกที่ดูเงียบสงบมาโดยตลอดพรั่งพร้อมด้วยเจ้านายทุกคนไล่มาตั้งแต่เจ้าคุณ คุณหญิงและคุณนายทั้งสอง คุณวิชาและคุณอร พวกคนรับใช้นั่งออกกันรอรับฟังเจ้านายพูดเรื่องสำคัญอยู่หน้าสลอนรวมทั้งนวล
“คุณอินทร์จะกลับมาแล้ว ฉันเพิ่งได้รับจดหมายว่าตอนนี้เรียนจบแล้ว ซื้อตั๋วเรือเตรียมเดินทางกลับสยามแล้ว” ท่านคุณเจ้าบอกเรื่องสำคัญนับว่าเป็นข่าวดีของบ้านเลยทีเดียว พวกคนรับใช้ก็ดีใจโดยเฉพาะนวลจะได้พบเจอกับเทพบุตรในภาพถ่ายตัวเป็นๆ เสียที นับจากนั้นบ้านท่านเจ้าคุณวุ่นวาย คนงานปรับปรุงห้องว่างชั้นสามให้เป็นห้องส่วนตัวของคุณอินทร์ ติดตั้งพัดลมไฟฟ้าบนเพดานกลางห้อง ห้องน้ำในตัวปรับให้เป็นแบบตะวันตก อ่างอาบน้ำดีบุกนำเข้าจากเมืองนอกส้วมชักโครก อ่างล้างหน้าล้วนเป็นของชั้นดี คุณหญิงน้อมดูจะดีใจมากกว่าใคร หน้าชื่นตาบานแม้ในยามที่ตรวจบัญชี นวลสังเกตเห็นต้อนรับงานพัด จากที่หน้าตาเคร่งขรึมและเอ็ดตะโรไปสามบ้านแปดบ้านหากเจอหนี้เสีย ในบ่ายวันหนึ่งเหล่าเจ้านายอยู่กันพรั่งพร้อมจึงมาดื่มชายามบ่ายตรงเฉลียงหลังตึก มีแฉล้ม นวลและคนรับใช้อีกคนคอยรับใช้อยู่
“เงียบสงบดีแท้” ท่านเจ้าคุณเอ่ยอย่างสบายอารมณ์
“แน่นอนสิคะ งานปรับปรุงห้องพ่ออินทร์ใกล้เสร็จแล้ว สัปดาห์หน้าพวกช่างจะเข้ามาเก็บงาน” คุณหญิงน้อมสำทับอีก
“น่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณพี่นะคะ ที่บ้านเพื่อนๆ ของอรก็จัดงานต้อนรับพี่ๆ น้องๆ ที่เรียนจบจากเมืองนอกแล้วกลับสยาม” อรเสนอ
“ก็ดีนะ บ้านเราไม่ได้จัดงานรื่นเริงนานแล้ว” เจ้าคุณนรนิตย์ฯ เห็นชอบ
“ตอนนี้งานเลี้ยงแบบค็อกเทลเป็นที่นิยม แล้วก็เต้นรำกันสนุกสนานกัน” วิชาเสนอแนะ
“อืม เข้าทีล่ะ แต่ก็อีกหลายเดือนกว่าพ่ออินทร์จะมาถึง” คุณหญิงน้อมตอบรับ “คงจะต้องแบ่งงานกัน อาหารเครื่องดื่ม บางอย่างให้พวกบ่าวไพร่ทำได้ก็ทำไป บางอย่างก็ต้องสั่งมาจากโฮเต็ล ต้องเชิญแขกซักสามสิบคน”
ผ่านไปเป็นวันเป็นเดือน เรือเดินทะเลจากประเทศสิงคโปร์เข้าเทียบท่าเรือ พระยานรนิตย์ฯ คุณหญิงน้อม คุณวิชา และคุณอร มาคอยรับคุณอินทร์ที่ท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรือเดินทะเลลำใหญ่จอดเทียบท่า เสียหวูดดังอื้ออึงชวนรำคาญแต่ไม่อาจกลบความรู้สึกแช่มชื่นของผู้มาเยือน ผู้กลับสู่มาตุภูมิ หรือผู้มาต้อนรับคนคุ้นเคยที่ห่างหายไป ชายหนุ่มในชุดสูทสากลสีเทาควันบุหรี่เดินลงบันไดเรือมาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระหนึ่งใบ ส่วนสัมภาระที่เหลือ ทางบริษัทเดินเรือจะจัดส่งไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้
