รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ
ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ
ผีมีจริงหรือไม่?
คนเราตายแล้วไปไหน?
สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
พรานผาดยังคงเล่าเรื่องกฎเกณฑ์ของป่าที่มาที่ไปและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับอาถรรพ์ของป่าถวายให้พระภิกษุอินทร์ต่อไป
“กระผมถือหนักถือหนาขอรับ ว่าห้ามเข้าป่าล่าสัตว์ในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวขอรับ เพราะผมเจออาถรรพ์มากับตัวเอง” พรานผาดเกริ่นขึ้น
“ยังไงรึคุณโยม?” พระภิกษุอินทร์ถาม
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ขอรับพระคุณเจ้า ต้องย้อนไปสมัยกระผมยังเป็นหนุ่มแน่นอายุ 20 กว่าๆ ขอรับ กระผมประมาทย่ามใจเรียนรู้วิชาพรานไพรมาจนครบถ้วนกระบวนความและมีประสบการณ์พอตัวแล้ว กระผมประสงค์เข้าป่าเพื่อไปจับปลาที่หนองน้ำในป่าลึก เพราะช่วงเพลานี้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ปลาน้ำจืดจำพวกปลาเนื้ออ่อน ปลาตะเพียน ปลาช่อนขนาดกำลังดี จับมาทำเค็มทำแดดเดียวไว้กินยามหน้าแล้งน่าจะเป็นการดี โดยกำหนดว่าจะเข้าป่าในตอนเช้าแล้วบ่ายแก่ถึงเย็นค่อยกลับออกมา” พรานเล่าความต่อไป เขาเข้าป่ามาเพียงลำพังเพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาร่วม เขาคิดว่าดีเสียอีกเพราะได้ปลาเพียงลำพัง
ในวันเข้าป่า อากาศแจ่มใสไร้เมฆฝนใดๆ มาเป็นอุปสรรคขัดขวาง ก่อนเข้าป่าพรานผาดทำพิธีเปิดป่าอย่างเช่นเคย ไม่มีเหตุอันให้ขัดข้องหรือล้มเลิก พรานผาดเดินเข้าป่ามาเรื่อยๆ เสียงสิงสาราสัตว์ทั้งกึกก้องมาแต่ไกล นกป่าอย่างนกขมิ้น นกแต้วแร้ว นกแซงแซวบินฉวัดเฉวียนเกาะคอนไม้โผบินไปมาชวนเพลิดเพลิน พรานผาดเดินมาถึงหนองน้ำใหญ่ สภาพแวดล้อมตรงนั้นรื่นรมย์ พรานผาดสังเกตดูว่ามีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ เพราะขึ้นชื่อว่ามักจะมีอันตรายแฝงไว้อยู่เสมอ อย่างในหนองน้ำนี้อาจจะตะเข้ตะโขงได้ พรานสังเกตดูเห็นสัตว์ป่าเก้งกวางกกินน้ำในหนอง ก็คลายความระวังไปเปลาะหนึ่ง ถ้ามีสัตว์ป่าชุกชุมเช่นนี้ คงจะปลอดภัยไร้อันตรายจากตะเข้ตะโขง พรานหนุ่มจัดแจงเบ็ดให้พร้อมต่อการใช้งาน ปลาในหนองขึ้นมาฮุบอากาศผิวน้ำผุดเป็นพรายฟองเต็มทั่วทั้งหนอง พรานผาดเริ่มตกเบ็ด ปลากินเหยื่อโดยง่ายดาย จนได้ปลาทั้งปลาช่อน ปลาตะเพียนมาเต็มกระบุงโกย พรานหนุ่มรู้สึกหิวโหยคิดจะกินข้าว เขาจึงเลือกปลาช่อนมาหนึ่งตัว แล้วใช้มีดหมายจะผ่าควักไส้พุงปลาเพื่อย่างกินกับข้าว
กรี๊ดดดดดดดด
เพียงแค่พรานผาดจรดมีดลงที่ตัวปลา บังเกิดเสียงกรีดร้องของผู้หญิงโดยไม่ทราบที่มา ดังอยู่หนหนึ่งแล้วเงียบไป พรานผาดไม่สนใจจัดการผ่าปลาควักไส้ใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่ใช้ใบไม้ปิดฝาไว้เรียบร้อย เขาก่อกองไฟย่างปลากินแกล้มกับข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เหลือซากปลาก็ฝังดินไว้ไม่ให้เหลือ นั่งเอนกายอยู่ครู่ก็ดำริว่าสมควรแก่เวลากลับบ้านเรือนออกจากป่าเสียที เขาจัดแจงเก็บสัมภาระที่ติดตัวมารวมทั้งกระบุงใส่ปลาไว้อย่างดิบดี
ซู่...ซู่...ซู่... เปรี้ยง!
