เมื่อผมเปิดกล่องสุ่มได้ปีศาจจิ๋วตัวเขียวอื๋อที่พูดด้วยสำเนียงบริติช แถมมีงานอดิเรกคือโรยกลิตเตอร์ทั่วบ้าน ชีวิตเด็กเจนซีสายดาร์กสุดเท่ของผมก็ไม่สามารถคุมโทนได้อีกตลอดกาล
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ยุคปัจจุบัน,thegrimpandi,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Grimp and I บ้านผมมีกริมป์ (และกลิตเตอร์เต็มพื้น)เมื่อผมเปิดกล่องสุ่มได้ปีศาจจิ๋วตัวเขียวอื๋อที่พูดด้วยสำเนียงบริติช แถมมีงานอดิเรกคือโรยกลิตเตอร์ทั่วบ้าน ชีวิตเด็กเจนซีสายดาร์กสุดเท่ของผมก็ไม่สามารถคุมโทนได้อีกตลอดกาล
ชื่อของผมคือ 'โมริ แคมป์เบล' ถ้าคุณเล่นอินสตาแกรมเยอะ ๆ ล่ะก็ คุณอาจเคยเห็นผมอยู่ในแท็บ explore ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรูปอาร์ตโทนขาวดำ รูปคนไม่มีหัว หรืออะไรที่ดู edgy แบบเด็กเนิร์ดสายอาร์ตจะชอบกัน ผมถูกอินสตาแกรมสุ่มให้ขึ้นในแท็บนั้นเรียกทัวร์อยู่ร่ำไป นักวิจารณ์ในคอมเมนต์ชอบเรียกมันว่าศิลปะที่ซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า บางคนก็บอกว่า 'แม่ง ไม่มีสาระห่าอะไรเลย' แต่ใครสนล่ะ ผู้ติดตามสามหมื่นคนก็ยังกดไลก์รูปกาแฟเย็นหรือเงาสะท้อนหน้าต่างโทนขาวดำของผมทุกวันอยู่ดี
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ชีวิตผมมันไม่ได้เท่เหมือนในรูปพวกนั้นหรอกนะ ชีวิตจริงของผมคือหนังแฟนตาซีเกรดบีที่พวกโปรดิวเซอร์คงขาดเงินลงทุน เพราะในโลกแฟนตาซีนี้มันเต็มไปด้วยกลิตเตอร์ กลิตเตอร์ราคา $2.94 ที่หาซื้อได้ในวอลมาร์ทนั่นแหละ แถมทั้งโลกนี้ยังมีแค่สิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่ผมรำคาญที่สุด—ไอ้เจ้ากริมป์ตัวแสบ
กริมป์คืออะไรน่ะเหรอ? มันเหมือนกับยุงที่เสพน้ำหวานแทนเลือด บินได้ไวเหมือนโดรนติดเจ็ตแพ็ค และกวนตีนเกินเบอร์ ไม่มีใครเห็นมันเลยนอกจากผม สมมติฐานแรกของผมที่บอกว่ามันเกิดจากอาการหลอนของยาปลอมหรือมาม่าหมดอายุยังไม่ถูกตัดทิ้ง และตอนนี้มีสมมติฐานใหม่มาเพิ่มเติมคือมันอาจเป็นวิญญาณแค้นที่เกิดจากการที่ผมแอบแต่งรูปพระแม่มารีให้เป็นร็อคสตาร์เหมือนลิซ่า แบล็คพิงค์ ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะเหตุผลใดกันแน่ ชีวิตนี้ก็ทำเรื่องชั่ว ๆ เยอะเกินจนจำไม่ได้ แต่ที่รู้แน่คือ ชีวิตผมตั้งแต่เจอมันไม่มีความสงบสุขอีกเลย
โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุด มันบินไปเปิดกระโปรงผู้หญิงที่ต่อแถวอยู่คิวก่อนหน้าผมในร้านกาแฟ จนทำให้ผมโดนฝ่ามือฟาดเข้าที่แก้มทั้งสองข้างจนเห็นดาว เสกให้ผมเดินชนเสาไฟ และเป่ากลิตเตอร์ใส่หน้าผมตอนภูมิแพ้กำเริบ เอาจริง ๆ ผมไม่รู้ว่ามันคือเวทมนตร์หรือการแก้แค้นของจักรวาล แต่ที่แน่ๆ ถ้ามีใครให้โอกาสเตะมันออกไปนอกโลก ผมขออาสาเตะมันคนแรก
เช้านี้ก็เหมือนกัน
“โมริ! นายจะไปคลาสไม่ทันนะ! ให้ฉันเสกข้าวกล่องให้มั้ย? เอาแบบหรูหราเหมือนเชฟระดับมิชลินเลย! ฮิฮิฮิ!”
