"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ความมืดสุดท้าย : Final Shadow"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
เมื่ออดีตที่เลวร้ายหวนกลับมา
คุณพร้อมที่จะก้าวผ่านมันอีกครั้งหรือไม่?
เช้าวันใหม่หลังจากการฝึกงานที่จบลง ซอลรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบที่ครอบคลุมอยู่รอบตัว ราวกับได้หยุดพักหายใจอย่างแท้จริงหลังจากการทำงานหนัก เขานั่งอยู่บนเตียงมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามา พร้อมกับความรู้สึกคิดถึงการเลี้ยงส่งอำลาที่ผ่านมาอย่างเลือนราง
ในจังหวะที่กำลังเลื่อนดูโซเชียลมีเดีย สายตาของซอลหยุดอยู่ที่ข้อความแจ้งเตือนจากชื่อหนึ่ง พัด ชื่อที่กดลึกอยู่ในความทรงจำ แค่ได้เห็นชื่อที่คุ้นเคยนั้น หัวใจของซอลก็ดิ่งวูบ รู้สึกราวกับโดนเปิดแผลเก่าอีกครั้ง ความทรงจำหลากหลายไหลบ่ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
‘พรุ่งนี้ว่างไหม? ไปกินข้าวกัน’
ข้อความของพัดถูกส่งมาราวกับเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้วไม่ได้สำคัญอะไร แต่สำหรับซอล คำพูดเรียบ ๆ เหล่านั้นกลับทำให้เขาหวั่นไหว ภาพความทรงจำของความรัก ความผิดหวัง และความเสียใจ ค่อย ๆ พรั่งพรูออกมาทีละนิดโดยไม่ต้องการ
ซอลเพียงจ้องข้อความนั้นอย่างนิ่งเฉย หัวใจเต้นเบา ๆ แต่หนักหน่วงอยู่ในอก เขาค่อย ๆ ปิดหน้าจอโทรศัพท์ พยายามดึงตัวเองออกจากความทรงจำและเลือกวางมันไว้บนหัวเตียงราวกับจะปล่อยทิ้งไว้เบื้องหลัง ก่อนจะคว้าแท็บเล็ตมาวาดรูป แต่พัดยังคงส่งข้อความมาเรื่อย ๆ แม้ซอลจะไม่ตอบกลับสักคำก็ตาม
“มึงจะปล่อยให้โทรศัพท์ดังอีกนานไหมซอล” ปอนด์ที่นอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ดวงตาคู่คมมองโทรศัพท์ของซอลอย่างหงุดหงิด
“ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ…” ซอลตอบอย่างเรียบ ๆ มือของเขายังคงวาดรูปต่อ
เสียงข้อความแจ้งเตือนยังดังต่อเนื่อง ปอนด์ขมวดคิ้วก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเหลือบเห็นข้อความจากพัดที่ทักมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“นี่มันยังกล้าทักมาหามึงอีกเหรอ ทำไมไม่บล็อกไปซะให้จบ ๆ” น้ำเสียงปอนด์เข้มขึ้น สีหน้าฉายชัดถึงความหงุดหงิดและไม่พอใจ ซอลเงยหน้าจากแท็บเล็ตเล็กน้อย สายตาของเขาว่างเปล่าเหมือนกำลังคิดอะไรลึก ๆ
“อย่าบอกนะว่ามึงใจอ่อนให้มันอีก?” เสียงของปอนด์กดเบา ๆ ทว่าเต็มไปด้วยน้ำหนักและความเป็นห่วงที่ส่งผ่านความจริงใจให้ซอลรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากเพื่อน ดึงซอลให้กลับมาจากความคิดที่กำลังวนเวียน
“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว…” ซอลเอ่ยตอบแผ่วเบา ดวงตาหลุบลงหลบสายตาของปอนด์ที่กำลังจ้องมองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าจอแท็บเล็ต
ปอนด์หรี่ตามองเพื่อนด้วยความไม่พอใจที่ถูกซ่อนไว้ไม่มิด เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น
“มึงยังคิดว่าคนอย่างมันจะเปลี่ยนได้จริง ๆ เหรอ?”