ฝนฟ้าคะนองเทลงมาหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา พรานผาดวิ่งไปหลบฝนที่โคนต้นไม้ใหญ่ที่ขนาประมาณสามสี่คนโอบรอบ ฝนตกหนักนานมาก เขาคาดเดาเวลาน่าจะบ่ายแก่ๆ แล้ว หากยังไม่หยุดตก คงจะไม่ได้กลับออกจากป่าไป และก็เป็นไปอย่างที่คิด ฝนค่อยๆ ซาแล้วหยุดตกเมื่อล่วงเข้าเวลาโพล้เพล้อันธนการ ความยากลำบากจึงบังเกิดขึ้นแก่พรานผาดเสียแล้วเพราะเขาไม่ได้ตระเตรียมอุปกรณ์มาสำหรับเพื่อการพักค้างอ้างแรมในป่า จะจุดไฟก็ยากแม้จะมีเหล็กไฟแต่เชื้อไฟก็หมด ไม้ฟืนที่เคยหาไว้กลับเปียกชื้นเพราะน้ำฝนไปเสียแล้ว เขากลับดูที่ทางริมหนองน้ำที่เขาเคยใช้เป็นที่ตกปลา สภาพเละเทะ กระบุงใส่ปลาเลอะเปรอะเปื้อนโคลนแต่มีเรื่องให้พรานหนุ่มตกใจระคนสงสัย เมื่อกระบุงใส่ปลามีเพียงความว่างเปล่า ปลาในกระบุงที่เขามั่นใจว่าไร้ชีวิตแล้วไซร้กลับอันตรธานหายไป
“ทำเยี่ยงไรดีทีนี้” พรานผาดร้องแล้วเดินไปดูหนองน้ำ ในตอนนี้สภาพน้ำในหนองขุ่นคลักเพราะฝนที่เทลงชะล้างดินโคลนลงไปปะปนในในน้ำ ยังมีโชคดีอยู่บ้างเพราะตอนมาถึงริมหนองน้ำ เขาตักน้ำใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่ยาวปิดจุกไว้ดิบดี พรานผาดจึงหาใบไม้ใบหญ้าเล็กใหญ่จำนวนมากพอที่จะปกปิดตนให้มิดชิดนำไปสุมไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่ ตระเตรียมกระบอกไม้ไผ่สำหรับอุจจาระปัสสาวะ พอเริ่มมืดมิดจึงบังไพรเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายจากสัตว์ป่า นั่งดูความเป็นไปในป่า เห็นสัตว์น้อยใหญ่มากินน้ำในหนองมาแล้วก็ไป นานไปเท่าไหร่ไม่รู้เพราะมีแต่ความมืด แหงนหน้ามองฟ้าเห็นท้องฟ้ารำไร ดาวดารดาษเต็มฟ้าสกาว
ตึง... โจ๊ะ... ตึง... โจ๊ะ...ตึง... โจ๊ะ...