“กราบเจ้าคุณพ่อ คุณแม่ครับ” อินทร์วางกระเป๋าลงพื้นแล้วยกมือไหว้บิดามารดาอย่างนอบน้อม คนอื่นอยู่บริเวณท่าเรือมองเห็นภาพหนุ่มนักเรียนนอกไหว้ทักทายบุพการีคงปลาบปลื้มและฉงนสนเท่ห์ นักเรียนนอกผู้นี้ไม่ทิ้งกิริยาความเป็นชาวสยาม ผิดแผกไปจากนักเรียนนอกบางคนไปพบเจอความศิวิไลซ์ของบ้านเมืองอารยประเทศแล้วมาเหยียดความล้าหลังของสยาม ยกตนข่มท่านทอดวางกิริยายโสโอหังอวดภูมิความรู้จนเป็นที่ระอา
“ยินดีต้อนรับกลับสู่สยาม” เจ้าคุณนรนิตย์ฯ เอ่ยทักทาย
“ลูกรักของแม่ ขอแม่กอดให้ชื่นใจเสียเถิด” คุณหญิงน้อมโผกอดลูกชาย “หายห่วงไป ไม่พาสะใภ้แหม่มมาให้แม่ตกกะใจก็ดีมากแล้ว”
“น้องทั้งสองสบายดีไหม” อินทร์ถาม
สบายดีครับ/ค่ะ” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
“ขึ้นรถกันเถอะจ้า มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันก็ค่อยกันที่บ้าน” คุณหญิงน้อมตัดบทสนทนาแล้วทั้งสามพี่น้องต่างแม่ขึ้นรถกลับบ้านย่านสาธร วงศาคณาญาติแยกย้ายกันขึ้นรถ รถแล่นมาเรื่อยๆ จนถึงบ้าน แจกยามริมรั้วกุลีกุจอเปิดประตูรั้วให้รถทั้งสองคันแล่นกลับเข้าสู่บ้าน รถยนต์ทั้งสองคันแล่นเข้าไปจอดเทียบมุขหน้าตึกใหญ่ พวกคนรับใช้ในบ้านมายืนต้อนรับนายของบ้านผู้มาจากแดนไกล อินทร์ลงมาจากรถเพ่งพิศบรรยากาศในบ้าน หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป บ้านเริ่มร่องรอยของกาลเวลาปรากฏ คนรับใช้ที่คุ้นเคยเมื่อตอนเด็กๆ ก็หายหน้าหายตาไป คาดว่าลาออกไปแต่งงานได้สามีแล้ว อินทร์ไม่ถือตัวทักทายปราศรัยกับคนรับใช้อย่างไม่ถือตัวว่าเป็นนายเป็นบ่าว สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้แก่ผู้รับใช้
“นี่มาใหม่เหรอ” เมื่ออินทร์ผ่านนวลเหลียวมามองหยุดถาม
“ชื่อนวลค่ะ เป็นคนบ้านเดียวกับอิฉัน พ่อมันมากู้เงินกับคุณหญิง เลยส่งอีนวลมารับใช้ขัดดอก นวลไหว้คุณอินทร์สิ” แฉล้มตอบเสียยืดยาว
“ฉันไหว้ล่ะจ้า” นวลยกมือไหว้ประหลกๆ ในใจรู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นที่ได้พบเจอกับเทวดาในรูปภาพตัวเป็นๆ แต่ก็พูดออกมาไม่ได้
“ขึ้นตึกเถิดแม่พร้อมกับแม่ช้องรออยู่” คุณหญิงน้อมเร่งรัด พวกเจ้านายขึ้นตึกใหญ่ ส่วนพวกคนรับใช้ที่ไม่จำเป็นต้องไปรับใช้บนตึกก็แยกย้ายไปทำงาน
