“ไม่ใช่พรหมลิขิตหรอกที่ทำให้เราได้พบกัน ที่ผ่านมาฉันจงใจทั้งนั้นแหละ

PIT A PAT - Chapter : เปิดร้าน โดย Lady.Iris @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

PIT A PAT

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

PIT A PAT โดย Lady.Iris @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“ไม่ใช่พรหมลิขิตหรอกที่ทำให้เราได้พบกัน ที่ผ่านมาฉันจงใจทั้งนั้นแหละ

ผู้แต่ง

Lady.Iris

เรื่องย่อ

เมื่อหนุ่มอาร์ตติสรักสนุกได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลกของคุณตุ๊กตากระเบื้องสุดสวย

สารบัญ

PIT A PAT-Chapter : ศิลปิน,PIT A PAT-Chapter : ตุ๊กตา,PIT A PAT-Chapter : เพื่อนสนิท,PIT A PAT-Chapter : เปิดร้าน

เนื้อหา

Chapter : เปิดร้าน

Chapter : เปิดร้าน

ฮิลเวอรี่เริ่มรู้สึกอยากถอนคำพูดที่ว่าเขาจะไม่ไปสายขึ้นมาหน่อยๆ เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาตื่นสายหรือว่าจำวันผิดแต่อย่างใด เสื้อผ้าที่กองอยู่บนเตียงต่างหากที่ไม่ให้ความร่วมมือกันเลย อันที่จริงแล้วเด็กหนุ่มเองก็ไม่ใช่คนที่เรื่องมากอะไรหรอก แต่เพราะคนที่จะต้องเดินอยู่ด้วยทั้งวันดันเป็นพวกแต่งตัวเก่งอย่างเหลือเชื่อ

ขนาดไปโรงเรียนเทรย์เวอร์ยังไม่เคยใส่ไปซ้ำกันเลยสักวัน เพราะแบบนั้นจึงทำให้เขารู้สึกกดดันจนเลือกไม่ถูกว่าควรจะออกจากบ้านไปพร้อมชุดแบบไหนกันดี ถ้าแต่งเหมือนทุกทีจะดูธรรมดาเกินไปมั้ยนะ แต่เอ๊ะ ก็แค่ไปดูหนังกับเพื่อนเองนี่จะมานั่งกังวลทำไม

"ฟู่ว..." คิดได้ดังนั้นก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนตรงไปหน้ากระจกเพื่อลองชุดสักตัวสองตัวก่อนจะตัดสินใจเลือกหนึ่งในนั้นมาอีกที

"จะออกไปข้างนอกเหรอจ๊ะ" เอ็มม่าถามโดยที่ตัวยังอยู่ในครัว

"คะ..ครับ แค่จะออกไปเดินเล่นกับเพื่อนนิดหน่อย"

"งั้นเหรอ แล้วจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ"

"ก็คงเย็นๆ ล่ะมั้งครับ" ฮิลเวอรี่เงียบหลังให้คำตอบ คุณแม่บ้านเองก็ไม่พูดอะไรต่อส่งผลให้เกิดความกดดันขึ้นจนเด็กหนุ่มไม่กล้าเปิดประตูบ้านเพื่อออกไป แม้ว่านี่จะเป็นบ้านของเขาเอง

"ขอให้สนุกนะจ๊ะ ระวังตัวด้วยล่ะ"

"ครับ ขอบคุณ..." พอออกมาได้ก็ผ่อนลมหายใจ จนไหล่ห่อ ถ้าหากคนที่ถามเขาเมื่อกี้เป็นแม่ล่ะก็คงถามยาวกว่านี้แน่นอน โชคดีที่วันนี้แม่ออกไปงานเลี้ยงพร้อมกับพ่อตั้งแต่เช้าเลยทำให้เส้นทางสะดวกขึ้นเยอะ

