รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) - เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2) โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า

รายละเอียด

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)  โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

ผู้แต่ง

ท่าเพชร

เรื่องย่อ

ผีมีจริงหรือไม่?

          คนเราตายแล้วไปไหน?

            สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

สารบัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 2 วิวาห์ผี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 4 หอปรารถนาดี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 8 ไปหาดใหญ่คราวนั้นฉันยังจดจำ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 9 โค้งเขาท่าเพชร,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 11 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3)

เนื้อหา

เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2)

ค่ำคืนต่อมา... หลังจากสามเณรทั้งหลายเข้าที่นอนจำวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระพี่เลี้ยงทั้งหลายตรวจเข้มคอยดูให้แน่ชัดว่าเณรทั้งหลายนอนหลับแล้วจึงแยกย้ายไปพักผ่อน ผมนั่งอ่านสมุดบันทึกของเณรทั้งหลาย และใคร่สนใจอ่านสมุดบันทึกของสามเณรวิน เผื่อจะเรื่องแปลกๆ ให้อ่านอีก และแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

เมื่อคืนที่ผ่านมา ตอนช่วงพักเบรกตอนหัวค่ำ ระหว่างกินน้ำเต้าหู้อยู่ เราเห็นผู้หญิงคนเดิมที่ใส่ชุดไทยนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ จากที่เคยมองมาอยู่เฉยๆ กลับกระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วนั่งคุกเข่าก้มกราบอย่างนอบน้อม แล้วหายวับไป พอเราก็หลับฝันไป เห็นคนมากมายอย่างที่เคยเห็น แต่ละคนอยู่ในสภาพมอซอสกปรก เราเดินผ่านคนพวกนั้น พวกนั้นยกมือไหว้มีแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาคนพวกนั้นกลับดูสะอาดไม่สกปรกมอซอเสื้อผ้าที่ขาดกะรุ่งกะริ่งกลับกลายเป็นผ้าใหม่สีสดใสแล้วหายวับไป...

หลังจากนั้น... ทุกอย่างเป็นปกติ สามเณรวินไม่ได้พบเจออะไรอีก แต่มีเรื่องระทึกตามมาอีกเคสหนึ่ง เมื่อมีสามเณรรูปหนึ่งขอสมมติชื่อว่า สามเณรรัน สามเณรรูปนี้อายุ 17 ปีอยู่กลุ่มอุเบกขา ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อตอนกลางคืน ไม่มีใครรู้จนเช้ามาพบว่าสามเณรรันหายตัวไป พระพี่เลี้ยงช่วยกันออกตามหาทั่วทั้งวัดก็ไม่พบ แต่มีการปกปิดเรื่องไม่ให้สามเณรรูปอื่นๆ ทราบเรื่อง แสร้งบอกไปว่าสามเณรรันอาพาธต้องแยกไปพักผ่อนที่กุฏิอื่นๆ ในวัด ห้ามมิให้สามเณรรูปอื่นไปรบกวน และมีการแจ้งให้ผู้ปกครองทราบได้ความจากผู้ปกครองว่า เมื่อคืนสามเณรรันแอบกลับมาบ้านเปลี่ยนชุดลอกคราบเป็นฆราวาสแล้วขี่รถจักรยานยนต์หายไปติดต่อไม่ได้เลย พวกพระพี่เลี้ยงและพระอาจารย์นูร้อนใจแต่ทำได้แต่เพียงแค่รอฟังข่าวหรือรอการกลับมาของสามเณรรัน จนบ่ายคล้อย พ่อของเณรรันแจ้งข่าวร้ายมา สามเณรรันมรณภาพแล้วเพราะเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม กลายเป็นเรื่องใหญ่ต้องเข้าที่ประชุมสงฆ์เพราะสถานะของเณรรันต้องได้รับการวินิจฉัยว่าขาดจากการเป็นสามเณรแล้วหรือยัง ต้องเล่าเหตุการณ์ย้อนไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นก่อน จากปากคำบอกเล่าพ่อของเณรรัน เณรรันมีแฟนสาววัยคราวเดียวกันคบๆ กันอยู่สมมติชื่อว่าซี ระหว่างที่อยู่วัดจนบวชเณรรันแอบติดต่อพูดคุยกับซีผ่านทางโทรศัพท์เรื่อยมา ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุอันใดซีเกิดน้อยใจเณรรันเลยท้าเณรมาหาที่บ้าน เณรรันร้อนใจแอบหนีออกจากวัดไปผลัดผ้าแล้วเอารถจักรยานยนต์ออกไปหาซี ผู้ปกครองของซีจับได้ว่าทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน เกิดเป็นวิวาทจนเณรรันหนีออกมาแล้วเกิดอุบัติเหตุ มติสงฆ์ชี้ขาดว่าเณรรันหรือนายรันได้ขาดจากความเป็นสามเณรแล้ว