อินทร์ค่อยปรับตัวกับสภาพแวดล้อม สภาพอากาศเมืองสยาม เริ่มทำงานบ้างด้วยการไปดูกิจการโรงพิมพ์ของท่านเจ้าคุณ บางทีก็เที่ยวเตร่พบปะเพื่อนฝูง ในบ่ายวันหนึ่งอากาศร้อนอบอ้าว บนห้องนอนแม้จะมีพัดลมระบายความร้อนก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ อินทร์ต้องลงมาอ่านหนังสือตรงเฉลียงหลังบ้าน ตรงนี้เป็นจุดที่คนรับใช้ใช้เดินผ่านขึ้นลงระหว่างตึกใหญ่กับพื้นที่ของคนรับใช้ นวลกำลังขึ้นตึกเพื่อไปรับใช้คุณหญิงน้อมบนตึกเห็นอินทร์นั่งอ่านหนังสือเพียงลำพังจึงย่องกลับไปครัวเตรียมขนมน้ำชามาเสิร์ฟอินทร์
“ยังไม่ได้สั่งก็เอามาแล้ว” อินทร์พูดแล้วเหลือบตาก่อนจะอ่านหนังสือต่อไป
“ฉันคิดว่าคุณอินทร์น่าจะหิว เลยนำมาวางไว้เจ้าค่ะ” นวลตอบไปซื่อๆ แล้วนั่งอยู่คอยรับใช้บนพื้นโดยอินทร์ไม่ได้ร้องขอ
“อยู่ก็ดี ฉันรู้สึกเบื่อๆ จะได้มีเพื่อนคุย ชื่อนวลใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ”
“สองปีแล้วเจ้าค่ะ”
“คิดถึงบ้านไหม”
“คิดถึงเจ้าค่ะ แต่สั่งให้อยู่ที่นี่ก็ต้องอยู่ คิดถึงพ่อแม่ พี่ๆ น้องๆ คิดถึงทุ่งนา” นวลตอบด้วยน้ำเสียงช้าๆ เลื่อนลอยสื่อถึงความเหงาและอาวรณ์
“อยู่พระนครได้ออกไปเที่ยวบ้างไหม”
“ไปบ้างเจ้าค่ะ ป้าแฉล้มก็พาออกไปเที่ยวงานภูเขาทองช่วงลอยกระทง”
“ถ้าฉันว่าง ฉันจะพาหล่อนไปเที่ยวนะ รู้จักบางปูไหม”
“ที่ไหนกันเจ้าคะ”
“อยู่ปากน้ำโน่น ที่นั่นติดทะเล อากาศสบายๆ รับลมทะเล มีสะพานทอดยาวลงทะเลเรียกว่าสะพานสุขตา นกนางนวลสีขาวบินไปมาเป็นฝูงใหญ่เลย นวลเคยเห็นนกนางนวลไหม ชื่อเดียวกันกับนวลเลย”
“ไม่เคยเห็นเจ้าค่ะ อยู่ที่บ้านใต้เห็นกระจิบ นกกระจาบ นกเขา นานๆ จะเห็นแร้งเห็นเหยี่ยว” นวลตอบ
“จะว่าไปนวลก็สวยเหมือนกันนะ ถ้าได้ลองแต่งตัวสวยๆ แบบน้องอร ก็คงสวยจนดูไม่เบื่อ” อินทร์พูดหยอดคำหวานชมนวล ทำเอานวลเคลิบเคลิ้ม นับจากนวลคอยรับใช้ใกล้ชิดทำงานถวายหัวแก่อินทร์ จนคนรับใช้ในบ้านสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนวล ทุกวันนวลจะแต่งประณีตขึ้น ผัดแป้งหน้าขาว ทาน้ำอบน้ำปรุงทั่วสรรพางค์ จนหอมกรุ่นกำจาย แฉล้มจำใจต้องปรามนวลในระหว่างพักรับประทานอาหารในครัว
“นวลเอ๊ย ถ้าเป็นไปได้ เอ็งอย่าไปรับใช้ใกล้คุณอินทร์เลย มันดูไม่งาม”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะป้า คุณอินทร์เรียกใช้งาน ฉันเป็นบ่าวไพร่ นายเรียกใช้สอยก็ต้องทำ ฉันจะขัดท่านเสียไม่ได้” นวลแย้งเฉไฉ