"ไหนดูซิใครมาสาย" เทรย์เวอร์เอ่ยสิ่งที่น่าจะเรียกว่าคำทักทาย

"ขอโทษ"

"ไม่เป็นไรฉันให้อภัย แล้วก็ระหว่างที่รอนายฉันจองตั๋วไปแล้ว พอดีว่าไม่อยากต่อคิวน่ะ" ไม่ว่าเปล่ายังโชว์ตั๋วในมือขึ้นให้อีกคนดูด้วย

"แล้วเราจะดูเรื่องอะไรกันเหรอ"

"นี่ไง" ฮิลเวอรี่ก้มอ่านชื่อเรื่องอยู่พักหนึ่งทำให้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ ลอยขึ้นมาแตะจมูกคนถือเข้าอย่างจัง

"อ่านทั้งวันเลยก็ได้นะฉันไม่รีบ"

"อนิเมชั่นเหรอ"

"อ่าใช่ๆ ฉันรอเรื่องนี้มาตั้งนานเลยนะ"

"อยากดูขนาดนั้นเลยเหรอ" ความจริงฮิลเวอรี่ไม่จำเป็นต้องถามก็ได้เพราะประกายในตาของเทรย์เวอร์ได้ให้คำตอบมาหมดแล้ว

"ใช่ ทำไมอะ นายไม่อยากเหรอ"

"เปล่าๆ ฉันได้หมดนั่นแหละ แต่ว่ามันไม่เด็กไปหน่อยเหรอ"

"นายคิดงั้นจริงดิ แต่ฉันจำได้ว่ามันเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยนะ อีกอย่าง คนที่สร้างการ์ตูนขึ้นมาก็คือผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ"

"นั่นสินะ" เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นด้วยกับเทรย์เวอร์แม้ว่าตนเองจะยังไม่เคยมองในมุมนั้นบ้างเลย

"ไปซื้อป๊อปคอร์นกันเถอะ"

"โอเค เดี๋ยวฉันจ่ายเอง"

"ไม่เป็นไรฉันชวนนายมา เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง"

"ไม่เอา ฉันอยากช่วยจ่ายด้วย"

"โอเคๆ งั้นฉันไม่ขัดก็ได้" 

ระหว่างต่อแถวเพื่อซื้อของทานเล่นประสาทสัมผัสของฮิลเวอรี่ก็จับบางอย่างได้ สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่พวกเรา แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคงต้องแก้เป็นมองที่พ่อหนุ่มร่างสูงโปร่งข้างๆ เขาเสียมากกว่า

แน่ล่ะ ก็ตอนนี้อีกคนดูหล่อเนี๊ยบกว่าตอนที่อยู่โรงเรียนเสียอีก เพราะไม่มีกฎระเบียบมาคอยห้ามเทรย์เวอร์จึงจะทำอะไรกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองก็ได้ จะใส่ต่างหูสีดำหรือว่าแหวนกี่วงก็ได้

"ทำไมนายจ้องฉันแบบนั้นล่ะฮิล"

"กำลังคิดอยู่ว่านายเคยมียุคมืดหรือเปล่า"

"อะไรเนี่ย จะเอาไว้แบล็กเมล์ฉันเหรอ" ฮิลเวอรี่ถอนใจพลางคิดว่าต่อให้ทำแบบนั้นไปอีกคนก็คงหาทางกู้หน้าคืนมาได้อยู่ดี

"ตื่นเต้นจังเลย" ว่าพร้อมกับส่งเครื่องดื่มมาให้

ดูกระตือรือร้นไม่ต่างอะไรกับเด็กห้าขวบ และก็คงตั้งตารอมากจริงๆ นั่นแหละ เพราะตลอดทั้งเรื่องเทรย์เวอร์ไม่ได้พูดหรือว่าชวนเขาคุยอะไรเลย เอาแต่จดจ่ออยู่กับภาพฉายตรงหน้า มีหลุดขำบ้างหลุดยิ้มบ้างตามปกติเวลาดูอะไรแบบนี้

