รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ
ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ
ผีมีจริงหรือไม่?
คนเราตายแล้วไปไหน?
สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากนั้นพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยงและสามเณรใจสิงห์ทั้งหลายต้องออกธุดงค์ไปต่างอำเภอ โดยนั่งรถบัสไปลงที่ตัวอำเภอเดินเท้า มีสามเณรอายุมากที่สุดเดินถือธงธรรมจักรนำขบวนเข้าวัดที่ห่างออกจากตัวเมืองมาประมาณ 2 กิโลเมตร พวกเราทั้งหมดเดินถึงวัดช่วงบ่าย วัดนี้เป็นวัดใหญ่ประจำอำเภอ ถือว่าสัปปายะมากทีเดียว แต่ทางวัดจัดที่พักให้คณะสามเณรใจสิงห์พักที่ศาลาธรรมสังเวชพูดง่ายๆ พักกันในป่าช้านั่นแหละ แต่ป่าช้าที่นี่ค่อนข้างดีได้รับการพัฒนาแล้ว เรื่องความน่ากลัวจึงไม่ค่อยมีให้กวนใจ ศาลาธรรมสังเวชใหญ่โตโอ่โถง สามเณรทั้งหมดจำวัดหลับนอนในศาลานี้ พวกพระพี่เลี้ยงแยกไปจำวัดอีกศาลาหนึ่งเป็นศาลาไม้ซีดๆ ตั้งอยู่ข้างเมรุเผาศพ มีความเก่าแก่อยู่ระดับหนึ่ง ศาลานี้ไม่มีไฟฟ้าเสมือนว่าใช้เป็นศาลาให้แขกมางานเผาศพนั่งรอประกอบพิธีเท่านั้น ก่อนจะมืดค่ำผมและพรรคพวกพระพี่เลี้ยงส่วนหนึ่งขึ้นเที่ยวเขาที่อยู่ในวัด ข้างบนเขามีพระบรมธาตุเจดีย์ สามารถชมวิวรับลมพัดชายเขาเย็นสบาย ผมและพระพี่เลี้ยงบูชาสักการะพระบรมธาตุเจดีย์เสร็จ เดินชมศาสนสถาน ชมของเก่าโบราณในพิพิธภัณฑ์ แดดร่มลมตกลงมาจากเขา พักผ่อนที่ศาลา แล้วมาทำวัตรเย็นร่วมกับสามเณรใจสิงห์ ดูสามเณรฟังบรรยายธรรมจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสไปเรื่อยๆ จนค่ำมืด กิจกรรมจึงยุติต้อนสามเณรเข้าที่พัก ผมและพระพี่เลี้ยงฉันน้ำปานะท่ามกลางแสงเทียนพรรษาแล้วพูดคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยเพื่อฆ่าเวลา ครั้นจะจำวัดก็ไม่สบายตัวอากาศยังอบอ้าวเหนียวกายเหนียวตัวรอให้ลมพัดมาก่อน บรรยากาศมันได้ให้คุยเล่าเรื่องผีกันเพราะมีเพียงแสงเทียนสว่างวอมแวมเท่านั้น
“ศาลานี้ทำให้นึกถึงเรื่องศาลาทางเปลี่ยวเลยนะ” ผมเปิดประเด็น
“ใช่แล้วพี่หลวง ผมก็คิดเหมือนกัน” เณรโอ้ เณรที่บวชอยู่วัดมานานและช่วยงานเป็นเณรพี่เลี้ยง
“มาเล่าเรื่องผีกันดีกว่า ใครมีเรื่องอะไรก็เล่ามาเลยนะ” ผมบอก
“มีอยู่เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องสั้นๆ ผมนอนดูทีวีในห้องบนตึกสามชั้นนั่นแหละ ทุกๆ ห้องจะมีช่องลมอยู่ ผมเห็นมีตาคนแอบมองมาผ่านช่องลมนั้น เลยลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องไปดู ไม่เห็นมีอะไรเลย แปลกนะ ถ้าเป็นคน ด้วยความสูงขนาดนั้นต้องใช้เก้าอี้ปีนขึ้นดู ในเวลาแป๊บเดียวจะหนีหายไปก็ยากมาก คงจะชัดแล้วล่ะว่าไม่ใช่คน หลวงโก้เรื่องผีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” พระแสนเล่าให้ฟัง แม้จะเป็นเรื่องสั้นๆ แต่ก็ทำเอาพระที่พำนักอยู่หอกุฏิเดียวกันที่ได้ฟังอยู่รวมทั้งผมเสียวสันหลังเย็นวาบเหมือนๆ กัน
“เรื่องนี้เพื่อนมันเล่าให้ฟังต้องย้อนความไปตอนสมัยเรียนจบมหา’ ลัยใหม่ๆ โน่นแหละ” พระโก้เกริ่นนำ ผมขอใช้นามว่าโก้เพราะตอนนี้ก็ได้สิกขาลาเพศบรรพชิตแล้ว เขาเล่าว่ามีเพื่อนเดินทางมาหาเพื่อมาเยี่ยมเยียนและทำธุระ โก้จองห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งให้ เป็นโรงแรมชื่อดังใจกลางเมือง ใครๆ ก็ชอบจัดงานเลี้ยงงานแต่งงานที่นี่ แม้จะมีอายุยาวนานเป็นสิบๆ ปี ยังคงสภาพดีไม่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา สภาพห้องอยู่ในเกณฑ์ดีสะอาดเอี่ยม ติดอย่างเดียวเมื่อแรกเข้าห้องมีกลิ่นอับต้องเปิดหน้าต่างไล่กลิ่นออกไป เพื่อนของโก้ออกไปทำธุระพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ กลับโรงแรมมาเกือบเที่ยงคืน มาถึงชั้น 8 เขาออกมาจากลิฟต์เดินมา เดินโงนเงนไปเรื่อยๆ เจอแม่บ้านโรงแรมที่หิ้วของอุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งไม้ม๊อบ ผ้าเช็ดทำความสะอาด ไม้ปัดฝุ่นเดินสวนกับเขา
“คุณคะ ทำความสะอาดห้องไหมคะ” แม่บ้านคนนั้นหยุดถามกับเพื่อนของโก้
“ไม่ครับ ผมอยากจะนอนมากกว่าครับ ไว้เป็นพรุ่งนี้ดีกว่า” เพื่อนของโก้ตอบไปด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ไปตามประสาคนเมา
“ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะมาทำความสะอาดห้องคุณนะคะ” แม่บ้านคนนั้นยิ้มให้เขาแล้วเดินไป เพื่อนของโก้เดินมาถึงห้องพักไขกุญแจเข้าไปพักผ่อนไม่ได้สนใจอะไร หลับเป็นตาย ผ่านไปหนึ่งคืน เช้ามาเพื่อนของโก้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้วออกไปทำธุระและท่องเที่ยวต่างอำเภอ กลับเข้ามาโรงแรมเกือบๆ สี่ทุ่ม เขาอาบน้ำแล้วจัดเสื้อผ้าของใช้ลงกระเป๋า พรุ่งนี้เช้าเช็คเอาท์ จัดของเสร็จนอนเล่นบนเตียงดูทีวีเพราะยังไม่ง่วง
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...
