"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow - บทที่ 13 คน(เคย)ไว้ใจ : (Un)Forgiven โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า

รายละเอียด

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ผู้แต่ง

Seonha

เรื่องย่อ

สารบัญ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-ตอนนำร่อง ก่อนจุดเริ่มต้น,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 1 จุดเริ่มต้น : Begining,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 2 แสงประกาย : Spark,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 3 สัมผัสดาว : Touch of Stardust,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 4 เงาแห่งความค้างคา : Shadows of Uncertainty,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 5 สัญญาแห่งดวงดาว : Promise of the Star,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 6 ความรู้สึกที่หวนคืน : Feelings That Resurface,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 7 ระเบิดเวลาของหัวใจ : The Ticking Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 8 หัวใจไม่ต้องแสดง : The Unscripted Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 9 ขอให้เธอมีควาสุข : To See You Smile Forevermore,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 10 สิ้นสุดเพื่อเริ่มใหม่ : Where Endings Bloom,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ รอยแผลที่หลอกหลอน : Echoes of Scars,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 11 การกลับมา : Shadows Revisited,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 12 แรงดึงดูดที่มองไม่เห็น : Unseen Forces,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 13 คน(เคย)ไว้ใจ : (Un)Forgiven,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 14 ตัดสินใจ : Redefined,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 15 แค่เอื้อม : A Step Closer,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (2) รักแรก : The First Scar,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (3) ลอยกระทง...กับเธอ : Moonlit Waters, You and I,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 16 แสงในเงา : Silent Sparks,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 17 ทางที่เลือก : My Way,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 18 คลื่นใต้น้ำ : Twisted Reflection ,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 19 ไม่เอ่ย : Deep Wounds,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 20 ย้ำ : Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 21 ก่อนคลื่นสงบ : Shadows Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 22 ปลดล็อก : New Tune

เนื้อหา

บทที่ 13 คน(เคย)ไว้ใจ : (Un)Forgiven

หน้ากากปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของปีศาจ

ที่พยายามแฝงตัวเข้ามากัดกินความไว้ใจ

 

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเช้าวันใหม่ ขณะที่ซอลกำลังเตรียมตัวออกจากบ้านเพื่อไปเรียน พอเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ซอลก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกดรับสาย

“ซอล เรารออยู่หน้าบ้านนะ” น้ำเสียงของพัดดังขึ้นผ่านสาย

“นาย…มาทำไม?” ซอลถามออกไปเบา ๆ สายตาเขาจ้องมองไปยังประตูรั้วด้วยความรู้สึกปนเปหลายอย่าง

“วันนี้ว่างน่ะเลยอยากมารับไปส่งที่มอจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” พัดตอบอย่างเรียบง่าย

“งั้นเรารอที่รถนะ” พูดเสร็จพัดก็วางสายไปไม่รอให้ซอลตอบรับหรือปฏิเสธ

ซอลที่รับมือไม่ทันได้แต่ยืนงงเล็กน้อยก่อนจะเดินลงไปที่รถของพัด เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่เขาจะตัดสินใจอะไรได้ทัน เขาเจอพัดยืนคุยกับพ่อที่หน้าบ้านอย่างสนิทสนม ทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนซอลเรียนอยู่มัธยมฯ ภาพที่ทั้งคู่เข้ากันอย่างดีจึงไม่แปลกตามากนักสำหรับซอลเลย กลับเป็นภาพที่ซอลมักคิดถึงอยู่บ่อย ๆ ด้วยซ้ำ

 

“ซอลมาแล้วผมขอตัวก่อนนะครับพ่อ สวัสดีครับ”

“ซอลไปก่อนนะ” ซอลกล่าวลาพ่อแล้วเดินไปขึ้นรถแบบไม่สบตา

“พัด เย็นนี้มาส่งซอลด้วยสิ จะได้มากินข้าวกัน” พ่อเอ่ยชวนพัดด้วยรอยยิ้มสดใส

พัดยิ้มพยักหน้าเล็กน้อยและตอบรับพ่ออย่างเป็นกันเอง

“ได้เลยครับพ่อ”

 

