"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow - บทที่ 14 ตัดสินใจ : Redefined โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า

รายละเอียด

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ผู้แต่ง

Seonha

เรื่องย่อ

สารบัญ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-ตอนนำร่อง ก่อนจุดเริ่มต้น,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 1 จุดเริ่มต้น : Begining,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 2 แสงประกาย : Spark,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 3 สัมผัสดาว : Touch of Stardust,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 4 เงาแห่งความค้างคา : Shadows of Uncertainty,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 5 สัญญาแห่งดวงดาว : Promise of the Star,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 6 ความรู้สึกที่หวนคืน : Feelings That Resurface,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 7 ระเบิดเวลาของหัวใจ : The Ticking Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 8 หัวใจไม่ต้องแสดง : The Unscripted Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 9 ขอให้เธอมีควาสุข : To See You Smile Forevermore,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 10 สิ้นสุดเพื่อเริ่มใหม่ : Where Endings Bloom,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ รอยแผลที่หลอกหลอน : Echoes of Scars,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 11 การกลับมา : Shadows Revisited,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 12 แรงดึงดูดที่มองไม่เห็น : Unseen Forces,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 13 คน(เคย)ไว้ใจ : (Un)Forgiven,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 14 ตัดสินใจ : Redefined,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 15 แค่เอื้อม : A Step Closer,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (2) รักแรก : The First Scar,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (3) ลอยกระทง...กับเธอ : Moonlit Waters, You and I,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 16 แสงในเงา : Silent Sparks,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 17 ทางที่เลือก : My Way,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 18 คลื่นใต้น้ำ : Twisted Reflection ,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 19 ไม่เอ่ย : Deep Wounds,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 20 ย้ำ : Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 21 ก่อนคลื่นสงบ : Shadows Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 22 ปลดล็อก : New Tune

เนื้อหา

บทที่ 14 ตัดสินใจ : Redefined

หากชีวิตเป็นนิยาย

คุณจะเขียนเรื่องราวตอนจบอย่างไร

 

ชีวิตบทใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น…เช้าของการทำงานวันแรกอันแสนสดใส ซอลก้าวเท้าเข้ามาในอาคาร GM2 อย่างมั่นใจ ชุดทำงานเรียบร้อยสไตล์กึ่งทางการที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ เสริมด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข บ่งบอกว่าเขาตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้เริ่มต้นทำงานจริงในบริษัทบันเทิงชั้นนำที่เขาเคยฝึกงานมาก่อน

“พี่ซอล! พี่มาเช้าจังเลยนะครับ” เสียงใสของทิวดังขึ้น ทำให้ซอลหันไปมองรอยยิ้มสดใสของน้องรหัสที่เดินเข้ามาพร้อมกลุ่มเพื่อนนักแสดงคนอื่น ๆ

“แน่นอนสิ วันแรกก็ต้องเต็มที่กันหน่อย”

ปอนด์ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ พลางตบบ่าซอลเบา ๆ

“เอาล่ะ งานนี้น่าจะมันกว่าเดิม เพราะมึงไม่ใช่แค่เด็กฝึกงานอีกแล้ว” เขาเหลือบตาไปเห็นพี่ออฟกับจุนที่เดินเข้ามาจากอีกฟากพร้อมถือแก้วกาแฟสีดำในมือ ท่าทีของจุนดูนิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเคย

“ดูเหมือนว่ากำลังใจมึงก็มาแต่เช้าเลยนะ”

 

ซอลหันกลับไปมองตามสายตาของเพื่อน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นโดยไม่ตั้งใจ เพราะการได้กลับมาในฐานะพนักงานเต็มตัวทำให้เขารู้สึกแตกต่างจากการฝึกงานครั้งก่อน เขาต้องเจอกับจุนในฐานะคนที่ต้องร่วมงานกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ระยะฝึกงาน

“ยินดีต้อนรับกลับมานะซอล” เสียงทักทายคุ้นเคยของพี่ออฟดังขึ้นก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวพ้นประตูใหญ่ พี่ออฟยิ้มและตบไหล่ซอลเบา ๆ ด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนที่ซอลจะเอ่ยขอบคุณพี่ออฟ

“เตรียมรับมืองานใหญ่ให้ดีเลยนะ!”

