"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ความมืดสุดท้าย : Final Shadow"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
หากคุณขอพรได้หนึ่งข้อ…
คุณจะขอให้บางอย่างกลับมา หรือขอให้บางสิ่งหายไป?
พระจันทร์สูงขึ้นจนเกือบกลางหัว สายลมเย็นพัดแรงขึ้นจนหนาวเข้ากระดูก จุนเดินไปส่งซอลถึงหน้าห้องพัก ความรู้สึกที่เพิ่งเอ่ยปากบอกไปทำให้เขาร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าแม้อากาศจะเย็นสักแค่ไหนก็ตาม
“ฝันดีนะ” จุนพูดส่งซอลด้วยน้ำเสียงเหนียมอายเล็กน้อย
“อืม…ฝันดี” ซอลพยักหน้าตอบรับ เขาหลบสายตาของจุนที่ทำให้เขินจนอยากจะรีบไปเอาหน้าซุกเข้าที่หมอนก่อนจะปิดประตูห้องเบา ๆ
ทั้งคู่ยืนมองประตูห้องครู่หนึ่ง รอยยิ้มก่อนตัวขึ้นบนใบหน้าเหมือนว่าพวกเขากำลังยิ้มให้กันโดยมีไม้แผ่นใหญ่กั้นอยู่ ความอบอุ่นยังคงอยู่เต็มอกแม้จุนจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่คำพูดนั้นก็ทำให้ซอลหลับฝันดีในคืนนี้
จุนเดินกลับไปที่ห้องของเขา เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปเขาต้องพบเพื่อนร่วมวงทุกกำลังเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน
“ไปไหนมาวะจุน หายไปซะนาน” ปั้นละสายตาจากเกมไปที่หน้าห้องก่อนจะถามขึ้น แม้มือจะยังคงเล่นเกมอยู่ก็ตาม
แทนที่จะเป็นคืนพักผ่อนแสนสบาย ห้องนอนที่สงบสุขกลับเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกของเหล่าชายหนุ่มติดเกมเสียอย่างนั้น จุนเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงเขานอนมองฝ้าเพดานด้วยสายตาอิ่มเอมใจจนแทบจะล้นอก มุมปากยังคงยกยิ้มกว้างจนผิดไปจากเดิม
“มีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ฉีกยิ้มได้ขนาดนี้เหรอครับพี่จุน?” เสียงคุณหนูริวพูดขึ้นข้างหู ใบหน้าสดใสกำลังบอกพี่ชายว่าผมอยากรู้ด้วย
“ก็นิดหน่อยน่ะ” หมาป่าใหญ่ยังคงยิ้มต่อไป ปล่อยทิ้งความสงสัยของคุณหนูไว้อย่างนั้น
แม้จะบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่มีต่อซอลคืออะไร แต่เขามั่นใจว่านั่นคือความสุขเดียวในตอนนี้ที่เขามี เสมือนทั้งร่างกำลังลอยอยู่ในอากาศ ตื่นเต้นไปกับคำพูดที่บอกออกไป ไม่เคยมีความสุขไหนที่ชัดเจนแบบนี้มาก่อน
หลังจากความสนุกจบลง ริวและนายกลับไปที่ห้องของตัวเองเหลือเพียงสามทหารเสือรูมเมทนอนเอกเขนกภายในห้อง
ปั้นสบโอกาสที่ทิวไปอาบน้ำถามจุนเรื่องที่หายไปก่อนหน้านี้
“ไปคุยกับซอลมาเหรอ? กูเห็นนะ”
“นี่มึงเป็น CCTV หรือไง” จุนตอบกลับขณะที่มองเพื่อนด้วยหางตา
“แล้วสรุปบอกชอบเขาไปหรือยัง?”
