"มารดาทูลหัวของชายดีเด่น นั้นชั่วช้าดุจมาร"-นฤมล

กลกลิ่นเเก้ว - บทที่1 อดีตที่ผ่านไปเเล้ว โดย ยามรุ่ง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,สงคราม,ย้อนยุค,อิงประวัติศาสตร์,สะท้อนปัญหาสังคม,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กลกลิ่นเเก้ว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,สงคราม,ย้อนยุค,อิงประวัติศาสตร์,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

กลกลิ่นเเก้ว โดย ยามรุ่ง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"มารดาทูลหัวของชายดีเด่น นั้นชั่วช้าดุจมาร"-นฤมล

ผู้แต่ง

ยามรุ่ง

เรื่องย่อ

หญิงสาวที่ออกมาตามหามารดาที่หายสาบสูญไปจนมาพบกับ หนุ่มทหารยศพันโท สืบไปสืบมาความลับนั้นอยู่ไกล้เเค่เอื้อม

สารบัญ

กลกลิ่นเเก้ว-บทที่1 อดีตที่ผ่านไปเเล้ว,กลกลิ่นเเก้ว-บทที่2 ไม่มีวันตาย,กลกลิ่นเเก้ว-บทที่3 คนชั่วย่อมได้รับผลจากการกระทำ,กลกลิ่นเเก้ว-บทที่4 ความขี้เกียจ,กลกลิ่นเเก้ว-บทที่5 ตนเท่านั้น,กลกลิ่นเเก้ว-บทที่6 คนพาล,กลกลิ่นเเก้ว-บทที่7 บัณฑิต

เนื้อหา

บทที่1 อดีตที่ผ่านไปเเล้ว

            อดีต° นาน•เมย•นย นป•ปฏิกง•เข อนาคตํ

              อย่ามัวรำพึงถึงอดีต   อย่าหวังอนาคต

                                         บทที่1

                                อดีตที่ผ่านไปเเล้ว

                                             1

หมอกหนาปกคลุมทั่วอาณาบริเวณจนอากาศไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ใบหญ้าสีอำพันอ่อนบดบังทัศนวิสัยเสียซะสิ้น ปืนกระบอกใหญ่ลั่นไกรไปในยามสงคราม คลั้นพาชายทหารกลุ่มหนึ่งดับชีพไปอย่างทุกข์ทรมาน ความชุลมุนกลืนกินบรรยากาศอันเงียบสงบที่เคยมี วิวทิวทัศน์ที่เคยสวยงาม บัดนี้กับกองไปด้วยซากศพนับไม่ถ้วนล้วนเเล้วเเต่เป็นทหารนายพัน เเต่ไม่ใช่กับหญิงวัยกลางคนที่วิ่งตัดผ่านสมรภูมิรบมาจนเเล้วจนรอด เเต่จะต้องตระหนี่กับดวงชีวิตน้อยๆที่ร่วมเดินทางมาด้วย เด็กทารกเเรกเกิดร้องสะงั่นด้วยธรรมชาติ จึงต้องจำให้นางเอาผ้าคลุมสีเทาขาดวิ่นอุดปากลูกน้อยไว้ เเต่เสียงเหนื่อยหอบของตนนั้นต้องยอมรับว่าสามารถกลบเสียงร้องงอเเงได้ดีเช่นกัน

ถึงอย่างไรถ้าเธอหยุดวิ่งนั่นเท่ากับอีก ชีวิตในโอบอ้อมจะไม่ปลอดภัย ด้วยใบหญ้าที่รั้งขาจนสะดุดล้มต้องตะเกียดตะกายราวกับหนอนไปตามผืนดืน ทันใดนั้นลูกตะกั่วเย็นเฉียบเเต่ร้อนเมื่อเข้าสู่ร่างกาย วิ่งเเล่นเข้ามากลางหลังพร้อมกับเสียงหนุ่มทหารตะโกนลั่นสั่งให้หยุด เเต่นางหาทำตามคำสั่งของเขาไม่ หญิงสาวผู้เป็นมารดาทูลหัวลูกขึ้นกระเผกวิ่งอีกครั้ง เเต่ความเจ็บปวดที่ถูกยิงเป็นเหตุให้ล้มไปไม่รู้นับรอบ พอยามสายัณห์ตะวันตกดิน หล่อนก็มาได้ไกลจากสนามรบหลายเเห่งมากเเล้ว เศษหินเเละดินกัดกินจนเป็นเเผลเวอะหวะ สูญเสียชีวิตตนไม่ว่าเเต่ลูกตัวน้อยที่หิวโซก็จะต้องอยู่รอดต่อไป จนมาเจอกระต๊อบไม้หลังไม่เล็กไม่ใหญ่ เป็นหนทางเดียวที่ชีวิตดวงน้อยในมือจะรอดจากเหตุสมรภูมิเช่นนี้ได้