ใครกันที่มาเคาะประตูเรียกเขาในยามวิกาลเช่นนี้ เขานึกสงสัยอยู่เพราะไม่ได้นัดใครมา เขาลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู พบแต่ความว่างเปล่า มองซ้ายมองขวาไม่มีมนุษย์ผู้ใดอยู่ เขาจึงปิดประตูเดินกลับมาที่เตียง
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...
ไม่ทันจะถึงเตียง มีคนมาเคาะประตูอีกครา เขาจึงส่องตาแมวที่ประตูก่อนเปิด เห็นว่ามีแม่บ้านคนเดิมที่เจอเมื่อตอนเดินสวนทางเข้าห้องพักเมื่อคืนวาน เขาจึงเปิดประตูด้วยคิดว่าแม่บ้านคงจะมีธุระกับเขา
“มาทำความสะอาดค่ะ” แม่บ้านบอก
“ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้ผมก็เช็คเอาท์ออกแต่เช้าอยู่แล้วครับ” เขาตอบหลังจากไตร่ตรองดีแล้ว เขาจำได้ว่า ตอนเขากลับเข้ามา สภาพห้องสะอาดสะอ้านเรียบร้อย แล้วจะมีแม่บ้านมาขอเสนอทำความสะอาดในยามวิกาลอีก มันก็ไม่ปกติเป็นแน่แท้
“แน่ใจนะคะ” แม่บ้านคนนั้นยังถามย้ำอีกหน
“ไม่ล่ะครับ ผมจะพักผ่อน” เพื่อนของโก้ชิงปิดประตูก่อนจะต่อความยาวสาวความยืด รีบเดินที่หัวเตียงยกหูโทรศัพท์ต่อสายหารูมเซอร์วิส
“รูมเซอร์วิสสวัสดีค่ะ ดิฉันสุดาวดีพูดสายค่ะมีอะไรให้รับใช้คะ” เสียงพนักงานโอปเรเตอร์ปลายสายพูด
“คุณครับ ผมต้องการพักผ่อนนะครับ” เขาบอก “มีแม่บ้านต้อองการจะเข้ามาทำความสะอาดห้องพัก พรุ่งนี้ผมก็จะเช็คเอาท์แล้ว ขอเป็นพรุ่งนี้แทน ผมจะนอนแล้ว”
“ขออภัยค่ะคุณลูกค้า คุณลูกค้าบอกว่ามีแม่บ้านขอเข้าไปทำความสะอาดในห้องคุณลูกค้าหรือค่ะ” พนักงานโอปเรเตอร์ชื่อสุดาวดีถามทวน
“ครับ ตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วครับ ผมกลับเข้ามาขึ้นมาชั้น 8 เจอแม่บ้านคนหนึ่งเดินสวนกับผม เขาถามว่าจะทำความสะอาดห้องไหม ผมก็ปฏิเสธแล้วเมื่อเดี๋ยวมาเคาะห้องจะขอเข้ามาทำความสะอาด ผมก็ปฏิเสธแล้วปิดประตู ผมจะนอนแล้วครับ คงไม่สะดวกให้ใครเข้ามา”
“ขออภัยค่ะคุณลูกค้า ทางโรงแรมมีกฎไม่ให้แม่บ้านรบกวนแขกในเวลากลางคืนเช่นนี้นะคะ ถ้าห้องพักมีปัญหา แขกโทรเข้ารูมเซอร์วิส ทางรูมเซอร์วิสจะประสานงานกับแม่บ้านอีกที ดิฉันจะนำเรื่องที่คุณลูกค้าแจ้งให้ทางไนท์แมนเนจเจอร์ทราบ แล้วจะแจ้งผลให้ทราบในตอนพรุ่งนี้เช้านะคะ” สุดาวดีบอกวิธีการแก้ไขปัญหา “หากยังมีคนไปรบกวนคุณลูกค้าอีก โทรกลับมาแจ้งได้ตลอดนะคะ มีปัญหาอะไรอีกไหมคะ”
“ไม่มีแล้วครับ” เพื่อนของโก้วางสายโทรศัพท์แล้วล้มตัวลงนอน ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง
ครืด... ครืด... ครืด... แซะ... แซะ... แซะ...