 

ทันทีที่ซอลเดินเข้ามาในออฟฟิศ เสียงซุบซิบเงียบ ๆ ก็เริ่มดังขึ้นเบา ๆ แต่เพียงพอให้เขาได้ยินคำพูดที่พูดถึงตัวเอง พี่ออฟเรียกซอลให้เดินเข้าไปด้วยกัน ขณะจุนมองซอลด้วยสายตานิ่งเฉยก่อนจะเดินตามไปที่ห้องประชุมเล็ก ๆ พร้อมทีมงานอีกจำนวนหนึ่ง 

ผู้กำกับเริ่มต้นการประชุมด้วยการแนะนำซอลในฐานะพนักงานใหม่ที่รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ขณะที่ซอลแนะนำตัวต่อหน้าทุกคนอย่างสุภาพ 

“คงไม่ได้เข้ามาเพราะใช้เส้นหรอกใช่ไหม?”

“ก็น้องเขามีทั้งชื่อเสียง ทั้งรู้จักกับพี่ออฟขนาดนั้น ไม่แปลกหรอก”

“ลูกผู้กำกับดังใช่ไหมล่ะ ได้ยินมาว่าครั้งนี้ได้ตำแหน่งเพราะเส้นใหญ่ด้วย” 

“ดูสิ สนิทกับทั้งจุนและนักแสดงกันหมด”

เสียงกระซิบเหล่านั้นเล็ดลอดออกมาเบา ๆ ด้วยความสงสัยและอิจฉาโดยเฉพาะกลุ่มพนักงานที่ทำงานในบริษัทนี้มานาน พวกเขาส่งสายตากันอย่างไม่พอใจ จุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นและแอบมองไปยังซอลที่นั่งตั้งใจฟังพี่ออฟอย่างไม่รู้สึกถึงสิ่งใด

ซอลทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ความรู้สึกไม่สบายใจก็แทรกเข้ามาอยู่ลึก ๆ เขาหลุบตาลงเล็กน้อย รู้สึกเหมือนโดนสอดแนมตั้งแต่ก้าวเข้ามาในที่ทำงานใหม่ ถึงแม้จะเคยทำงานในฐานะเด็กฝึกงานมาก่อน แต่บรรยากาศตอนนี้ไม่เหมือนเดิม

 

ตลอดทั้งวัน ซอลใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม้จะมีสายตาบางคู่จับจ้องเขาด้วยความสงสัยและอิจฉาริษยา แต่เขาก็พยายามไม่ใส่ใจ 

 

ในบรรยากาศที่สงบเงียบของมุมพักเบรกเล็ก ๆ ในออฟฟิศ ที่มีเครื่องทำกาแฟกับมุมพักผ่อนเบา ๆ ซอลยืนอยู่เพียงลำพัง กลิ่นหอมของกาแฟอุ่น ๆ ในมือช่วยผ่อนคลายความอึดอัดให้เบาบางลง หมาป่าหนุ่มเดินตามเข้ามาอย่างเงียบ ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ซอลเริ่มสังเกตเห็นคือท่าทีของจุนที่ดูขัดเขินเล็ก ๆ

“ไม่เห็นบอกว่าจะกลับมาทำที่นี่?” จุนเปิดประเด็นขึ้น ท่าทางดูเรียบเฉย แต่สายตากลับสื่ออะไรบางอย่างออกมา น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงความรู้สึกน้อยใจเล็ก ๆ ที่ซอลจับได้

ซอลหันมองจุน พลางยิ้มอ่อน ๆ อย่างรู้สึกผิด เขาเข้าใจว่าจุนกำลังน้อยใจ เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่เขาตัดสินใจสมัครงานและรับตำแหน่งนี้อย่างจริงจัง เขาก็ไม่ได้บอกใครไว้ก่อนขนาดปอนด์ยังเพิ่งรู้ได้ไม่นาน

“ตอนแรกฉันก็ยังไม่แน่ใจน่ะ… ก็เลยไม่ได้บอกใคร” ซอลพูดออกมาอย่างเกรงใจ เหลือบมองจุนที่จิบกาแฟและเลิกคิ้วเบา ๆ คล้ายกับอยากถามต่อ