ซอลเอนหลังพิงกำแพง ปิดแท็บเล็ตลง ดวงตาเริ่มสะท้อนความไม่แน่ใจออกมาราวกับติดอยู่ในความทรงจำเดิม ๆ ภาพเหตุการณ์ในอดีตกับพัดแวบขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนเงาที่ไม่เคยจางหาย
“แต่ถ้าให้โอกาสมันหน่อยจะเป็นไรไปวะ…” เขาพึมพำออกมา น้ำเสียงแผ่วลงราวกับมีอะไรบางอย่างที่ยังติดอยู่ในใจ
ปอนด์มองซอลนิ่ง น้ำเสียงที่เคยมั่นคงของซอลเริ่มแผ่วเบาราวกับคล้ายยอมจำนนกับความหวังอันคลุมเครือในใจตน
ความรู้สึกผสมปนเประหว่างการให้อภัยและการไม่แน่ใจราวกับเงาที่ตามหลอกหลอน ความสงสัยว่าจะสามารถลบเลือนแผลเก่าได้จริงไหมยังคงเป็นสิ่งที่ซอลหาคำตอบไม่ได้
ซอลหลับตา ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อภาพในอดีตค่อย ๆ แวบขึ้นมาในความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือทั้งดีและร้ายราวกับรสหวานเจือขมซึ่งทิ้งแผลใจไว้มาจนทุกวันนี้…
‘พัดรักซอลนะ…อยู่ให้พัดรักนาน ๆ นะ’
คำพูดของพัดที่เคยเอ่ยกับซอลแวบเข้ามาอีกครั้ง ซอลยิ้มเจื่อนกับตัวเองเมื่อจำได้ถึงคำมั่นสัญญาและความอบอุ่นที่ครั้งหนึ่งเขาเชื่อว่าเป็นจริง
พัด…ยังคงเป็นชื่อที่เหมือนสะพานระหว่างอดีตและปัจจุบัน เป็นชื่อที่ผูกพันไว้กับทั้งความสุขและความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ในใจของซอลตลอดมา
เมื่อสองวันก่อน
“ซอล…ไม่เจอกันนานเลยนะ” เสียงชายหนุ่มที่คุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหน้า ขณะที่ซอลและปอนด์กำลังเดินไปโรงอาหาร
“พัด…” ซอลเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา สีหน้าหวาดกลัวปนตกใจเมื่อเห็นอดีตคนรักยืนอยู่ตรงหน้าหลังจากที่เลิกรากันไปสองปีเศษ
“ซอลไปเหอะ” ปอนด์กระซิบที่ข้างหูของซอลแล้วรีบลากตัวเพื่อนออกจากตรงนี้
“เราขอคุยกับซอลหน่อยได้ไหมปอนด์” พัดมองตรงมาด้วยแววตาที่แฝงความอ่อนโยนไว้เบื้องลึก แววตานั้นมีประกายที่คล้ายกับคำขอที่ยังไม่ถูกเอ่ยออกมา แต่ก็ชัดเจนพอจะทำให้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกค้างคาที่เก็บงำอยู่
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาหวิว ราวกับคำขอร้องที่แผ่วบางแต่จริงใจจนไม่อาจปฏิเสธ
ซอลนิ่งไปครู่หนึ่ง กำลังชั่งใจว่าควรจะไปต่อหรือควรจะฟังสิ่งที่พัดต้องการจะพูดในตอนนี้ ปอนด์หันมามองหน้าของเพื่อนสนิทที่ยังคงมองไปที่คนรักเก่าอย่างอาลัย เขารับรู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่มีบางอย่างที่ยังคงค้างคากันอยู่ราวกับปมเชือกที่ยังไม่ถูกแก้ออก เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงจำใจปล่อยเพื่อนให้ไปสะสางเรื่องราวความรู้สึกนั้นโดยที่เจ้าตัวจะคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