ผมถลึงตาใส่เขา เพราะยังจำได้ว่าเมื่อวานเขาแอบใส่ปาปริก้าลงในขนมปังสังขยาจนผมสำลักน้ำหูน้ำตาไหลกลางแคนทีน
“ถ้ากินอาหารของนายแล้วต้องจบที่ห้องฉุกเฉินก่อนถึงคลาส ฉันขอผ่านดีกว่า”
กริมป์หัวเราะลั่นแล้วบินหายไป เหลือไว้แต่กลิตเตอร์ระยิบระยับเหมือนฉากเปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่ราคาถูก ผมแค่กลอกตา คว้ากระเป๋า แล้วเดินลงบันได เสียงหัวเราะของเขายังดังก้องในหัวจนไม่เกรนจะขึ้น
ชีวิตมหาลัยของผมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผมเรียนปีสาม คณะศิลปศาสตร์ เอกการถ่ายภาพ ที่มหาวิทยาลัยในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ผมไม่ได้เรียนเก่งมาก แต่ก็ไม่แย่ ผมใช้ชีวิตแบบอยู่ไปวัน ๆ มีเพื่อนพอประมาณ ทุกคนรู้ว่าผมเป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ตที่ไม่ค่อยชอบปาร์ตี้เสียงดัง แต่ถ้าคุณเห็นผมไปงานอะไร ให้เดาไว้ก่อนได้เลยว่ามันต้องเกี่ยวกับการทำคอนเทนต์ลงโซเชียล ช่องทางทำมาหากินของผม
ห้าโมงเย็น
หลังจบคลาส ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟร้านโปรด จิบลาเต้ร้อนที่มีลาเต้อาร์ตเป็นรูปหัวกะโหลก (ขอบคุณในความพยายามสุดโต่งของบาริสต้าที่อยากเอาใจลูกค้าคุมโทนดาร์กอย่างผม) มือถือผมดังขึ้นพร้อมข้อความจากใครบางคน
“เฮ้ นายเห็นตัวเองในหนังสือพิมพ์มหา’ ลัยยัง? เจ๋งว่ะ!”
ผมขมวดคิ้วก่อนกดเข้าไปดูลิงก์ที่เขาส่งมา
“โมริ แคมป์เบล: ผู้มองหารักแท้ในโลกขาว-ดำ”
ผมแทบจะพ่นกาแฟออกจากปาก “อะไรวะเนี่ย!?”