“ใครๆ ก็ดูออกทั้งนั้นแหละว่าเอ็งคิดกระไรอยู่ แต่พวกขี้ข้าบ้านนี้รักใคร่กลมเกลียว ไม่ขายเพื่อนฟ้องนาย หากเรื่องถึงหูคุณหญิงน้อม เอ็งจะให้คนที่บ้านเอ็งเดือดร้อน อย่างน้อยเอ็งก็ถูกส่งกลับบ้านใต้ อย่างมากที่ดินที่นาที่พี่ผลมาจำนองไว้ถูกยึด คนอย่างพวกเราอย่าใฝ่สูงเกินศักดิ์ ถ้าคุณอินทร์เรียกใช้เอ็งก็ให้นังสุกนังปีบไปรับใช้แทน” นับแต่นั้นมานวลรับใช้เจ้านายอย่างหลบเลี่ยงอินทร์ ทำงานอยู่ในครัว ไปรับใช้คุณนายทั้งสอง เลี่ยงการขึ้นตึกใหญ่ ไม่มีสนใจว่าเป็นเหตุอันใด จนกระทั่งวันหนึ่ง มีจดหมายมาถึงคุณหญิงน้อมเป็นจดหมายจากคุณแนบน้องสาวคุณหญิงน้อมซึ่งออกเรือนไปกับคหบดีหัวเมืองฝ่ายเหนือ เนื้อความจดหมายเป็นการเชื้อเชิญให้คุณหญิงน้อมและครอบครัวขึ้นมาร่วมพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่และท่องเที่ยวเปลี่ยนอากาศ สรุปแล้วนายทุกคนของบ้านยกเว้นอินทร์จะเดินทางโดยสารรถไฟขึ้นล่องหัวเมืองเหนือ คุณหญิงน้อมเลือกแฉล้มและนวลเป็นผู้ติดตามรับใช้ไปด้วย
ก่อนวันเดินทางสามสี่วัน ในขณะที่นวลลงเก็บดอกไม้ในสวนเพื่อให้คุณนายช้องกรองมาลัยถวายพระ อินทร์ลอบลงมาพบนวลโดยระแวดระวังไม่ให้ใครเห็น
“นวลจะหลบหน้าฉันไปไย”
“ป้าแฉล้มสั่งห้ามเด็ดขาดเจ้าค่ะ ว่าอย่ารับใช้ใกล้ชิดคุณอินทร์เด็ดขาด มันดูไม่งาม” นวลบอกเหตุผลให้อินทร์เข้าใจ
“นวลยังอยากไปเที่ยวบางปูอยู่ไหม”
“ยังอยากอยู่เจ้าค่ะแต่อิฉันต้องตามพวกคุณๆ ทั้งหลายไปหัวเมืองเหนือ”
“นวลก็แกล้งป่วยสิ กินใบแก้วให้ตัวรุมๆ ถ้านวลนอนซมป่วยใครจะพาไปให้เป็นภาระ แฉล้มก็ต้องหาคนอื่นไปแทนอยู่ดี” อินทร์แนะแล้วรีบขึ้นตึกไป ในคืนก่อนวันเดินทาง นวลเดินดุ่มๆ ฝ่าความมืดลงสวน เด็ดใบแก้วมากำมือใหญ่เมื่อถึงห้อง นวลกัดกินใบแก้วราวกับเป็นผักผลไม้แม้ว่ารสชาติเหลือรับประทาน เมื่อก่อนตอนเรียนหนังสือ บางทีนวลเกียจคร้านเรียนหนังสือเพราะเหนื่อยจากทำงานบ้าน นวลก็จะทำแบบนี้แล้วนอนซมจนเลยเวลาโรงเรียนเข้าจึงแสร้งสร่างไข้ นวลหลับไปเสียนานจนมาได้เสียงแฉล้มเคาะประตูห้องเรียก
“นวลๆ ตื่นแล้วยัง”
“เข้ามาเลยจ้าป้า ประตูไม่ได้ลงกลอนไว้” นวลตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เป็นอะไร ไม่สบายรึ นอนซมเชียว” แฉล้มมองดูสภาพนวลที่นอนสั่นปากซีด ลองไปจับหน้าผากดูร้อนจี๋จากพิษไข้ โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นแผนของนวล
“สงสัยเป็นไข้ทับระดู” นวลบอก
“เอ็งนี่บุญมีแต่กรรมบังเสียจริง จะได้ไปเที่ยวหัวเมืองเหนือแท้เชียวกลับมาล้มเจ็บเอา นอนพักเสียเถิด ก่อนไปข้าจะเอาหยูกยามาไว้ให้ ข้ายังต้องไปคนแทนเอ็งอีก” แฉล้มเดินออกจากห้องไป ได้นางปีบไปแทนนวล เมื่อคณะท่องเที่ยวเดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานี นวลลุกขึ้นจากที่นอนจัดแจงทำธุระส่วนตัวอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ ขึ้นไปเสนอหน้าบนตึก ข้างบนนั้นไม่มีใครอยู่เลย ตามปกติอินทร์จะนอกดึกเลยเที่ยงคืนตื่นสายเกือบเที่ยงวัน นวลเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลองทำอะไรบางอย่างที่ไม่มีกล้าทำกัน