“ยังเข้ากับพ่อได้ดีเหมือนเดิมเลยนะ” น้ำเสียงของซอลพูดเรียบ ๆ

“วันนี้ซ้อมเสร็จกี่โมงล่ะเดี๋ยวเราไปรับ” พัดถาม สีหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร ท่าทีของเขาดูไม่มีพิษภัยอะไรให้ต้องระแวงเลยแม้แต่น้อย

“นัดพ่อไว้แล้วนี่ เราคงปฏิเสธไม่ได้ คงเสร็จเย็น ๆ น่ะเดี๋ยวโทรบอกอีกทีแล้วกัน” ซอลนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างรถ แต่ความรู้สึกกลับสับสนเล็กน้อย ความอบอุ่นจากการที่พัดมารับส่งทุกวันนั้นทำให้หัวใจเขารู้สึกดี แต่ขณะเดียวกัน…ก็มีบางอย่างที่ยังติดอยู่ในใจ เป็นความรู้สึกที่เขาอธิบายไม่ได้ ราวกับว่า…เขาต้องคอยระวังตัวอยู่เสมอ

 

การซ้อมรับปริญญามาพร้อมกับอากาศที่ร้อนจัดและผู้คนมากมาย ซอลยุ่งเสียจนไม่มีเวลาให้คิดถึงเรื่องอื่นใด แต่หากว่าความคิดเรื่องของพัดกลับแทรกขึ้นมาทีละนิดจนทำให้เขาเผลอยิ้มเป็นครั้งคราว

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะมึง” ปอนด์พูดเสียงกึ่งรำคาญสายตาเหลือบมองขึ้นไปบนฟ้า แม้จะไม่ชอบใจนักแต่เขารู้ดีว่าคงขัดความสุขของเพื่อนไม่ได้

“มึงอย่าชะล่าใจแล้วกันซอล กูรู้สึกไม่ดีแปลก ๆ”

“เอาน่ะมึง มันอาจจะไม่มีอะไรอย่างที่มึงคิดก็ได้” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นในใจซอลก็รู้ดีว่าไม่ควรวางใจพัดได้อย่างเต็มร้อย บทเรียนที่พัดเคยให้เขามาเป็นสิ่งที่ซอลไม่มีทางลืมได้

“อย่างน้อยให้กูได้เสี่ยงดู”

“มึงก็เสี่ยงถูกคนซะด้วยนะ เอาเถอะ ยังไงมันก็เป็นรักแรกของมึง” รักแรกมันลืมยากปอนด์เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ความเป็นห่วงเพื่อนรักของเขาเอ่อล้นผ่านดวงตาอยู่เสมอ

 

เมื่อเดินออกจากประตูมหาวิทยาลัย ก็เห็นพัดยืนรออยู่ตรงทางเข้าพอดี ซอลยิ้มบาง ๆ และพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ พัดส่งยิ้มอบอุ่นตอบกลับ ทำให้ซอลเริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้น แม้ในใจจะยังมีความลังเลอยู่ก็ตาม

“กลับด้วยกันสิปอนด์” พัดพูด รอยยิ้มของเขายังอยู่เต็มอยู่บนใบหน้า

“ไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิคุณย่าน่าจะมีเรื่องคุยด้วยเยอะเลย” ทุกครั้งที่ซอลใช้คุณย่าเป็นข้ออ้างชวนปอนด์ไปที่บ้าน เขามักจะปฏิเสธไม่ลงเสียทุกคราว

แม้ใจจะไม่อยากพบปะหน้าชายรักแรกของเพื่อนสนิทมากเพียงไหน แต่ปอนด์รู้สึกได้ว่านี่เป็นเหมือนสัญญาณของเพื่อนรักที่บอกว่า เขายังไม่ไว้ใจชายคนนี้

 

มื้อเย็นแสนอร่อยที่รอคอย ครอบครัวพร้อมหน้า คนที่เคยรักและเพื่อนสนิทร่วมโต๊ะกินข้าวกัน บทสนทนาถึงเรื่องราวในอดีตที่หอมหวานชวนให้คิดถึงอบอวลปนกลิ่นข้าวมันไก่ที่คุ้นเคย ภาพบรรยากาศแสนสุขที่ห่างหายไปนาน รอยยิ้มของผู้เป็นพ่อวันนี้ดูสดใสเมื่อเขาไม่ดื่มน้ำเมาของโปรดของเขา ซอลรู้สึกดีใจที่พ่อดูยิ้มแย้มมากกว่าทุกวัน

