รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) - เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1) โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า

รายละเอียด

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)  โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

ผู้แต่ง

ท่าเพชร

เรื่องย่อ

ผีมีจริงหรือไม่?

          คนเราตายแล้วไปไหน?

            สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

สารบัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 2 วิวาห์ผี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 4 หอปรารถนาดี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 8 ไปหาดใหญ่คราวนั้นฉันยังจดจำ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 9 โค้งเขาท่าเพชร,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 11 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3)

เนื้อหา

เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1)

เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี

หาง่าย หลายหมื่นมี มากได้

เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์

หากยาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา [1]

คุณเคยคิดถึงความตายของตนเองหรือไม่? หากคุณตายไปแล้วคุณจะทำอย่างไร เป็นผีคอยหลอกคนหรือไม่ แล้วจะหลอกคนในรูปแบบไหนกัน อยากลองให้อ่านเรื่องนี้ดู เผื่อว่าชีวิตของคุณที่มีความตายเป็นจุดหมายปลายทางจะไม่หลงทางกัน ไม่ประมาทในความตายที่ไม่รู้ว่าจะมาเยือนเราเมื่อไหร่กัน ขอเชิญลงเรือผีไปจิ้นให้กระจายกับเรื่องผีที่มีความวายมาคละเคล้าได้ ณ บัดนี้

ในวัย 35 ปี เป็นวัยที่คนส่วนใหญ่มีหน้าที่การงานมั่นคง ลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวกับคนที่เรารัก มีพยานรักชายหญิงเป็นโซ่ทองคล้องดวงใจ สร้างความสมบูรณ์สุขแห่งชีวิต แต่สำหรับสิน ชายหนุ่มหัวใจสีรุ้งแล้วทุกอย่างตรงข้ามกับชีวิตคนอื่นๆ สินมีโรคแพ้ภูมิตนเองหรือเอสแอลอีหรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อโรคพุ่มพวงเป็นโรคประจำตัว อาการของสินค่อนข้างตรีทูตในบางคราเพราะมีโรคแทรกซ้อน ทว่าครานี้อาการแทรกซ้อนนั้นเป็นกระทบต่อการทำงานของไตของสิน เกิดภาวะอาการไตวายและจากไปอย่างสงบในยามแสงสีเงินแสงสีทองตัดขอบฟ้าของเช้าวันนี้

สิน ผู้มีชื่อจริงว่าสินทวี หากไม่นับเรื่องเป็นเกย์ เขาก็มีชีวิตปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไป เขาเป็นกำพร้าพ่อมีเพียงปราณีผู้เป็นแม่คอยเลี้ยงดูส่งเสีย ชีวิตของสินทวีมีความสุขไปตามอัตภาพ มีเพื่อนเต็มที่กับเพื่อน เรียนจบปริญญาตรีทำงานฝ่ายบัญชีของบริษัทคาบาเร่ต์โชว์ชื่อดังในย่านหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ตไข่มุกแห่งอันดามัน ซึ่งเป็นบ้านเกิดและเรือนตายของสินเช่นกัน

งามงอนอ่อนระทวยนวยแน่ง

ดำแดงนวลเนื้อสองสี

ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี

นางในธานีไม่เทียมทัน [2]

บทชมโฉมของนางจินตะหราวาตีสามารถอธิบายรูปพรรณสัณฐานของสินได้ รูปร่างสินสูงโปร่ง หน้าตาผิวพรรณออกไทยผิวสองสีคลายคนกร้านแดด สินในความทรงจำของเพื่อนๆ เป็นคนที่ช่างพูดจำนรรจา ทำงานทำการเรียบร้อย ตั้งแต่เพื่อนๆ ทราบข่าวว่าสินป่วยก็แวะเวียนมาเยี่ยมมาเยียน จนกระทั่งเสียชีวิต เพื่อนๆ ที่ทราบเรื่องก็ช่วยกันกระจายข่าวและนัดแนะกันมาร่วมพิธีศพและถือโอกาสมาท่องเที่ยวรียูเนี่ยนระลึกถึงความหลังกัน แต่การรวมตัวนั้นค่อนข้างยากอยู่เพราะหลังจากเรียนจบต่างคนต่างเดินทางตามความฝันของตนเอง แยกย้ายไปตามเส้นทางของตนเอง แดนเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมจนมาถึงเรียนมหาวิทยาลัย ทราบข่าวจากปราณีก็ลางานมาช่วยดูแลจัดการเรื่องงานพิธี แดนตั้งใจจะแบ่งเบาภาระของปราณีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงกับตระเตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมาพรั่งพร้อมในการอยู่วัด ในศาลาสวดศพวุ่นวาย มีคนทำงานเป็นพวกๆ พวกหนึ่งจัดสถานที่ทั้งอาสนะพระ ธรรมาสน์ ตู้พระอภิธรรม โต๊ะหมู่บูชาให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง ฝ่ายโลงศพก็จัดการดูความเรียบร้อยของโลงเย็นโดยเจ้าหน้าที่ฌาปนสถาน ในครัวข้างศาลาแม่ครัวสามคนและลูกมือช่วยกันเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ผักผลไม้ล้างให้สะอาด เนื้อสัตว์ต่างๆ ถูกแช่ไว้ในลังน้ำแข็ง หอมกระเทียมช่วยกันปอก ปราณีกรองมาลัยดอกมะลิอย่างประณีตฝีมือของปราณีขึ้นชื่อลืออยู่เป็นทุนเดิม คนในภูเก็ตต่างทราบดีว่าปราณีฟลอริสต์ เป็นร้านดอกไม้ที่มีฝีมือและราคาย่อมเยา งานราษฎร์งานหลวงไม่ขาดสายด้วยดีกรีบัณฑิตวิทยาลัยครูสวนสุนันทาของปราณีเป็นเครื่องประกันถึงฝีมือ