“แม่เจ้าโว้ย! นุ่มจริงๆ “นวลหย่อนก้นตนเองลงนั่งบนโซฟาหลุยส์ ความนุ่มสบายที่นวลไม่เคยสัมผัสมาก่อนทำให้ต้องอุทานเสียลั่น ในขณะนั้นนวลไม่สังเกตเห็นว่าอินทร์ได้ตื่นนอนและลงมาชั้นล่างและกำลังแอบดูนวลโดยต้องกลั้นขำไว้ นวลเลียนกิริยาท่าทางของนายแต่ละคนได้อย่างน่าขัน อินทร์จึงแกล้มกระแอมไอแล้วเดินเข้ามาในห้อง
“อุ๊ย! ” นวลร้องตกใจแล้วทรุดตัวลงนั่งที่พื้น “ไม่คิดว่าคุณจะตื่นเร็วเจ้าค่ะ”
“ฉันรีบตื่นว่าจะพานวลไปเที่ยวนอกบ้าน” อินทร์บอกกับนวล “ฉันจะพาเธอไปวังบูรพาตัดเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ไปเต้นรำที่บางปู”
นับจากนั้นนวลได้เปลี่ยนไปจากนวลเด็กสาวบ้านนอกลอกคราบกลายสภาพเป็นสาวชาวพระนครอย่างเต็มภาคภูมิ เสื้อผ้าหน้าผมตามสมัยนิยมโดยมีอินทร์เป็นผู้สนับสนุน นวลคิดว่าอินทร์ทำดีกับหล่อนเพราะความรักแต่คำว่ารักก็ไม่เคยได้ยินจากปากของอินทร์เลย ความสัมพันธ์ระหว่างอินทร์และนวลเป็นแบบพาร์เทนเนอร์ชิป ในสายตาของคนทั้งคู่มองว่าเป็นเรื่องราวดีๆ แต่คนอื่นมองอย่างเลวร้ายเรื่องมันไม่งามเมื่ออินทร์ทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด ส่วนนวลกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา เป็นแค่คนรับใช้มาทำงานงกๆ ขัดดอกที่พอกพูนเท่าทวีกลับหมายปองจะเป็นสะใภ้นายหญิงบ้านหลังงาม คนรับใช้ในบ้านก็สุมหัวในครัวนินทานวลและนายหนุ่มของตนอย่างเหลืออด จริงเท็จประการได้มิทราบ พวกคนรับใช้พูดกันว่านวลคงจะตกเป็นเมียของอินทร์เสียเรียบร้อยแล้วเพราะนวลไม่ได้นอนที่เรือนคนใช้เผยอตัวนอนบนตึกเทียมนาย จนวันหนึ่งนางปุกเห็นนวลออกจากห้องนอนของอินทร์ แน่ชัดแล้วว่านวลเป็นเมียลับๆ ของอินทร์
“ถ้าท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงกลับมาแล้ว คุณอินทร์จะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ” นวลถามขณะอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ทั้งสองยังอยู่กันบนเตียงหลังจากเสร็จกามกิจแล้ว
“เรื่องแบบนี้จะผลีผลามเสียไม่ได้นวล” อินทร์ตอบพลางลูบเรือนผมของนวล “นวลต้องกลับไปเป็นคนใช้ก่อน ต้องค่อยๆ พูดหว่านล้อมให้เจ้าคุณพ่อกับคุณแม่เห็นดีเห็นงามด้วย ฉันอยากจะให้คุณแม่ยกหนี้ให้ครอบครัวนวลแล้วตบแต่งนวลให้เป็นเมียอย่างถูกต้อง”