เสียงดังลั่นห้องปลุกเขาตื่นนอน ใครเข้ามาในห้อง เอ๊ะ! ทำไมขยับตัวไม่ได้ เสียงทำงานของเครื่องดูดฝุ่นตัวใหญ่ดังลั่นสนั่น เขาพยายามฝืนตัวให้ขยับลุกก็ทำไม่ได้ มองดูให้ดี ห้องพักมืดสนิทไร้แสงไฟ เขาจำได้ว่าตอนเขานอนไม่ได้ปิดไฟในห้อง แล้วไฟมันดับได้อย่างไร เครื่องดูดฝุ่นตัวนั้นทำงานต่อไปเรื่อยๆ มันเคลื่อนเข้ามาใกล้เตียง เขาเห็นว่าเครื่องดูดฝุ่นทำงานโดยไร้คนควบคุมทำงาน เขาคิดอยู่ แม้ว่าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะไร้คนควบคุมใช้งานได้แต่เครื่องดูดฝุ่นตัวใหญ่ขนาดนี้ อย่างไรเสียก็ต้องใช้คนทำงานคุมเครื่องอยู่ดี สักพักหนึ่งเครื่องดูดฝุ่นหยุดทำงาน เสียงขัดพื้นทำความสะอาดในห้องน้ำดังชัดขึ้น มีใครบางคนทำความสะอาดห้องน้ำ มันเป็นความรู้สึกอึดอัดจนรำคาญใจ จนเสียงขัดห้องน้ำเงียบลง มีคนเดินออกมาจากห้องน้ำ จะว่าเดินก็ไม่ใช่ใช้คำว่าลอยมาเสียดีกว่า ร่างนั้นลอยมาหาเขา
“ตื่นแล้วเหรอ? ขอดีๆ แล้วก็ไม่ให้ เป็นไงรู้ความจริงเลย” ผีแม่บ้านชะโงกหน้ามาบอก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาเห็นว่าแม่บ้านได้อย่างชัดเจนแม่ห้องจะมืดมนเพียงใด ใบหน้าแม่บ้านซีดเซียวไร้เลือด ดวงตาคู่นั้นดำสนิทไร้ตาขาว ร่างชุ่มโชกเปียกน้ำ
“อย่าทำอะไรผมเลย ผมจะออกไปแล้ว” เขาพูดแต่ไม่มีเสียงออกมา
“กูบอกแล้วว่าจะทำความสะอาดห้อง กูต้องทำ กูต้องทำ กูต้องทำ” ผีแม่บ้านตวาดใส่อารมณ์เกรี้ยวกราด ทำให้เขากลัวจนปัสสาวะราด “ยังจะทำสกปรกให้กูเหนื่อยอีก”
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ...” เขาสวดมนต์เท่าที่จะนึกได้
“มึงจะสวดทำไม กูก็สวดได้ กูไม่ไปหรอก ห้องยังสกปรกอยู่เลย” ผีแม่บ้านตวาดใส่ ทำเอาเขาจนปัญญา เมื่อไหร่เรื่องเลวร้ายจะจบลงเสียที เขาคิดไปเรื่อย ผีแม่บ้านยังคงทำความสะอาดห้องพักต่อไป จนเขาหลับไปอีกรอบ
เช้ามา... แสงสว่างจากภายนอกเล็ดลอดผ่านช่องว่างระหว่างม่านหน้าต่าง เขาตื่นมาพบว่าสภาพห้องปกติ ไฟที่เคยเปิดไว้เมื่อตอนก่อนนอนยังติดสว่างไสวอยู่ แล้วที่เขาพบเจอผีแม่บ้านตกลงแล้วว่าเป็นเรื่องหรือความฝัน เขาลุกจากเตียงเดินสะดุดกับเครื่องดูดฝุ่นหัวทิ่ม เมื่อเครื่องดูดฝุ่นตัวใหญ่เข้ามาอยู่ในห้องได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ฝัน เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเก็บของออกจากห้องลงมาที่ล็อบบี้
“คืนกุญแจครับ” เขาบอกกับพนักงานรีเซฟชั่นที่ฟร้อนท์
“คุณคะ รอสักครู่นะคะ ไนท์แมนเนจเจอร์ขอพบคุณค่ะ” พนักงานรีเซฟชั่นบอกหลังจากรับกุญแจ เขารออยู่พักหนึ่ง มีพนักงานชายคนหนึ่งออกมาจากห้องหลังฟร้อนท์เดสก์
“สวัสดีครับคุณลูกค้า เชิญทางนี้ดีกว่าครับ” ไนท์แมนเนจเจอร์เชื้อเชิญให้เขาไปนั่งพูดคุยในที่นั่งพักในส่วนที่ลับตาคนเล็กน้อย
“ผมโดนผีหลอก” เพื่อนของโก้พูดสั้นแต่ได้ใจความก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอมาไม่มีขาดตก
“ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยครับในนามของโรงแรมจะไม่คิดค่าบริการทั้งหมด ปกติแล้วห้องที่คุณลูกค้าพักไม่มีการเปิดขาย เป็นความผิดพลาดของพนักงานที่ปล่อยขายห้องพักเข้าระบบ” ไนท์แมนเนจเจอร์ตัดสินใจเยียวยาช่วยเหลือเพื่อนของโก้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากรู้ว่าป้าแม่บ้านคนนั้นเป็นใคร ป้าแกตายที่ห้องนั้นหรือครับ” เขาถาม