เสียงดนตรีฉิ่งกรับลอยแววมาแต่ไกลในป่าลึก ลอยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พรานผาดเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ สัตว์ป่าที่กินน้ำอยู่หนีแตกกระจายหายไปตัวละทิศตัวละทาง พรานผาดเห็นเงาของคนสองคนเคลื่อนไหวมาถึงริมหนองน้ำแล้วหยุด เงานั้นเป็นเงาของชายคนหนึ่งถือกรับแล้วขยับกรับในมือกระทบกันจนเกิดเสียงเป็นจังหวะ เงาอีกเงาเป็นหญิงถือฉิ่งตีเป็นจังหวะดังโจ๊ะๆ เช่นกัน
สิบนิ้วประนมกร
กราบขอพรพระไตรรัตน์
ไตรเทพดลไตรตรัส
สารพัดในไตรภพ
เทิดบิดรมารดา
ให้กายามาครันครบ
พากเพียรเล่าเรียนจบ
ขอน้อมนบบูรพาจารย์
ปวงเทพเทวฤทธิ์
ที่สถิตทุกถิ่นฐาน
ทั้งท้าวจตุโลกบาล
โปรดบันดาลให้เกิดดี
เชิญองค์พระพิฆเนศวร์
มาปกเกศเกล้าเกศี
ขอองค์สุรัสวดี
มาเป็นศรีแห่งวาจา
พระพรหมอยู่เบื้องซ้าย
พระนารายณ์อยู่เบื้องขวา
แม่ธรณีแม่คงคา
ได้โปรดมาเป็นแรงใจ
ขอพระภูมิเจ้าที่
ได้โปรดชี้สิ่งสงสัย
ปกป้องผองโพยภัย
บันดาลให้สวัสดี... [1]
หญิงผู้นั้นร้องเพลงสาธุการบทไหว้ครูโดยมีฉิ่งและกรับให้จังหวะ จากนั้นชายผู้นั้นร้องเพลงขอทานเนื้อเรื่องเป็นเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องพระทิณวงศ์
ญ: คงเบื่อเครื่องยศเครื่องทรง ก็เลยฉลองพระองค์ เป็นทิณวงศ์ง่อยเปี้ยเสียหน้า
ช: ฟ้าลองใจเจ้าไพรเห็นว่า ยอดกัลยาต้องเห็นรูปใน
ญ: ยอดกัลยาต้องเห็นรูปใน…
ช: ในกระท่อมคนง่อยพิการ ฟ้าสุดทนรำคาญ เลยดลบันดาลธิดามาให้
ญ: ธิดาเนื้อเย็นเมื่อเห็นคนไพร่ เลยถอดสไบให้ไว้ห่มนอน
ช: เลยถอดสไบไว้ให้ห่มนอน… พี่นาง ต่างก็แค้นใจ ที่น้องสาวให้สไบ ให้ชายคนที่ไม่มีหัวนอน
ญ: ความอิจฉาเป็นเรื่อง ท่านเจ้าเมืองถึงกับตัดรอน ไล่ธิดาเร่ร่อนให้ไปนอนกระท่อมปลายนา
ช: ง่อยภิรมย์สมหน้าแต่ไม่กล้าถูกเนื้อต้องกาย
ญ: องค์พระอินทร์ทรงใช้ปัญญา ยกทัพมาล้อมพารา แล้วแกล้งพาดท่าเสียทีแพ้พ่าย ทิณวงศ์พระองค์จะได้ อยู่กินสบายกับพระธิดา
พร้อมกัน : อยู่กินสบายกับพระธิดา... [2]
เอ่อ..............................
อันตัวของข้า ดวงตาพิการ
เกิดเป็นขอทาน ยากไร้
ไม่มีบ้านช่อง เงินทองก็ขัดสน
นอนข้างถนน และพุ่มไม้
พ่อแม่ไม่มี ขาดพี่น้องๆ
อาศัยเสียงร้อง เลี้ยงกาย
วณิพกเสียงทอง เอ่อ... เที่ยวท่อง
งันงกเล่านิทานชาดก ได้มากมาย
เล่าเป็นทำนอง ร้อยกรองขานขับ
สองมือขยับ กรับไม้
พระชนกเตมีย์ คาวีสังข์ทอง
อีกทั้งนางสิบสอง และสังข์ศิลป์ไชย
จันทโครพ สิงหไตรภพจันทร
อีกทั้งเวสสันดร ก็ร้องได้
เล่ามาหลากรส ทุกบททุกตอน
จนตะวันรอนๆ ลับทิวไม้
พ่อแม่เจ้าขอ เมตตาผมสักหน่อย
คนละร้อยสองร้อย บางเป็นไร
พ่อแม่เจ้าขอ เมตตาเถิดท่าน
คนละสิบยี่สิบ ก็ยังได้
ใครที่ไม่ทำทาน กลับไปบ้านแน่ชัด
ขอให้ถูกหมากัด นะจะบอกให้
กัดเสื้อกัดผ้า กัดหน้ากัดหลัง
กัดจนกระทั่ง ไอ้ที่นุ่งอยู่ข้างใน
ใครทำเหรียญสตางค์สองสตางค์เกิดใน
ชาติหน้า ระวังจะเกิดเป็น... เอิงเอย
ชายผู้นั้นร้องเพลงขอทานจบลงแล้วกล่าวว่า “มัจฉาในวารี ล้วนแต่ดีมีวิญญาณ คนบาปพรากชีวา อาสัญฆาตดับชีวี มาเถิดออกมาเถิด อย่าเตลิดเร้นไปไหน กลับคืนสู่ธารธารา ทั้งผองพงษ์พลันยินดี”
บังเกิดความผิดประลาดในท้องของพรานผาด เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับมีอะไรดิ้นคลักๆ อยู่ในท้องปั่นป่วนไปหมด จนเขาต้องขย้อนสำรอกออกมา เป็นปลาช่อนตัวที่เขากินเมื่อตอนกลางวัน มันน่าประหลาดใจและขนลุก ปลามันน่าจะถูกย่อยไปเรียบร้อย ปลาช่อนตัวนั้นแถกลำตัวไปเรื่อยๆ จนถึงหนองน้ำหายไป
โอ่..นอ..นวลเอย..เอ๋ยยะ..
