รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) - เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า

รายละเอียด

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)  โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

ผู้แต่ง

ท่าเพชร

เรื่องย่อ

ผีมีจริงหรือไม่?

          คนเราตายแล้วไปไหน?

            สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

สารบัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 2 วิวาห์ผี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 4 หอปรารถนาดี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 8 ไปหาดใหญ่คราวนั้นฉันยังจดจำ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 9 โค้งเขาท่าเพชร,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 11 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3)

เนื้อหา

เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน

ผมบวชพระอยู่ได้ 5 พรรษา อยู่วัดมาพบเจออนิจจัง ทุกขัง อนัตตามามาก งานศพที่มีเป็นได้แค่แขกรับเชิญ แต่มีงานศพงานหนึ่งที่ให้ผมต้องจดจำมาถึงบัดนี้ เรื่องก็มีอยู่ว่า...

ตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจแล้วว่าบวชมาได้สองหรือสามพรรษาแล้ว ผมได้ยินเรื่องประหลาดจากงานศพในศาลา 3 ศพนั้นเป็นศพเด็กนักเรียหญิงนม.ปลาย โรงเรียนชื่อดังของจังหวัด ในวันหนึ่งเด็กนักเรียนกลุ่มนี้โดดเรียนกัน หนีเที่ยวไปเที่ยวน้ำตกชื่อดังที่ตั้งอยู่แถวอำเภอดอนสัก ในระหว่างทางดันมาเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์แหกโค้งพุ่งชนเข้าต้นไม้เสียก่อน มีคนบาดเจ็บอยู่ 1 รายแต่มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตในสภาพไม่สวยนัก คอหักหมุนรอบได้ แขนขาหักด้วยเพราะแรงกระแทก เป็นเรื่องน่าเศร้าสะเทือนใจสำหรับผู้มาร่วมงานศพ เรื่องขนหัวลุกเริ่มต้นจากมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งของนักเรียนหญิงผู้วายชนม์ ถ่ายรูปสภาพศพที่ไม่น่าอภิรมย์ลงโซเชียลมีเดียพร้อมแคปชั่นสวย R.I.P. ด้วยรักและอาลัย โดยหารู้ไม่ว่าสร้างความไม่พอใจแก่ดวงจิตวิญญาณผู้ยังยึดติดอยู่ในกายสังขารของตน เพราะหล่อนเห็นเพียงแค่การลบหลู่หยามเกียรติกัน รูปถ่ายสวยงามสภาพสังขารดีๆ ไม่อัปโหลดลงเสมือนการประจานให้ชาวโซเชียลเห็นมีความคิดเห็นไปในทางลบหลู่ดูหมิ่น ชี้ให้เห็นเป็นตัวอย่างของเด็กใจแตก พ่อแม่ส่งมาให้เรียนแต่เสาะแสวงหาช่องทางให้ออกนอกลู่นอกทาง ถ้าไม่ท้องในวัยเรียนก็ต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันควรเช่นนี้ เด็กดีต้องอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ ส่งให้มาเรียนไม่ใช่ไปเที่ยวเล่นจนมันเกิดเรื่องเมื่อล่วงเข้าวันที่สามหลังการตาย ในวันนี้ที่โรงเรียนมีการเรียนการสอนตามปกติ นักเรียนเพื่อนร่วมชั้นที่เหลือเรียนหนังสือหนังหาไปตามปกติแต่บรรยากาศไม่ค่อยดีนัก ท้องฟ้ามืดครึ้มไร้แสงแดดราวกับว่าจะมีฝนตกลงมาห่าใหญ่ ลมพัดแรงขย่มโยกต้นไม้ใบหญ้าส่งเสียงหวีดหวิวชวนสะท้านสะเทิ้มอารมณ์ นักเรียนในห้องที่เหลืออยู่ดูจะตั้งใจฟังอาจารย์บรรยายวิชาสังคมศึกษาอย่างใจจดใจจ่อเป็นพิเศษ พยายามไม่สนใจบรรยากาศรอบตัว