“คุณลูกค้าทราบแล้วอย่าบอกให้ใครทราบนะครับ ป้าแกชื่อป้าจงดีเป็นแม่บ้านตั้งแต่ยุคบุกเบิกของโรงแรม ป้าแกป่วยเป็นโรคหัวใจแต่ยังรักงาน ทำงานไม่มีขาดตกบกพร่อง จนมาเสียชีวิตในห้องน้ำห้องที่คุณลูกค้าพักอยู่นั่นแหละครับ กว่าจะทราบว่าป้าจงดีตายก็หลายวัน สภาพศพน่ากลัวมาก ตัวซีดขาวเปียกน้ำตลอด ตาเหลือกปูดโปน หน้าตาเหยเกเหมือนเจ็บปวดทรมานมาก หมอสรุปสาเหตุว่าตายเพราะอาการโรคหัวใจกำเริบฉับพลัน ช่วงแรกห้องนั้นไม่ได้ปิดตายไว้ แต่ป้าจงดีหลอกรบกวนแขกจนต้องปิดห้องไว้นาน จนมาเปิดขายให้คุณลูกค้านี่แหละครับ” ไนท์แมนเนจเจอร์เล่าความจริงจนกระจ่าง
“เพื่อนผมมันขยาดโรงแรมไปพักหนึ่ง ทุกวันนี้ถ้ามันไปพักโรงแรมนี้มันจะตกใจตัวสั่นทุกทีหากเห็นแม่บ้านของโรงแรม เรื่องทั้งหมดเท่าที่ผมรู้มาจากปากของเพื่อนก็มีเท่านี้ล่ะครับ เป็นไงสยองไหมท่าน” พระโก้เล่าเรื่องผีที่เพื่อนประสบพบเจอมาจนจบหมดสิ้นกระบวนความ
“หลอนดีแท้ ถ้าผมเป็นผู้จัดการคนนั้น ผมจะทำหนังสือแจ้งไล่ออกผีป้าจงดี โทษฐานทำให้แขกตกใจ สร้างความเสื่อมเสียให้กับโรงแรม” ผมวิพากษ์วิจารณ์ “ใครมีเรื่องผีอีกบ้าง ถ้าไม่มีก็จะแยกไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ผมค่อยเอาสมุดบันทึกของเณรวินมาอ่าน เผื่อว่าจะมีเรื่องผีอะไรเด็ดๆ อีก”
“ผมขอเล่าบ้างนะ เรื่องนี้ไม่ใช่ประสบการณ์โดยตรงของผม เป็นเรื่องเล่าตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายโน่นแหละเกิดแถวป่าช้าดอนเมา” พระโมทย์เริ่มเล่าเรื่อง “ดอนเมาเป็นสามแยกที่แต่ละมุมของสามแยกมีป่าช้าจีนที่เรียกกันว่าฮวงซุ้ยและป่าช้าไทย มีต้นยางนาใหญ่ต้นหนึ่ง ใต้ต้นยางนามีศาลไม้สี่เสาขนาดย่อมเท่าศาลาพอคนเข้าไปนั่งได้คนหนึ่งสบายๆ ชื่อศาลเจ้าแม่ทองพูน เจ้าแม่เฮี้ยนน่าดู ใครไปลองดีเข้าต้องเผ่นแนบขวัญหนีดีฝ่อ ป่าช้าตรงนี้อยู่ใกล้เมืองมากที่สุดแล้ว แต่ก่อนแถวนั้นแม้จะอยู่ใจกลางเมืองก็น้อยคนนักกล้าเดินผ่านสัญจรแม้ในยามกลางวัน มีเชิงตะกอนเผาศพด้วย ตรงที่เป็นโรงเรียนในตอนนี้แถวนั้นมีเชิงตะกอนแต่คนเก่าๆ เรียกว่ากราน ผีดุยิ่งนักยายของผมเล่าว่าตอนมีโรคระบาดในสมัยก่อนๆ คนล้มตายเป็นจำนวนมาก การทำศพนั้นจะเผาประกอบพิธีศพอย่างปกติไม่ได้ก็หามศพมาฝังในสุสานฝั่งติดคลองแล้วค่อยขึ้นมาเผาทำพิธีกันหลังจากโรคระบาดสงบลง มีเรื่องเล่าลือมา มีชาวบ้านพายเรือขับเรือผ่านสุสานเพื่อนำผลหมากรากไม้ไปขายที่ตลาดช่วงเช้ามืดเจอคนมากมายกวักมือเรียกเหมือนจะขอติดเรือไปด้วยหรือไม่ก็ขอซื้อของต่างๆ บางทีรับขึ้นเรือมา พอเรือแล่นผ่านหน้าวัดก็หายตัวไปดื้อๆ ขายของเสร็จนึกได้ว่าตรงนั้นเป็นป่าช้า เงินที่ขายของได้กลายเป็นเหรียญดำๆ บ้าง ที่เป็นแบงก์กลายเป็นใบไม้แห้งๆ บ้าง เป็นเรื่องโจษจันเล่าลือไปจนไม่มีใครกล้าสัญจรทางน้ำทางบกผ่านป่าช้าดอนเมา หากเลี่ยงไม่ได้หรือจำเป็นต้องผ่านก็ต้องรีบผ่านไปหรือผ่านไปในยามวิกาล มีอีกเรื่องหนึ่งได้ยินมาจากคนแถวบ้าน เขาเล่าว่า ขับรถมอไซค์ผ่านป่าช้าดอนเมาสองฟากถนนเป็นฮวงซุ้ยในตอนใกล้มืด เห็นอากงแก่ๆ ใส่เสื้อแพรคอจีนสีขาวกางสามส่วนแพรจีนสีดำเดินข้ามถนนไปอีกฮวงซุ้ยหนึ่งแล้วหายวับไปแน่ชัดว่าเป็นผี คนนั้นขวัญหนีดีฝ่อใส่เกียร์ขับรถไปตะโกนไปว่า ผีหลอกๆ ได้ยินกันทั่ว”