บทความยังเขียนต่อว่า
"ด้วยลุคขาว-ดำสุดเซอร์ที่ดึงดูดทุกสายตา และคำพูดประชดประชันที่เฉียบคมดั่งใบมีดโกน โมริ แคมป์เบล นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ปีสาม ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เทพเจ้าแห่งความมืด’ ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็สะกดทุกคนให้ต้องหันมามอง แต่อย่าให้ภาพลักษณ์สุดคูลของเขาหลอกคุณ เพราะภายใต้รอยยิ้มเหยียดน้อยๆ และคำพูดจิกกัดนั้น ซ่อนหัวใจที่กำลังมองหาคนที่จะเติมเต็มความว่างเปล่าในชีวิต เหมือนเงาสีเทาที่ต้องการแสงอุ่นสักแสงเพื่อปลอบโยน
คุณสมบัติเด่น
- สูง 5 ฟุต 7 นิ้ว พร้อมลุคมินิมอลสายดาร์กที่เหมือนหลุดออกมาจากพินเทอเรส
- พูดจาตรงไปตรงมาและมีเสน่ห์แบบที่คนรอบข้างบอกว่า "ปากแบบนี้ไม่น่ามีอายุถึงหกสิบปี"
- ชอบกาแฟดำ สายอาร์ต สายติสต์ และทุกอย่างที่เป็นสีดำ
คำบรรยายจากเพื่อนสนิท
เขาทำให้ทุกอย่างในชีวิตดูเหมือนงานศิลปะ ถ้าโลกของคุณสดใสเกินไป ฉันแนะนำให้มาคุยกับเขา โลกของคุณจะหม่นหมองลงทันที โอ๊ะ แต่อย่าไปนึกว่าเขาเป็นคนน่ากลัวขนาดนั้น ถึงเขาจะชอบถ่ายภาพเงาตัวเองในหน้าต่างที่เอาน้ำสีแดงมาทาเหมือนเลือดก็ตาม ตัวจริงเขาแค่...เหมือนแมวดำหลงทางในความเบียวของตัวเองเฉย ๆ”
ถ้าคุณมีคุณสมบัติ ดังนี้
- ชอบคุยเรื่องทฤษฎีสมคบคิด ไม่เน้น fact check
- รู้วิธีถ่ายรูปให้ติดฟีลเตอร์ที่ดูเหมือน "เพิ่งตื่นแต่งามดั่งเทพนิยาย"
- และที่สำคัญ... เข้าใจในตัวเขาที่รอคอยสีสันใหม่ ๆ มาถมในใจสีขาวดำ
อย่ารอช้า! ‘เทพเจ้าแห่งความมืด’ กำลังมองหาใครสักคนที่กล้าจะเดินเคียงข้างเขาในโลกอันมืดหม่นนี้ อาจจะเป็นคุณ... ที่กลายเป็นแสงสว่างที่เขาเฝ้ารอมาตลอดก็ได้!"
เสียงหัวเราะลั่นของใครบางคนดังขึ้นในหัวผม—กริมป์ เป็นไอ้ตัวแสบที่นอนตีพุงเล่นอยู่ในบ้านของผมแน่ ๆ
“เฮ้ นายต้องขอบใจฉันนะ ฉันเป็นคนบอกชมรมหนังสือพิมพ์ให้เขียนเรื่องนายเองล่ะ ฮิฮิฮิ!”
ผมแทบอยากขว้างมือถือทิ้งให้กระเด็นติดกำแพงแล้วเอาหน้ากดลงไปในลาเต้ร้อนจนหมดลมหายใจ โว้ยยยย!!! กริมป์ ไอ้ตัวแสบ!!! ถ้ามันโผล่มาตรงหน้าตอนนี้ ผมจะจับมันโยนออกนอกหน้าต่างแล้วเตะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่แรงจะส่งไปถึง สาบานเลย!!
เมื่อกลับถึงอพาร์ตเมนต์ กริมป์นั่งห้อยขาบนชั้นหนังสือเหมือนเด็กที่เพิ่งทำเรื่องสนุกสุดเหวี่ยงมา สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความภูมิใจในตัวเองแบบที่ทำให้ผมอยากจะเขวี้ยงอะไรก็ได้ใส่ให้หงายหลัง
“ไงล่ะ วันนี้เป็นวันสุดพิเศษเลยมั้ย?” เขาเอียงหัวถามด้วยน้ำเสียงที่ทั้งยียวนและน่าหมั่นไส้
ผมหยุดยืนมองเขา “ฉันควรถามนายมากกว่าว่าวันนี้ไปทำอะไรไว้บ้าง”
เขาแสยะยิ้มเหมือนแมวที่เพิ่งจับหนูได้ “ก็ไม่มากหรอกน่า แค่ทำให้คนเดินชนกระจก ฮ่าๆๆ! นายควรเห็นหน้าพวกเขา โคตรฮาเลย!”
