"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ความมืดสุดท้าย : Final Shadow"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
ซอลกลับมาทำงานในฐานะพนักงานเต็มตัวได้ราวสองสัปดาห์ งานที่ถาโถมเข้ามาอยู่ตลอดทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าแต่ก็สนุกไปพร้อม ๆ กัน เมื่อมองไปที่ปฏิทินซอลเพิ่งรู้ตัวว่าวันนี้เป็นวันที่ทุกคนนัดกันไปผ่อนคลายที่วัดใกล้ ๆ
“เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย แต่ว่างาน…” ซอลมองไปที่กองงานบนโต๊ะแล้วพูดออกมาเบา ๆ
“ปล่อยงานมันบ้างก็ได้นะ ไปเที่ยวให้สนุกเถอะซอล” พี่เจ้าพูดขึ้นเมื่อได้ยินซอลบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“ที่จริงซอลไม่ค่อยชอบเทศกาลเท่าไหร่หรอก คนก็เยอะ รถก็ติด ร้อนจะตาย อยากกลับบ้านไปนอนตีพุงให้สบาย” ซอลพูดไปก็เบะปากไป
“กลับไปซอลก็นั่งทำงานต่อ ใช่ว่าจะนอนซะเมื่อไหร่ ไปเถอะพักผ่อนบ้างก็ได้นะ” พี่เจ้ายังคงพูดกล่อมให้น้องรักบ้างานของเขาออกไปหาเรื่องพักสมองบ้าง เรื่องจมกองงานไม่ช้าก็เร็วจะเจออยู่แล้ว
ไม่ทันขาดคำเสียงของปอนด์เพื่อนรักกับปั้นที่ไม่รู้ว่าห้อยมาด้วยกันได้อย่างไรก็ดังขึ้น
“พี่จันทร์เจ้าครับ ผมขอตัวซอลนะครับ ตอนนี้เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาตรงแล้ว ได้เวลาเลิกงานแล้ว…”
“มึงต้องบอกให้ซอลเก็บงานได้แล้วไม่ใช่บอกพี่เจ้า” ปั้นพูดขัดคอปอนด์
“เออจริง ฉันน่ะไล่แล้วนะแต่ซอลไม่ยอมลุกเองต่างหาก”
สิ้นเสียงคำพูดของพี่เจ้า ปอนด์และปั้นมองตากันก่อนพยักหน้าเบา ๆ แล้วเข้าไปรวมของจำเป็นลงกระเป๋าของซอลแล้วหิ้วตัวออกมา
“พี่เจ้า!!!” ซอลเอ่ยเรียกราวกับจะขอความช่วยเหลือที่โดนเพื่อนหิ้วออกจากโต๊ะทำงาน แต่หากเจ้าเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กจะไปสู้อะไรกับแรงผู้ชายตัวสูงสองคน เธอทำได้เพียงยืนยิ้มและโบกมือลาเพียงเท่านั้น
วันลอยกระทง เป็นวันที่เราขอขมาพระแม่คงคา ผู้คนส่วนมากมักไปกันเป็นกลุ่มเพื่อน ครอบครัวแม้กระทั่ง…คู่รัก วันที่แสนจะโรแมนติกสมาชิกวง Lustre ชวนกันไปที่วัดอรุณ แม้จะเป็นที่ผู้คนขวักไขว่กันจนแน่นขนัด แต่ทุกคนพร้อมใจกันที่จะไปพบปะผู้คนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แฟนคลับหลายคนที่ได้พบเจอก็ส่งเสียงเรียกกรี๊ดกันเบา ๆ เนื่องจากอยู่ในเขตวัด คุณหนูริวเดินคู่ติดกับพี่นายของเขา ทิวถูกเพื่อนสนิทของพี่รหัสล็อกคอไปเดินด้วย สีหน้าของทิวไม่พอใจนักที่ไม่ได้เดินเคียงข้างพี่ซอลที่เขาอยากเอาใจ ประกบข้างด้วยปั้นที่จับตาดูเขาอยู่ไม่ห่าง