“บ้านผมเองก็อยู่ใกล้ๆ ดอนเมา จำได้ตอนเด็กๆ ผมกลัวมาก มองไปทางไหนเห็นแต่ฮวงซุ้ยหลุมฝังศพคน ตอนเลิกเรียนบางทีต้องเดินกลับบ้านจะเลี่ยงเดินอ้อมเข้าซอยแต่ซอยนั้นก็ทะลุออกมาข้างฮวงซุ้ยอยู่ดี เคยได้ยินมาบ้างว่ามีคนเคยเห็นผีตาแดงยืนโบกมือเรียกรถตุ๊กๆ เรียกรถสามล้อที่ผ่านไปมา วันดีคืนดีเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยนั่งอยู่บนกิ่งต้นยางนา เล่าไปก็ขนลุก แต่บางคนก็พูดว่าแถวป่าช้าดอนเมามีน้ำตาลเมาขาย เป็นที่นิยมของคอทองแดงทั้งหลาย บางทีกินกันจนเมาหลอนเห็นต้นไม้ยืนเป็นเงาดำตะคุ่มๆ ก็นึกว่าผีก็มีมา ส่วนตอนนี้เหรอ คนน่ากลัวกว่าผีอีก นับตั้งแต่ล้างป่าช้าครั้งใหญ่ ศาลเจ้าแม่ทองพูนก็หายไป รุกที่ผีทำเป็นร้านรวงร้านอาหารไปหมดแล้ว ความน่ากลัวหายไปสิ้นแล้ว เดี๋ยวผมเล่าเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับสึนามิให้ฟังต่อเลยดีกว่า ผมเพิ่งนึกได้ เพราะผมเคยเจออะไรแปลกๆ มาหลังจากเอาของไปบริจาคที่ภูเก็ต หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิใหม่ๆ” ผมเล่าเสริมและนำพระเณรที่นั่งฟังอยู่เข้าไปสู่เรื่องผีเรื่องใหม่ “ในวันที่เกิดสึนามิ ผมตื่นรู้สึกตัวเพราะเตียงนอนสั่น ไปสอบตามปกติ พอออกมาจากห้องสอบรู้ว่าเกิดสึนามิถล่มที่จังหวัดชายฝั่งอันดามัน ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นแค่คลื่นซัดชายฝั่งธรรมดาๆ ไม่รุนแรงเหมือนอย่างที่ญี่ปุ่นต้นตำรับ พอดูข่าวก็เห็นความเสียหายมากมาย ถึงสิ้นปีผมมีโอกาสลงพื้นที่นำของไปบริจาค คุณเอ๊ย! มันยับเยินพังพินาศยิ่งกว่าภาพในข่าวในทีวีเสียอีก ผมเพิ่งเคยเห็นศพมากมายนอนห่อผ้าขาวเรียงกันเป็นตับอยู่ข้างถนนมีเพียงกระจกรถยนต์กั้นเท่านั้น ตกกลางคืนพักที่โรงแรมในตัวเมืองภูเก็ต เข้าช่วงดึกผมฝันว่ามีศพมากมายถูกห่อผ้าขาวไว้นอนเรียงกันอยู่ริมชายหาดได้ยินเสียงคนมาเคาะห้องแต่ไม่มีใครกล้าไปดู ปล่อยให้เคาะอยู่อย่างนั้น ช่วงนั้นปลาทะเลอาหารทะเลขายไม่ออกเพราะมีข่าวลือว่าซื้อปลามาผ่าท้องปลาเจอชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ไม่มีกล้ากิน ส่วนการเยียวยาฟื้นฟูค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หนึ่งปีให้หลังผมต้องไปทำรายงานสัมภาษณ์ผู้จัดการโรงแรมแถวเขาหลัก ไปพักค้างแรมที่บ้านน้ำเค็ม ร่วมกิจกรรมปล่อยโคมรำลึกถึงคนที่ตาย กลับมาที่พัก นอนหลับไม่ค่อยดีเลย หมาหอนกันเกรียวทั้งคืน มีเพื่อนในกลุ่มฝันว่ามีฝรั่งชายหญิงคู่หนึ่งมาหายืนโบกมือเซย์ฮัลโลวแล้วเดินหายไป ผมกลับมาจากพังงา นอนหลับฝันเหมือนเมื่อปีกลายเห็นศพถูกมัดห่อด้วยผ้าขาวนอนเรียงอยู่เต็มชายหาดอีกแล้ว ต้องไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คนตายทั้งหลาย แต่ผมคิดว่าผีสึนามิไม่น่ากลัวเท่าผีขี้ขโมยในคราบคนหรอกครับ บางคนที่ลงพื้นที่ตอนนั้น ลงไปเพื่อขุดทองปล้นทรัพย์สินจากผีตายซาก ร่ำรวยจากหายนะของมหาชน สักวันหนึ่งผลกรรมจะตามทัน เรื่องเกี่ยวกับสึนามิของผมมีเท่านี้แหละครับ คุณซันมีเรื่องผีไหมครับ อย่างคุณซันทำอาชีพไกด์น่าจะเจอผีมาบ้างแหละไม่มากก็น้อย ใช่ไหมครับ?”