“น้องแดนๆ มาดูดอกไม้หน่อย พี่ไม่อยากกวนพี่ปราณี” ติ๋มลูกน้องคนสนิทของปราณีเรียกให้แดนมาดูดอกไม้ประดับหน้าโลงศพสภาพเกือบเสร็จสมบูรณ์เหลือเพียงเก็บงานเล็กน้อย “น้องแดนคะ พี่ใช้ดอกกุหลาบสีชมพูเป็นธีมหลักเพราะน้องสินชอบดอกกุหลาบสีชมพูเป็นที่สุด แซมด้วยดอกคัตเตอร์สีขาวและใบเฟิร์น นกยูงหางยาวเฟื้อยปักด้วยดอกไม้สดนานาชนิดคุมโทนสีขาวสองตัวเคียงข้างโลงเย็นซ้ายขวา โอ.เค.ไหมคะ”

“ฝีมือพี่ติ๋มก็ไม่แพ้ป้าปราณีเลยครับ สวยมากๆ” ผมมองดูดอกไม้ มันสวยงามมากแม้มาประดับโลง แต่ผมเห็นรูปถ่ายของสินที่แขวนไว้กับขาตั้งเคียงโลงทางขวามือ

เพื่อนเอ๋ยไม่น่าอายุสั้นเลย...

แดนรำพึงรำพันอยู่ในใจถอนเฮือกหนึ่ง แล้วไปนั่งพักอยู่ข้างปราณีดูปราณีกรองดอกมาลัยดอกมะลิ แล้วนึกถึงความหลัง สินมีความรู้เรื่องการทำดอกไม้สดมาจากแม่มาพอควร เรียนรู้อาศัยครูพักลักจำจนชำนิชำนาญ ที่มหาวิทยาลัยมีงานที่ต้องใช้ดอกไม้สดตกแต่ง สินอาสาทำงานให้โดยไม่คิดมูลค่าจนได้รับเกียรติบัตรนักศึกษาทำคุณประโยชน์ให้มหาวิทยาลัยอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะพิธีไหว้ครูแต่ละปี พานไหว้ครูของภาควิชาที่สินเรียนมีความสวยสะดุดตาอยู่เสมอ ค่ำคืนก่อนไหว้ครู สินและเพื่อนช่วยกันประดิษฐ์พานไหว้ครู แดนแวะมาดูสินหลังไปเตะบอลมากับเพื่อนผู้ชายสี่ห้าคน

“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?” แดนถามหลังจากมานั่งใกล้ชิดกับสิน

“ไปเล่นตรงโน้นไป ดูสิเหงื่อท่วมตัวมาเชียว ไปนั่งไกลๆ เลยเดี๋ยวเหงื่อหกใส่ดอกไม้” สินไล่แดนให้ย้ายไปอยู่ตรงที่อื่น เขายังง่วนอยู่กับการกรองมาลัยใช้ประดับพานดอกไม้

“ร้อยมาลัยสวยจัง” แดนชม

“ทำยังกะไม่เคยเห็นเราร้อยมาลัย ดูผิวสินวลลอออ่อน มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น สองเนตรงามกว่ามฤคิน นางนี้เป็นปิ่นโลกา งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน งามกรดังลายเรขา งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุปผาเบ่งบาน [3] ” สินท่องบทกลอนขึ้นมาคงเพราะเห็นดอกมะลิขาวดาษดื่นพร้อมให้กรองมาลัย

“บทชมโฉมนางใดอีกล่ะ ขาวโอโม่มาก ขาวแบบเอามะลิขาวๆ นี่มาเทียบยังดำนี่ต้องขาวโอโม่”

