"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow - บทที่ 9 ขอให้เธอมีควาสุข : To See You Smile Forevermore โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า

รายละเอียด

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ผู้แต่ง

Seonha

เรื่องย่อ

สารบัญ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-ตอนนำร่อง ก่อนจุดเริ่มต้น,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 1 จุดเริ่มต้น : Begining,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 2 แสงประกาย : Spark,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 3 สัมผัสดาว : Touch of Stardust,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 4 เงาแห่งความค้างคา : Shadows of Uncertainty,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 5 สัญญาแห่งดวงดาว : Promise of the Star,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 6 ความรู้สึกที่หวนคืน : Feelings That Resurface,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 7 ระเบิดเวลาของหัวใจ : The Ticking Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 8 หัวใจไม่ต้องแสดง : The Unscripted Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 9 ขอให้เธอมีควาสุข : To See You Smile Forevermore,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 10 สิ้นสุดเพื่อเริ่มใหม่ : Where Endings Bloom,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ รอยแผลที่หลอกหลอน : Echoes of Scars,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 11 การกลับมา : Shadows Revisited,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 12 แรงดึงดูดที่มองไม่เห็น : Unseen Forces,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 13 คน(เคย)ไว้ใจ : (Un)Forgiven,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 14 ตัดสินใจ : Redefined,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 15 แค่เอื้อม : A Step Closer,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (2) รักแรก : The First Scar,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (3) ลอยกระทง...กับเธอ : Moonlit Waters, You and I,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 16 แสงในเงา : Silent Sparks,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 17 ทางที่เลือก : My Way,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 18 คลื่นใต้น้ำ : Twisted Reflection ,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 19 ไม่เอ่ย : Deep Wounds,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 20 ย้ำ : Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 21 ก่อนคลื่นสงบ : Shadows Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 22 ปลดล็อก : New Tune

เนื้อหา

บทที่ 9 ขอให้เธอมีควาสุข : To See You Smile Forevermore

หากคุณขอพรได้หนึ่งข้อ…

คุณจะขอให้บางอย่างกลับมา หรือขอให้บางสิ่งหายไป?

 

พระจันทร์สูงขึ้นจนเกือบกลางหัว สายลมเย็นพัดแรงขึ้นจนหนาวเข้ากระดูก จุนเดินไปส่งซอลถึงหน้าห้องพัก ความรู้สึกที่เพิ่งเอ่ยปากบอกไปทำให้เขาร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าแม้อากาศจะเย็นสักแค่ไหนก็ตาม

“ฝันดีนะ” จุนพูดส่งซอลด้วยน้ำเสียงเหนียมอายเล็กน้อย

“อืม…ฝันดี” ซอลพยักหน้าตอบรับ เขาหลบสายตาของจุนที่ทำให้เขินจนอยากจะรีบไปเอาหน้าซุกเข้าที่หมอนก่อนจะปิดประตูห้องเบา ๆ

ทั้งคู่ยืนมองประตูห้องครู่หนึ่ง รอยยิ้มก่อนตัวขึ้นบนใบหน้าเหมือนว่าพวกเขากำลังยิ้มให้กันโดยมีไม้แผ่นใหญ่กั้นอยู่ ความอบอุ่นยังคงอยู่เต็มอกแม้จุนจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่คำพูดนั้นก็ทำให้ซอลหลับฝันดีในคืนนี้

 

จุนเดินกลับไปที่ห้องของเขา เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปเขาต้องพบเพื่อนร่วมวงทุกกำลังเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน

“ไปไหนมาวะจุน หายไปซะนาน” ปั้นละสายตาจากเกมไปที่หน้าห้องก่อนจะถามขึ้น แม้มือจะยังคงเล่นเกมอยู่ก็ตาม

 

แทนที่จะเป็นคืนพักผ่อนแสนสบาย ห้องนอนที่สงบสุขกลับเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกของเหล่าชายหนุ่มติดเกมเสียอย่างนั้น จุนเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงเขานอนมองฝ้าเพดานด้วยสายตาอิ่มเอมใจจนแทบจะล้นอก มุมปากยังคงยกยิ้มกว้างจนผิดไปจากเดิม

“มีเรื่องอะไรที่ทำให้พี่ฉีกยิ้มได้ขนาดนี้เหรอครับพี่จุน?” เสียงคุณหนูริวพูดขึ้นข้างหู ใบหน้าสดใสกำลังบอกพี่ชายว่าผมอยากรู้ด้วย

“ก็นิดหน่อยน่ะ” หมาป่าใหญ่ยังคงยิ้มต่อไป ปล่อยทิ้งความสงสัยของคุณหนูไว้อย่างนั้น

 