“ก็…ไม่เชิงหรอก”
จุนเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ปั้นฟัง สีหน้าแววตาของเขาเหมือนมีดวงไฟเล็ก ๆ ในใจที่สว่างขึ้นทุกครั้งเมื่อพูดถึงซอล
การถ่ายทำวันสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น ทุกคนดูสดใสและมีพลัง แม้ว่าเป็นวันสุดท้าย แต่บรรยากาศของทีมงานเต็มไปด้วยความรักและกำลังใจ ทุกคนต่างร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้การถ่ายทำสำเร็จลุล่วง
ระหว่างการถ่ายทำ ซอลยังคงมีทิวอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เสมอ ทิวพยายามทำให้บรรยากาศของซอลผ่อนคลาย ด้วยการพูดคุยและสร้างเสียงหัวเราะ
“แบบนี้ผมก็จีบพี่ได้เต็มที่แล้วสินะ ฮ่า ๆ”
“นี่แกพูดจริงเหรอ? ฉันนึกว่าแกพูดเล่นนะ” ซอลหันมาพูดกับทิวเขาเกือบลืมไปแล้วว่าน้องรหัสบอกชอบตัวเอง
“ผมเคยพูดเล่นเหรอ” กระต่ายหนุ่มยังคงยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัด
ซอลไม่ปฏิเสธทิวในทันที ถึงจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ยากแต่เขาเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ทิวและให้ตัวเองด้วย ซอลคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ตัวเองจะทิ้งอดีตบางอย่างและก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นเสียที
ขณะที่จุนยืนอยู่ห่าง ๆ มองไปที่ทั้งสองคน แต่สายตาของจุนกลับสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้ว่าทิวนั้นคอยให้ความสนใจซอลมากกว่าที่เขาแสดงออก และทุกการกระทำของทิวก็ทำให้จุนเริ่มตระหนักถึงความรู้สึกที่เก็บไว้
เมื่อการถ่ายทำใกล้เสร็จสิ้น ทุกคนต่างยิ้มแย้มกับผลงานที่ออกมา และพี่ออฟได้กล่าวขอบคุณทีมงานทุกคนพร้อมทั้งชมเชยความตั้งใจของซอล จุนมองไปที่ซอลที่ยิ้มด้วยความสุข เขารู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นซอลเปล่งประกายขนาดนี้
“ขอบคุณที่เหนื่อยกันนะทุกคน เจอกันที่ล็อบบี้หกโมงนะ”
ประเพณีเตียวขึ้นดอยกำลังจะเริ่มขึ้นในค่ำวันนี้ ทิวมองไปรอบ ๆ เห็นทีมงานคึกคัก ทุกคนตื่นตัวพร้อมจะขึ้นดอยเพื่อเป็นสิริมงคล จุนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แอบมองไปที่ซอลที่กำลังเตรียมตัวอยู่ไม่ไกลนัก สายตาของเขาแฝงไปด้วยความสงสัยและลังเลเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดแต่กลับเก็บมันไว้ในใจ
ถึงเวลาเริ่มขึ้นดอย ทุกคนต่างก็เดินกันเป็นกลุ่ม ซอล ซี และมีน สลับกันคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่จุนกับปั้นเดินตามหลัง คอยสังเกตอยู่เงียบ ๆ ทิวที่คอยตามติดอยู่ข้างซอลก็ยิ้มและคอยดูแลเป็นระยะ ไม่เว้นแม้แต่คุณปัท แม่ของซอลที่เดินตามมาด้วยอย่างอบอุ่น ทำให้จุนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“คิดไว้ยังจะขอเรื่องอะไร?” ปั้นถามจุนพลางเหลือบมองทิวที่ยืนอยู่กับซอลไม่ห่าง แล้วแสร้งหัวเราะเบา ๆ
“ขออะไรวะ?” จุนละสายตาจากซอลหันกลับมามองที่ปั้นอย่างุนงง
“เดี๋ยวกูช่วยขอพรให้มึงรู้ใจตัวเองมากขึ้นแล้วกันนะเพื่อน” ปั้นเอ่ยพร้อมตบหลังเพื่อนเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ
จุนยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตายังคงจับจ้องที่ซอลพลางคิดถึงสิ่งที่อยู่ในใจ
เมื่อเดินไปถึงวัด ทุกคนจุดเทียนและเริ่มเวียนรอบองค์พระสามรอบ ซอลหลับตาแน่นและอธิษฐานอย่างจริงจัง ภาพความหวัง ความฝัน และอุปสรรคในชีวิตลอยเข้ามาในความคิด