พัดสูดหายใจเข้าลึกและก้มศีรษะลงเล็กน้อย คล้ายจะรวบรวมความกล้า ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“จำได้ไหมตอนที่คบกันมันเป็นยังไง…เรารู้ว่าคำพูดจากคนที่เคยทำผิดมันคงไม่ได้มีค่าอะไรหรอก” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เหมือนจะกลั้นน้ำตาที่ไหลซึมออกมา
“ตอนนั้นเราเห็นแก่ตัว เราไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของซอลเลย…ขอโทษจริง ๆ นะ” เขาพูดพลางก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด มือของเขากำแน่นจนตัวเองไม่รู้ตัว เผยความรู้สึกอัดอั้นใจที่สะสมมานาน
ซอลเงียบและเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของพัดด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“เราแค่อยากแก้ตัว...หรืออย่างน้อยก็เป็นคนที่ดีขึ้น” เขามองซอลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง แม้จะยังรู้สึกไม่แน่ใจว่าซอลจะยอมรับฟังหรือไม่
น้ำเสียงที่อ่อนโยนของพัดทำให้ความทรงจำหวนคืนมาช้า ๆ แต่มันก็ถูกทับด้วยความเจ็บปวดที่ยังค้างอยู่ในใจ เขาหยุดมองพัดชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองต้นไม้ที่เรียงรายอยู่ไกล ๆ สายลมเย็นพัดผ่าน แทนคำตอบของซอลที่ยังคงไม่ได้เอ่ยออกมา
ซอลเงียบไปนาน พยายามสลัดความคิดและความรู้สึกที่ถาโถมกลับมาพร้อมกับคำว่า "โอกาส" ที่พัดเพียรขอ
“รู้ไหมพัด...เรื่องที่นายทำมันไม่ได้หายไปง่าย ๆ” ซอลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาแต่แน่วแน่
พัดนิ่งไป ราวกับโดนคำพูดของซอลสะกิดความรู้สึกผิดในใจให้ชัดเจนขึ้น สายตาหลุบต่ำลงและเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาก้มหน้าลงอย่างยอมรับ
“ถ้างั้น...เราจะรอ จะพิสูจน์ให้ซอลเห็นเอง” พัดพูดช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มที่เจือด้วยความหวังบางเบา
ซอลมองไปที่พัด สายตาเต็มไปด้วยความลังเล คำพูดของพัดยังคงดังก้องแม้ใจเขาจะอยากเชื่อ แต่อดีตก็ยังคงกักขังเขาไว้…อดีตที่เคยถูกทำลายทิ้งรอยแผลลึกเอาไว้ ความเงียบระหว่างทั้งสองเริ่มยืดเยื้อ ราวกับว่าคำพูดใด ๆ ก็ไม่อาจลบล้างความรู้สึกเหล่านี้ไปได้ในทันที
“ซอลไปได้แล้ว” ปอนด์ตะโกนเรียกซอลให้หยุดการสนทนาไว้แค่นี้ สายตาขุ่นเคืองของเพื่อนรักยังคงส่งตรงไปที่พัดไม่ทิ้งช่วง
ซอลเดินออกมาเหลือทิ้งไว้เพียงคำลาแทนคำตอบเพียงเท่านั้น…
“มึงกำลังถอยหลังกลับไปแล้วข้างหนึ่ง…รู้ตัวใช่ไหม?” คำพูดของปอนด์ทำลายความเงียบในห้องนอน
“อืม…แต่กูก็อยากเสี่ยง” ใบหน้ายังคงความลังเลแต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นชัดเจนราวกับได้ตัดสินใจไปแล้ว
แววตาสั่นคลอนเต็มไปด้วยความกลัวขัดกับความคิดที่กำลังบอกว่า หากไม่ลองก็ไม่รู้ เขากดความกลัวไว้ภายในใจแล้วเลือกที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องนอนของเขา ปอนด์นิ่งงันจ้องมองซอลที่กำลังทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ราวกับจิตใจยังล่องลอยอยู่ในความทรงจำที่ตัวเองไม่เคยลบออกได้