“นักเรียนคะ รูปแบบของการดำเนินธุรกิจของธุรกิจขนาดย่อมหรือ SMEs [1] ในที่นี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ 1. กิจการเจ้าของคนเดียว (Sold Proprietorship) 2. กิจการห้างหุ้นส่วน (Partnership) 3. บริษัทจำกัด (Limited Company) 4. บริษัทมหาชนจำกัด (Public Limited Company) ครูจะอธิบายให้ฟังนะคะ ตอนนี้รับเอกสารไปก่อน ยศวินมารับเอกสารไปเอกสารไปแจกเพื่อนๆ นะคะ” ครูยุพดีเริ่มการสอนการสอนพยายามทำให้บรรยากาศในห้องเป็นปกติ กระตุ้นให้นักเรียนในห้องมีปฏิสัมพันธ์กัน เพราะครูยุพดีสังเกตตั้งแต่เข้ามาในห้อง บรรยากาศในห้องเรียนเงียบเหงาออกไปทางซึมเศร้าเสียด้วยซ้ำ ไม่พูดเล่นคุยกันผิดวิสัยเด็กนักเรียนทโมนแต่ครูยุพดีกลับคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดก็ดีนะ เด็กเฮ้วๆ ห้องท้ายๆ จะได้เป็นผู้เป็นคนเสียบ้าง

“กูว่าคืนนี้ไม่ไปงานศพว่ะ” ศุภโชคบอกกับยศวินขณะรับเอกสารการเรียนมาจากยศวิน

“ไม่ไปจะดีเหรอวะ? เน็ทมันได้ตามแหกอกเอานะ” ยศวินท้วง

“กูกลัวว่ะ” ศุภโชคสารภาพความจริง “นี่กูก็โดนพ่อด่าจนหูชา โดนสอบสวนตัดคะแนนความประพฤติ กูไม่น่าโดดเรียนตามพวกมันเลย”

“อ้าว! ไอเชี่ย มึงเป็นตัวต้นคิดไม่ใช่เหรอ? ไอเชี่ยโช” สุณิสาเพื่อนที่โดดเรียนไปด้วยกันและโดนลงโทษได้ยินจึงร่วมวงคุยด้วย “เพื่อนตายทั้งคน กูก็จะไปช่วยงานศพมันจนถึงวันเผาโน่นแหละ”

“เอาล่ะคะนักเรียน มาเรียนกันต่อ ลักษณะของกิจการเจ้าของคนเดียว 1. มีเจ้าของกิจการเพียงคนเดียว ใช้เงินลงทุนน้อย 2. มีความรับผิดชอบในหนี้สินทั้งหมดไม่จำกัดจำนวน เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินของเจ้าของได้ ถ้าทรัพย์สินของกิจการไม่เพียงพอชำระหนี้ 3. ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งผลกำไรและผลขาดทุนเพียงคนเดียว 4. การควบคุมการดำเนินงานโดยเจ้าของกิจการคนเดียว หน้าที่ของผู้ประกอบกิจการ ต้องทำ 1. ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น 2. แสดงใบทะเบียนพาณิชย์หรือใบแทนไว้ ณ สำนักงานในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย 3. จัดให้มีป้ายชื่อที่ใช้ในการประกอบการไว้หน้าสำนักงานโดยเปิดเผยภายในเวลา 30 วัน นับแต่วันที่จดทะเบียนพาณิชย์ โดยเขียนเป็นอักษรไทย อ่านง่ายและชัดเจน จะมีอักษรต่างประเทศในป้ายชื่อด้วยก็ได้ ตรงกับชื่อที่จดทะเบียนไว้ ถ้าเป็นสำนักงานสาขาจะต้องมีคำว่า “สาขา” ไว้ด้วย 4. ต้องไปให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายการจดทะเบียนตามคำสั่งของนายทะเบียน 5. อำนวยความสะดวกแก่นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งเข้าทำการตรวจสอบในสำนักงานของผู้ประกอบกิจการ” ครูยุพดีดึงความสนใจของนักเรียนให้กลับมาสนใจกับการเรียนต่อไป “ส่วนข้อดีข้อเสียของกิจการเจ้าของคนเดียว ข้อดีคือ 1. จัดตั้งง่ายใช้เงินทุนน้อย 2. มีอิสระในการตัดสินใจดำเนินงานโดยเจ้าของคนเดียว ทำให้รวดเร็วคล่องตัว 3. ได้รับผลกำไรทั้งหมดเพียงคนเดียว 4. รักษาความลับกิจการได้ดีเพราะรู้คนเดียว 5. มีข้อบังคับทางกฎหมายน้อย 6. การเลิกกิจการทำได้ง่าย ข้อเสียคือ 1. ขยายกิจการยากเพราะเงินทุนน้อย 2. การตัดสินใจคนเดียวอาจมีข้อผิดพลาดง่าย 3. ถ้าขาดทุนจะรับผิดชอบในหนี้สินไม่จำกัดจำนวนเพียงคนเดียว 4. ระยะเวลาดำเนินงานสั้น ถ้าเจ้าของเสียชีวิตอาจหยุดชะงักหรือเลิกกิจการ 5. ความสามารถในการบริหารงานมีจำกัด”

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! กรี๊ดดดดดดด! ........