แม้จะบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่มีต่อซอลคืออะไร แต่เขามั่นใจว่านั่นคือความสุขเดียวในตอนนี้ที่เขามี เสมือนทั้งร่างกำลังลอยอยู่ในอากาศ ตื่นเต้นไปกับคำพูดที่บอกออกไป ไม่เคยมีความสุขไหนที่ชัดเจนแบบนี้มาก่อน

 

หลังจากความสนุกจบลง ริวและนายกลับไปที่ห้องของตัวเองเหลือเพียงสามทหารเสือรูมเมทนอนเอกเขนกภายในห้อง

ปั้นสบโอกาสที่ทิวไปอาบน้ำถามจุนเรื่องที่หายไปก่อนหน้านี้

“ไปคุยกับซอลมาเหรอ? กูเห็นนะ”

“นี่มึงเป็น CCTV หรือไง” จุนตอบกลับขณะที่มองเพื่อนด้วยหางตา

“แล้วสรุปบอกชอบเขาไปหรือยัง?” 

“ก็…ไม่เชิงหรอก”

จุนเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ปั้นฟัง สีหน้าแววตาของเขาเหมือนมีดวงไฟเล็ก ๆ ในใจที่สว่างขึ้นทุกครั้งเมื่อพูดถึงซอล

 

การถ่ายทำวันสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น ทุกคนดูสดใสและมีพลัง แม้ว่าเป็นวันสุดท้าย แต่บรรยากาศของทีมงานเต็มไปด้วยความรักและกำลังใจ ทุกคนต่างร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้การถ่ายทำสำเร็จลุล่วง

ระหว่างการถ่ายทำ ซอลยังคงมีทิวอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เสมอ ทิวพยายามทำให้บรรยากาศของซอลผ่อนคลาย ด้วยการพูดคุยและสร้างเสียงหัวเราะ 

“แบบนี้ผมก็จีบพี่ได้เต็มที่แล้วสินะ ฮ่า ๆ”

“นี่แกพูดจริงเหรอ? ฉันนึกว่าแกพูดเล่นนะ” ซอลหันมาพูดกับทิวเขาเกือบลืมไปแล้วว่าน้องรหัสบอกชอบตัวเอง

“ผมเคยพูดเล่นเหรอ” กระต่ายหนุ่มยังคงยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัด

ซอลไม่ปฏิเสธทิวในทันที ถึงจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ยากแต่เขาเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ทิวและให้ตัวเองด้วย ซอลคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ตัวเองจะทิ้งอดีตบางอย่างและก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นเสียที

 

ขณะที่จุนยืนอยู่ห่าง ๆ มองไปที่ทั้งสองคน แต่สายตาของจุนกลับสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้ว่าทิวนั้นคอยให้ความสนใจซอลมากกว่าที่เขาแสดงออก และทุกการกระทำของทิวก็ทำให้จุนเริ่มตระหนักถึงความรู้สึกที่เก็บไว้

 

เมื่อการถ่ายทำใกล้เสร็จสิ้น ทุกคนต่างยิ้มแย้มกับผลงานที่ออกมา และพี่ออฟได้กล่าวขอบคุณทีมงานทุกคนพร้อมทั้งชมเชยความตั้งใจของซอล จุนมองไปที่ซอลที่ยิ้มด้วยความสุข เขารู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นซอลเปล่งประกายขนาดนี้

“ขอบคุณที่เหนื่อยกันนะทุกคน เจอกันที่ล็อบบี้หกโมงนะ”

ประเพณีเตียวขึ้นดอยกำลังจะเริ่มขึ้นในค่ำวันนี้ ทิวมองไปรอบ ๆ เห็นทีมงานคึกคัก ทุกคนตื่นตัวพร้อมจะขึ้นดอยเพื่อเป็นสิริมงคล จุนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แอบมองไปที่ซอลที่กำลังเตรียมตัวอยู่ไม่ไกลนัก สายตาของเขาแฝงไปด้วยความสงสัยและลังเลเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดแต่กลับเก็บมันไว้ในใจ

 

ถึงเวลาเริ่มขึ้นดอย ทุกคนต่างก็เดินกันเป็นกลุ่ม ซอล ซี และมีน สลับกันคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่จุนกับปั้นเดินตามหลัง คอยสังเกตอยู่เงียบ ๆ ทิวที่คอยตามติดอยู่ข้างซอลก็ยิ้มและคอยดูแลเป็นระยะ ไม่เว้นแม้แต่คุณปัท แม่ของซอลที่เดินตามมาด้วยอย่างอบอุ่น ทำให้จุนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

“คิดไว้ยังจะขอเรื่องอะไร?” ปั้นถามจุนพลางเหลือบมองทิวที่ยืนอยู่กับซอลไม่ห่าง แล้วแสร้งหัวเราะเบา ๆ

