"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ความมืดสุดท้าย : Final Shadow"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ
ถ้าคนที่คุณรักถูกคุมคามไม่ว่าจะทางใดก็ตาม
คุณพร้อมที่จะลุกขึ้นมาปกป้องเขาไหม?
แสงไฟหลากสีส่องสะท้อนออกมาจากฮอลล์คอนเสิร์ต แสงไฟจากหน้าจอมือถือและป้ายไฟยังคงส่องสว่างไปทั่ว เสียงโห่ร้องและความตื่นเต้นของแฟนคลับยังคงก้องอยู่ในความทรงจำ ซอลที่เดินเคียงข้างจุนออกมาจากคอนเสิร์ตยังมีรอยยิ้มกว้างเปื้อนบนใบหน้า เขากอดถุงของที่ระลึกแน่นในอ้อมแขน ราวกับเด็กที่เพิ่งได้ของขวัญชิ้นโปรด
“จะจำวันนี้ไปจนตายเลย!” ซอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข เขาหันไปยิ้มให้จุน ซึ่งเดินข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ
“งานหน้าก็จะพูดแบบนี้อีกใช่ไหมล่ะ” จุนพูดแซวเรียบ ๆ แต่ในน้ำเสียงแฝงด้วยความอ่อนโยน
จุนเปิดประตูรถให้ซอลก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ซอลยังคงพูดคุยถึงคอนเสิร์ตไม่หยุด เสียงหัวเราะของเขาเบา ๆ คลอไปกับเสียงเพลงในรถ
“ขอบคุณนะ” ซอลพูดพลางหันไปมองจุน
“นายไม่ต้องลำบากหรอก ฉันไม่ได้อยากรบกวนเลย”
“เรื่องแค่นี้สบายมาก ดีใจนะที่ชอบ” จุนยิ้มเล็กน้อย มือขวาแตะเกียร์ขณะอีกมือประคองพวงมาลัย
ความเงียบระหว่างบทสนทนาถูกเติมเต็มด้วยความสบายใจ แต่จุนไม่อาจละสายตาจากกระจกมองหลังได้ เขาสังเกตเห็นรถคันหนึ่งที่ขับตามมาตั้งแต่พวกเขาออกจากลานจอดรถ สัญชาตญาณบางอย่างในใจบอกให้เขาระวัง
“อยากแวะกินอะไรก่อนไหม?” จุนถาม ขณะสายตายังจับจ้องรถคันนั้นที่ตามมาอย่างระมัดระวัง
“หืม? ไม่ล่ะยืนจนขาล้า อยากทิ้งตัวจะแย่ละ” ซอลพูดยิ้ม ๆ
จุนพยายามเปลี่ยนเส้นทางไปยังเส้นทางลัดที่เขาคุ้นเคย รถคันนั้นยังคงตามมา แต่เมื่อใกล้ถึงบ้านซอล รถคันนั้นกลับเลี้ยวไปอีกทาง ราวกับรู้ว่าถูกจับสังเกต จุนถอนหายใจเบา ๆ แต่ความกังวลยังไม่จางหาย ซอลยังคงยิ้มอย่างมีความสุขจากความสนุกของคอนเสิร์ต จนเขาสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของจุนก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“มีอะไรหรือเปล่า?” ซอลถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร แค่ดึกแล้วรถขับกันเร็วต้องระวังเป็นพิเศษน่ะ” จุนตอบเลี่ยง ๆ เพื่อให้ซอลคลายกังวล คำตอบของเขาทำให้ซอลสบายใจขึ้นก็จริง แต่ตัวเองกลับเต็มไปด้วยความระแวง
ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านของซอล จุนจอดรถและหันมายิ้มให้
“ฝันดีนะซอล รีบนอนล่ะพรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงาน”
“ขอบคุณนะสำหรับวันนี้ ชาร์จแบตได้ดีมากจริง ๆ” ซอลยิ้มรับและตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งสองสบตากันสักพักก่อนที่ซอลจะเปิดประตูลงจากรถ เขายืนส่งจุนอยู่สักพักก่อนที่จุนจะออกรถไป
จุนจอดรถหลบอยู่ที่มุมมืดห่างจากบ้านซอลไม่ไกล เขายังนั่งอยู่ในรถอีกพักใหญ่ สายตาจ้องไปที่ทางแยกท้ายซอย ราวกับกำลังเฝ้าระวังอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาตัดสินใจขับรถออกไป แต่เมื่อเขาเลี้ยวพ้นหัวมุมไปได้ไม่ถึงห้านาที รถอีกคันหนึ่งก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านซอล