“ซอลเล่าให้ฟังเรื่องที่คุณพ่อจะไปบำบัดอาการติดสุรา คุณพ่อจะไปวันไหนเหรอครับ” พัดพูดคุยกับพ่อของซอลอย่างเป็นกันเอง 

“แกก็ปากไวนะซอล พ่อยังหาวันไม่ได้เลยพัด ช่วงนี้ขายดีวันหยุดก็ต้องไปทำธุระให้คุณย่าน่ะ”

“รอหลังรับปริญญาเสร็จเดี๋ยวซอลพาไปเองไม่ต้องไปลำบากพัดหรอก” ซอลตอบขัดพ่อขึ้นมาเขารู้ว่าคนอย่างพัดจะต้องเสนอตัวไปกับพ่ออย่างแน่นอน

“ไม่ลำบากเลยครับ เดี๋ยวพัดพาไปแค่บอกมาพัดว่างให้คุณพ่อเสมอเลย” เขาหยิบยื่นความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องการบำบัดของพ่อซอลด้วยท่าทางที่ดูจริงใจ 

 

การสนทนากลางโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนาน คุณย่ายังคงเล่าเรื่องราวความรักในอดีตของตนเองกับอากงให้หลาน ๆ ฟังด้วยรอยยิ้ม พ่อเสริมเรื่องราววัยเด็กของตนเองขึ้นเป็นระยะ แต่บางสิ่งในแววตาของพัดทำให้ปอนด์เริ่มมองอย่างระแวง แม้ซอลจะรู้สึกอุ่นใจที่พัดดูสนิทกับครอบครัวของเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งรอยยิ้มที่เกินจริงของพัดก็ทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บแปลก ๆ

ขณะที่ซอลหัวเราะกับเรื่องเล่าของคุณย่า เขาเหลือบเห็นแววตาของพัดที่มองตรงมาที่เขา สายตานั้นดูอบอุ่น แต่กลับมีบางอย่างซ่อนอยู่ ราวกับว่า…พัดกำลังคิดอะไรบางอย่างที่ซอลเดาไม่ออก แม้จะคล้ายสายตาที่แสดงความรัก แต่มีบางอย่างที่ทำให้ซอลรู้สึกอึดอัดเบา ๆ และแสร้งทำเป็นหัวเราะไปกับบทสนทนาเพื่อไม่ให้ใครสังเกตได้

 

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณพ่อ คุณย่า ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นครับอร่อยเหมือนเดิมเลย” พัดกล่าวลาอย่างสุภาพเรียบร้อยก่อนจะส่งยิ้มให้ซอลและโบกมือเล็กน้อย

“ซอลเดินไปส่งปอนด์ก่อนนะ ไหน ๆ วันนี้ก็ไม่ดื่มแล้วงดไปสักวันล่ะซอลไม่อยากเจ็บตัว” ซอลพูดเสียงเรียบ ปากยกยิ้มเล็กน้อยน้ำเสียงขำขันแกมดีใจ

“ไอ้ลูกคนนี้นี่”

“หลานมันก็พูดถูก อดสักวันมันจะตายหรือไง” คุณย่าเอ่ยเสริมคำพูดของซอลพร้อมยกมือมาตีที่ท้ายทอยลูกชายของเขาเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน

 

ท่ามกลางความเงียบในซอยเปลี่ยว สองเพื่อนรักเดินเคียงกันไปช้า ๆ ทั้งคู่เดินลากเท้าอย่างไม่รีบร้อน ความอึดอัดจนรู้สึกได้ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสองคน

“บ้านห่างกันไม่กี่หลังไม่จำเป็นต้องเดินมาส่งสักนิด มีอะไรจะพูดก็ว่ามา” ปอนด์เปิดประโยคเพื่อคลายความอึดอัดนี้ลง

“มึงว่าไงเรื่องพัดในวันนี้” ซอลถามขึ้นอย่างไม่ลังเล

“มันก็ดูปกตินะ แต่กูก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดีที่มันออกตัวรีบร้อนเข้าหามึงขนาดนี้” ปอนด์ตอบอย่างตรงไปตรงมา

“งั้นกูส่งมึงแค่นี้แหละ ไปก่อนนะ กลับดี ๆ เพื่อน” ท่าทางของซอลราวกับจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาพูดทิ้งท้ายพร้อมกับทิ้งเพื่อนรักของเขาไว้กลางทาง