“มึงคิดดีแล้วจริง ๆ เหรอวะซอล...เรื่องพัดมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ”
ปอนด์เอ่ยขึ้นเบา ๆ แต่ในน้ำเสียงมีน้ำหนักของความกังวล ซอลได้ยินคำพูดนั้นก็พยักหน้าช้า ๆ แม้จะดูมั่นใจในตอนแรก แต่ความลังเลก็ปรากฏออกมาทางสายตาที่คลุมเครือ
“กูก็อยากรู้เหมือนกัน…ว่าตัวเองกล้าพอที่จะสู้กับฝันร้ายนี้ไหม” ซอลพูดเบา ๆ ดวงตาเหม่อมองไปข้างหน้า ความรู้สึกอันขมขื่นราวกับฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้นยังคงฉายอยู่ในแววตา
ปอนด์ถอนหายใจหนักก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มขึ้น
“เออ…แล้วแต่มึงเลยละกัน” สีหน้าหงุดหงิดปนเป็นห่วงหันกลับไปอ่านหนังสือ ซอลหันมามองหน้าเพื่อนสนิท ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงนั้นทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง เขายิ้มบาง ๆ ออกมาแม้ว่าหัวใจจะยังคงหนักหน่วง
เย็นวันนี้ซอลออกมาทำงานที่ร้านพี่เตเหมือนทุกที ราวกับที่นี่เป็นถังขยะอารมณ์สำหรับเขา ไม่ว่าจะความรู้สึกแบบไหนก็ลดน้อยลงเมื่อได้มาที่นี่ ซอลกวัดแกว่งถาดไปมาเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ขณะที่พี่ชายและเพื่อนสนิทของเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับการกระทำโง่ ๆ ที่ซอลได้ตัดสินใจทำลงไป
“มึงกล้ามากนะซอล เอาตัวเองไปเสี่ยงกับคนพันธุ์นั้น” พี่เตหยุดมือจากงานทันทีเมื่อฟังเรื่องราวจากปอนด์
“ผมเตือนมันแล้วนะพี่ ไม่รู้ไปกล้ามาจากไหน” ปอนด์เอ่ยเสริมคำพูดของพี่เต
ซอลเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์หลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จ
“นี่มึงฟ้องพี่เตเหรอ” คิ้วเลิกขึ้นข้างหนึ่งรอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าประหนึ่งจะบอกว่า ฟ้องไปก็ทำอะไรไม่ได้หรอก
ซอลมองหน้าปอนด์สลับกับหน้าของพี่เต เขารับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่ออกมาจากดวงตา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ถ้ากูไม่สู้กับความรู้สึกตัวเอง กูก็ต้องกลัวเรื่องนี้ไปตลอดชีวิตแล้วเมื่อไหร่จะก้าวไปข้างหน้าได้…หรือไม่จริง?”
ปอนด์กับพี่เตมองหน้ากัน ทั้งคู่ยอมรับว่าสิ่งที่ซอลพูดมามันก็ถูกแต่เพราะเรื่องราวในอดีตที่ซอลเคยพบเจอมานั้นมันรุนแรงกับจิตใจของซอลเกินกว่าที่ทั้งสองคนจะวางใจได้
“เออ ไม่เทอาหารหมาให้พวกกูเลยล่ะ” พี่เตพูดเสียงประชดประชัน
ปากว่าตาขยิบ คงเหมาะสมกับพี่ชายคนนี้มากที่สุด ซอลรู้ดีว่าชายปากร้ายคนนี้ห่วงเขามากกว่าพ่อตัวเองเสียอีก
//ติ๊ง//