ขณะที่ซอลหันหลังเปิดประตูบ้าน แต่ไม่ทันที่ซอลจะได้หยิบกุญแจ เสียงฝีเท้าจากด้านหลังก็ทำให้เขาหยุดนิ่งก่อนจะหันมามอง ซอลก็รู้สึกถึงแรงบีบจากข้อมือที่ฉุดรั้งให้เขาหันกลับมา
“วันนี้สนุกกับมันมากไหมล่ะ…ไม่คิดถึงกันบ้างเลยเหรอ?” เสียงเย้ยหยันของพัดทำให้หัวใจของซอลเต้นแรงด้วยความกลัวที่แทรกเข้ามา
“พัด…มันเจ็บ ปล่อย!!” ซอลพยายามสะบัดมือออกและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ดวงตาของเขามองหาทางหนี แต่ร่างกายกลับเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยแรงบีบที่ข้อมือ
พัดยิ้มเยาะ ดวงตาเต็มไปด้วยความคุกรุ่นและความขุ่นเคือง “เจ็บเหรอ? พัดแค่จับเบา ๆ เองนะซอล…เหมือนที่พัดเคยจับไง”
เขาใช้แรงกระชากซอลให้เข้ามาใกล้จนลมหายใจของทั้งคู่แทบจะปะทะกัน ซอลตัวสั่น แต่ในดวงตาของเขากลับแฝงไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่นเล็กน้อยที่เริ่มก่อตัวขึ้น
“พัด…ฉันเตือนแล้วนะ” ซอลพูดน้ำเสียงกร้าวขึ้น แม้ภายในยังสั่นไหว
“เตือนเหรอ? คิดว่าฉันกลัวเหรอ?” พัดหัวเราะในลำคอ แต่ทันใดนั้นแสงไฟจากรถคันหนึ่งก็ส่องสว่างเข้ามา
เสียงฝีเท้าก็วิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นด้วยความร้อนใจ จุนที่สังหรใจไม่ดีและตีรถกลับมาหาซอลได้ทันเวลา
“ปล่อยซอลเดี๋ยวนี้” จุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก สายตาที่แข็งกร้าวทำให้พัดชะงักไปชั่วขณะ เขาสาวหมัดที่กำแน่นปะทะเข้าใบหน้าปีศาจร้ายอย่างไม่ลังเล
มือของพัดหลุดจากซอลอย่างไม่ตั้งใจ เขาล้มลงไปที่พื้น พัดดูมึนเมาที่แยกไม่ออกว่าเขากำลังเมาหมัดหรืออะไรกันแน่ ดวงตาหันมามองทั้งคู่ด้วยใบหน้าทะมึน บ่งบอกว่าเขาไม่มีทางยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ
“หึ คนของกู กูจะมาเอาคืน” พัดกัดฟันพูดก่อนจะเดินขึ้นรถและขับออกไปทันที
“ซอลไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” จุนพูดขณะก้าวเข้ามาใกล้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย ซอลยังอยู่ในอาการช็อก ใบหน้าซีดขาว และน้ำตาคลอเบ้า แต่เขาพยักหน้าช้า ๆ ก่อนที่จุนจะดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเบามือ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันอยู่นี่” น้ำเสียงอ่อนโยนของจุนดังข้างหู ทำให้ซอลรู้สึกถึงความปลอดภัย
จุนไม่ปล่อยให้ซอลอยู่คนเดียว เขาจัดการดูแลซอลด้วยความเอาใจใส่ แม้ในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจแสดงออกมาได้ทั้งหมด ภาพรอยแผล ความเจ็บปวดที่เคยได้รับ ซอลรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกกระทำเช่นนั้นอีกครั้งซ้ำ ๆ เพียงแค่คิดก็เจ็บไปทั้งตัว จุนพยุงซอลค่อย ๆ เดินขึ้นมาพักที่ห้องนอน ในใจของเขายังคงเต็มไปด้วยความกังวลและไม่สบายใจเกี่ยวกับพัดที่ยังไม่ยอมจบเรื่องง่าย ๆ
ในห้องนอนที่มีเพียงแสงไฟสลัว ซอลนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง เขาหลับตาลงแต่ทุกอย่างยังคงวนเวียนในหัว เสียงหัวเราะเย้ยหยันของพัด คำพูดที่ทำให้เจ็บลึก และสัมผัสที่ไม่อาจลืมได้ ทุกสิ่งดูเหมือนถูกฝังในจิตใต้สำนึก ซอลมองมือตัวเองที่เริ่มสั่นจนควบคุมไม่ได้ ความกลัวที่เขาคิดว่าเคยก้าวข้ามไปกลับมาทำให้หายใจติดขัดอีกครั้ง
“ทำไมเราถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก…”
เขากระซิบกับตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ก่อนจะจิกเล็บลงบนฝ่ามือจนรู้สึกถึงความเจ็บ แต่แทนที่จะหยุด เขากลับกดแรงขึ้น เหมือนกับว่าความเจ็บปวดทางกายช่วยดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริง
ขณะที่จุนไปเตรียมน้ำมาเช็ดตัวให้ เขากลับมาพร้อมอ่างน้ำอุ่นกับผ้าขนหนูผืนเล็ก คิ้วที่เกือบจะชนกันและสายตาของจุนมองซอลอย่างเป็นห่วง เขาเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ปนความโกรธบางเบา
“มาดักถึงหน้าบ้านแบบนี้จะมั่นใจได้ไงว่ามันจะไม่กลับมาอีก” จุนถามขึ้น แววตาของจุนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างจากซอลเท่าไหร่
“ฉัน…ไม่รู้” ซอลตอบเสียงสั่น ๆ สายตายังคงทิ้งร่องรอยของความหวาดกลัว
“มือนั่น…” จุนจับมือของซอลขึ้นมา ร่องรอยแผลสดทำให้เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนเล็กน้อย
“ทำแบบนี้ทุกครั้งเลยเหรอ?”
ซอลพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ สายตาเบือนหนีราวกับไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ
จุนบีบมือซอลแน่น “อย่าทำแบบนี้อีกนะ…”
ซอลมองหน้าจุน น้ำตาเริ่มคลอในดวงตา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจากคำพูดเหล่านั้น ราวกับเป็นครั้งแรกที่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเขาจริง ๆ
ซอลค่อย ๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เคยพบเจอมาเกี่ยวกับพัดให้ฟัง เสียงสั่นกระเส่าเล่าเคล้าน้ำตา ความคาดหวังในตัวคนที่รักจะกลับมาเป็นคนเดิมต้องพังทลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถึงวันนี้เขาก็ยังคงให้โอกาสคนที่เป็นรักแรก แต่วันนี้เข้าแน่ใจและเห็นชัดแล้วว่า บางครั้งเวลาก็ไม่อาจเปลี่ยนใครบางคนได้
“ฉันดูเหมือนคนโง่เลยนะ…” ซอลพูดตัดพ้อตัวเอง น้ำเสียงดูอ่อนแรง
“ไม่หรอก ซอลแค่เชื่อมั่นในตัวพัด…เหมือนที่ซอลเชื่อมันในตัวฉันไง” จุนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“มันไม่ผิดที่เราจะตั้งความหวังกับคนที่รักหรอก แต่เราก็ไม่ได้ผิดหวังทุกเรื่องเสมอไปนี่ เราก็แค่ไปตั้งความหวังกับเรื่องใหม่แล้วทิ้งเรื่องเดิมออกไปสิ ถ้าไม่ผิดหวังเมื่อไหร่เราจะเติบโต” จุนพูด แววตาปนเศร้าของเขายังคงจับจ้องไปที่มือน้อยคู่นั้นสลับกับใบหน้าของซอล
“หรือว่าเรื่องนี้…ฉันอาจจะคิดผิด” ซอลพูดเรียบ ๆ เขานั่งเหม่อลอยคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดที่ตัดสินใจ
“ฉันรู้ว่าเรื่องที่พูดมันฟังดูง่ายแต่ทำยาก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเวลา แต่ที่สำคัญมันขึ้นอยู่กับซอลด้วยนะว่าจะให้เรื่องนี้เป็นแผลในใจตลอดไป หรือจะให้มันเป็นบทเรียนเพื่อเรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้า” รอยยิ้มและแววตาที่อ่อนโยนเผยขึ้นบนใบหน้า
ซอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะซบหน้าลงบนฝ่ามือ รู้สึกถึงความโล่งใจที่ได้ระบายเรื่องทั้งหมดออกมา จุนมองซอลที่นั่งหายใจแผ่วเบา ดวงตาของเขามีแววเป็นห่วงซอลอย่างเห็นได้ชัด มือของจุนวางลงบนไหล่ของซอลเบา ๆ
“ไม่ต้องแบกอะไรคนเดียวก็ได้นะ…ซอล” จุนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาจริงจังจ้องมองไปที่ซอล
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก…โทรหาฉัน แล้วจะรีบมาหา”
ซอลยิ้มบาง ๆ แต่ในใจยังคงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่จุนส่งมาให้ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยแววขอบคุณ คำพูดเหล่านั้นเปรียบเสมือนเชือกที่ช่วยดึงซอลขึ้นมาจากความมืด
“ขอบใจนะจุน ฉันต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง” ซอลเอ่ยพร้อมจับมือจุนแน่นขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาแฝงความมุ่งมั่น
“ซอล…” จุนก็จับมือซอลไว้แน่น
“จำไว้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีปอนด์ พี่เต…แล้วก็มีฉัน”
ซอลเงียบไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ราวกับว่าเขาได้รับความกล้าหาญเพิ่มขึ้นจากคำพูดของจุน
“แล้วพัด…” จุนเอ่ยเบา ๆ
“ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง แต่ถ้ามันทำอะไรล้ำเส้นอีก รีบบอกฉัน”
ซอลพยักหน้า เขารู้ว่าจุนห่วงใยเขาอย่างจริงใจ และตอนนี้ เขารู้ว่าการที่จุนอยู่ตรงนี้คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เขาจะไม่ต้องทนเจ็บคนเดียวอีกต่อไป
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ถ้าไม่ไหวลางานก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ไม่อยากให้เรื่องนี้มันมีผลกับงานไปด้วย ฉันไหว” ซอลเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ให้จุนรู้ว่าเขาโอเคแล้ว
จุนยังคงนั่งอยู่เคียงข้างซอลเกือบตลอดทั้งคืน ความเงียบในกลางดึก ค่ำคืนที่ทั้งหวานปนขม ดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักกำลังพักผ่อนหลังจากระบมมาระยะหนึ่ง ดวงตาคมเข้มจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลตรงหน้า สายตาเย็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ของจุนตอนนี้เป็นสายตาที่อ่อนโยนเจือไปด้วยความห่วงใยและ…ความรัก
เขารอจนแน่ใจว่าซอลหลับสนิทดีแล้วก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตบนโต๊ะมาเขียนข้อความสั้น ๆ ทิ้งไว้ให้ก่อนจะกลับคอนโด จุนมองไปที่ประตูบ้านซอลก่อนขึ้นรถ ความรู้สึกในใจยังไม่คลายลง ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาตั้งใจจะอยู่เพื่อปกป้องซอลให้ถึงที่สุด เป็นครั้งแรกที่จุนมั่นใจเต็มอกว่านี่คือความรัก เพียงแต่เขาไม่เคยที่จะพูดมันออกไปเสียที
เมื่อกลับถึงคอนโด จุนยังคงรู้สึกไม่สบายใจ ความคิดเกี่ยวกับพัดวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด
‘มันไม่จบแค่นี้แน่…อยู่ใกล้ซอลมากกว่านี้’
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดวงตาของเขาฉายแววแน่วแน่มากขึ้น เขารู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องปกป้องซอลจากเงามืดในอดีตอย่างแท้จริง