ลมหอบใหญ่พัดแรงทำเอาหน้าต่างหุบปิดเข้ามาดังปึงปัง ทำเอานักเรียนหญิงที่เหลือซึ่งขวัญอ่อนอยู่แล้วตกใจกลัวร้องกรี๊ดลั่น ห้องเรียนที่อยู่ในสภาวะสงบมาโดยดีตลอดกลับวุ่นวาย เด็กนักเรียนทั้งห้องขยับตัวนั่งใกล้ชิดสนิทกัน

ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...

“ไอเชี่ยใครร้องไห้วะ” ณัฐดนัยเด็กเฮ้วหัวโจกนั่งหลังห้องโพล่งขึ้นมา

“ณัฐดนัยพูดจาสุภาพด้วยค่ะ” ครูยุพดีปราม “ใครเป็นอะไรคะ อย่ามาเล่นแบบนี้ค่ะ ครูแลเพื่อนๆ กลัวนะคะ”

ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...ฮือ...

“อีนิว มึงๆๆๆ” เสียงของสุณิสาเปลี่ยนไปเป็นเสียงดุดัน เสียงที่ร้องฮือๆ เป็นเสียงของสุณิสาร้องระงม ทำเอาเพื่อนๆ ในชั้นเรียนแตกฮือกระจายหนีออกไป พ้นรัศมีของสุณิสาจะเอื้อมมือไขว่คว้าถึง โดยเฉพาะนิวนักเรียนสาวที่สุณิสาร้องเรียก เธอไปยืนมองสุณิสาอยู่ตรงประตูห้องด้วยความหวาดหวั่น สุณิสายังคงหลับตาร้องครางฮือๆ อยู่ตลอดแม้ว่าจะเบาลง เธอยังคงชี้นิ้วมาที่นิว

“สุณิสาเธอเป็นอะไร เธออย่ามาเล่นอะไรแบบนี้นะ เธอกำลังรบกวนการเรียนการสอน เพื่อนๆ พวกเธอตกใจกันหมดแล้ว” ครูยุพดีเก็บซ่อนความกลัวไว้ในใจขึ้นเสียงปรามสุณิสา

“หนูไม่ใช่หวิว หนูเน็ทไงคะครู” หวิวคือชื่อเล่นของสุณิสา ส่วนเน็ทนั้นคือชื่อของผู้ตาย หวิวยังหลับตาพูดสลับร้องไห้ไปเรื่อยๆ ครูยุพดีก็ครูยุพดีเถอะ พอแน่ชัดแล้วนักเรียนที่ตนสอนมีอากัปกิริยาที่แปลกแตกต่างไปจากเดิมก็ถอยหนีไปอยู่รวมกับนักเรียนที่อยู่กันคนละมุมห้องทั้งสี่มุม

“มึงเอารูปกูลงเฟซบุ๊คทำไม? อีนิว” หวิวไม่ใช่สิเน็ทตวาดเสียงแข็ง “กูอาย กูเจ็บใจที่ใครต่อใครไม่รู้มาด่ากู มึงเอารูปศพลงเฟซบุ๊คแบบนั้นเหมือนเอากูมาตบกลางสี่แยกวัดธรรมบูชา”

“กูขอโทษ กูลงเพื่อไว้อาลัยมึงนะเน็ท กูไม่ได้มีเจตนาร้าย” นิวพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“กูยังไม่อยากตาย กูยังไม่อยากตาย” หวิวเปลี่ยนเป็นร้องไห้แล้วบ่นพึมพำวนไปเรื่อยๆ