“ขออะไรวะ?” จุนละสายตาจากซอลหันกลับมามองที่ปั้นอย่างุนงง

“เดี๋ยวกูช่วยขอพรให้มึงรู้ใจตัวเองมากขึ้นแล้วกันนะเพื่อน” ปั้นเอ่ยพร้อมตบหลังเพื่อนเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ

จุนยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตายังคงจับจ้องที่ซอลพลางคิดถึงสิ่งที่อยู่ในใจ

 

เมื่อเดินไปถึงวัด ทุกคนจุดเทียนและเริ่มเวียนรอบองค์พระสามรอบ ซอลหลับตาแน่นและอธิษฐานอย่างจริงจัง ภาพความหวัง ความฝัน และอุปสรรคในชีวิตลอยเข้ามาในความคิด 

“พี่ซอลอธิษฐานอะไรเหรอ?” ทิวตัวติดซอลไม่ห่าง แม้ในตอนขอพรก็ยังคงอยากรู้อยากเห็น

“ของแบบนี้ใครเขาให้บอกกันล่ะ” ซอลพูดเสร็จก็เดินหันหลังไปหาน้องชายที่ยืนอยู่ที่ด้าน ปล่อยให้ทิวยืนยิ้มอยู่คนเดียว

 

หลังจากเสร็จพิธีเวียนเทียน ทั้งหมดจึงเริ่มทยอยเดินลงดอย จุนเห็นซอลที่ยิ้มแย้มและดูโล่งใจมากขึ้น เขารู้สึกถึงความอบอุ่นในใจที่แผ่กระจายออกมา จุนหันไปมองฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นยามค่ำคืน แสงดาวที่ลอยส่องประกายอยู่ทั่วฟ้าทำให้เขารู้สึกสงบใจ

 

คืนนั้น ซอลออกมายืนที่หน้าบ้านพัก เขาเงยหน้ามองดาวอย่างเงียบงัน สายลมพัดแผ่วเบา เขาอดไม่ได้ที่จะอธิษฐานอีกครั้ง มือทั้งสองข้างกุมขึ้นที่หน้าอกซอลหลับตาลงช้า ๆ และพูดกับดวงดาวในใจ จังหวะเดียวกันนั้น ซีเดินออกมาตามซอลและถามขึ้นว่า 

“ไม่พักผ่อนเหรอ?”

ซอลลืมตาขึ้น ยิ้มบาง ๆ และตอบน้องชายไปด้วยความอบอุ่น 

“ท้องฟ้าเปิดเห็นดาวชัดในคืนดี ๆ แบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขอพรจากดาวเพิ่มน่ะ”

“แล้วขอเรื่องอะไร?”

สองพี่น้องมองหน้ากันแววตาเปี่ยมไปด้วยความรัก

“ขอให้ทุกคนมีความสุข…ขอให้เรามีความสุข”

ซอลยิ้มกว้างพร้อมหันกลับไปมองท้องฟ้ามืดอีกครั้ง

“ไม่ว่าอะไรก็ตามพี่ขอแค่เรามีความสุขก็พอ”

 

ซีมองพี่ของเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับดวงดาว

“ขอให้ความทุกข์ใครของพี่ซอลหายไป ไม่ว่าจะในเรื่องไหนซีขอให้อย่ามากวนใจพี่ผมอีก”

ประโยคที่ออกจากปากน้องชาย ทำให้ซอลราวกับถูกจี้เข้าจุดอ่อนไหวในใจ ความรู้สึกที่เขาพยายามปิดบังจากคนรอบข้างกลับถูกน้องชายมองเห็นได้อย่างชัดเจน 

หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นแต่สั่นไหว จนเหมือนว่าความเข้มแข็งทั้งหมดที่เขาเคยเก็บกดไว้ จะค่อย ๆ คลายตัวลงเพราะคำพูดของน้องชาย

 

อีกด้านหนึ่ง จุนออกมานั่งที่ระเบียงห้องพัก เงยหน้ามองท้องฟ้าเดียวกันและคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เขาเองก็ค่อย ๆ อธิษฐานในใจ

 

‘ขอให้รอยยิ้มนั้นยังคงเหมือนเดิม…ไม่หายไปไหนอีกเลย’

 

จุนยังคงมองดวงดาวและคิดถึงคำขอพรของตัวเอง เขาสูดลมหายใจลึก พลางนึกถึงทุกความรู้สึกที่เคยเก็บไว้ในใจ เขาแอบหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ความสับสนที่วนเวียนในใจเขามานานกำลังค่อย ๆ คลี่คลายไปทีละนิด

“ขอให้…ซอลมีแต่ความสุขนะ”