“แต่อีกสามก้าวก็ถึงบ้านกูแล้วนะ…”

 

ซอลวิ่งเต้นกลับมาที่บ้านอย่างรีบร้อน หน้าตาของเขาดูมุ่งมั่นเขาเดินตรงขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว ซอลเปิดคอมพิวเตอร์และเสิร์ชหาอะไรบางอย่าง…บางอย่างที่เขารู้สึกคาใจจนอึดอัด

 

‘การที่พัดเข้าหาเราอย่างรีบร้อนงั้นเหรอ?’

 

ซอลค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บนโซเชียลส่วนตัวของพัดอย่างละเอียดตลอดจนเพื่อนของพัด สิ่งที่ซอลรู้สึกแปลกเป็นเรื่องเดียวกับที่ปอนด์พูด ความรวดเร็วนี้ทำให้ซอลรู้สึกบางอย่างในใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ยิ่งหาคำตอบมากเท่าไหร่ ซอลกลับไม่พบอะไรที่จะเป็นคำตอบได้เลย

“หรือเราจะคิดมากเกินไปนะ” เขาปิดคอมพิวเตอร์และพยายามขจัดความคิดนี้ออกไปก่อนจะเข้านอน

 

ตลอดสัปดาห์ต่อมา พัดมารับส่งซอลทุกวันไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือแม้กระทั่งหลังเลิกงานที่ร้านพี่เต ซอลเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับการที่พัดคอยอยู่เคียงข้าง แม้ว่าจะมีคนรอบข้างคอยเตือนให้ระวัง แต่เขาก็พยายามไม่คิดมาก และให้โอกาสพัดได้ใกล้ชิดอีกครั้ง

 

วันรับปริญญาบรรยากาศในวันสำคัญของซอลคึกคักไปด้วยเสียงแสดงความยินดีจากเพื่อนและครอบครัวที่มาร่วมแสดงความยินดี ซอลอยู่ท่ามกลางบรรดาคนที่รักเขา ภาพรอยยิ้มของซอลฉายแววมีความสุข ทั้งยังมีพัดที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่างตั้งแต่เช้า รวมถึงทิวน้องรหัสที่คอยเขม่นกับพัดไม่ขาดสาย

 

จุนและเพื่อน ๆ รวมถึงพี่ ๆ จากที่ทำงานเก่ามาร่วมแสดงความยินดีเช่นกัน

“ซอล ยินดีด้วยนะ” จุนพูดพร้อมยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นพร้อมถือดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ แต่พอเหลือบไปเห็นพัดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจเล็กน้อย เขามองพัดเงียบ ๆ แววตาฉายความระแวงอย่างชัดเจน

“ขอบใจนะจุน” ซอลเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่สายตายังวนมองหาเพื่อนอยู่รอบ ๆ

“ขอบใจนะที่มา” ซอลยังคงรับช่อดอกไม้จากทุกคนที่มาร่วมยินดีโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของจุนและพัดที่เปลี่ยนไป

 

จุนเบนสายตากลับมาที่ซอลแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไปถ่ายรูปกับทุกคนกันเถอะ” จุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพร้อมยิ้มให้ซอล แต่เมื่อเห็นพัดเดินเข้ามาแทรกด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม เขาเผลอมองอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ในขณะที่ซอลมองไปที่จุนด้วยความซาบซึ้ง

 

ทันใดนั้น ซอลรู้สึกว่าพัดมองเขาอยู่เช่นกัน แววตาที่เคยอบอุ่นนั้นดูหม่นหมองเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นรอยยิ้มแสนอบอุ่นเหมือนเดิม ราวกับว่าพัดกำลังถือสิทธิ์อะไรบางอย่างในตัวเขา

“เดี๋ยวเราถ่ายให้นะ” พัดพูดแทรกเข้ามาอย่างไม่ลดละ 

“ฉันว่าเดี๋ยวพวกเราจัดการเองดีกว่า นายเองก็น่าจะเหนื่อย ๆ ไม่ใช่หรือไง” เสียงของจุนดังขึ้นเบา ๆ แต่แฝงไปด้วยความหมายที่ชัดเจน 