ระยะเวลาเกือบเดือนทำให้นวลมีความสุข อินทร์ปรนเปรอนวลเพื่อแลกกับความสุขทางกามรมณ์ จนมีจดหมายโทรเลขแจ้งมาจากหัวเมืองเหนือ คณะเจ้าคุณนรนิตย์จับรถไฟล่องลงมาจะถึงวันพรุ่งนี้ตอนเย็นย่ำ พออินทร์ทราบข่าวก็อารีอารอบไล่นวลพร้อมเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวลงสู่เรือนคนรับใช้โดยไม่ลืมกำชับให้ทำทุกอย่างเหมือนเดิม เมื่อเจ้าคุณ คุณหญิงและคณะมาถึงบ้านแยกย้ายกันพักผ่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเรียบร้อยทุกประการ นานวันเช้าเรื่องระหว่างอินทร์กับนวลไม่มีอะไร อินทร์ปฏิบัติต่อนวลอย่างนายกับบ่าวไพร่ พวกคนรับใช้ก็ไม่พูดต่อๆ กัน นวลก็ไม่พูดถึงแต่ลึกๆ เชื่อว่าอินทร์จะทำตามที่พูดไว้
บ่ายวันหนึ่ง คุณหญิงน้อมจัดงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆ เชิญคนสนิทมาไม่มากดื่มชา รับประทานขนมอบชมสวนสวยในบ้าน คุณหญิงพวงร้อยพาลูกสาวชื่อปรียามาพบกับอินทร์ ปรียาสวยถูกใจอินทร์มาก แม่ทั้งสองฝ่ายหมายตาจะให้ทั้งสองตกล่องปล่องชิ้นกัน พวกคนรับใช้แอบพูดคุยกันในครัวในทางที่ชื่นชม
“คุณปรียานี่สวยมากๆ เลยนะป้าแฉล้ม” นางปุกเอ่ยชมแขกสาวให้แฉล้มได้ยิน
“คุณหญิงก็ทาบทามคุณปรียาให้คุณอินทร์มาตลอดล่ะ ที่เทียวไปเทียวมาบ้านคุณหญิงพวงร้อยก็เหตุผลนี้แหละ คุณอินทร์ของพวกเราไม่ต้องพูดกระไรมาก ดีทุกอย่าง ทั้งคู่เหมาะสมกันทุกประการ” แฉล้มเล่าให้ฟัง ทุกๆ คนที่ฟังอยู่ปลาบปลื้มไปด้วย
“เรื่องของเจ้านายมักจะงาม พวกเจ้านายเหมือนหงส์ หงส์ก็ต้องอยู่ในหมู่หงส์ พวกเรามันคนใช้เป็นแค่กา กาต่อให้เอาขนนกยูงมาแซมก็ยังเป็นกาไม่มีวันเป็นหงส์ได้หรอก” นางปุกพูดชื่นชมนายและไม่ลืมที่จะแวะเวียนมาแซะนวลโดยไม่ระบุชื่อ
“เอ็งว่าใครรึนังปุก” แฉล้มถาม พวกคนใช้รายอื่นก็แอบหัวเราะต่อกระซิก ส่วนนวลนั่งหน้าง้ำเพราะรู้ดีว่านางปุกหมายถึงตนแต่ก็จะตอบโต้อะไรไม่ได้
“หามิได้ดอกจ้ะป้า ฉันฟังละครวิทยุเอามา เขาก็เล่นกันสนุกนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องนางเอกหน้าโง่คงน่าจะรู้ตัวได้แล้วว่าตนเองเสียวสาวให้นายเปล่าๆ ไปแล้ว” นางปุกตอบ ส่วนนวลลุกเดินหนีออกจากบริเวณนั้น
“จะไปไหนนวล” แฉล้มถาม
“ไปคอยรับใช้คุณๆ ที่งานเลี้ยงจ้า ฉันกลับมานานแล้ว” นวลตอบ
“ปุกว่ามันนวลทำไม” แฉล้มมองออกพอนวลพ้นลับตาไป
“ป้าดูออกว่าฉันหมายถึงมัน”
“ใช่ มันเกิดเรื่องตอนที่พวกคุณๆ กับข้าไม่อยู่ใช่ไหม” แฉล้มคาดเดาเรื่อง
“ใช่ ฉันบอกแค่นี้แหละป้า กฎคนใช้ของเราห้ามขายเพื่อนฟ้องนาย ป้าต้องรู้เองเห็นเอง” นางปุกบอก