“นางศกุนตลา ไปจำเอามา ที่บ้านมีหนังสือวรรณคดีไทยเพียบ อุ๊ย!” สินบอก ในระหว่างนั้นเขาทำเข็มร้อยมาลัยตำนิ้วเลือดออกมา

“เอามานี่” แดนคว้านิ้วชี้ที่โชกเลือดของสินมาดูห้ามเลือดอยู่พักหนึ่ง

“เลือดหยุดไหลแล้ว ปล่อยเถอะ” สินสะบัดนิ้วออกจากของแดน แล้วก้มหน้าตาก้มทำงานต่อไปจนเสร็จสิ้น

“เสียดายไว้ศพสินได้แค่สามคืน” ปราณีบ่นลอยๆ ไป ตาเพ่งดูมาลัยที่กรองไว้ตบแต่งให้สวยงาม แล้วร้อยกุหลาบหนูสีชมพูเป็นอุบะ “น่าจะไว้สัก 7 คืนอย่างน้อยสัก 5 คืนก็ยังดี”

“ทางภาควิชากายวิภาคที่สินบริจาคร่างกายเพื่ออาจารย์ใหญ่ให้นักเรียนใช้เรียนรู้ เขาให้ไว้ศพเพียงเท่านี้แหละครับ ขืนมากไปกว่านั้นสภาพศพของสินเปลี่ยนไป ว่าแต่แม่เป็นอย่างไรบ้างครับ”

“จะเป็นไรล่ะ แม่ทำใจได้แล้ว แม่ปฏิบัติธรรมมามากเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก พ่อของสินก็จากไปเมื่อตอนเกิดเหตุการณ์รถบรรทุกแก๊ประเบิดที่ทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เมื่อปีพ.ศ. 2534 โน่น พ่อของสินต้องไปประชุมเกี่ยวกับงานที่กรุงเทพ นั่งรถบัสไป มาติดอยู่ตรงนั้นนานมากจนแก๊ประเบิด พ่อของสินติดอยู่ในรถออกมาไม่ได้โดนไฟไหม้ตาย ตอนนั้นสินอายุได้ 6 ขวบ ถ้าไม่มีสินอยู่แม่คงตรอมใจตายตามพ่อของสิน ทำงานดอกไม้มามาก ยิ่งงานศพแล้ว แม่เลยเข้าใจชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนอะไร แม่ใช้ชีวิตไม่ประมาท มีเวลาว่างจากงานการก็เข้าวัดป่าปฏิบัติธรรม แม่รู้ดี มีคนเคยดูดวงแม่ไว้ว่า ชีวิตนี้ต้องอยู่ตัวคนเดียว ลูกผัวจะชิงตายไปก่อน แม่คิดไว้นะแดน แม่จะไปบวชชีแต่ก็นะ แม่สงสารติ๋มกับลูกน้องทั้งหมด ถ้าแม่ไม่ทำพวกนั้นก็ตกงาน ค่อยคิดอ่านกันอีกที ว่าแต่แดนเถอะ น่าจะคิดอ่านทำอะไรเพื่อตัวเองได้นะ แม่เอาพวงมาลัยไปแช่น้ำแข็งก่อน ศพสินคงจะมาตอนบ่ายๆ โน่น” ปราณีเดินถือถาดใส่มาลัยและดอกไม้อย่างโงนเงนไปทางครัวเก็บพวงมาลัยไว้ในลังน้ำแข็งที่ว่างอยู่เพื่อไม่ให้กลิ่นเนื้อกลิ่นผักแช่น้ำแข็งกลบกลิ่นหอมของดอกไม้

แดนรู้สึกหนังท้องตึงหนังตาหย่อนหลังจากรับประทานโอ๊ะเอ๋วกับขนมเต้าซ้อไส้หวานเค็มที่แม่ครัวจัดเตรียมเลี้ยงคนที่มาช่วยเตรียมพื้นที่จัดพิธีศพ จึงนอนหลับอยู่ตรงมุมหนึ่งของศาลา

“แดนๆ” เรียกคุ้นหูเสียงหนึ่งปลุกแดนให้ตื่น

“อ้าว! สิน นี่ที่ไหนกัน ทำไมมันมืดอย่างนี้ล่ะ” แดนตื่นมาพบว่าสินเป็นคนปลุก พบว่าตื่นมาอยู่ในห้องมืดๆ คลับคล้ายคลับคลาว่า เขาเคยเห็นหรืออยู่ที่นี่มาก่อน

“บ้านเช่าซอยนาในไง บ้านที่เราเช่าไว้ตอนทำงาน แดนก็มาบ่อยๆ ไง จำได้ยัง”

“แล้วทำไม มาอยู่นี่ล่ะ”

“เราแค่อยากบอกว่า เราต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก เพราะยังต้องทำงานปิดงบให้เสร็จ” สินบอก “อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป [4] ...”