การเผชิญหน้าระหว่างพัดและจุนทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียดเล็กน้อย แม้ซอลจะพยายามทำตัวปกติ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอึดอัดที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามา

 

“ทิว ถ่ายรูปให้หน่อยสิ” ปอนด์เดินเข้ามาแทรกกลางความคุกรุ่นตรงนั้น สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

“วันดี ๆ แบบนี้อย่าทำให้เสียบรรยากาศเลยเนอะ” ปอนด์ยิ้มเชิงประชดก่อนจะยื่นกล้องให้ทิวและเรียกเพื่อน ๆ มาถ่ายรูปด้วยกัน

“ผมก็อยากอยู่เฟรมนะพี่ปอนด์” ทิวพูดอย่างน้อยใจ แต่เขาก็รับกล้องมาถ่ายให้แบบขัดขืนไม่ได้

 

“แล้วพี่ออฟพี่เจ้าล่ะไม่ได้มาด้วยกันเหรอ?” ซอลถามจุนขณะที่สายตายังคงมองหาผู้กำกับที่เขารัก

“กำลังตามมา…นั่นไงเดินมาโน่นแล้ว” จุนพูดพลางชี้ไปยังชายที่เซตผมเนี้ยบและหญิงสาวร่างเล็กที่เดินคู่กันมาด้วยหน้าตาสดใส

“ยินดีด้วยนะซอล” พี่ออฟพูดด้วยความยินดีก่อนจะโอบก่อนอย่างอบอุ่นพร้อมกระซิบที่ข้างหูเบา ๆ

“อย่าลืมนะพี่รออยู่” เขาลูบหลังซอลเบา ๆ แล้วยิ้มให้ คำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกดีกว่าคำแสดงความยินดีทำให้ซอลเริ่มตัดสินใจแน่วแน่เกี่ยวกับการเดินทางหลังจากเรียนจบได้

 

นอกจากความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นจากการเผชิญหน้ากันของพัดกับจุนแล้ว ยังมีอีกคู่ที่พยายามกด ความไม่พอใจไว้ลึก ๆ แม้ไม่สังเกตก็จะพอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แผ่ออกมาราวกับรังสีบางอย่างที่ทำให้ขนลุกแม้จะไม่เดินเฉียดเขาไปใกล้ก็ตาม

“แล้วพ่อกับแม่จะตึงใส่กันอีกนานไหม? นี่วันของซอลละเว้นให้สักวันไม่ได้เลยหรือไงกัน” ซอลเดินตรงปรี่เข้ามาหาผู้ปกครองอันเป็นที่รักที่กำลังทำหน้าบึ้งตึงหลบร้อนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใกล้ ๆ

ซอลจับมือของทั้งสองคนอย่างแผ่วเบา ความรักและอบอุ่นของคนเป็นลูกส่งผ่านมือคู่นี้ไปถึงทั้งสองคน

“ไปถ่ายรูปกับซอลกันนะ…นาน ๆ จะอยู่พร้อมหน้ากัน ยิ้มให้ซอลหน่อยได้ไหม”

แม้จะเลิกรากันไปแต่ความเป็นพ่อแม่ยังคงอยู่ตลอด ทั้งสองคนวางอคติที่มีต่อกันลงเมื่อลูกคนโตพูดขึ้นด้วยแววตาน่าเอ็นดู ภาพครอบครัวที่ไม่หาดูได้ยากนี้กลับมาอีกครั้งในวันสำคัญอีกวันของชีวิตซอล น้องชาย พ่อ แม่ และคุณย่ายืนถ่ายรูปร่วมกันด้วยรอยยิ้ม ความสุขชั่วคราวนี้เป็นดั่งของขวัญล้ำค่าที่มีความหมายมากที่สุดในช่วงชีวิตของซอลก็ว่าได้

 

ความโกลาหลเริ่มต้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อมีผู้ร่วมงานบางคนสังเกตเห็นนักแสดงมากหน้าหลายตามาร่วมงานรับปริญญานี้ บางคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยความตื่นเต้น บ้างก็เอาขนมมาให้ ซอลได้แต่ยืนมองความวุ่นวายนั้นอยู่ห่าง ๆ เขายิ้มให้กับเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วได้แต่คิดในใจ

 

‘ในอนาคตจะเจอแต่เรื่องวุ่นวายแบบนี้ไหมนะ’