ค่ำมืดดึกดื่น ได้เวลาพักผ่อนหมดหน้าที่รับใช้ พวกคนรับใช้อาบน้ำอาบท่าเข้านอนตามห้องหับ เมื่อดึกมากจนทุกคนเข้าสู่นิทรารมณ์ อินทร์แอบย่องมาพบนวล แฉล้มหูไวได้ยินเสียงปกติจึงตื่นขึ้น สอดส่ายหารูตรงผนังแล้วลอบดู
“คุณพระ! ” แฉล้มอุทานเพราะภาพที่เห็นผ่านรูเล็กๆ ข้างฝาผนังนั้น เห็นเป็นอินทร์นั่งอยู่บนฟูกที่นอน ส่วนนวลนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนพื้นกระดานนิ่งๆ ไม่พูดกระไร
“นิ่งเงียบแบบนี้ คงจะไม่พอใจเรื่องกลางวันรึ” อินทร์ทำลายความเงียบด้วยการชวนนวลพูดคุย
“คุณจะแต่งงานกับคุณปรียาหรือเจ้าคะ”
“มันเป็นเรื่องอนาคตกาลโน้น ฉันยังตอบตอนนี้ไม่ได้ดอก”
“คุณจะทิ้งนวลใช่ไหม”
“ฉันไม่ทิ้งดอก นวลเป็นเมียของฉัน ฉันก็ต้องเมตตาเลี้ยงดู” อินทร์ใช้มือโอบไหล่นวลไว้ “เธอก็รู้ดีว่า การจะให้เจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ยอมรับในตัวเธอมันต้องใช้เวลา”
จากนั้นทั้งสองบรรเลงเพลงกามามีแรงราคะคอยขับเคลื่อนโดยไม่คำนึงว่าใครจะมาได้ยินได้เห็น จนเสร็จสิ้น พอพักเหนื่อยเสร็จ อินทร์กลับขึ้นตึกใหญ่ไป แฉล้มไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เรื่องนี้ไม่มีใครกล้าปริปากบอกเจ้าคุณและคุณหญิง เช้ามาพวกคนรับใช้ในบ้านทำงานทำการตามหน้าที่ของตน แม้แต่นวลก็ใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งคู่ย่ามใจยังคงลักลอบมีสัมพันธ์กันเรื่อยๆ จนบ่ายวันหนึ่ง คุณหญิงน้อมเรียกแฉล้มไปพบเป็นการส่วนตัวในห้องนั่งเล่นชั้นบนของตึกใหญ่
“แฉล้มรู้เรื่องนั้นมานานแค่ไหนแล้ว” คุณหญิงน้อมถามระหว่างรินชา
“เรื่องอะไรเจ้าคะ” แฉล้มแสร้งไขสือทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณหญิงพูดถึงเรื่องอันใด
“จะปกปิดกันไปนานเท่าไหร่ ฉันรู้เรื่องระยำตำบอนระหว่างลูกชายฉันกับอีนวลหมดสิ้นกระบวนความ แฉล้มรู้เห็นเป็นใจด้วยใช่ไหม อับปรีย์จัญไร กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา จากขี้ข้าขัดดอกจะเผยอชูคอเป็นนายหญิงของบ้าน อีอุบาทว์” คุณหญิงน้อมสบถคำด่ามาเป็นชุดลืมสิ้นความเป็นผู้ดีเพราะโกรธา
“อิฉันไม่ได้สมรู้ร่วมคิดเลย ทุกอย่างเป็นความประสงค์ของคุณอินทร์” แฉล้มรีบปฏิเสธ