“ผมประกอบอาชีพไกด์ทัวร์นำพานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติท่องเที่ยวทั่วไทย งานมัคคุเทศก์เป็นงานกรรมกรดีๆ นี่แหละครับ ใช่ว่าจะได้ไปเที่ยวสบายๆ รับเงินคอมมิชชั่นจากร้านค้ารับเงินทิปจากลูกทัวร์ ปัญหามันมีมากมายให้คอยตามแก้เพราะลูกทัวร์ที่มาร้อยพ่อพันแม่ ต่างชาติต่างภาษาต่างเชื้อชาติวัฒนธรรม” พระซันเริ่มเล่า
“แล้วลูกทัวร์แบบไหนมีปัญหาให้ปวดหัวมากที่สุดครับ” ผมถามพระซัน
“เอเชียไม่เท่าไหร่หรอก เตือนอะไรบอกอะไรเชื่อฟังหมด พวกฝรั่งตาน้ำขาวนี่แหละอีโก้เยอะจัด เตือนอะไรไม่ค่อยฟัง บางทีมีปัญหาที่ต้องคอยตามแก้อยู่เรื่อยๆ” พระซันตอบ “อย่างเรื่องที่ผมเล่ามันเกิดจากความอวดดื้อถือดีของลูกทัวร์ฝรั่งตาน้ำข้าวคนหนึ่ง โปรแกรมนี้มีไปเที่ยวอยุธยาเมืองเก่ามีค้างคืนด้วยหนึ่งคืน โอ๊ย! ฝรั่งคนนี้ชื่อ อเล็กซ์ เป็นตัวปัญหาประจำกลุ่ม แหกกฎทุกอย่าง นัดรวมตัวกันก็สาย อยู่บนรถทัวร์ไม่หลับไม่นอนคุยทำเสียงดัง บางทีผมต้องคุยกับลูกทัวร์ แนะนำเล่าประวัติสถานที่ต่างๆ อเล็กซ์ก็คุยแข่งจนเสียสมาธิ ทัวร์ลงเที่ยววัดโบราณอยุธยา อเล็กซ์ก็ปีนป่ายขึ้นถ่ายรูปจนเจ้าหน้าที่มาห้ามและด่าผมที่ไม่ช่วยเตือนลูกทัวร์ที่มีพฤติกรรมสุดห่ามอย่างนี้ พอตกกลางคืนอเล็กซ์ก็โดนผีหลอก เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขาหลับไม่ได้เลย มีเสียงดนตรีไทยดังลั่นรบกวนการนอน มีนางรำร่ายรำเข้าจังหวะกับดนตรีไทย ระหว่างนั้นอเล็กซ์นอนนิ่งขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้ ทำได้แต่กลอกตาไปมา เห็นเจนนาแฟนสาวนอนหลับสบายๆ นางรำก็ยังรำต่อไป พูดจาภาษาไทยไม่รู้เรื่องแต่ดูออกว่านางรำผู้นั้นด่าทอเขา สุดท้ายนางรำผู้นั้นหัวหลุดมือสองข้างโอบอุ้มไว้แล้วโยนหัวมาที่ตัวฝรั่งหนุ่มคนนั้น หัวนางรำแสยะยิ้มอย่างสยดสยอง อเล็กซ์ช็อคจนสลบไป เช้ามาผมต้องแก้ปัญหาให้ เค้นความจริงจนได้ความว่า ตอนที่ไปเยี่ยมชมโบราณสถาน อเล็กซ์ปีนขึ้นซากอิฐเดินเล่นจนไปเจอตุ๊กตานางรำซีดๆ เขาจึงเก็บมาด้วย ผมรู้เลยว่าผีนางรำสิงสู่ตุ๊กตานางรำ เขาเอาตุ๊กตามาเท่ากับนำพาดวงวิญญาณนางรำมาอยู่ในที่ที่ ไม่ใช่ที่ของเขา ถ้าผีนางรำไม่แสดงตนหลอกหลอน เกรงว่าตุ๊กตานางรำจะต้องไปอยู่เมืองนอกเมืองนา จะมีเรื่องสยองขวัญในต่างแดนให้มาเล่าเป็นแน่แท้ ผมต้องวุ่นวายพาตุ๊กตานางรำไปคืนและต้องพาไปอเล็กซ์ไปขอขมา เจ้าหน้าที่ดูแลโบราณสถานยังบอกอีกว่า เป็นเรื่องธรรมดา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมายที่แอบหยิบสิ่งของจากโบราณสถานแม้กระทั่งอิฐที่แตกหักแค่ก้อนเล็กๆ เพียงแค่ก้อนเดียว โดนอาถรรพ์ต่างๆ มีคนไปทวงของคืน จนต้องนำของที่เอาไปมาคืน มาคืนด้วยตนเองบ้างล่ะ ส่งเป็นพัสดุมาบ้างล่ะ ฝากมาคืนผ่านทางสถานทูตบ้างล่ะ ส่วนเรื่องเจอผีในโรงแรมเป็นเรื่องปกติแล้ว พี่ที่ทำงานด้วยแกเคยเล่าว่าตอนทำทัวร์ประเทศเพื่อนบ้านนี่เจอจนเคยชินถึงกับพูดว่าไม่เจอนี่สิแปลกเพราะประเทศเพื่อนบ้านเรามีเรื่องการเมืองเข้มข้น รัฐบาลเขาเอาวังเจ้านายมาทำเป็นโรงแรม มันก็หลอนๆ พิกลๆ ด้วยบรรยากาศความเก่าแก่ แถมบางเมืองไม่มีไฟฟ้าหรือมีไฟฟ้าให้ใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย อาศัยไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ พอไฟดับก็เพิ่มน่ากลัวเข้าไปอีก บางทีลูกค้าบอกเจอผีเจ้านายไม่ได้มาร้ายแค่แวะมาดูมาทักทาย ผ่านมาแล้วจากไป สนามหน้าโรงแรมมีคนมากมายใส่ชุดพื้นเมืองเลี้ยงสังสรรค์กัน เช้ามาไม่มีร่องรอยงานเลี้ยงเลย หลอนกันถ้วนหน้า และไม่สามารถเปลี่ยนโรงแรมกันง่ายๆ เพราะมีตัวเลือกให้เลือกน้อย ได้แต่บอกให้ลูกทัวร์ทำใจหากเผชิญหน้ากับผี”