“พี่ดลหรือคะ นักเรียนห้องยุโดนผีเข้าค่ะ พี่ดลมาช่วยหน่อยนะคะ” ครูยุพดีเรียกครูนพดลครูผู้สอนวิชาพระพุทธศาสนามาช่วยเหลือ ตอนนี้การเรียนการสอนห้องข้างๆ ซ้ายขวาก็ยุติไปโดยปริยาย คุณครูท่านอื่นๆ ไล่เด้กนักเรียนที่ไม่เกี่ยวข้องลงจากตึกเรียนไป

“พวกมึงที่พากูไปตาย ห้ามไปไหน ถ้าคิดจะหนี กูจะเอาพวกมึงทั้งหมดไปอยู่ด้วย” ผีนักเรียนชื่อเน็ทที่สิงสู่ในร่างของนักเรียนชื่อหวิวตวาดห้ามเพื่อนๆ ในก๊วนที่โดดเรียนไปน้ำตก ทำเอาเพื่อนชายหญิง 5 คนที่กำลังเดินหนีจ้องชะงักงันหันหลังกลับมา และเดินกลับเข้ามาอยู่ในห้องเรียนตรงมุมห้องใกล้ประตู

“พวกเราขอโทษ เราไม่ได้ทำแกตายนะเว้ยเน็ท” ยศวินหรือวินหนึ่งในก๊วนโดนเรียนเที่ยวน้ำตกกล้าที่จะพูดกับผีถึงความจริงที่เกิดขึ้น

“แล้วจะหนีไม่งานศพกูทำไม?” ผีเน็ทในร่างหวิวขึ้นเสียงถาม

“ก็พวกกูไม่อยากถูกด่าแล้วไง พวกกูไปเสนอหน้าในงานศพมึงให้เป็นขี้ปากคน มึงถามใจพ่อแม่มึงไหม พวกเขาก็คิดว่าพวกกูทำลูกเขาตาย เขาเต็มใจต้อนรับพวกกูรึเปล่า? พวกกูกลายเป็นฆาตกร จำเลยของสังคมโดนเหมาโทษกันถ้วนหน้าแล้ว โดนทำทัณฑ์บนไว้ ยังไม่เพียงพอหรือไง?” โชพล่ามมาเป็นชุดชนิดที่ว่าเป็นผีก็เถอะรับรองว่ามีอึ้งเถียงไม่ทันเป็นแน่แท้

“กูต้องการคำขอโทษ กูยังติดอยู่ตรงที่ๆ กูตาย กูอยากให้อีนิวลบโพสต์ในเฟซบุ๊คซะ กูไม่อยากให้ทุกคนจำกูในสภาพทุเรศแบบนั้น กูไม่อยากให้ใครนึกถึงกู” ผีเน็ทบอกความต้องการที่แท้จริงของตน

เป็นเวลาเดียวกันที่ครูนพดลมาถึง ครูเดินเข้ามาหาหวิวที่ถูกผีเน็ทสิงสู่เนิบๆ “เธอทำอย่างนี้มันเป็นบาปนะนิชธนา ถอยออกไปจากร่างสุณิสาก่อน ร่างกายของสุณิสาเกินจะรับไหวได้” ครูนพดลเจรจากับผีเน็ทด้วยน้ำเสียงรอมชอม

“ไม่ค่ะครู หนูอยากจะใช้ร่างนี้ไปกราบลาพ่อแม่ หนูอยากจะไปขอขมาลาโทษ เกิดมาเป็นเด็กดื้อ พ่อแม่สั่งสอนตักเตือนไม่ฟัง ดื้อดึงกับท่าน ท่านห้ามอะไรก็ประชดท่านทำมันหมด แล้วสุดท้าย หนูก็ต้องตายโหงให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ไม่ได้เติบโตทดแทนคุณเลี้ยงดูท่าน ฮือ...ฮือ...ฮือ...” ผีเน็ทร้องไห้โฮยังคงไม่ยอมออกจากร่างของหวิวไป

“งั้นเอาไปวัด” ครูนภดลประกาศกร้าว “น้องยุ น้องอี๊ดช่วยประคองนักเรียนไปนะ เดี๋ยวผมจะขับรถไปเอง”

“แล้วนักเรียนคนอื่นๆ ล่ะค่ะจะทำอย่างไร” ครูยุพดีถาม

“ให้ครูคนอื่นคุมไป ส่วนนักเรียนห้องนี้โดยเฉพาะ นักเรียนที่โดดเรียนวันนั้นต้องไปร่วมงานศพคืนนี้ ห้ามปฏิเสธโดยเด็ดขาด” ครูนพดลสั่งการ