บทสนทนาถูกขัดขึ้นด้วยเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของซอล พูดถึงไม่ทันขาดคำพัดก็ส่งข้อความมาเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าซอลจะมาตามนัดของเขาในวันพรุ่งนี้
‘พรุ่งนี้ที่ร้านพี่เต 11 โมงนะ’
ซอลตอบกลับข้อความของพัดด้วยท่าทางเรียบเฉย ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ ทำถูกแล้วใช่ไหม เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดของเขาขณะนั้น
เช้าวันต่อมา ซอลเตรียมตัวเพื่อจะไปเจอกับพัดตามนัด เขายืนส่องกระจกครู่หนึ่ง มองตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน แต่หากความคิดของซอลกลับตรงกันข้าม เขารู้สึกลังเลในสิ่งที่กำลังจะทำ
‘ไม่มีอะไรหรอกซอล แค่อย่าเคลิ้มตามพัดง่าย ๆ ก็พอ’
ซอลมองเข้าไปในแววตาที่เจือจางด้วยความกลัว ก่อนจะถอนหายใจแล้วก้าวเท้าออกจากบ้าน
มือจับสายกระเป๋าแน่นเปียกเหงื่ออย่างตื่นเต้น ซอลคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้พัดรู้สึกได้ถึงความประหม่านี้ ซอลมาถึงก่อนเวลานัดนิดหน่อย เขานั่งลงที่โต๊ะประจำก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเพื่อรอให้คนที่นัดมาถึง
“มานานหรือยังซอล” เสียงของพัดดังขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสิบนาที
“เพิ่งมาถึงเหมือนกัน พัดจะสั่งอะไร เอาเหมือนเดิมไหม?” ซอลเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ยังจำได้เหรอว่าเราชอบกินอะไร?” พัดพูดตอบ สีหน้าของเขายิ้มแย้มเต็มไปด้วยความหวัง
“เราบอกแล้วไง…ว่าเรื่องของพัดน่ะเราไม่มีทางลืมหรอก” คำพูดของซอลแม้จะพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาแต่กลับเต็มไปด้วยความน่ากลัวจนพัดรู้สึกแปลกใจ
ขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟพัดกับซอลก็พูดคุยกันตามประสาคนรักเก่า พัดพยายามพูดคุยถึงอดีตที่หอมหวานของทั้งคู่จนกระทั่งเขาเอื้อมมือมาจับที่มือของซอล มือแสนอบอุ่นที่ซอลคุ้นเคยเป็นอย่างดี…
“ซอลรู้ไหมว่าซอลทำให้พัดอยากเป็นคนที่ดีขึ้น” น้ำเสียงและสายตานั้นราวกับร้องขอโอกาสแบบอ้อม ๆ
“แต่พัดก็พลาดไปจริง ๆ ที่ทิ้งคนดี ๆ อย่างซอลไป” พัดยังคงใช้วาจาแสนหวานหว่านล้อมซอลให้ใจอ่อน
พี่เตที่มองอยู่ห่าง ๆ อยากจะกระโดดขาคู่เข้าไปที่สายตาเจ้าเล่ห์คู่นั้น การกระทำในอดีตทิ้งรอยแผลไว้ให้ซอลจนคนรอบตัวไม่อาจจะให้อภัยผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพี่เตก็ได้แต่มองว่าซอลจะทำอย่างไร
“ที่จริงเราก็คิดถึงพัดนะ…” ซอลเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“แต่เรื่องแบบนี้พัดรู้ใช่ไหมมันต้องใช้เวลา” เขาชักมือออกช้า ๆ
แม้ซอลจะดึงมือออกมาแล้วแต่พัดก็ยังไม่หยุดที่จะทำหน้าละห้อยตีหน้าเศร้าเพราะรู้ว่าซอลมักจะใจอ่อนเมื่อได้เห็นท่าทีน้อยใจนี้
“อืม…เราเข้าใจนะ” พัดเริ่มใช้น้ำเสียงที่เศร้าลง
“ซอลจะไม่ให้โอกาสเราได้แก้ตัวหน่อยเหรอ?”