“พี่ซอลอธิษฐานอะไรเหรอ?” ทิวตัวติดซอลไม่ห่าง แม้ในตอนขอพรก็ยังคงอยากรู้อยากเห็น
“ของแบบนี้ใครเขาให้บอกกันล่ะ” ซอลพูดเสร็จก็เดินหันหลังไปหาน้องชายที่ยืนอยู่ที่ด้าน ปล่อยให้ทิวยืนยิ้มอยู่คนเดียว
หลังจากเสร็จพิธีเวียนเทียน ทั้งหมดจึงเริ่มทยอยเดินลงดอย จุนเห็นซอลที่ยิ้มแย้มและดูโล่งใจมากขึ้น เขารู้สึกถึงความอบอุ่นในใจที่แผ่กระจายออกมา จุนหันไปมองฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นยามค่ำคืน แสงดาวที่ลอยส่องประกายอยู่ทั่วฟ้าทำให้เขารู้สึกสงบใจ
คืนนั้น ซอลออกมายืนที่หน้าบ้านพัก เขาเงยหน้ามองดาวอย่างเงียบงัน สายลมพัดแผ่วเบา เขาอดไม่ได้ที่จะอธิษฐานอีกครั้ง มือทั้งสองข้างกุมขึ้นที่หน้าอกซอลหลับตาลงช้า ๆ และพูดกับดวงดาวในใจ จังหวะเดียวกันนั้น ซีเดินออกมาตามซอลและถามขึ้นว่า
“ไม่พักผ่อนเหรอ?”
ซอลลืมตาขึ้น ยิ้มบาง ๆ และตอบน้องชายไปด้วยความอบอุ่น
“ท้องฟ้าเปิดเห็นดาวชัดในคืนดี ๆ แบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขอพรจากดาวเพิ่มน่ะ”
“แล้วขอเรื่องอะไร?”
สองพี่น้องมองหน้ากันแววตาเปี่ยมไปด้วยความรัก
“ขอให้ทุกคนมีความสุข…ขอให้เรามีความสุข”
ซอลยิ้มกว้างพร้อมหันกลับไปมองท้องฟ้ามืดอีกครั้ง
“ไม่ว่าอะไรก็ตามพี่ขอแค่เรามีความสุขก็พอ”
ซีมองพี่ของเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับดวงดาว
“ขอให้ความทุกข์ใครของพี่ซอลหายไป ไม่ว่าจะในเรื่องไหนซีขอให้อย่ามากวนใจพี่ผมอีก”
ประโยคที่ออกจากปากน้องชาย ทำให้ซอลราวกับถูกจี้เข้าจุดอ่อนไหวในใจ ความรู้สึกที่เขาพยายามปิดบังจากคนรอบข้างกลับถูกน้องชายมองเห็นได้อย่างชัดเจน
หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นแต่สั่นไหว จนเหมือนว่าความเข้มแข็งทั้งหมดที่เขาเคยเก็บกดไว้ จะค่อย ๆ คลายตัวลงเพราะคำพูดของน้องชาย
อีกด้านหนึ่ง จุนออกมานั่งที่ระเบียงห้องพัก เงยหน้ามองท้องฟ้าเดียวกันและคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เขาเองก็ค่อย ๆ อธิษฐานในใจ
‘ขอให้รอยยิ้มนั้นยังคงเหมือนเดิม…ไม่หายไปไหนอีกเลย’
จุนยังคงมองดวงดาวและคิดถึงคำขอพรของตัวเอง เขาสูดลมหายใจลึก พลางนึกถึงทุกความรู้สึกที่เคยเก็บไว้ในใจ เขาแอบหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ความสับสนที่วนเวียนในใจเขามานานกำลังค่อย ๆ คลี่คลายไปทีละนิด
“ขอให้…ซอลมีแต่ความสุขนะ”
จุนกระซิบเบา ๆ คำอธิษฐานที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ เขารู้สึกได้ว่า การที่ซอลมีความสุข คือสิ่งที่ทำให้เขาเองรู้สึกอุ่นใจไปด้วย
คืนนั้นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องประกาย ก่อนจะก้าวขาเข้าห้อง สายตาเขาเหลือบไปเห็นแสงไฟจากห้องซอลที่อยู่ข้าง ๆ ยังไม่ปิดดีนัก เขายิ้มบางพร้อมกับความตั้งใจแน่วแน่ว่า สักวันเขาจะต้องกล้าเอ่ยทุกความรู้สึกของตัวเองออกไป
เช้าวันถัดมาทุกคนตื่นกันแต่เช้าเพื่อมาตักบาตรทำบุญในวันวิสาขบูชา หมอกบาง ๆ ตัดกับความอุ่นจากแสงแดดเล็กน้อย บรรยากาศห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ
ซอลสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอด ขาก้าวพ้นธรณีประตูต้อนรับวันพระใหญ่ เขารู้สึกอิ่มใจเหมือนกำลังจะมีเรื่องดี ๆ เข้ามา
“สดชื่นแต่เช้าเชียวนะ” พี่ออฟเดินเข้ามาทักทายเด็กน้อยของเขาที่กำลังยืนอ้าแขนรับแสงตอนเช้าอยู่คนเดียว
“ก็งานเสร็จแล้วที่เหลือก็แค่เที่ยวให้เต็มที่!” เสียงเจื้อยแจ้วดั่งนกที่ร้องรับอรุณก้องกังวานกลางหุบเขา
“เป็นไงบ้างออกกองครั้งนี้?”