“บอกทุกคน…ยกเว้นฉันหรือเปล่า” จุนถามกลับโดยที่สายตามองตรงไปข้างหน้า ท่าทางนิ่งเหมือนเคย แต่แก้มของเขาดูจะมีสีระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ซึ่งซอลจับสังเกตได้ชัดเจน

“นี่ฉันนึกว่านายรู้จากพี่ออฟแล้วซะอีก” ซอลพูดพลางขำเมื่อเห็นจุนเอียงหน้ามาทางเขา ท่าทางที่แฝงความน้อยใจที่ไม่เคยเห็นบ่อยนักจากจุน

 

จุนหันมามองซอลด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ จะตอบไปว่าเขาไม่รู้อย่างเต็มปากก็คงจะไม่ใช่ แถมช่วงที่ผ่านมาเขาออกจะใจร้อนที่อยากรู้ข่าวคราวของซอลจนพยายามไปตามดูซอลที่มหาวิทยาลัยบ่อยครั้ง แต่ก็ทำเป็นไม่พูดถึงมัน

“เหรอ..ก็ไม่รู้จริง ๆ นั่นแหละ” จุนพูดพลางจ้องแก้วกาแฟในมือ แกล้งทำเป็นไม่สนใจสายตาของซอลที่มองมา

“แล้วจะมาน้อยใจทำไม…หายตัวไปไหนอยู่เรื่อยยังจะมาบ่นอีกนะ”

จุนเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำแซวจากซอล ทำท่าจะพูดบางอย่าง แต่แล้วก็เลือกที่จะเงียบไป จุนกลืนน้ำลายแล้วหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ พยายามซ่อนรอยยิ้มที่ลึก ๆ แล้วรู้สึกอายตัวเอง แต่พยายามคงท่าทีให้ดูสบาย ๆ

 

“เงียบเลยเหรอ?” ซอลมองท่าทีของจุนพร้อมขำเบา ๆ

“ฉันไม่ได้หายตัวไปซะหน่อย ยุ่งน่า” จุนพูดอย่างคลุมเครือ หันมามองซอลด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา

ซอลฟังแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็รู้สึกดีที่มีจุนที่ยังคงอยู่ข้างเขาในเวลาที่เขารู้สึกไม่สบายใจเสมอ ถึงแม้คำพูดของจุนจะฟังดูไม่ชัดเจน แต่แววตาของเขากลับสะท้อนความห่วงใยที่แฝงลึกอยู่ในใจอย่างปิดไม่มิด

“นายจะมีความลับเยอะไปถึงไหนฉันไม่สนใจหรอกนะ นั่นมันเรื่องของนาย” ซอลเอ่ยพลางยิ้มให้จุน

“แต่ฉันแปลกใจมากกว่าที่นายมักจะโผล่ไปในที่ที่ฉันอยู่มากกว่า”

จุนที่ได้ฟังดังนั้นกลับเงียบไป อมยิ้มเล็ก ๆ อยู่ข้างแก้วกาแฟ ราวกับกำลังยอมรับกับตัวเองเงียบ ๆ ว่าคำที่ซอลพูดนั้นราวกับจับผิดเขาได้ทุกที

“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ก็ตั้งแต่ที่นายไปลากฉันออกมาที่ร้านพี่เตวันนั้น นายพูดเองไม่ใช่หรือไง แล้วไหนจะเรื่องที่นายไม่รู้ว่าฉันจะกลับมาทำงานที่นี่อีก แค่นี้ก็รู้แล้วว่านายมันโรคจิตที่คอยแอบตามฉัน” ซอลยิ้มบาง ๆ พลางพูดออกมาขำ ๆ ด้วยน้ำเสียงแฝงความอ่อนโยน

 

บรรยากาศที่เงียบสงบทำให้ซอลรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจุนมีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าครั้งก่อน ซอลรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่กับจุน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

 

ตลอดสัปดาห์นั้น พัดยังคงติดต่อและเข้าหาซอลมากขึ้น จนบางครั้งก็มารอรับส่งที่หน้าบริษัท ซอลรู้สึกชินที่พัดพยายามเข้าหาเขาอย่างต่อเนื่องแม้กระทั่งในวันที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน

“เย็นนี้เลิกกี่โมง เราไปรอหน้าบริษัทนะ” พัดเอ่ยขึ้นทางโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่ราวกับตัดสินใจแล้ว 

“พัดไม่ต้องมารับส่งทุกวันก็ได้นะ” ซอลตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่พัดกลับยืนยันอย่างหนักแน่น 

“ก็พัดไม่อยากให้ซอลต้องลำบากนี่ แค่งานก็เหนื่อยมากพอแล้ว เรื่องขับรถปล่อยให้พัดทำแทนนะ”

เขาไม่เว้นช่วงให้ซอลได้มีโอกาสแม้จะอ้าปากตอบ

“ตามนี้นะ เย็นนี้เราไปรอ” พัดวางสายทันทีที่พูดจบ ซอลรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่พัดเอ่ยคำพูดที่ชวนให้เขารู้สึกว่าถูกบังคับ เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับการที่พัดดูรุกเร้าและพยายามเอาชนะใจเขาอย่างหนักเกินไป

 

และเป็นเช่นนั้น เมื่อซอลเดินออกมาจากบริษัทพร้อมกับจุนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งสองพูดคุยกันเกี่ยวกับงานใหม่พลางหยอกล้อกันเกี่ยวกับบทที่จุนได้รับ รอยยิ้มของซอลต้องหุบลงเมื่อมองเห็นพัดยืนรออยู่ข้างรถที่หน้าบริษัท แววตาของพัดที่มองมาเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เขาไม่สบอารมณ์มากนักที่เห็นซอลมักจะอยู่กับจุนบ่อยครั้งในช่วงนี้

“ซอลขึ้นรถ!” พัดพูดกระแทกเสียงก่อนจะขึ้นรถไปอย่างฉุนเฉียว

“ฉันไปก่อนนะ ไว้คุยกันต่อ” ซอลบอกลาจุนขณะที่สายตาเขายังคงจ้องมองไปที่รถพัดด้วยความระแวง

“ไม่เป็นไรแน่นะซอล” จุนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง มือของเขาอยากจะคว้ากระเป๋าของซอลไว้ไม่ให้เขาเดินจากไป

“อืม…ไม่ต้องห่วงนะ” แต่ซอลตอบกลับมาในทันที เขาหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มมั่นใจทำให้จุนหยุดมือไว้

 

เขามองซอลที่เดินจากไป แม้จะห่วงมากแค่ไหนแต่เพราะรอยยิ้มที่ซอลทิ้งไว้ทำให้เขารู้สึกได้ว่าซอลมีแผนอะไรบางอย่างจะรับมือเหตุการณ์ที่จุนกังวลได้

“ช่วงนี้สนิทกันจังนะ กับไอ้หมอนั่น” พัดพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัดภายในรถ

“เรากับจุนสนิทกันมาสักพักแล้วนะ ตั้งแต่ตอนฝึกงาน” ซอลเอ่ยตอบอย่างเรียบเฉย ใบหน้าและแววตาไร้อารมณ์แต่ลึก ๆ นั้นเขาหวาดกลัวในสิ่งที่พัดจะทำเสียมากกว่า

“เหรอ ไม่ยักรู้ แต่ซอลรู้ใช่ไหมว่าพัดไม่ชอบที่ซอลสนิทกับมัน”

ซอลยังคงนั่งกอดอกนิ่งเงียบ ดวงตาหลบมองออกไปด้านนอกรถ มือทั้งสองข้างกำแน่นเพื่อกดความกลัวไว้ภายใน

“อย่าให้เราเห็น…” พัดพูดไม่ทันจบประโยคซอลก็เอ่ยขัดขึ้นมาอย่างใจเย็น

“พัดอย่าลืมนะ…เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ถึงซอลจะให้โอกาสพัดได้กลับเข้ามาในชีวิต แต่พัดไม่ใช่เจ้าของซอล

 