บรรยากาศริมแม่น้ำในคืนวันเพ็ญคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย เสียงเพลงพื้นบ้านจากลำโพงเก่า ๆ ดังคลอไปกับเสียงหัวเราะและเสียงพลุที่แต่งแต้มท้องฟ้ายามค่ำคืนให้เต็มไปด้วยสีสัน แสงไประยิบระยับประดับตามกำแพงวัด ร้านค้าหลากหลายเรียงรายกันตามทางเดิน ขนมเบื้องไส้ครีมทะลัก ขนมโป๊งเหน่งลูกกลมโต หอยทอดที่ลูกค้าเรียงคิวยาวไปถึงประตูหน้า ลูกโป่งตัวการ์ตูนน่ารักลอยล่องเหนือหัวผู้คนหลายแบบ ไอติมหลอดจากน้ำอัดลมช่วยคลายร้อนได้อย่างดี ขาดไม่ได้กับร้านกระทงประดับด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ริ้วแสงจากกระทงที่ลอยละลิ่วไปตามสายน้ำสะท้อนกับดวงจันทร์เต็มดวง ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกจนซอลอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ลูกโป่งน่ารักดีนะ ตลกดี” ซอลมองจ้องไปที่ลูกโป่งลมที่ลอยอยู่ไม่ไกล
“ไหนบอกไม่ชอบเทศกาลแบบนี้” จุนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เขาทำหน้าทะเล้นเหมือนกำลังจับผิดคนที่บอกไม่ชอบแต่เดินยิ้มและสนุกไปกับงาน
“ไม่ชอบเพราะคนมันเยอะ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบเทศกาล” ซอลหันกลับมาตอบ เขายกยิ้มมุมปากเล็ก ๆ
เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงริมน้ำที่คนเริ่มบางตาลง ปอนด์ก็วางกระทงของตัวเองลงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหันมามองซอลที่ยังยืนนิ่ง
“มึงเหม่ออะไรของมึง”
ซอลมองกระทงในมือเหมือนไม่รู้จะเริ่มยังไง ท่าทางลังเลของเขาทำให้จุนอดยิ้มไม่ได้ เขายื่นมือมาจับมือของซอลที่ถือกระทงไว้ และช่วยประคองมันให้ค่อย ๆ วางลงไปในน้ำ ขณะที่กระทงลอยออกไปพร้อมกับกระแสน้ำ จุนพูดขึ้นเบา ๆ พร้อมอมยิ้ม
“อยากลอยด้วยกันทำไมไม่บอกดี ๆ ล่ะ”
แสงเทียนในกระทงสะท้อนในดวงตาของซอล เขามองกระทงที่ลอยออกไปไกล พลางคิดถึงคำอธิษฐานที่ไม่ได้พูดออกมาในใจ
‘ขอให้ทุกอย่าง…ผ่านไปได้ด้วยดี’
เรื่องราวที่พัดผ่านเข้ามาไม่ว่าจะดีหรือร้าย ซอลได้ภาวนาครั้งแล้วครั้งเล่าให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพียงเพราะตัวเขาเอง แต่เขามักจะขอให้คนรอบตัวนั้นมีความสุขอยู่เสมอ
“อธิษฐานว่าอะไรเหรอ?” จุนถามพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้ ซอลสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” ซอลตอบเสียงเรียบ แต่จุนยิ้มออกมา ราวกับรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
ขณะที่ทั้งสองคนมองกระทงลอยไปไกล ปอนด์ที่ยืนมองจากด้านหลังก็หันไปพูดกับปั้น
“มึงว่าคู่นี้เมื่อไหร่จะรู้ตัววะ?”