"นายหิวเหรอ เห็นกินหมดเกลี้ยงเลย" 

"เอ่อเปล่า ก็แค่มันอร่อยดี"

"ดีใจที่นายชอบนะ อ่า...สนุกจนอยากกลับเข้าไปดูอีกรอบเลยแฮะ"

"ฉันไม่เอาด้วยนะ" เทรย์เวอร์หัวเราะเสียงหึในลำคอก่อนจะอาสานำขยะไปทิ้งให้

"ยังพอเหลือเวลาอยู่ ไปคีบตุ๊กตากันเถอะ"

"อืม เอาสิ" น้ำเสียงสั่นบ่งบอกชัดเจนว่าความมั่นใจของฮิลเวอรี่เป็นศูนย์ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่ลองดูสักครั้งก็คงน่าเสียดายแย่

"ให้ตายดิ! เกือบจะได้อยู่แล้ว!" เอามือทาบกระจกในชนิดที่ว่าถ้ามุดเข้าไปเอาตุ๊กตาในตู้ได้คงทำไปแล้ว ปรากฏว่าศิลปะการคีบตุ๊กตานั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เลย ขนาดเทรย์เวอร์ที่ดูจะเก่งไปซะทุกอย่างยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับเขาที่ออกนอกบ้านนับครั้งได้กันล่ะ

"นายอยากลองมั้ย"

"ไม่น่าไหวหรอก"

"เอาน่าลองดูหน่อยไม่เป็นไรหรอก" ฮิลเวอรี่ผ่อนลมหายใจแล้วยอมทำตามไปจะได้เลิกตื๊อสักที มือเรียวยื่นไปคว้าคันโยกสีแดง ทุกอย่างมันดูเบาหวิวไปหมด พอเลือกเป้าหมายได้ก็ปล่อยกรงเล็บลงมา

"เอ่อ...ฮิล นั่นมันไม่โดนตุ๊กตาตัวไหนเลยไม่ใช่เหรอน่ะ"

"ก็บอกแล้วไงว่าฉันทำไม่ได้หรอก" ฮิลเวอรี่ตัดพ้อชุดใหญ่จนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องส่งมือมาลูบหัวเพื่อปลอบให้อารมณ์ดีขึ้น

"ไม่เป็นไรๆ ครั้งหน้าก็พยายามเข้าล่ะ" 

"อืม" ครั้งหน้า ยังมีครั้งหน้าอยู่

"ถ้าแพทอยู่ล่ะก็ป่านนี้ได้เป็นร้อยตัวแล้วมั้ง"

"แพทริคเล่นเก่งเหรอ"

"โคตรๆ เลยแหละ" พูดโดยที่ยังคงจ้องเข้าไปในตู้กระจก ด้วยแววตาที่หมายจะเอาของด้านในกลับบ้านให้ได้

"เห้ย! ได้แล้ว!" กรงเล็บเหล็กยกตุ๊กตาโลมาสีฟ้าขึ้นมาจนได้ ฮิลเวอรี่ตื่นเต้นยิ่งกว่าคนเล่นไปแล้ว เด็กหนุ่มเฝ้าดูมันตาไม่กะพริบ ในใจก็ภาวนาให้เทรย์เวอร์ทำสำเร็จ

"เสร็จฉันล่ะ!" 