     มือที่เปลียกโชกด้วยเลือดเเละเเผล-ฉกรรจ์มากมาย เคาะประตูไม้ผุๆ "ช่วยด้วยจ่ะ ช่วยด้วย"เสียงโอดครวญขอความช่วยเหลือจากคนในนั้น ที่หวังว่าพวกเขาจะช่วยเหลือเธอทั้งสอง เเต่กระนั้นก็ไม่เป็นดังหวังเสียงระเบิดเเละปืนใหญ่กลบเสียงเรียกหาของนางโดยสิ้นเชิง ไม่มีทางเลือกจึงหยิบกระเช้าไม้สานที่อยู่ข้างๆ นำลูกสาวน้อยใส่ไว้เเละหลังจากนั้นค่อยจากไป ยํ่าก้าวของหล่อนเร็วดุจสัตว์ป่าเเต่อย่างไรก็ไม่พ้นกระสุนปืนที่รวบเเรงยิงใส่ไม่ยั้ง "เฮ้ย"ระเบิดลูกใหญ่ถูกพ่นออกมาอยู่ตรงหน้า ขาเเข็งเหมือนหินด้วยวิ่งต่อไปไม่เสียไม่ได้ นํ้าลายก้อนใหญ่ถูกลืนไปเมื่อใดไม่ทราบ จึงทำได้เเต่รอความตายที่จะเยือนมาถึง พอระเบิดดังขึ้นร่างของเธอกระจุยกระจายไม่เป็นชิ้นส่วน คราบเลือดสาดกระเด็นไปโดนกระต๊อบหลังเมื่อครู่ ภายในนั้นมืดสนิทราวกับว่าเเสงจันทร์นั้นส่องเข้าไม่ถึง เทียนเล่มเล็กที่เอาไว้ถวายพระถูกจุดขึ้นจึงทำให้เห็นจมูกคมสันของเจ้าของเทียน เเต่ถึงกระนั้นก็ยืนยันตัวตนไม่ได้ว่าเป็นหญิงหรือชาย พอเจ้าบ้านเเน่ชัดเเล้วว่างสงครามสงบลง จึงค่อยๆเเง้มประตูบานเล็กดู ปรากฏร่างของเด็กทารกที่กำลังนอนหลับอยู่ในกระเช้าบรรจุผลไม้ "ใครล่ะเนี่ย ลูกใคร"เฮอะ"คนหนุ่มชายเอ๊ะสงสัยกับชีวิตดวงน้อย คลั้นหยิบมาดู "น่ารักดีฮะ"เขายิ้มบาน เด็กน้อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับหัวเราะทักทายอย่างเป็นมิตร 

"ศรีเรารับเด็กคนนี้นะ เหมือนเป็นลูกใครสักคน เเต่คงหนีไปเเล้วล่ะ"ได้สิ ถือว่าช่วยเหลือคนด้วยกัน ว่าเเต่จะตั้งชื่อว่าอะไรเล่า"สามีหยุดชะงักพรางคลุ่นคิดไปชั่วครู่ เเต่พอนึกออกปากก็ไม่หยุดหาเรียกชื่อ "นฤมลล่ะกัน"คำตอบออกมาเป็นเพียงสามประโยคเพียงเท่านั้น ทั้งสองประคองเด็กทารกเข้าเรือนไป

ประมาณสิบหรือยี่สิบปีที่ผ่านมานฤมลเเม้ว่าจะยังศึกษาเล่าเรียนวิชาไม่จบ เเต่ก็มีมานะขยันขันแข็งในการทำมาหากิน ต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อให้พ่อเเม่อยู่กินสบาย เธอจึงเป็นคนตระหนี่เเต่เล็ก เพราะตั้งเเต่เกิดมาก็หาสุขสบายอย่างคนอื่นไม่ ขนมไทยในกระเช้าหาบเร่ถูกขายจนหมดเกลี้ยงด้วยรสชาตินั้นละมุนนุ่มลื้นกินง่าย จึงทำให้ชาวบ้านรากหญ้าที่ไม่ค่อยมีสตังค์มีโอกาสลิ้มรสของอร่อยจากตน เป็นเเบบนี้เเทบทุกวัน เเต่พอวันที่จะขายไม่ได้เหล่าบรรดาลูกค้าชาวบ้านก็ไม่เหลือสักคน เเต่น้อยนักที่จะเกิดขึ้น หลายปีมานี้หญิงสาวเริ่มรู้จักทำมาหากินเลี้ยงชีพตนเเละบิดามารดาอย่างอดทนเเละมัทยัด ถึงเเม้ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยกายเเละใจก็ไม่หวั่น คลั้นพาหนี้สินถูกปลดที่ละน้อยก็ยังพอเพียง เสื้อม่อฮ่อมยับยู่ยี่ที่ใส่ก็เป็นเพียงไม่กี่ตัวที่มีอยู่ในบ้าน