แดนตกใจตื่น ตนเองยังอยู่ในศาลาไว้ศพ กลางศาลาตั้งตั่งไว้มีขันสาครขนาดใหญ่ 2 ใบ ใบแรกบรรจุน้ำอบลอยดอกไม้นานาชนิดเต็มปริ่ม ส่วนอีกใบว่างเปล่า วงดนตรีไทยที่ปราณีจ้างวานให้มาเล่นประโคมในงานศพ ตั้งวงเสร็จเริ่มประโคมโหมดนตรีในเพลงสาธุการ แล้วก็เล่นเพลงจังหวะสนุกสลับเพลงช้าทำนองโศก ญาติสนิทมิตรสหายมารอคอยกัน พวกนางโชว์ นายโชว์ พนักงานของบริษัทคาบาเร่ต์โชว์พูดคุยกันล้งเล้ง ญาติๆ เพื่อนๆ ที่รู้จักกันจับกลุ่มพูดคุยเป็นกลุ่มๆ จนบ่ายสี่โมง รถตู้ขนศพมาจอดเทียบที่ศาลาไว้ศพ เจ้าหน้าที่ช่วยกันลำเลียงศพสินมาวางนอนไว้ที่ตั่งจัดท่าจัดทางให้เรียบร้อยแล้วขับรถกลับไป แดนมาดูศพเพื่อนรัก สินเหมือนคนนอนหลับมากกว่าคนตายไปแล้ว ใบหน้าลงแป้งบางๆ ปากระบายลิปกลอสใสๆ เป็นมัน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กางเกงขายาวผ้าคอตตอนทรงชิโนสีกรมท่า สวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเข้ากับกางเกง ห่มผ้าแพรสีชมพูถึงหน้าอก มือข้างซ้ายวางทับหน้าอกและผ้าห่มแพร ที่ข้อมือซ้ายสวมนาฬิการาคาแพงที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มือข้างขวาจัดกางแบมือข้างใต้ฝ่ามือมีขันสาครวางไว้เพื่อรองรับน้ำอบหลังจากมีคนรดน้ำศพ

“แดนเอาพวงมาลัยไปวางบนตัวสินนะ” ปราณีส่งพวงมาลัยให้ “แม่กลัวว่าจะทนไม่ไหวแล้วร้องไห้ น้ำตาไปโดนตัวสิน มันจะไม่ดี”

แดนรับพวงมาลัยมาจากปราณีแล้ววางในมือข้างซ้ายของสินแล้วนั่งอยู่ข้างๆ ตั่ง ทำหน้าที่คอยตักน้ำอบใส่ขันเล็กๆ ส่งให้แขกที่มารดน้ำลงฝ่ามือศพ วงดนตรีไทยเล่นพม่าแปลงจังหวะแสนเศร้าปริ่มจะขาดใจเสียให้ได้ ปราณีที่พยายามเข้มแข็งมาตลอดปล่อยโฮลงทรุดนั่งที่พื้นศาลาจนญาติๆ ชายหญิงต้องเข้ามาพยุงประครองเดินไปนั่งที่โซฟาไม้ ส่งยาดมยาหม่องผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเหลือเพราะเกรงหากปราณีล้มไปอีกคน งานศพของสินจะดำเนินต่อไปไม่ได้ แดนเองก็มีน้ำตารื้นพยายามสะกดกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา พระสงฆ์หลายรูปที่คุ้นเคยกับปราณีและสินรดน้ำศพสินปลงธรรมสังเวชแล้วตามด้วยญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงาน แม่ครัวทำโอเลี้ยง กาแฟเย็น ชาเย็นแจกแขกมาร่วมพิธีรดน้ำศพ แขกที่มาร่วมรดน้ำศพ รดเสร็จก็ขอตัวกลับ พอหมดคนรดน้ำศพ แดนและญาติๆ ของสินช่วยกันนำร่างของสินไปบรรจุในโลงเย็น ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย

 


[1] บทที่ 12 เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี ที่มา> https://sites.google.com/site/kholngloknitipapraen/assignments/bththi12pheuxnkinsinthraphylaewhaennghni

 

[2] นางในวรรณคดีไทย (จินตะหราวาตี) ที่มา> http://oknation.nationtv.tv/blog/KITBAWORNVIT/2009/02/10/entry-2

[3] ว่าด้วยเรื่องความสวยความงาม โดย: ลีลาวดีสีขาว ที่มา> https://www.teenpath.net/content.asp?ID=13677#.XnDOLqMzb0N

[4] เพลง : รางวัลแด่คนช่างฝัน ศิลปิน : จรัล มโนเพ็ชร ที่มา> https://www.sanook.com/music/song/qPqCT9vh5fpOSnK1AJIEMw==/