"เยี่ยมเลย" รางวัลตกลงมาตามช่องให้ผู้เล่นได้ยื่นมือเข้าไปหยิบด้วยตัวเอง

"ไทลี่จะชอบมั้ยนะ"

"ใครเหรอไทลี่"

"น้องสาวฉันเอง" สายตาของเทรย์เวอร์ดูอบอุ่นขึ้นทันทีเมื่อเอ่ยถึงคนในครอบครัว

"นายอยากลองอีกรอบมั้ย"

"คิดว่าไม่ดีกว่า" ฮิลเวอรี่ไม่ได้หมายความว่าจะถอดใจจากเจ้าสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต แต่เด็กหนุ่มแค่มั่นใจว่าเขาคงทำมันไม่ได้ในเร็วๆ นี้หรอก เทรย์เวอร์ยิ้มอ่อนก่อนจะยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาพร้อมกับแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ฮิลเวอรี่จึงพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เวลาสนุกหมดลงแล้วสินะ

"ฉันต้องไปแล้วล่ะ รุ่นพี่ที่ร้านน่าจะมากันแล้ว"

"โอเค งั้นแยกกันตรงนี้"

"นายไม่อยากให้ฉันไปส่งหน่อยเหรอ"

"ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้" 

"งั้น...ถึงบ้านแล้วส่งข้อความบอกฉันด้วยโอเค๊"

"ฉันไม่ใช่เด็กนะ"

"อะไร ก็เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพเยอะจะตาย เกิดนายถูกลักพาตัวขึ้นมาทำไง ยิ่งตัวเท่านิ้วก้อยแบบนี้บางทีอาจจะ-"

"โอเคๆ ถ้าถึงบ้านแล้วฉันจะรีบส่งข้อความบอกนายทันทีเลย บาย" คนที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่เด็กยกมือขึ้นบ้ายบายเขาแล้วจึงค่อยเดินจากไป แน่นอนว่าเทรย์เวอร์ก็ต้องโบกมือให้กลับเหมือนกันแต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาด้วยคือรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า

"แต่งตัวหล่อเชียว มีเดตเหรอวันนี้" มีเสียงทักทายดังขึ้นทันทีเมื่อเทรย์เวอร์ปิดประตูหลังร้านลง คนที่มีอายุมากที่สุดในร้านส่งยิ้มมาให้เขา ผู้ชายคนนี้ชื่อว่าแบรน หรือแบรนดอนรุ่นพี่ที่แสนดีอีกหนึ่งคนของร้าน นับว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านงานบริการที่สุดเลยก็ว่าได้ ทำให้เขาได้รับบทเป็นผู้ถ่ายทอดทักษะเหล่านั้นให้กับพนักงานคนอื่นๆ รวมถึงเทรย์เวอร์ด้วย

"ก็ใช่น่ะสิ คนฮ็อตอย่างผมน่ะต่อให้เป็นวันหยุดก็ไม่ค่อยว่างหรอก"

"เห้อ หน้าหมั่นไส้เหมือนที่เธอบอกเป๊ะเลย" แบรนหันไปพูดกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

"รู้สึกว่าจะมากกว่าเมื่อก่อนอีกนะคะ"

"อ้าวเกวน เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" เทรย์เวอร์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสูง เขาไม่ทันได้สังเกตเธอเลย อาจเพราะสาวเจ้าตัวเล็กจนทำให้พอยืนอยู่ด้านหลังรุ่นพี่แล้วกลายเป็นแค่ฝุ่นไปเลย

"สักพักแล้วล่ะ"

"นิโคลคงไม่ได้มาด้วยใช่มั้ย"

"มาสิ แต่ว่ากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างนอกน่ะ"

"เยี่ยม งั้นฉันกลับก่อนที่เธอจะเจอฉันดีกว่า" เทรย์เวอร์รีบหยิบถุงกระดาษที่ติดชื่อตัวเองเอาไว้ก่อนจะเดินออกทางหลังร้านเหมือนกับตอนแรกที่เข้ามา แต่แล้วการกระทำทุกอย่างก็หยุดชะงักไปเพราะเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าชื่อของใครปรากฏบนหน้าจอสมาร์ตโฟน

ฮิลเวอรี่ : ถึงแล้ว

                มีใครดุอะไรมั้ย :

ฮิลเวอรี่ : ไม่มี

                สนุกหรือเปล่า :