ครูทั้งสามนำพาหวิวมาศาลาไว้ศพของเน็ทที่วัด หวิวกราบขอขมาพูดจาสะอึกสะอื้นเสียยืดยาวพ่อแม่ของเน็ทแล้วร่ำไห้ ทั้งสามกอดกันแล้วร้องไห้ จากนั้นหวิวก็เป็นลมหมดสติไป ญาติในงานศพช่วยกันแก้ไขจนหวิวฟื้น มันก็อีหรอบเดียวกัน หวิวฟื้นขึ้นมาตกใจแล้วสอบถามว่าเหตุอันใดตนมาอยู่ที่นี่ เดือดร้อนครูยุพดีต้องเล่าเท้าความไปเสียยืดยาว ในระหว่างหวิวมีสีหน้าตกใจระคนกลัว มองไปที่รูปถ่ายครึ่งของเน็ทที่หน้าโลงศพไหว้ประหลกๆ เพราะรู้สึกหวาดกลัวเพื่อนที่ไม่มีลมหายใจเสียแล้ว ทุกอย่างที่ผมเล่ามานี้ ได้รับการถ่ายทอดมาจากพระอาจารย์อีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนขึ้นสวดศพอีกศาลาหนึ่ง เล่าเรื่อผีกันเพื่อเป็นการฆ่าเวลาแก้เบื่อ ระหว่างท่านเล่าผมก้มองไปที่ศาลาไว้ศพนักเรียนที่วายชนม์เพื่อเพิ่มจินตนาการให้เข้มข้นขึ้น

“โถ่! ไม่น่าเลยครับ แบบนี้โยมนักเรียนหญิงเสียขวัญ ต่อไปจะเป็นคนขวัญอ่อน ดีไม่ดีกลายเป็นคนที่มีจิตสัมผัส เห็นและสื่อกับผีได้ง่าย” ผมแสดงความคิดเห็นไว้

“อาจารย์ก็รดน้ำมนต์ปัดรังควานให้ แล้วให้กลับบ้านไป สั่งห้ามมางานศพหรือไปในที่ๆ มีประวัติทางนี้ กลางค่ำกลางคืนไม่ต้องออกนอกบ้าน แนะนำไปเท่านี้ ถ้ามากไปมันก็จะกลายเป็นไม่ใช่กิจของสงฆ์” พระอาจารย์บอก