คำพูดของซอลราวกับเป็นชนวนให้พัดเกือบระเบิดอารมณ์ออกมา แต่กลับกันเขาเลือกที่จะนั่งเงียบ สายตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างปิดไม่ได้ เขากำพวงมาลัยรถจนเส้นเลือดขึ้นที่หลังมือ

ซอลเหลือบมองอาการของพัดด้วยหางตา แม้จะกลัวมากแค่ไหนแต่เขาก็พยายามกดความกลัวนั้นไว้ตลอดทาง บรรยากาศภายในรถเงียบสนิทราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่บนรถคันนี้ ความเร็วของรถเร่งขึ้นช้า ๆ จนใจของซอลตกไปที่ตาตุ่ม

“พัด…!” ซอลตะโกนออกมาด้วยความตกเมื่อความเร็วไม่ลดน้อยลงแม้จะมีรถอีกคันจอดติดไฟแดงอยู่ข้างหน้า

“พัดดดด!!”

 

พัดเบรกรถอย่างแรงจนทำให้ซอลหัวกระแทกเข้ากับคอนโซลด้านหน้า และยังได้รับบาดเจ็บจากเข็มขัดนิรภัยที่รั้งตัวของเขาไว้อย่างแรง

“ซอลรู้ใช่ไหม…ถ้าขัดใจพัดจะเป็นยังไง” พัดยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ซอลความห่างเพียงคืบ มือเย็นของเขาลูบจัดผมที่ลงมาปรกใบหน้าของซอลช้า ๆ รอยยิ้มเย็นยะเยือกค่อย ๆ แง้มออกมาราวกับรอยยิ้มของปีศาจ

 

ซอลรู้ตัวดีว่าเขาไม่ปลอดภัยหากยังคงปล่อยให้พัดอยู่กับเขาสองต่อสอง และคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่หากยั่วอารมณ์เขาในตอนนี้ ภาพทรงจำในอดีตหวนคืนมาอย่างชัดเจนจนทำให้ซอลกลัวขนหัวลุก จากนั้นตลอดทางกลับบ้านทั้งคู่นั่งเงียบไม่มีการสนทนาใดเอ่ยขึ้นอีก

“ขับรถดี ๆ” ซอลพูดห้วนก่อนลงจากรถ

“ซอล…เราขอโทษนะที่อารมณ์ร้อน” ปีศาจร้ายเมื่อสักครู่ใหญ่ตอนนี้สงบลง เขาดูเป็นคนละคนที่เหยียบคันเร่ง

ซอลไม่เอ่ยตอบอะไรเขาปิดประตูรถแล้วรีบเดินจ้ำเข้าบ้านอย่างหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เพิ่งพบเจอมา

 

หลังจากเดินเข้าบ้าน ซอลรีบปิดประตู หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด มือสั่นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ความรู้สึกอึดอัด ความกลัว และความไม่ไว้วางใจต่อพัดเริ่มกัดกินความสุขเล็ก ๆ ในชีวิตที่เขาเพิ่งได้รับคืนมา

แต่เพียงไม่กี่นาที ซอลก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับตัดสินใจบางอย่างในใจที่แน่วแน่ขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา กดหมายเลขค้างไว้สักพัก ก่อนจะกดโทรออก

“ฮัลโหล ปอนด์…กูมีเรื่องปรึกษาหน่อย”

น้ำเสียงของซอลแฝงด้วยความรู้สึกขมขื่น แต่ก็มีแววตาที่แน่วแน่ เขารู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดทุกสิ่งที่พัดพยายามบงการ เขาจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายตัวเองอีก

 

เขาเลือกที่จะหันหลังให้กับความกลัวและอ่อนแอที่ผ่านมา ซอลจ้องมองไปยังประตูห้อง เหมือนเห็นแสงสว่างที่เล็ดลอดผ่านความมืดที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตเขามาเนิ่นนาน ถึงเวลาที่เขาจะสร้างเรื่องราวชีวิตของตัวเองขึ้นใหม่ โดยไม่ปล่อยให้ใครเข้ามากำหนดอีกต่อไป

 

อ่านหนังสือเล่มเดิมตอนจบก็เหมือนเดิม

แต่เราสามารถฉีกตอนจบนั้นออกได้