ก่อนจะลาจากจร
ขออวยพรให้ทุกท่าน
มีอายุยืนนาน กว่าร้อยปี
ให้วรรณะผุดผ่อง
เปรียบดังทองธรรมชาติ
ให้ผิวพรรณผุดผาด เปล่งราศี
ให้ประสบความสุข
นิราศทุกข์นานา
โพยภัยจงอย่า มาราวี
ให้มีพละกำลัง ประดุจดังช้างสาร
แคล่วคล่องปฎิภาณ ดุจเมธี
ให้ชื่อเสียงเกรียงไกร เอย...
ขจรไปทั่วถิ่น
สร้างปรากฏให้แผ่นดิน นานนับปี
ให้มีโชคมีลาภ ให้สุขภาพสมบูรณ์
ให้ทรัพย์สินเพิ่มพูน พันทวี
ขออภัยสักครั้ง ถ้าผิดพลั้งวาจา
ก่อนกล่าวอำลา ณ ที่นี้
ให้มีสุขสรรเสริญ เพลิดเพลินอุรา
พบกันใหม่วันหน้า ถ้าโอกาสมี
ประทีปสุขโสภา ขอลาที
ขอให้สุขสวัสดี ทุกท่านเอย
โอ่... นอ...
ผู้หญิงขอทานร้องเพลงลาแล้วเงาทั้งสองดับหายไป เป็นเวลาเดียวกันที่พรานผาดหมดสติดับวูบ มารู้สึกตัวอีกก็เช้าอีกวัน เขาวิ่งแจ้นออกจากป่ามาลืมสิ้นสิ่งของต่างๆ ทิ้งไว้ เดือดร้อนพ่อแม่แลญาติๆ ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้
“นั่นแหละขอรับ กระผมเข็ดหลาบไม่กล้าเข้าป่าไปล่าสัตว์หาปลาในป่า ในช่วงปลายฝนต้นหนาวโดยเด็ดขาด ผมถือนักถือหนา ในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวตั้งแต่วันปวารณาออกพรรษาจนถึงวันลอยกระทง กระผมจะหยุดการเข้าป่าล่าสัตว์ จะถือเอาเป็นช่วงหยุดงานการไปท่องเที่ยวหรือมิเช่นนั้นนำของป่าไปขายขอรับ ส่วนเรื่องเสือสมิง กระผมเจอเพียงคราเดียวเมื่อเข้าป่าไปช่วยกลุ่มอ้ายบุญถึง เรื่องเสือสมิงคงต้องฟังจากปากของท่านพิบูลย์แล้วเสียกระมังขอรับ เพราะท่านพิบูลย์ไปประสบเหตุอันร้ายแรงเกี่ยวเนื่องด้วยเสือสมิงชื่อสมิงนางคำในวัยช่วงวัยรุ่นหนุ่มกระทงจนท่านพิบูลย์บ้านแตกสาแหรกขาดพลัดที่นาคาที่อยู่อาศัยวัดเป็นที่อยู่ที่กินจนกระทั่งบวชพระนี่แหละขอรับ” พรานผาดเล่าเอาไว้แล้วถือโอกาสกราบลาพระภิกษุอินทร์ ทิ้งเรื่องสมิงนางคำเอาไว้ให้พระภิกษุอินทร์ไถ่ถามจากพระพิบูลย์ในโอกาสต่อไป
[1] เพลงขอทานจังหวัดสุโขทัย ที่มา: มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม http://ich.culture.go.th/index.php/th/ich/performing-arts/236-performance/265-----m-s
[2] เพลงง่อยง๊อกแง๊ก คำร้องทำนอง: สมศักดิ์ ใจกว้าง ที่มาhttp://www.boysapolclub.com/Forums/index.php?topic=357.15