 

“ยิ้มไม่หุบเชียวนะ ไม่รู้ว่าเพราะเรียนจบหรือเพราะใครกันแน่” พัดเดินมาข้าง ๆ แล้วพูดกับซอลที่ดูใจลอยอยู่

“แค่กำลังคิดถึงอนาคตที่ยังไม่รู้จะเป็นยังไงน่ะ เดี๋ยวพอทิวเรียนจบฉันก็ต้องมางานแบบนี้แล้วมันก็เป็นดารา การจะดูแลมันจนถึงวันนั้นได้คงจะวุ่นวายไปไม่น้อยกว่านี้แน่ ๆ” ซอลเล่าถึงเรื่องที่คิดในหัวปนหัวเราะออกมาเบา ๆ

พัดมองไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของซอลที่กำลังมองดูกลุ่มคนเหล่านั้น สายตาที่เอ็นดูเด็กน้อยของเขาแฝงไปด้วยความคิดอยากเอาชนะโดยที่ซอลไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

 

จุนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับผู้คนที่รุมล้อมนั้นสังเกตเห็นซอลที่ยืนอยู่ไม่ไกลเขายิ้มออกมาบาง ๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของพัดที่มองซอลอยู่นั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างที่เจ้าตัวเองก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน

 

“แม่กลับก่อนนะซอล ดูแลตัวเองด้วยนะ”

“ผมไปส่งที่รถนะครับ” พัดรีบเสนอตัวเดินไปส่งแม่ของซอลในทันที

 

“ซอล…” จุนเดินเข้ามาหาซอลเมื่อพัดเดินห่างออกไปพร้อมยื่นน้ำเย็น ๆ ให้ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาแบบไม่คิด

“แฟนเหรอ?”

“แฟนเก่าพี่ซอล” ทิวตอบแทรกขึ้นมา

“รักแรกเลยแหละ” ปอนด์เอ่ยเสริมคำตอบของทิว

 

จุนฟังเรื่องราวของพัดที่ปอนด์เล่าอย่างเงียบ ๆ เขามีอะไรในใจแต่ไม่อยากจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด

“โห ทำขนาดนี้แล้วยังจะให้โอกาสอีกเหรอ ซอลนี่ก็ใจกว้างเนอะ” ปั้นที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่พูดขัดขึ้นมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้พัดก็ดีกับเรามากด้วยแค่คิดว่าจะลองให้โอกาสดูคงไม่เสียหายอะไร” ซอลตอบด้วยท่าทีเรียบเฉย

“ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยนะพี่ซอลผมว่ามันไม่ชอบมาพากล” ทิวพูดอย่างเป็นห่วง ซอลได้แต่นั่งเงียบและนิ่งเฉยไม่ตอบโต้อะไร ขณะที่จุนได้แต่นั่งมองซอลด้วยแววตาที่เป็นห่วงไปไม่น้อยกว่าคนอื่น ๆ

 

หลังจบพิธี พัดพาซอลไปส่งที่บ้านเช่นเคย ขณะนั่งอยู่บนรถซอลเหลือบมองพัดที่นั่งขับรถด้วยท่าทางนิ่งเงียบ บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความอึดอัดที่ซอลไม่เคยรู้สึกกับพัดมาก่อน เขาลองหันไปพูดถึงเรื่องทั่วไป แต่พัดเพียงแค่พยักหน้ารับบ้างเป็นครั้งคราว เหมือนกำลังมีความคิดบางอย่างวนเวียนอยู่ในหัวที่เขาไม่เปิดเผยออกมา ซอลนึกถึงคำพูดของปอนด์และทิวที่เตือนเขา และคืนนั้นเขาเริ่มรู้สึกถึง “เงา” ของพัดที่อาจกลับมาทำร้ายเขาอีกครั้ง

 

ตลอดคืนนั้นซอลเก็บคำพูดของทุกคนมาคิดอย่างถี่ถ้วน เขาพยายามหาเหตุผลที่พัดพยายามเข้าหาตัวเองนอกจากการขอคืนดี แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ซอลกลับไม่พบทางออกใด ๆ เลย

 

‘หรือว่า…’

 

เสียงรอบข้างอาจจะเงียบลงหากเราปิดหู

แต่ไม่อาจปิดความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้