“การเดินทางครั้งนี้สอนให้ซอลเรียนรู้อะไรหลายอย่าง…เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เลย”
“กลับไปไม่กี่วันก็ฝึกงานเสร็จแล้วนี่ มีแพลนทำอะไรต่อล่ะ?” สายตาพี่ออฟส่งมาถึงซอลเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“อืม…เหลือสอบไฟนอลอยู่อีกตัวก็เรียนจบแล้วล่ะ” ซอลยิ้มกริ่มด้วยความภูมิใจ
“จบแล้วกลับมาทำงานที่นี่นะพี่จองตัวเรา” พี่ออฟใช้มืออุ่นยีผมสีน้ำตาลของซอลอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู
บทสนทนาระหว่างพี่เลี้ยงและเด็กฝึกงานพูดคุยกันในยามเช้านั้นลอยคลอเคล้ากับอากาศบริสุทธิ์ของยอดดอย แสงแดดอ่อนละมุนที่สาดส่องผ่านใบไม้ ดูเหมือนจะซึมซับคำพูดทุกคำ คล้ายเสียงกระซิบจากธรรมชาติ เสียงเหล่านั้นไหลเอื่อยไปกับสายลมและผสานกับความเงียบสงบรอบข้าง ดั่งเสียงกระซิบแผ่วเบาแห่งขุนเขาที่อ้อยอิ่งอยู่ในใจ
เสร็จสิ้นกิจกรรมทำบุญในเช้าวันนี้ ทุกคนช่วยกันเคลียร์สถานที่และเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ลาก่อนธรรมชาติที่เงียบสงบกลับสู่ความวุ่นวายที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นชินเสียที
“ซอลจะฝึกงานจบแล้วนะ” ปั้นเอ่ยพูดเบา ๆ เมื่อเห็นจุนยืนมองซอลที่กำลังพูดคุยกับทีมงานอย่างร่าเริง
“แล้วยังไง?” จุนตอบกลับ ท่าทีของเขาดูนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก
“มึงจะไม่มีโอกาสบอกเขาแล้วนะ ชอบก็บอกว่าชอบไม่ต้องงัดคำพูดอ้อมค้อมเหมือนในบทละคร” จิ้งจอกหัวเสียกับท่าทีที่ไม่ร้อนรนของเพื่อนสนิท
“เออ กูมีวิธีของกูแล้วกัน” หมาป่ายกยิ้มราวกับเขามีแผนอยู่ในใจ
จบการเดินทางในครั้งนี้ แม้จะมีสิ่งที่ไม่เคยเปิดเผย แต่ทั้งซอลและจุนต่างรู้ว่าคำอธิษฐานที่ขอไปนั้น ไม่ได้มีเพียงเพื่อความสุขของตนเอง แต่เพื่อคนที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งเติมเต็มหัวใจพวกเขาในแบบที่ต่างออกไป
เสียงอธิษฐานแผ่วเบาลอยสู่ฟ้า
ราวกับดวงดาวรับฟังและสัญญาจะส่องแสงนำทางเขาเสมอ