“อย่างในไทยนี่มีโรงแรมไหนที่ต้องระวัง โรงแรมไหนที่ไกด์ทัวร์กาดอกจันไว้ว่ามีโอกาสจะโดนผีหลอก” ผมถาม
“โอ๊ะ! เรื่องแบบนี้มันจะพูดเจาะจงไม่ได้หรอกครับ จะบอกกับสาธารณชนไม่ได้นะครับ เดี๋ยวทางโรงแรมจะฟ้องร้องเอา มันไม่มีหลักฐานมากพอที่จะเชื่อได้ คนร้อยคนพักห้องพักเดียวกันยังไม่เจอผีหลอกครบทั้งร้อยคนหรอกครับ โรงแรมบางโรงแรมอายุอานามเก่าแก่หลายชั่วอายุคน มีคนมากมายมาใช้บริการมาแล้วจากไป มาแล้วมาใช้บริการจนตายคาโรงแรมก็มี ผมมีเรื่องเล่ามากมายที่เกิดในโรงแรม มีเรื่องจากเพื่อนที่ทำงานไกด์มาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมครับ เรื่องมันเกิดในโรงแรมแถบภาคตะวันออกไม่ขอระบุชื่อจังหวัดก็แล้วกัน พี่ไกด์พาลูกทัวร์ที่เป็นชาวญี่ปุ่นเข้าโรงแรมแยกย้ายกันพักผ่อน พี่ไกด์รู้ดีว่าโรงแรมนี้มีประวัติอะไรเลยดื่มแอลกอฮอล์ย้อมใจให้ตนเองหลับไม่รู้สึกตัว พี่ไกด์นอนหลับสบายเป็นปกติ ตามธรรมดาการเป็นไกด์ต้องตื่นนอนลงมาคอยลูกทัวร์ที่ล็อบบี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกทัวร์คอยรับกุญแจหรือประสานงานเคลียร์ค่าใช้จ่ายส่วนเกินระหว่างรีเซฟชั่นกับลูกทัวร์เป็นชั่วโมงก่อนเวลานัดเป็นอย่างต่ำ เขาลงมาเจอลูกทัวร์ส่วนใหญ่นั่งรอที่ล็อบบี้ หน้าตาอิดโรยเหมือนคนอดหลับอดนอน บางคนก็งีบหลับอยู่ พี่ไกด์รับกุญแจมาจากลูกทัวร์ บางคนก็มองหน้าพี่ไกด์เหมือนอยากจะสอบถามอะไรบางอย่าง พี่ไกด์ทำปากจุ๊ๆ สื่อให้ไปคุยบนรถทัวร์ดีกว่า เมื่อล้อหมุนลูกทัวร์แข่งกันเล่าแข่งสอบถามพี่ไกด์ราวกับผึ้งแตกรัง จนพี่ไกด์ต้องไล่สอบถามเป็นรายคน สรุปความได้ว่า ลูกทัวร์ส่วนใหญ่เจอผีหลอกในรูปแบบคล้ายๆ กันคือ มีกริ่งดังลั่นไปทั่วคล้ายกับเสียงกระดิ่งเตือนไฟไหม้ ลูกทัวร์คิดว่ามีไฟไหม้จริงๆ แต่เปิดประตูออกจากห้องไม่ได้ พยายามหาทางออกไปทางหน้าต่างก็ออกไม่ได้ แล้วก็เห็นว่ามีเงาดำทะมึนนอนตะเกียกตะกายเหมือนคนกำลังจะตายร้องขอชีวิตแล้วค่อยๆ หายไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ แต่จะเคลิ้มหลับก็มีเสียงกระดิ่งดังจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนจึงเผ่นลงมาที่ล็อบบี้ พี่ไกด์จึงเล่าความลับของโรงแรมนี้แต่ขอร้องให้ลูกทัวร์ไม่เพร่งพรายความลับ โรงแรมนี้เคยประสบเหตุไฟไหม้ใหญ่ ด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบมีผู้เสียชีวิตมากมาย มีการปกปิดจำนวนผู้เสียชีวิตแท้จริง โปรแกรมทัวร์ในวันนั้นมีพาไปเที่ยวชมวัด พี่ไกด์แว้บทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณที่ยังไม่ไปไหนที่สิงสถิตอยู่ในโรงแรมเพื่อรอคอยการปลดปล่อยไปตามภพภูมิหลังความตายตามความเชื่อของวิญญาณแต่ละดวง” พระซันเล่าเรื่องผีเรื่องที่สองจบลง ลมทะเลพัดโชยไล่ความอบอ้าว วงสนทนาเรื่องจึงยุติลง พระเณรที่ร่วมแยกย้ายไปเข้าจำวัด ผมไปห้องน้ำลูบเนื้อลูบตัวแปรงฟันเข้านอน ไม่มีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้นเลย พอเช้ามา พระในวัดพาผมและพระซันออกบิณฑบาตแบบนาคายุรยาตรคือ เดินซิกแซกไปมาข้ามถนนไปมาตามการนิมนต์ให้รับบาตรของชาวบ้าน เดินอุ้มบาตรโยกย้ายไปมาเหมือนงูเลื้อย เสี่ยงรถเสี่ยงราหวิดมรณภาพกลางถนนจะตายไป กลับวัดมาฉันเช้าทำกิจกรรมกับสามเณรแล้วฉันเพล เก็บสัมภาระส่งขึ้นรถกระบะไปส่งล่วงหน้าที่วัดที่สอง จากนั้นสามเณรใจสิงห์และพระเณรพี่เลี้ยงเดินธุดงค์ออกจากวัดไปตามถนนดินลูกรัง สองข้างทางเป็นสวนมะพร้าวสุดแสนร่มรื่นลมพัดยอดพร้าวคล้ายความร้อนเหนื่อยหอบเป็นอย่างดี ถึงสุดถนนเดินลัดเลาะเข้าสวนมะพร้าวไปถึงวัดที่สองเกือบบ่ายสี่โมงเย็น