จุนกระซิบเบา ๆ คำอธิษฐานที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ เขารู้สึกได้ว่า การที่ซอลมีความสุข คือสิ่งที่ทำให้เขาเองรู้สึกอุ่นใจไปด้วย

 

คืนนั้นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องประกาย ก่อนจะก้าวขาเข้าห้อง สายตาเขาเหลือบไปเห็นแสงไฟจากห้องซอลที่อยู่ข้าง ๆ ยังไม่ปิดดีนัก เขายิ้มบางพร้อมกับความตั้งใจแน่วแน่ว่า สักวันเขาจะต้องกล้าเอ่ยทุกความรู้สึกของตัวเองออกไป

 

เช้าวันถัดมาทุกคนตื่นกันแต่เช้าเพื่อมาตักบาตรทำบุญในวันวิสาขบูชา หมอกบาง ๆ ตัดกับความอุ่นจากแสงแดดเล็กน้อย บรรยากาศห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ 

 

ซอลสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอด ขาก้าวพ้นธรณีประตูต้อนรับวันพระใหญ่ เขารู้สึกอิ่มใจเหมือนกำลังจะมีเรื่องดี ๆ เข้ามา

“สดชื่นแต่เช้าเชียวนะ” พี่ออฟเดินเข้ามาทักทายเด็กน้อยของเขาที่กำลังยืนอ้าแขนรับแสงตอนเช้าอยู่คนเดียว

“ก็งานเสร็จแล้วที่เหลือก็แค่เที่ยวให้เต็มที่!” เสียงเจื้อยแจ้วดั่งนกที่ร้องรับอรุณก้องกังวานกลางหุบเขา

“เป็นไงบ้างออกกองครั้งนี้?”

“การเดินทางครั้งนี้สอนให้ซอลเรียนรู้อะไรหลายอย่าง…เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เลย”

“กลับไปไม่กี่วันก็ฝึกงานเสร็จแล้วนี่ มีแพลนทำอะไรต่อล่ะ?” สายตาพี่ออฟส่งมาถึงซอลเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“อืม…เหลือสอบไฟนอลอยู่อีกตัวก็เรียนจบแล้วล่ะ” ซอลยิ้มกริ่มด้วยความภูมิใจ

“จบแล้วกลับมาทำงานที่นี่นะพี่จองตัวเรา” พี่ออฟใช้มืออุ่นยีผมสีน้ำตาลของซอลอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู

 

บทสนทนาระหว่างพี่เลี้ยงและเด็กฝึกงานพูดคุยกันในยามเช้านั้นลอยคลอเคล้ากับอากาศบริสุทธิ์ของยอดดอย แสงแดดอ่อนละมุนที่สาดส่องผ่านใบไม้ ดูเหมือนจะซึมซับคำพูดทุกคำ คล้ายเสียงกระซิบจากธรรมชาติ เสียงเหล่านั้นไหลเอื่อยไปกับสายลมและผสานกับความเงียบสงบรอบข้าง ดั่งเสียงกระซิบแผ่วเบาแห่งขุนเขาที่อ้อยอิ่งอยู่ในใจ

 

เสร็จสิ้นกิจกรรมทำบุญในเช้าวันนี้ ทุกคนช่วยกันเคลียร์สถานที่และเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ลาก่อนธรรมชาติที่เงียบสงบกลับสู่ความวุ่นวายที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นชินเสียที

“ซอลจะฝึกงานจบแล้วนะ” ปั้นเอ่ยพูดเบา ๆ เมื่อเห็นจุนยืนมองซอลที่กำลังพูดคุยกับทีมงานอย่างร่าเริง

“แล้วยังไง?” จุนตอบกลับ ท่าทีของเขาดูนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก

“มึงจะไม่มีโอกาสบอกเขาแล้วนะ ชอบก็บอกว่าชอบไม่ต้องงัดคำพูดอ้อมค้อมเหมือนในบทละคร” จิ้งจอกหัวเสียกับท่าทีที่ไม่ร้อนรนของเพื่อนสนิท

“เออ กูมีวิธีของกูแล้วกัน” หมาป่ายกยิ้มราวกับเขามีแผนอยู่ในใจ

 

จบการเดินทางในครั้งนี้ แม้จะมีสิ่งที่ไม่เคยเปิดเผย แต่ทั้งซอลและจุนต่างรู้ว่าคำอธิษฐานที่ขอไปนั้น ไม่ได้มีเพียงเพื่อความสุขของตนเอง แต่เพื่อคนที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งเติมเต็มหัวใจพวกเขาในแบบที่ต่างออกไป

 

เสียงอธิษฐานแผ่วเบาลอยสู่ฟ้า

ราวกับดวงดาวรับฟังและสัญญาจะส่องแสงนำทางเขาเสมอ