ส่วนเเม่ค้าวาณิชย์ทั้งหลายที่ขายดิบดีเป็นเทนํ้าเทท่าก็ไม่เคยริษยา เเต่พอมานึกย้อนดูเเล้วก็รู้สึกท้อเเท้ในกายตน ที่ไม่สามารถรวยมีอำนาจเปี่ยมไปด้วยเงินทองได้ เเต่พอได้พิงเก้าอี้ไม้เเข็งๆตัวโปรดความเครียดเเละเศร้าโศกก็ถูกสะสมไว้ในเก้าอี้ตัวนั้น เสียงเพรียกร้องค้าขายดังเเว่วมาเเต่ไกล "เปียกปูนไหมจ๊ะ หอมใบเตยกะทิเลยนะจ๊ะ"เสียงเริ่มเเหบเเห้ง ทุกวันโดยปรกติจะมีเเค่ขนมหนึ่งอย่างที่ยกนำมาขายเพราะไม่มีทุนกำไรมากพอที่จะต่อยอดร้านขนมปูเสื่อของเธอได้ เเละในช่วงสงครามครั้งที่สองจะต้องประหยัดอดออมเอาไว้เพื่ออพยพ รถซาเล้งปั่นผ่านหน้าไปหลายคันก็ไม่มีเเม้เเต่เด็กยากไร้มาขอกินฟรี นฤมลจึงจำใจต้องเก็บร้านโดยกระทันหันเพราะดูจากสภาพฟ้าฝนเเล้วก็ไม่ดีนัก ตะกร้าหาบเร่ยกขึ้นบนบ่า เเววตาอันสู้ชีวิตเเละหยาดเหงื่อที่หยดย้อยเป็นการบอกเเบบเป็นนัยๆว่าเมื่อไรจะได้สุขสบายอย่างคนอื่น

กระต๊อบหลังเล็กๆก็ทำให้อุ่นใจได้ที่พ่อเเม่ทูลหัวยังไม่จากไปไหนไกล ถ้าถึงวันนั้นจริงๆเธอก็จะต้องรับมือจากการลับไปของทั้งสองให้ได้ ส่วนขนมที่เหลือทางตนก็จะไปมอบให้ทหารชาวฝาหรั่งได้กินประทังท้อง เเต่กลับได้ภาษาที่ฟังเเล้วจับใจความไม่ได้กลับมาทุกครั้ง "ป๊อกๆ"เเม่ศรีมลมาเเล้วจ่ะ"สาวสวยตากลมโตหน้าตายิ้มเเย้มสดใส ถึงเเม้ว่าจะทำงานหลังคดหลังเเข็งก็ไม่ได้ลดความสวยสะพรั่งไปจากเธอเลย จนตกไปเป็นที่หมายปองของคนหนุ่มคนเเล้วคนเล่า เเต่ถึงอย่างนั้นก็็ไม่ได้ทำให้นฤมลอ่อนไหวเเม้เเต่นิดเดียว ใจที่มุ่งมั่นฝักไฝ่ในการหาเลี้ยงชีพ หนักเเน่นพอที่จะปฏิเสธคนที่ชอบพอกันได้

หญิงเเก่-งอมเปิดประตูไม้เก่าเเก่ออกมาพร้อมทั้งเห็นรอยยิ้มอันเข้มเเข็งประจักษ์ต่อหน้าตน "เป็นไงวันนี้ขายดีไหม"สิ่งเเรกที่ถามคือสารทุกข์สุขดิบของการทำมาค้าขายของลูกสาวหัวเเก้วหัวเเหวน "ไม่เลยจ่ะ เเต่ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ลองดูใหม่"เธอเองก็มีความสามารถพิเศษที่ยากคนจะมี คือการสลัดความทุกข์ออกได้ง่ายต่างจากคนเป็นพ่อเป็นเเม่ที่เเม้เรื่องเมื่อนานมาเเล้วยังทำใจยอมรับไม่ได้ เพราะการอบรมบ่มเพาะมาเเต่เด็กที่ลำบากเเล้นเเค้นจึงมีความอดทนสูงกว่าสาววัยนี้ "เเล้ววันนี้จะไปหาทองคำหรือปล่าว"จ่ะ"พอเตรียมของใส่กระเป๋าเเล้วนฤมลจึงกระโดดโลดเเล่นไปหาทองคำที่เรือนไม้ยกสูงซึ่งโดเด่นที่สุดในย่านนี้

เขาผู้นี้คือเพื่อนชายเพียงคนเดียวที่ใจกล้าขาเเข็งไม่ปักใจรักเธอไปเสียก่อน จึงได้เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งเเต่เล็กยันโต ซึ่งที่บ้านของทองคำทำธุระกิจยาจีนด้วยมีไร่นาสาโทเป็นทุนเดิมเเละผัวใหม่ของเเม่เป็นคนจีนเเต้จิ๋วที่ถนัดด้านการปรุงยารักษาโรค ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอยาประจำหมู่บ้านชุมชนเเห่งนี้เลยเทียว

"ทองคำ มานี่เร็ววันนี้ฉันเอาหนมเปี๊ยะมาฝาก"เอามาจากไหนอ่า"พอดีเอาขนมไปให้กงตรงศาลเจ้า เขาก็เลยให้มา"เอามากินซิ"เกลอทั้งสองปรกติเวลาที่มีอะไรมักจะเเบ่งปันกันเสมอ

                                                                   1กลกลิ่นเเก้ว