“อีกไม่นานหรอก แววออกขนาดนี้” ปั้นยกยิ้มพูดขำอย่างรู้ทัน
หลังจากลอยกระทงกันเสร็จ ปอนด์ก็ลากซอลไปเล่นเกมปาลูกโป่งที่บูทเล็ก ๆ ซอลพยายามปฏิเสธแต่ก็ไม่พ้นแรงดันจากเพื่อนสนิท
“กูบอกแล้วว่าไม่เล่น! มันเสียเวลา!” ซอลพูดพลางขมวดคิ้ว แต่ปอนด์หัวเราะแล้วส่งลูกดอกให้เขา
“ซอล ถ้าชนะ ฉันซื้อขนมให้” จุนพูดแทรกขึ้นพร้อมยิ้มกวน ๆ ทำให้ซอลกัดฟันหยิบปืนขึ้นมา
เสียงลูกโป่งแตกดัง ปัง! ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ซอลพลาดไปตลอด
“ต้องเล็งแบบนี้” จุนพูดพร้อมกับยื่นมือเข้ามาประคองมือของซอล ทำให้เขาเผลอหยุดนิ่งไปชั่วครู่
“อย่าเสียสมาธิสิ” จุนกระซิบเบา ๆ ใกล้หูของซอลจนเขารู้สึกถึงลมหายใจ และหน้าเริ่มขึ้นสี
เสียงปืนลมดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ลูกโป่งก็แตกกระจาย ทำให้จุนหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“เห็นไหม ว่าฉันช่วยได้”
“อย่าคิดว่าฉันจะขอบใจนายหรอก” ซอลเบือนหน้าหนี พลางพูดเบา ๆ
จุนยกยิ้มอย่างมีความสุข เขายังคงเฝ้ามองซอลที่ดูสนุกสนานกับงานวัดนี้ เขาดูเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งมาเที่ยวงานแบบนี้เป็นครั้งแรก รอยยิ้มสลับคิ้วที่ขมวดเมื่อเถียงกับเพื่อนสนิท เป็นภาพความสุขที่ทำให้เขายิ้มตามได้แบบไม่หยุด
“ยิ้มขนาดนี้เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวหมดหรอกครับ” คุณหนูริวเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน เมื่อหันกลับมาที่ต้นเสียงก็เห็นเพื่อน ๆ ที่จับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว จุนหุบยิ้มในทันทีก่อนจะรีบเดินหนีไปอย่างอาย ๆ
ค่ำคืนแห่งเทศกาลจบลง ซอลและจุนเดินกลับมาที่รถด้วยกัน ขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ ต่างแยกย้ายกลับบ้าน จุนสบโอกาสปลีกตัวไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับมาพร้อมลูกโป่งลายน่ารักที่ซอลจ้องตาเป็นมันในตอนนั้น
“ชอบอะไรเป็นเด็กเลยนะ” จุนยื่นลูกโป่งในมือให้พร้อมกับยิ้มบาง ๆ
“ใครขอให้ซื้อให้ล่ะ” ซอลรับมาอย่างอาย ๆ แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจเขากลับดีใจที่ได้ของน่ารักแบบนี้ติดตัวกลับไป
“ที่จริง ฉันกลับกับปอนด์ก็ได้นะนายจะได้ไม่ต้องไปส่ง”
“ฉันเต็มใจไปส่ง คนส่งไม่ว่าคนนั่งห้ามบ่นครับ ขึ้นรถได้แล้วน่ะ” จุนพูดตอบก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งของตัวรถ
“คืนนี้สนุกไหม?” จุนถามขณะที่เปิดประตูรถให้ซอล
“ก็…ไม่แย่” ซอลตอบพร้อมกับมองไปที่แสงจันทร์ที่สะท้อนบนแม่น้ำ
“ซอล รู้ไหมฉันขออะไรกับกระทง” ก่อนที่จุนจะขึ้นรถ เขาหันไปพูดเบา ๆ
“ฉันขอให้กระทงพาความทุกข์ของซอลลอยไปให้ไกล…แล้วอย่าวนกลับมาอีกเลย”
ซอลหันมามองหน้าเขา ดวงตาฉายแววอ่อนโยนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“นายพูดอะไรของนาย…” เขาตอบกลับพลางเบือนหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
ไฟท้ายรถที่ค่อย ๆ ลับหายไปพร้อมกับความอบอุ่นในใจของทั้งคู่… คืนลอยกระทงที่แสนธรรมดากลายเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำสำหรับพวกเขาแสงจันทร์ที่ส่องสว่างบนผิวน้ำในคืนนั้น อาจไม่สวยเท่ากับแสงที่ฉายอยู่ในหัวใจของพวกเขา
แล้ววันลอยกระทงของเพื่อน ๆ
มีเรื่องราวดี ๆ ให้จดจำหรือเปล่า
…สุขสันต์วันลอยกระทงนะ…