ฮิลเวอรี่ : สนุกดี

               งั้นไว้อาทิตย์หน้าไปด้วยกันอีกนะ :

ฮิลเวอรี่ : แล้วแต่

เทรย์เวอร์เมื่อได้อ่านข้อความก็ถึงกับไหล่ตก ปกติอีกฝ่ายก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว พอไม่เห็นหน้าก็กลายเป็นเหลือแค่สองพยางค์ไปเลยเหรอ ให้ตายสิ 

 

ฮิล : ไว้ครั้งหน้าฉันจะคีบตุ๊กตาให้ได้นะ บาย

 

ขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ทั้งหมด คำว่าครั้งหน้ามันส่งผลให้เทรย์เวอร์ใจร้อนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าจนอยากจะเดินทางข้ามเวลาไปให้ถึงตอนนั้นเร็วๆ

"ยิ้มอะไรของนาย หรือว่ากลายเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ" เด็กหนุ่มหันขวับไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่กัดตลอดกาล มองภายนอกแม่สาวผิวซีดคนนี้อาจจะดูเหมือนอลิซ คัลเลนจากแวมไพร์ทไวไลท์ไม่มีผิด แต่ขอบอกเลยว่าอย่าให้รูปลักษณ์เหล่านั้นลวงตาได้ เพราะว่านิสัยน่ะตรงกันข้ามสุดๆ

"ถ้างั้นเธอก็คงกำลังคุยกับคนบ้าแล้วล่ะนิคโคล" เจ้าของชื่อส่งเสียงฟึดฟัดเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านเขาไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง ดีที่เทรย์เวอร์ชินกับมันแล้วไม่งั้นล่ะก็คงได้ยืนเถียงกันอีกยาว 

เช้าวันอาทิตย์มาถึงอย่างรวดเร็วและตารางชีวิตของเทรย์เวอร์ก็วุ่นวายตั้งแต่หัววันเพราะต้องสละเวลามาสอนการบ้านเพื่อนสุดที่รัก ส่วนตอนเย็นก็ต้องแวะไปช่วยที่ร้านซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในวันพรุ่งนี้เป็นครั้งแรก

"เดตเมื่อวานเป็นไง" แพทริคถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

"เหมือนจะดี"

"หมายความว่าไงเหมือนจะดี"

"ก็ฉันอยากอยู่ต่อให้นานกว่านี้หน่อยนี่นา แต่ฮิลต้องรีบกลับบ้าน ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่ของทางนั้นเขาค่อนข้างจะหัวโบราณยังไงก็ไม่รู้"

"เคยเจอแล้วเหรอ"

"ยังหรอก แต่เดาเอาจากสีหน้าฮิล" เป็นใบหน้าที่เห็นกี่ครั้งก็รู้สึกตลอดว่าน่าเสียดายนิดๆ นะที่ชีวิตวัยรุ่นต้องถูกกั๊กความสนุกเอาไว้

"พูดแล้วก็คิดถึงแฮะขอโทรหาหน่อยดีกว่า" 

"เห้ย เขาจะว่างคุยกับนายเหรอ"

"ถ้าไม่ก็แค่ตัดสายทิ้งไปเอง ฉันไม่โกรธหรอก" แพทริคยกมือขึ้นนวดขมับ ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนกับคนเอาแต่ใจแบบนี้ไปได้ไง

"โดนตัดสายแฮะ"

"ก็บอกแล้วไง โทรมาบุ่มบ่ามแบบนั้นใครจะไปรับ" เหมือนรู้จังหวะดีเพราะวินาทีถัดมาเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นเทรย์เวอร์จึงรีบกดรับทันที

"มีอะไร..." คนถือสายขมวดคิ้วรู้สึกไม่มั่นใจว่าคนที่กำลังคุยอยู่ด้วยคือฮิลเวอรี่ที่เขารู้จัก น้ำเสียงทุ้มต่ำเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตามมาด้วยเสียงหาวเบาๆ