ผมถอนหายใจยาว เดินผ่านเขาไปที่ตู้เย็น หยิบกาแฟเย็นกระป๋องมาดื่มดับอารมณ์ขุ่นมัว กลิ่นคาเฟอีนพอช่วยให้สมองผมตื่นขึ้นมาบ้าง แต่ไม่พอจะทำให้ลืมความวุ่นวายที่กริมป์สร้างไว้ได้
“จริงๆ ฉันก็คิดจะทำอะไรใหญ่กว่านี้ด้วยนะ แต่วันนี้มันสนุกเกินไปจนลืมเลย!” กริมป์พูดต่อ พลางโยกตัวไปมาบนชั้นเรียกร้องความสนใจจากผม
“ให้นายเลิกกวนประสาทฉันก็ถือว่าใหญ่พอแล้ว” ผมตอบเสียงเรียบ เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน เปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมา หวังว่าจะตั้งสมาธิกับโปรเจกต์ที่ยังไม่เสร็จ
แต่ก็เปล่าประโยชน์...
เสียงหัวเราะคิกคักของกริมป์ดังอยู่ด้านหลังเหมือนจงใจจะรบกวนผม เขาเริ่มโยนของบนชั้นหนังสือลงพื้นทีละชิ้น หนังสือ ปากกา กระดาษ ก่อนจะส่งเสียงเหมือนเด็กน้อยที่รอให้ผู้ใหญ่หันมาดุ
“นายจะเลิกทำตัวแบบนี้ได้เมื่อไหร่?” ผมหันไปถามด้วยความอดทนที่เหลือน้อยเต็มที
“เมื่อไหร่ที่นายยอมรับว่าชีวิตของนายขาดฉันไม่ได้ไง!” เขาตอบพร้อมหัวเราะสะใจ
“ยอมรับมาเถอะ โมริ ชีวิตนายมันน่าเบื่อจะตายถ้าไม่มีฉัน!”
“เบื่อเหรอ นายเรียกการต้องมาเก็บกลิตเตอร์ที่นายโปรยทิ้งไว้ทุกเช้า กับการถูกล้อเลียนในหนังสือพิมพ์มหา’ ลัยว่าสนุก? ถ้าใช่ นายกับฉันคงมีนิยามของคำว่า ‘สนุก’ ที่ต่างกันสุดขั้ว” ผมพูดพลางโยนฝาขวดกาแฟใส่เขา แต่เขากระโดดหลบไปอย่างง่ายดาย
กริมป์หัวเราะร่วนก่อนจะลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “โอ๊ย นายต้องใจเย็นกว่านี้หน่อย โมริ! ฉันทำให้ชีวิตนายมีสีสันนะ! นายต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำที่ทำให้ทุกวันไม่น่าเบื่อเหมือนกาแฟดำของนาย”
ผมสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งจนเขาเริ่มเงียบ
“ถ้านายไม่หยุด ฉันจะสั่งไม้ช็อตยุงไฟฟ้ามาพรุ่งนี้”
กริมป์ชะงัก สีหน้าที่เคยมีแต่ความกวนประสาทเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นะ นายไม่กล้าหรอก...”
“ก็ลองดู” ผมตอบเสียงเรียบก่อนจะหันกลับไปที่จอคอม แต่ในใจผมก็รู้ดี ตราบใดที่เจ้าตัวแสบยังลอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ตเมนต์นี้ ชีวิตผมก็คงไม่ต่างอะไรจากคนป่วยที่มีอาการหลอนยา—
จริงสิ หรือว่าบางที ทางออกของผมอาจจะไม่ใช่การสั่งไม้ช็อตยุง... แต่เป็นด็อกเตอร์เนลสัน
คอยดูเถอะ พรุ่งนี้ ผมจะถล่มคลินิกให้ราบเป็นหน้ากลองเลย
.
.
TBC