“ผมนึกไป ที่โรงเรียนนั้นก็เคยมีเรื่องทำนองแบบนี้เหมือนกันครับ แม้ว่าตอนที่ผมเรียนมัธยมจะเป็นคนละโรงเรียนกันแต่มีเพื่อนๆ มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังครับ” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “คืออย่างนี้ครับ ลูกอาจารย์ท่านหนึ่ง เป็นหัวโจกชอบนัดแนะเพื่อนๆ ที่เป็นลูกอาจารย์ด้วยกันหนีเที่ยวกลางคืน จนคืนหนึ่งลูกอาจารย์ก็เอารถยนต์พาเพื่อนไปเที่ยวเล่นกลางคืน แล้วเกิดอุบัติเหตุรถยนต์แหกโค้งก่อนถึงสี่แยกบางใหญ่ จำนวนคนที่ไปไม่แน่ใจว่าสี่หรือห้าคนแต่ทุกคนตายคาที่หมดครับ เป็นเรื่องน่าเศร้าประจำโรงเรียน โดยเฉพาะครูที่เป็นบุพการีของคนตายด้วยกันแล้วคงจะเศร้าโศกเสียใจมากมายเกินกว่าจะอธิบาย ซึ่งผมเคยเรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชาในซอยดงตาล มีอาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นพ่อของคนที่เป็นหัวโจกสอนวิชาภาษาอังกฤษ ผมก็เห็นท่านเงียบๆ ไม่เล่นหัวกับนักเรียน พักเบรกก็ไปสูบบุหรี่ดื่มกาแฟกินหมากพลูอยู่เงียบๆ ท่านไม่ค่อยยิ้มแย้ม ไม่รู้ว่านี่เป็นบุคลิกของท่านตั้งแต่ก่อนลูกชายท่านเสียไปหรือเปล่าครับ เรื่องขนลุกมันก็มีต่อมาเป็นเรื่องเล่าลือกันให้พอขนลุกเสียวสันหลังวาบ เมื่อภารโรงที่เดินตรวจตราในโรงเรียนตอนกลางคืนเพื่อคอยสอดส่องขโมยขโจร จนมาถึงกำแพงด้านหนึ่ง เห็นนักเรียนชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังปีนกำแพงโรงเรียนอยู่จึงไปปราม พอเดินเข้าไปใกล้ก็แทบจะวิ่งหนีไม่ทัน เพราะกลุ่มนักเรียนนั้นไม่ใช่คน แต่ละตนนี่สภาพน่ากลัว ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด แขนขาบิดเบี้ยว หน้าตาซีดเซียวขาวกว่ากระดาษเอ 4 เสียอีก หนึ่งในผีหลายตนตรงนั้นลอยข้ามไปข้ามมาระหว่างในกำแพงนอกกำแพง กลิ่นคาวเลือดปนกลิ่นน้ำมันเบนซินน้ำมันเครื่องทำให้ภารโรงผู้เคราะห์ร้ายเกิดอาการคลื่นเหียน พวกผีกลุ่มนั้นเห็นภารโรงจึงกึ่งลอยกึ่งเดินย่างสามขุมมาหาภารโรง สภาพแต่ละตนแปรเปลี่ยนในทางเลวร้ายขึ้นกว่าเดิม นักเรียนชายหัวโจกคอหักเอียง 45 องศา นักเรียนชายอ้วนแสยะยิ้มปากฉีกถึงรูหู นักเรียนหญิงหน้าหมวยๆ มีเลือดซึมออกมาส่วนผีที่เหลือเดินตัวหักเอียงซ้ายขวา ภารโรงเป็นลมหมดสติไป มีครูที่มาโรงเรียนแต่เช้าพบเขาเข้า ภารโรงผู้เคราะห์ร้ายจับไข้หัวโกร๋นอยู่หลายวัน เรื่องมันก็มีเท่านี้ล่ะครับ” ในขณะที่ผมเล่าผมคอยเงี่ยหูฟังพระอาจารย์รองเจ้าอาวาสเทศนาหน้าศพไปด้วย ผมเร่งจังหวะเล่าเล็กน้อยกะเวลาให้เล่าเสร็จพร้อมพระอาจารย์รองเจ้าอาวาส พอท่านเอ่ยคำว่าเอวังฯ ก็มีด้วยประการฉะนี้ ผมก็เล่าเรื่องผีในอดีตจบลงพอดี

ศาลาสวดศพที่ผมขึ้นสวดศพตั้งอยู่ข้างเมรุเผาศพ ส่วนศาลาที่ไว้ศพนักเรียนตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมรุ เยื้องๆ กัน เพราะความที่ศาลาทั้งสองโล่งโปร่งเหมือนกันจึงสามารถมองเห็นสภาพภายในศาลาอีกศาลาหนึ่งได้ ก่อนจะสวด ผมเห็นอีกศาลามีแขกเต็มไปหมด มีนักเรียนมากมายมาร่วมพิธีศพคืนนี้ มีเสียงคุยกันเบาๆ พวกพ่อค้าแม่ค้าเร่มาออกันอยู่หน้าศาลาทั้งรถขายปลาหมึกบด รถขายไอศกรีมวอวี้หว่อ ผมยังคิดอยู่เลยว่าสวดศพเสร็จจะไปซื้อไอศกรีมไปแช่ไว้ในตู้เย็นประจำหอกุฏิไว้รับประทานวันพรุ่ง

“พรัหมา จะ โลกา ธิปะตี สะหัมปะติ, กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ, สันตีธะ สัตตาปปะระชัก ขะชาติกา, เทเสตุธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง” พิธีกรกล่าวคำอาราธนาพระธรรม พระภิกษุทั้ง 8 รูปรวมทั้งผมหยิบตาลปัตรหน้านางปักสกรีนคำว่าไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตายตามลำดับ

“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพ๎ยากะตา ธัมมาฯ กะตะเม ธัมมา กุสะลาฯ ยัส๎มิง สะมะเย กามาวะจะรัง กุสะลัง จิตตัง อุปปันนัง โหติ...” พระสงฆ์จำนวน 2 เตียง 8 รูปสวดพระอภะรรม 7 คัมภีร์ไปเรื่อยๆ แต่ผมรู้สึกร้อนอบอ้าวเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก ผมเหมือนจะอุปทานไปว่าได้กลิ่นคาวเลือด ผมพยายามสวดสาธยายบทสวดแต่ก็เปล่งวาจาไม่ออก เหงื่อไหลซึมออกมาต้องคอยใช้ผ้ารับประเคนเอนกประสงค์ซับเหงื่อแทน จนมาถึงบทสวดบังสุกุลตาย อนิจจา วต สังขาราฯ ผมจึงคลายความรู้สึกไม่สบายตัว เจ้าภาพถวายดอกไม้ธูปเทียนพร้อมจตุปัจจัย พระสงฆ์อนุโมทนาวิธี พิธีกรนำกล่าวบูชาพระรัตนตรัยเป็นอันเสร็จพิธี พรุ่งนี้ไม่มีการเลี้ยงพระเพลที่ศาลาตั้งศพ ผมลงจากแท่นนั่งสวดแล้วเดินไปเลือกไอศกรีม แล้วเดินกลับหอกุฏิรั้งท้ายพระสงฆ์รูปอื่นๆ ที่กลับกุฏิไปในทางเดียวกัน เริ่มมีเรื่องแปลกเกิดขึ้นสุนัขในวัดที่คุ้นเคยกับพระในวัดทุกรูปทุกนามกลับเห่าไล่หลังผมมา ผมนึกสงสัยอยู่ในใจแต่ไม่เอะอะ รีบเดินไปแต่มีความรู้สึกว่ามีคนเดินตามมา ผมคิดเป็นแขกญาติโยมจากงานศพมาขึ้นรถกลับบ้านแต่ก็ไม่มี เดินผ่านโบสถ์มา จู่ๆ ลูกตาลจากต้นตาลเดี่ยวที่ผูกมัดผ้าแพรหลากสีจนลำต้นอวบอ้วนตรงหน้าโบสถ์ร่วงตกดังปั่กๆๆ กลิ้งมาหยุดแทบเท้าผม ท่าจะไม่ดีแล้ว ผมรีบเดินไป คุณพระช่วย! ทางเบื้องหน้าจนไปถึงหอกุฏิของผมเป็นทางมืดมีไฟสลัวๆ จากเสาไฟ ผมใจคอตีบตันรู้สึกไม่ดี เดินมาครึ่งทางอะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมหันหลังไปดู สิ่งที่ผมเห็นทำให้ชาวาบเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ใจหล่นลงไปอยู่แทบฝ่าเท้า ผมเห็นเงาดำทึบทะมึนรูปทรงทำให้ผมรู้เป็นผู้หญิง รูปเงานั้นตัวเล็กๆ เป็นทรวดทรงผู้หญิง ที่ทำให้กลัวคือในความมืดมีเพียงดวงตาแดงก่ำยิ่งกว่าถ่านไฟแดงๆ ผมจะทำอย่างไรดี ไม่เกรงอกเกรงใจผ้าเหลืองที่ผมนุ่งห่มเลย ผมเปลี่ยนเส้นทางเดินผ่านหน้ากุฏิหลวงพ่อเจ้าอาวาสเผื่อว่าจะมีโชค ได้พบท่านขอแวะสนทนาธรรมกับท่านให้อุ่นใจเสียหน่อยแต่ก็ไม่พบเจอ ผมเดินขึ้นตึก เข้าห้องหับเปิดไฟสว่างจ้านอนห่มจีวรตลอดทั้งคืน เช้ามาแม้ว่าจะไม่ถึงล้มหมอนนอนเสื่อแต่ก็อิดโรย ออกบิณฑบาตในระยะทางสั้นๆ ฉันเช้าทำวัตรเสร็จ พระแจกกิจนิมนต์มานิมนต์ให้ผมไปฉันเพลที่ศาลาตั้งนักเรียนคนนั้นเนื่องจากมีพระขาดไปหนึ่งรูป ผมจึงประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดได้ว่า ผีนักเรียนคนนั้นติดตามผมมาเพื่อมานิมนต์ผมให้ไปฉันเพลที่งานศพของเธอก็เป็นได้...

 


[1] แหล่งที่มา: รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดย่อม https://sites.google.com/a/ttn.ac.th/66666/2-laksna-laea-rup-baeb