วัดที่สองเป็นวัดเล็กกว่าวัดแรก วัดนี้จัดบรรพชาสามเณรฤดูร้อนเช่นกัน คณะสามเณรใจสิงห์โดนสามเณรเจ้าถิ่นรับน้องอย่างแสบสันคันคะเยอทั่วสรรพางค์ เมื่อเณรหัวโจกเจ้าถิ่นเล่นสัปดนนำยางเต่าร้างหยอดลงไปในน้ำอาบ ทั้งเณรทั้งพระพี่เลี้ยงอาคันตุกะคันคะเยอะกันถ้วนทั่ว ผมโชคดีหน่อยที่คิดจะอาบน้ำทีเดียวเลยก่อนเข้านอนยอมทนเหนียวตัวพักตากลมไล่ร้อน แต่ต้องมาสาละวนทายาแก้คันจนกลายเป็นมนุษย์คลุกแป้งสีชมพูเป็นที่น่าขบขันระคนน่าสงสาร ความคิดในเรื่องจะล้อมวงเล่าเรื่องผีเป็นหมันไปโดยปริยาย แม้แต่ในสมุดบันทึกของสามเณรวินก็ไม่ปรากฏเรื่องผีอีกเลย ชะรอยว่าผีที่สามเณรวินพบเจอมีจุดประสงค์เพียงขอบุญกุศลเพื่อให้ตนได้ปรับภพภูมิไปตามบุญกรรมของปัจเจกบุคคล จำวัดหลับไปเป็นปกติไร้เรื่องกังวล ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ในวันถัดไปเดินเท้าออกจากวัดไปวัดที่สาม เพียงแค่เหยียบย่างเข้าวัดสัมผัสได้ขนลุกซู่ วัดมีความเก่าแก่แบบบ้านๆ ที่พักที่นอนมีอย่างจำกัดจำเขี่ย มีศาลาการเปรียญหลังย่อมๆ 1 หลัง ศาลาเคียงเมรุเผาศพ 1 หลัง และศาลาย่อมๆ 1 หลังกลางลานวัดโด่ๆ เดี่ยวๆ ใช้เป็นที่จำวัดของพระพี่เลี้ยงส่วนหนึ่ง ส่วนผมนอนร่วมกับสามเณรที่ศาลาเคียงเมรุในป่าช้า ผมนำสัมภาระไปไว้ที่ศาลา อดไม่ได้ที่จะมองดูเมรุ ความรู้สึกผมพยายามไม่คิดกลัวแต่ก็อดกลัวไม่ได้เสียจริงๆ เมรุนั้นยกพื้นสูงประมาณ 150 เซนติเมตร เรียกว่าสูงกว่าศีรษะสามเณรน้อยๆ ทั้งหลาย เมรุทาสีขาวแต่สีหลุดล่อนกะเทาะไปเผยเห็นปูนสีเทาซีดๆ กะดำกะด่าง เหนือจั่วหน้าเมรุประดับปูนปั้นเศียรพระพรหมสีหลุดล่อนเช่นกัน นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวเมรุนี้จับใจเพราะเกิดมาไม่เคยเห็นว่ามีเมรุที่ไหนประดับตกแต่งด้วยเศียรพระพรหม คือว่าไม่น่าจะอยู่บนหรือเปล่า มาทั้งองค์ผินพระพักตร์ทอดเนตรสี่ทิศยังหลอนเลย นี่มีเพียงแค่เศียร หลอนจับใจเลย บนเมรุแบ่งพื้นที่สองส่วนคือ พื้นที่วางโลงศพประกอบพิธีกรรม และส่วนเตาเผาศพมีประตูเหล็กซี่โปร่งๆ เลื่อนปิดกั้นไว้ หลังประตูซี่เหล็ก เป็นเตาเผาศพแบบใช้ถ่านฟืนไม่ได้พัฒนาให้เป็นแบบไฟฟ้าไร้มลพิษเหมือนอย่างวัดในเมือง ผนังเหนือประตูเตาเผาเขียนว่า สู่สุคติ ในนั้นอึมครึมมัวๆ เพราะแสงสว่างสาดเข้าไปไม่ค่อยถึง เณรน้อยบางคนก็แอบขึ้นมาสำรวจเมรุ ผมเลยไล่เณรน้อยลงมาและนำพาตนเองออกจากตรงนั้น แต่มันไม่เป็นผลหรอก สามเณรน้อยซุกซนใช้เมรุสุดสะพรึงเป็นสถานที่เล่น จนผมละความสนใจจากเมรุเดินมาพูดคุยกับพระพี่เลี้ยงจนมืดค่ำ ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าจำวัด หลวงพี่ก้านทำพิธีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมนึกสงสัย เห็นว่าท่านนั่งสวดงึมงำๆ อยู่นานมีสามเณรล้อมรอบฟังอยู่ ผมยืนดูจนเสร็จพิธี สามเณรเข้านอน
“ผมสวดกำแพงแก้วคุ้มกัน แล้วกรณียเมตตสูตรน่ะคุณ” หลวงพี่ก้านตอบคำถาม “เด็กพวกนี้อาจจะไปเล่นซุกซน สิ่งที่มองไม่เห็นอาจจะไม่พอใจ ตอนนี้เด็กบางคนเริ่มป่วยไข้แล้ว ผมช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ ผมมีวิธีของผม คนอื่นอาจจะเข้าใจว่าผมงมงายเชื่อในไสยศาสตร์จนลืมไปว่าเป็นพระ พระดีคืออะไร ก็ล้วนเป็นสิ่งสมมติทั้งนั้นแหละ” หลวงพี่ก้านตอบอย่างวางท่าที
“อย่างนี้หลวงพี่น่าจะมีเจอผีเยอะแยะเลย” ผมอยากจะฟังเรื่องผีจากหลวงพี่ก้านเพราะคาดการณ์ว่าท่านน่าจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับผีไม่มากก็น้อย
“เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ คุณควรจะรีบเข้านอนก่อนที่จะนอนไม่หลับไปทั้งคืน” หลวงพี่ก้านบอกปัดแล้วเดินเลี่ยงไปห้องน้ำ ผมก็ทำตามที่หลวงพี่ก้านแนะนำ เดินกลับไปนอนที่ศาลาคู่เมรุแต่โดยดี