จุนดับเครื่องยนต์เขานั่งนิ่งอยู่ในรถพักใหญ่ ความรู้สึกหนักอึ้งยังคงอยู่ในอก สายตาเหม่อลอยมองออกไปยังแสงไฟที่สาดส่องจากลานจอดรถคอนโด ราวกับกำลังพยายามหาคำตอบในความเงียบงันนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่ชื่อของปอนด์ในรายชื่อแชต ก่อนจะกดโทรออก
“ฮัลโหล มีอะไรดึกขนาดนี้วะ?” เสียงปอนด์ดังขึ้น ท่ามกลางเสียงเพลงเบา ๆ ที่ดังแทรกเข้ามา
“รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพัดบ้าง” จุนพูดตรงประเด็น น้ำเสียงเย็นเยือก
ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่ปอนด์จะตอบกลับ
“มันทำอะไร?”
“มันไปดักรอซอลที่หน้าบ้าน…ดีที่กูวนรถกลับไปทัน” จุนเล่าเรื่องที่เจอให้ปอนด์ฟังอย่างละเอียด
“แม่งเอ๊ย! กูว่าแล้ว! ไอ้ซอลเป็นไงบ้าง” เสียงปอนด์เต็มไปด้วยความโกรธ
“ก็...รอจนหลับ นี่ก็เฝ้าอยู่หน้าบ้านจนมั่นใจว่ามันไม่อยู่แล้วถึงได้กลับมา” จุนตอบเสียงเรียบ แต่ในใจกลับเดือดพล่าน
“กูช่วยอะไรได้บ้างจุน” ปอนด์พูดอย่างหนักแน่น
“กูต้องการทุกอย่างเกี่ยวกับพัด เพื่อนมัน และอะไรก็ตาม…ที่เหลือเดี๋ยวกูจัดการเอง” จุนพูดอย่างแน่วแน่
“ได้ เดี๋ยวกูจัดการให้” ปอนด์ตอบอย่างไม่ลังเล
จุนวางสายลง เขาถอนหายใจยาว ดวงตายังคงจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความโกรธที่ผสมปนเปกัน
เช้าวันถัดมาซอลตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยจากการร้องไห้หนักเมื่อคืน ดวงตาเขาช้ำจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เขามองไปรอบห้อง พบกระดาษโน้ตที่จุนเขียนไว้บนโต๊ะ
‘ลางานกับพี่ออฟให้แล้ว วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าต้องการอะไร โทรหาฉันได้ตลอดเวลา’
ข้อความนั้นทำให้ซอลยิ้มเล็กน้อย แม้จะยังมีร่องรอยความเศร้าในแววตา แต่เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นอย่างประหลาด ซอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่จุนส่งมาเมื่อคืน
‘ถึงห้องแล้วนะ ตื่นแล้วตอบด้วย’
ซอลพิมพ์ตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย
‘ขอบคุณนะจุน ฉันโอเคแล้ว’
ทันทีที่เขาส่งข้อความนั้นไป ซอลก็มองไปยังกระจกเงาในห้อง เห็นใบหน้าของตัวเองที่ดูอิดโรย แต่อีกด้านหนึ่งเขารู้สึกถึงแรงผลักดันที่จุนมอบให้
“ฉันต้องหยุดมัน…หยุดวงจรอุบาทว์นี้”
จุนมาที่บ้านซอลอีกครั้งในช่วงสายพร้อมกับอาหารเช้าที่เขาซื้อมาให้
“แล้วคุณย่ากับคุณพ่อไปไหนล่ะทำไมอยู่คนเดียว” เขาพูดขณะจัดอาหารลงบนโต๊ะ
“ไปเยี่ยมพี่สาวที่เพิ่งคลอดลูกน่ะ ดูท่าน่าจะหลายวันอยู่” ซอลยิ้มบาง ๆ พร้อมช้อนเย็น ๆ ที่จุนทำให้มาประคบตาเพื่อลดอาการบวม
“ไม่เห็นรู้ว่าซอลมีพี่สาว คิดว่ามีแค่น้องชาย”
“ลูกพี่ลูกน้องน่ะ” ซอลเปิดรูปหลานคนแรกให้จุนดู ทั้งคู่อมยิ้มและพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยกัน ความเงียบระหว่างมื้ออาหารไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัด แต่มันเป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ
“จุน…” ซอลพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
“หื้ม…?”