“ฉันคิดอะไรออกแล้วล่ะ ถ้าจะทำอะไรต้องมีหลักฐาน ต้องจับได้คาหนังคาเขา” คุณหญิงน้อมพูดแล้วยิ้มมุมปาก ทุกอิริยาบถของอินทร์และนวลถูกจับจ้องในสายตาของทุกๆ คนในบ้าน ทว่าทั้งสองไม่รู้สึกความผิดปกติใดๆ หรือการจับผิด นวลยังมีทีท่ายั่วยวนอินทร์ทุกครั้งเมื่อมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง จนเวลาดึกในคืนหนึ่ง ทุกคนเข้านอนกันหมด อินทร์สบโอกาสย่องลงจากตึกมาหานวลที่เรือนคนใช้ อินทร์เคาะประตูห้องขอนวลเข้าไป ทั้งสองทำกิจกรรมอย่างเคยระหว่างเข้าได้เข้าเข็มอยู่นั้น บังเกิดเสียงเคาะประตูเรียกนวล
“นวล… นวล… นวล…” แฉล้มเรียก “ออกมาคุยกัน คุณอินทร์คะ คุณหญิงเรียกเจ้าค่ะ”
“ฉิบหายแล้ว” อินทร์หน้าซีดเผือด ยุติกามกิจใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้อง ทิ้งนวลไว้อยู่ในห้อง
“เชิญคุณขึ้นตึกไปพบคุณหญิงก่อนเจ้าค่ะ ส่วนนวล เอ็งอยู่ในห้องนี้ไปก่อน ขังนังนวลไว้นี่แหละ จนกว่าจะมีคำสั่งจากคุณหญิงให้ปล่อยตัวถึงจะออกมาได้” แฉล้มพูดเสร็จแล้วให้ปุกปิดประตูลั่นดานขังนวลไว้ นวลปราดมาทุบประตูห้องพลางร่ำไห้
ที่บนตึกก็วุ่นวายไม่แพ้กัน พวกคุณๆ ทั้งหลายมาประชุมกันทั้งๆ สวมใส่ชุดนอน คุณๆ ทั้งหลายนั่งเงียบจิบชากาแฟรอบดึก ยกเว้นคุณหญิงน้อมที่เดินวนไปมากระสับกระส่าย จนเมื่ออินทร์เข้ามา คุณหญิงน้อมปรี่เข้าไปหา
“พ่ออินทร์ทำไมทำเยี่ยงนี้ ทำตัวเหลวใหล แม่ผิดหวังมากๆ เรื่องนี้รู้ไปถึงไหนก็อับอายไปถึงที่นั่น ยิ่งคุณหญิงพวงร้อยกับหนูปรียาทราบเรื่องจะรับได้ไหม” คุณหญิงน้อมต่อว่า
“ผมขอโทษ ผมผิดเอง” อินทร์พูด “คุณแม่จะทำอย่างไรต่อไปครับ”
“ลูกต้องตบแต่งกับหนูปรียาให้เร็วที่สุด ส่วนนวลก็ต้องส่งกลับบ้านนอกไป” คุณหญิงน้อมบอก
“อย่างไรก็ตาม นวลขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของผม”
“เมียเหรอคะ คนอย่างนังนวลจะเป็นพี่สะใภ้อร อรกราบไหว้ไม่ลงหรอกค่ะ คุณพี่อย่าขัดใจคุณหญิงแม่เลยค่ะ” อรพูดจาตะล่อม
“เจ้าคุณพ่อจะไม่พูดกระไรหน่อยรึครับ ผมอยากจะบอกเรื่องนี้กับทุกคนมานาน ผมควรจะรับผิดชอบนวล มิใช่ผลักไสไล่ส่งนวลเยี่ยงนี้”
“เรื่องนี้ให้แม่ของแกจัดการไปเถอะ พ่อจะไม่ยุ่ง” เจ้าคุณนรนิตย์พูดจบแล้วเบือนหน้าหนี “ไปกันเถอะแม่พร้อม คุณหญิงฉันขอไปค้างที่เรือนแม่พร้อมนะ พรุ่งนี้ให้คนจัดกระเป๋า ฉันจะไปศรีราชา” เจ้าคุณและคุณนายพร้อมเดินออกจากห้องไปตามเดินทางเดินเชื่อมเรือนคุณนายพร้อม ทิ้งปัญหาความวุ่นวายของลูกชายตัวดีไว้เบื้องหลัง
“เอาตามนั้นแหละ พรุ่งนี้อินทร์ต้องแต่งตัวไปบ้านคุณหญิงพวงร้อยกับแม่”
“แต่…” อินทร์พยายามหาข้ออ้างเพียงแค่พูด คุณหญิงยกมือปรามไว้
“ไม่มีแต่ แม่จะขึ้นนอนแล้ว” คุณหญิงขึ้นชั้นสองเข้าห้องนอน ช้อง วิชาและอรแยกย้ายกลับเรือน เรื่องวุ่นวายในคืนนี้จบลงอย่างมึนงง