"นี่นายเพิ่งตื่นเหรอ"

"อืม...เผลอหลับไปน่ะ"

"ขี้เซาจังฮ่าๆ" เทรย์เวอร์ยิ้มหน้าระรื่นและเหมือนจะมีดอกไม้สีชมพูกระจายออกมาจากรอยยิ้มนั้นด้วย ตอนนี้กลีบของมันได้ร่วงเต็มโต๊ะทำงานของแพทริคไปทั่ว

"นายมีเรื่องอะไรเหรอ"

"พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนพวกเราแวะไปคาเฟ่ฉันกันมั้ย ผู้จัดการบอกให้ชวนเพื่อนมาด้วยน่ะ เด็กวัยรุ่นมาเยอะๆ ร้านจะได้เป็นที่รู้จัก"

"อืม ถ้ามันไม่นานเกินไป"

"เยี่ยมเลย งั้นฉันไม่กวนนายแล้ว ฝันดีนะฮิล" บอกฝันดีเสียงหวานหูแล้วค่อยกดวางสาย

"ผู้จัดการพูดแบบนั้นจริงดิ"

"ไม่อะ ฉันก็แถไปงั้นแหละ" แพทริครู้สึกทึ่งขึ้นมาหน่อยๆ ถึงจะสนิทกันดีแต่เขาก็ไม่เคยหยุดประทับใจทักษะในการคุยของเพื่อนตัวเองเลย ก็คนอะไรมันจะโกหกได้ง่ายดายแบบนั้นล่ะ

"พวกเราที่ว่าเนี่ยรวมฉันด้วยใช่มั้ย" เทรย์เวอร์ได้ยินก็หันมามองพร้อมกับทำตาเป็นขีดใส่ ก่อนจะส่งเสียงจิ๊ปากแล้วพูดในสิ่งที่เหมือนกับมีคนบังคับให้มาพูด

"เออ รวมด้วยก็ได้" ยางลบสำหรับงานวาดรูปโดยเฉพาะถูกเขวี้ยงใส่ศีรษะของผู้เป็นเจ้าของอย่างจังด้วยความแค้นของคนที่นั่งตรงข้าม

"ฉันจะจดจำการทรยศครั้งนี้เอาไว้เทรย์เวอร์ โดโนแวน"

.

 

.

 

.

หากเป็นเมื่อก่อนการเรียนในห้องเรียนที่จัดโต๊ะแบบกลุ่มนั้นเป็นอะไรที่ฮิลเวอรี่ไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะเขาจะต้องเหลือเป็นเศษและสุดท้ายก็ต้องไปนั่งรวมกับพวกเศษเหมือนกันที่หลังห้องอีก แต่วันนี้มีคนจองที่นั่งเผื่อเขาแล้ว

"แปลว่าแขนนายใกล้จะหายแล้วสินะ"

"ใช่ ถ้าถอดมันออกได้เมื่อไหร่ฉันจะรีบกลับไปเล่นเลย ไม่อยากให้ฝีมือตก"

"งั้นก็ระวังหน่อยแล้วกัน ว่าแต่เทรย์เวอร์กำลังทำอะไรน่ะ" ฮิลเวอรี่มองไปทางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องทำหน้าที่คล้ายกับพนักงานต้อนรับที่กำลังแจกใบปลิวอะไรสักอย่างให้กับคนที่เขาห้องมาอยู่

"ก็โปรโมทให้ร้านมันไง" คนฟังพยักหน้ารับ เกือบลืมไปเลยว่าวันนี้เปิดร้านวันแรก

"นายเคยไปมาแล้วสินะ"

"อืม แต่ตอนนั้นร้านยังไม่ค่อยมีอะไรหรอก"

"เหรอ แล้วพนักงานน่ารักหรือเปล่า ถ้าน่ารักก็ถือว่าโอเคแหละนะ"