ตั้งแต่นั่งคุยกันมา ซอลได้ยินคำร้องขอโอกาสจากพัดเป็นครั้งที่ร้อยจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรพัดก็ดูไม่มีท่าทีที่จะเลิกตื๊อซอลได้เลย พี่เตเห็นอย่างนั้นก็เริ่มคิดที่จะพาซอลออกมาจากความอึดอัดนั้น แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็มีชายคนหนึ่งเดินตัดหน้าเขาไปราวกับสายลมที่พัดมาอย่างรวดเร็ว
“ซอล!…ทำไมไม่รับสายเลยล่ะ” ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาที่ซอลพร้อมเอ่ยคำถามแปลก ๆ ขึ้น ในเมื่อตลอดทั้งวันไม่มีใครโทรเข้ามาแม้แต่สายเดียว
“ขอโทษนะครับ พอดีผมมีเรื่องงานต้องคุยกับซอลด่วน ผมขอตัวซอลก่อนนะครับ” ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มกล่าวแล้วพาตัวซอลออกจากร้านไป
พัดได้แต่นั่งมองด้วยความไม่พอใจ ชายคนนั้นไม่ปล่อยช่องว่างให้เขาได้โต้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว ขณะที่พี่เตเห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ยืนยิ้มด้วยความสะใจและสงสัยในเวลาเดียวกัน
“ว่าแต่ใครวะนั่น…?”
“จุน…นายมาที่นี่ได้ไง?” ซอลถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็ชอบมาทำงานที่นี่ประจำอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง หาตัวเธอไม่ยากสักนิด” สายตาเย็นชาอัดเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาพาซอลไปที่รถและขับออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว
“แต่การจะเข้าไปหาต่างหากที่ยาก”
“หาตัวฉัน? เข้ามาหาเหรอ?” ร่างบางที่นั่งงงงวยอยู่ที่เบาะข้างคนขับยังคงถามต่อ
“อยู่กับเพื่อนตลอดเวลาไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมวันนี้ปอนด์ถึงไม่มาด้วย” จุนยังคงถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นี่นายตามดูฉันตลอดเลยหรือไง เป็นStalkerเหรอ” แม้จะตกใจที่จุนรู้ว่าเขาอยู่กับเพื่อนตลอด แต่เขากลับสบายใจที่ได้อยู่กับจุนในเวลานี้มากกว่า
“ก็…แค่อยากเจอ…” น้ำเสียงหงุดหงิดผ่อนลงเล็กน้อย สายตายังคงตั้งใจขับรถต่อไป
คำตอบของจุนทำให้ความเงียบก่อตัวขึ้น ได้ยินเพียงแต่เสียงหัวใจที่ดังในเวลานี้ ใบหน้าของทั้งคู่เริ่มแดงราวกับเลือดสูบฉีดขึ้นมารวมอยู่จุดเดียว
“เห็นท่าทางอึดอัดแบบนั้นแล้วมันหงุดหงิด”
“ขอบคุณนะ” ซอลเอ่ยตอบ รอยยิ้มจาง ๆ ก่อตัวขึ้นที่ใบหน้า
จุนก็เผลอยิ้มออกมาแบบไม่ทันตั้งตัว แม้เขาหุบยิ้มอย่างรวดเร็วก่อนที่ซอลจะเห็น แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขากำลังดีใจมากแค่ไหนที่ได้พบเจอและพูดคุยกับเจ้าของรอยยิ้มแสนสดใสของเขาอีกครั้ง
พัดที่ถูกทิ้งไว้ที่ร้านพี่เตลุกมาจ่ายเงินและจำใจเอาอาหารที่ยังทานไม่เสร็จกลับไป
“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยน้องกูกลับไปหามึงง่าย ๆ นะ” พี่เตพูดแบบไม่สบตาขณะคิดเงินให้พัด
พัดได้แต่มองหน้าพี่เตอย่างขุ่นเคือง ใบหน้าที่แสนหวานเมื่อครู่กลับเป็นสีหน้าเคร่งขรึม สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ชายเจ้าของร้าน
“พี่คอยดูแล้วกัน” รอยยิ้มเย้ยหยันพูดส่งท้ายก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ชายหนุ่มมากเสน่ห์ที่พร่ำขอโอกาสจากซอลด้วยความอ่อนโยน ตอนนี้ท่าทีของเขากลับเปลี่ยนไป นัยน์ตาดูมีเลศนัยราวกับกำลังมีแผนร้ายอยู่เบื้องหลังแววตาอ่อนโยนนั้น
ถ้าไม่กล้าพอที่จะก้าวผ่านความกลัวนั้น
เราก็จะกลัวมันไปตลอดชีวิต