เรื่องหลอนเริ่มกลางดึกคืนนั้น ผมมาทราบเรื่องก็ตอนเช้าเพราะอยู่จำวัดที่หอกุฏิ 3 ชั้นที่เดิม เมื่อสามเณรทั้งหลายนอนหลับเป็นปกติ บรรยากาศทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด จนกระทั่ง...

แขวก... แขวก... แขวก... แขวก... พรึบ... พรับ... พรึบ... พรับ... แขวก... แขวก... แขวก... แขวก...

นั่นเป็นเสียงนกแสกบินฉวัดเฉวียนถ้วนทั่ว บังเกิดมีคนเดินเข้ามาแล้วล้มตัวลงนอนแทรกตัวเบียดๆ กับเณรรูปอื่นๆ จนเณรรอบข้างรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

“ใครวะ เบียดกูจังเนี่ย กูร้อนเว้ยเฮ้ย” สามเณรโอบที่นอนอยู่ข้างร้อง

“กูเองงงงง รันไง...” เณรที่เข้ามานอนแทรกบอก

สามเณรโอบลืมตาดูทางต้นเสียง เห็นสามเณรรันนอนตะแคงมาทางสามเณรโอบแสยะยิ้มจนปากฉีกถึงหู หน้าตาบวมพองสว่างเรืองผิดแผกไป แล้วแปรสภาพน่าเกลียด มีเลือดไหลออกศีรษะที่โล้นไหลย้อยลงมา เลือดทะลักไหลออกมาทางปาก สามเณรพ่นเลือดใส่หน้าสามเณรโอบทำเอาสามเณรโอบตกใจร้องลั่น

“ผีๆๆ ช่วยด้วยกูถูกผีหลอก อ๊าก!”

สิ้นเสียงสามเณรโอบเกิดความโกลาหลทั่วทั้งบริเวณ สามเณรเกิดอุปทานหมู่ ที่มีอายุหน่อยก็ตกใจโวยวาย ที่อายุน้อยๆ ก็ร้องไห้กระจองอแง พระอาจารย์นูและพระพี่เลี้ยงต้องลงมาจากชั้นบนมาดูสามเณร จะเปิดไฟก็เปิดไม่ติด ต้องวุ่นวายปลอบโยนปลอบขวัญเสียยกใหญ่แล้วย้ายที่นอนไปนอนชั้นบน น่าแปลกที่ชั้นบนไฟฟ้าติดสว่างไสว พระอาจารย์นูนิมนต์หลวงพี่ก้านผู้ร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมสักยันต์เต็มตัวมาสวดมนต์ปัดรังควานเรียกขวัญเรียกกำลังใจให้สามเณร ตลอดทั้งคืนสามเณรทั้งหมดหลับสบายไม่มีปัญหาใดๆ ให้กริ่งเกรงอีก คงจะมีเพียงสามเณรโอบอาพาธนอนซมด้วยพิษไข้

จนบ่ายอีกวัน ศพนายรันนำออกมาจากโรงพยาบาลตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่ศาลาตั้งศพในเขตป่าช้า พระอาจารย์นูนำพาพระพี่เลี้ยงและสามเณรร่วมรดน้ำศพ วิญญาณสามเณรรันหรือนายรันไม่ปรากฏตัวหลอกหลอนสามเณรรูปอื่นๆ อีกเลยจนฌาปนกิจศพเป็นที่เรียบร้อย