"ฉะ..ฉันไม่รู้ ยังไม่เคยเห็นใครเลย" เข้าใจแล้วว่าทำไมสองคนนี้ถึงสนิทกันได้แม้จะมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"ไม่ใช่ว่ากั๊กเอาไว้อยู่นะ"

"ฉันเปล่านะ" คนตัวเล็กรีบปฏิเสธพร้อมกับโบกไม้โบกมือไปมาและไออาการของคนที่กำลังเลิ่กลั่กแบบนั้นนั่นแหละที่เรียกเสียงหัวเราะจากแพทริคได้ แต่ก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเพราะจู่ๆ ก็มีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากด้านหลังของทั้งคู่ เทรย์เวอร์แสยะยิ้มให้เพื่อนร่วมโต๊ะก่อนจะแทรกตัวเข้ามานั่งตรงกลาง

"เห้ย ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!" แพทริคที่เกือบตกเก้าอี้ตวาดใส่ ฮิลเวอรี่เองก็เกือบร่วงลงไปเหมือนกันแต่รายนั้นมีคนช่วยประคองเอาไว้อยู่เลยไม่เป็นอะไร

หึ ขอบคุณสำหรับความเท่าเทียมนะเพื่อนรัก

"มากันแค่นี้เองเหรอ เสียใจนะเนี่ย" เทรย์เวอร์พูดขณะสอดสายตามองลูกค้าที่นั่งอยู่ตามโต๊ะ

"ฉันว่าแค่นี้ก็หรูหราพอแล้วสำหรับวันแรก ขอบคุณพวกเธอมากนะ" แบรนหันไปขอบคุณสองสาวที่ยืนอยู่ในครัว

"อ้าว แล้วผมล่ะ"

"นายก็ไปรับลูกค้าซะสิ ใช้หน้าตาให้มันเป็นประโยชน์หน่อย" ถึงจะเจ็บใจเล็กน้อยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาของตัวเองจำเป็นสำหรับงานนี้ เทรย์เวอร์เดินออกไปยืนหน้าเคาน์เตอร์จากนั้นก็เริ่มส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ทุกคนที่เพิ่งเข้ามา

"นายคงรู้สึกเหมือนตอนอยู่ที่อังกฤษเลยสินะ"

"ก็นิดหน่อย"

"ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะ" เป็นเสียงพูดที่หวานมากซะจนทำให้ฮิลเวอรี่ที่เหม่ออยู่ต้องหันหน้ากลับมามองเลยทีเดียวว่าเจ้าของเสียงหน้าตาเป็นเช่นไร

เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีเส้นผมและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนราวกับช็อกโกแลตมูสส่งยิ้มมาให้ เธอถักเปียสองข้างพร้อมกับผูกโบว์เล็กๆ สีแดงช่วยขับให้ใบหน้าของเธอดูโดดเด่นขึ้น

"เกวน นี่เธอทำงานที่นี่ด้วยเหรอ" แพทริคทำหน้าเป็นกระต่ายตื่นตูม ไม่รู้ว่าดีใจหรือกังวลกันแน่ที่เห็นผู้หญิงคนนี้

"อื้อ เทรย์ไม่ได้บอกเหรอ"

"ไม่ หมอนั่นไม่เห็นเคยพูดถึงเลย" ทำหน้าไม่พอใจเพื่อนตัวเองที่กำลังยืนคิดเงินอยู่

"ฉันต้องไปทำงานก่อน ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ" แพทริคพยักหน้ารับแล้วหยิบเครื่องดื่มของตัวเองไปคนเล่น

"ถ้าเลิกงานแล้วฉันจะด่าให้ยับเลย"

"ผู้หญิงคนเมื่อกี้คนรู้จักพวกนายเหรอ"

"ก็ทำนองนั้น เธอเป็นกิ๊กเก่าเทรย์มันน่ะ"

 

.

 

.

To be continued