“ฉันควรทำยังไงดี?” ซอลถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความลังเล
“ทำในสิ่งที่คิดจะทำ อย่าลังเล ถ้ามันหนักเกินไป…ฉันจะช่วยเอง” จุนวางช้อนลงก่อนจะมองหน้าซอลอย่างจริงจัง
ซอลเงียบไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้าอย่างแน่วแน่
“นี่คือสิ่งที่ฉันมีตอนนี้” ซอลเปิดหลักฐานที่มีอยู่ให้จุนดู ซอลใช้เวลาว่างที่เหลือจากการทำงานหมกมุ่นอยู่กับการจับผิดพัดเกือบทั้งหมด
“ตลอดเวลาที่ปล่อยให้พัดเข้ามาเธอทำอะไรพวกนี้เองเหรอ” จุนอึ้งกับสิ่งที่ซอลทำ เขาทำด้วยตัวคนเดียวมานานแค่ไหนกันมีเพียงซอลเท่านั้นที่รับรู้ ความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเข้าใจได้ บาดแผลที่ฝังลึก ความไว้ใจที่ถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซอลพูดเรื่องทั้งหมดด้วยแววตาที่มั่นใจ ตอนนี้เขาพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า เดินออกจากเงามืดในจิตใจที่ครอบงำเขามานานหลายปี
จุนพาซอลไปอยู่ที่คอนโดของเขาชั่วคราว สายตาจับจ้องกระจกมองหลัง แม้รถคันที่ขับตามหลังจะเลี้ยวไปอีกทาง แต่ความรู้สึกในใจเขายังคงเตือนให้ระวังอยู่เสมอ ดวงตาของจุนจับจ้องที่ถนน แต่ในใจกลับวนเวียนอยู่กับภาพของซอลที่เพิ่งเจอเหตุการณ์เลวร้าย
‘ฉันไม่ควรปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว…’
ดวงตาของจุนฉายแววแข็งกร้าว ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาปอนด์
“เจอกันตามนัดนะ”
เสียงของจุนเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะปกป้องคนสำคัญของเขา สายตาของเขายังคงมองหารถของพัดที่คอยตามซอลไปทุกที่ดั่งเงา ซอลนั่งอยู่ในรถแม้จะมีจุนอยู่เคียงข้างแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขายังคงมีความกลัวและหวาดผวากับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย…
เมื่อถึงคอนโด จุนหลบจากสายตาซอล เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาเพื่อนอีกครั้ง
'กูไม่มีทางปล่อยมันไปแน่ ๆ'
น้ำเสียงในหัวของจุนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะพิมพ์ข้อความถึงปอนด์ ความตั้งใจในหัวเขาค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
‘ฉันจะไม่ทำแค่มองอีกต่อไป…’
หากการอยู่คนเดียวไม่ทำให้คุณก้าวต่อไป
ลองเปิดใจมองคนรอบข้างดูสิ