"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow - บทที่ 17 ทางที่เลือก : My Way โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า

รายละเอียด

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ผู้แต่ง

Seonha

เรื่องย่อ

สารบัญ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-ตอนนำร่อง ก่อนจุดเริ่มต้น,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 1 จุดเริ่มต้น : Begining,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 2 แสงประกาย : Spark,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 3 สัมผัสดาว : Touch of Stardust,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 4 เงาแห่งความค้างคา : Shadows of Uncertainty,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 5 สัญญาแห่งดวงดาว : Promise of the Star,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 6 ความรู้สึกที่หวนคืน : Feelings That Resurface,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 7 ระเบิดเวลาของหัวใจ : The Ticking Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 8 หัวใจไม่ต้องแสดง : The Unscripted Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 9 ขอให้เธอมีควาสุข : To See You Smile Forevermore,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 10 สิ้นสุดเพื่อเริ่มใหม่ : Where Endings Bloom,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ รอยแผลที่หลอกหลอน : Echoes of Scars,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 11 การกลับมา : Shadows Revisited,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 12 แรงดึงดูดที่มองไม่เห็น : Unseen Forces,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 13 คน(เคย)ไว้ใจ : (Un)Forgiven,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 14 ตัดสินใจ : Redefined,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 15 แค่เอื้อม : A Step Closer,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (2) รักแรก : The First Scar,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (3) ลอยกระทง...กับเธอ : Moonlit Waters, You and I,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 16 แสงในเงา : Silent Sparks,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 17 ทางที่เลือก : My Way,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 18 คลื่นใต้น้ำ : Twisted Reflection ,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 19 ไม่เอ่ย : Deep Wounds,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 20 ย้ำ : Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 21 ก่อนคลื่นสงบ : Shadows Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 22 ปลดล็อก : New Tune

เนื้อหา

บทที่ 17 ทางที่เลือก : My Way

ในโลกที่กว้างใหญ่…เราไม่ได้อยู่ตามลำพัง

 

แสงแดดยามเช้าลอดผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาในห้องนั่งเล่น กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยตัดกับความเงียบงัน ปอนด์ยืนพิงกรอบประตู มองซอลที่ก้มหน้าจดจ่อกับสมุดบันทึกและกระดาษโน้ตซึ่งกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ เป็นภาพที่ปอนด์คุ้นเคย แต่เช้านี้กลับให้ความรู้สึกตึงเครียดมากกว่าทุกครั้ง

“ซอล” ปอนด์เอ่ยเบา ๆ ทำลายความเงียบ ซอลเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาอิดโรยเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

“วันนี้มึงพักเถอะ กูบอกพี่ออฟให้แล้วว่ามึงป่วย” ปอนด์ถอนหายใจ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ส่งไฟล์ให้พี่ออฟเสร็จกูพักแน่” ซอลตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูฝืนมากกว่าจะผ่อนคลาย

“มึงนี่มันดื้อจริง” ปอนด์บ่นอย่างเหนื่อยใจ ก่อนนั่งลงข้าง ๆ

“งั้นกูช่วยเคลียร์ จะได้เสร็จไว ๆ แล้วไปกินข้าวกัน”

 

ยังไม่ทันที่ซอลจะตอบ เสียงประตูบ้านก็ดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมองพร้อมกัน จุนเปิดประตูเข้ามาในมือมีถุงโจ๊ก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเล็ก ๆ ราวกับพยายามทำให้บรรยากาศสดใสขึ้น

“กินข้าวเช้ากันหรือยัง?” เขาถามพลางเดินตรงเข้าครัว เตรียมโต๊ะอาหารอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นโจ๊กหอม ๆ ลอยตลบไปทั่วห้อง

เสียงท้องไส้ร้องเบา ๆ ของซอลทำให้ปอนด์ยิ้มขำ 

“หึ ไปกินข้าวก่อนเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวกูจัดการให้”

ซอลลุกขึ้นเดินไปช่วยจุนจัดโต๊ะอาหาร เขาหยิบช้อนด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ

“ขอบคุณนะ” ซอลพูดเบา ๆ ขณะวางช้อนลงในชาม สีหน้าของเขาดูเคอะเขินเล็กน้อยแต่แฝงไปด้วยความจริงใจ

“ขอบคุณเรื่องไหนล่ะ? เรื่องอาหารเช้า หรือเรื่องที่ฉันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น?” จุนยิ้มตอบ รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น

 

ซอลมองเขานิ่ง ๆ ไม่กล้าตอบ ก่อนที่จุนจะเปิดตู้เย็นหยิบช้อนโลหะเย็นจัดออกมา 

“เอาไปประคบตาบวม ๆ นั่นสิ”

“นี่นายทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซอลถามอย่างสงสัยจุนพูดพร้อมหัวเราะกลั้วในลำคอ ก่อนจะจับมือซอลและวางช้อนลงบนตาของเขาโดยไม่รอให้ซอลทำเอง

ซอลชะงักไปครู่หนึ่ง สัมผัสจากมือของจุนทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็อบอุ่นอย่างประหลาด ปอนด์เดินเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี เขามองภาพตรงหน้าก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ

“พ่อบ้านตัวอย่างจริง ๆ นะจุน” ปอนด์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

จุนยืนนิ่งไปเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขาเริ่มขึ้นสีแดงพร้อมยิ้มเขิน

“อย่าเพ้อเจ้อ ถ้าเป็นมึงก็คงทำแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ” ซอลรีบพูดปัด แม้จะรู้สึกชอบใจแต่ความคลุมเครือในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจุนก็ยังคงทำให้ซอลไม่กล้าคิดไกล

จุนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มกริ่ม ราวกับคำพูดนั้นทำให้เขาดีใจไม่น้อย เขามองซอลด้วยสายตาที่บอกไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“ยิ้มอะไรของนาย” ซอลพูดพลางเบือนหน้าหนี ใบหน้าร้อนผ่าวจนทำให้ช้อนที่ประคบตาอยู่แทบจะคลายความเย็น

 

ทั้งสามนั่งลงทานข้าว บทสนทนาสัพเพเหระช่วยคลายความตึงเครียดความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วบ้านจนดูเหมือนไม่เคยมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น หลังจุนวางช้อนจากโจ๊กคำสุดท้าย เขาเงยหน้ามองซอลที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“ซอล...ไปอยู่กับฉันเถอะ”

“หะ...?” คำพูดนั้นทำให้ซอลชะงัก มือที่กำลังตักโจ๊กค้างกลางอากาศ

“แค่ช่วงนี้น่ะ จนกว่าคุณพ่อกับคุณย่าจะกลับ ฉันว่ามันไม่ปลอดภัยที่เธอจะอยู่คนเดียว”

“กูว่าดี ไอ้พัดมันจะมาดักมึงอีกเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้” ปอนด์เสริมทันที

“อย่าบอกว่ามึงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?” ซอลหันมามองปอนด์ทันที

“ไม่รู้ กู…ไม่รู้อะไรทั้งนั้น กูแค่เห็นด้วยกับจุน” ปอนด์พูดพลางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย สายตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์

ซอลหลุบตาลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ เขารู้ว่าจุนพูดถูก การอยู่บ้านคนเดียวในช่วงนี้คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี แต่ในใจเขายังลังเลไม่อยากรบกวนใคร

“ไม่ต้องคิดมากหรอกฉันเตรียมห้องไว้ให้แล้ว และไม่คิดจะให้เธอปฏิเสธอยู่แล้วด้วย” จุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

“กูเห็นด้วย เลยเก็บของให้มึงเรียบร้อยเมื่อเช้า” ปอนด์เสริมทันที ซอลหันไปมองปอนด์อย่างตกใจดวงตาเบิกโตจนหน้าผากย่น

“ฝากด้วยนะจุน” ปอนด์หัวเราะร่วนก่อนยักไหล่

“พวกนายสองคนนี่มัน...” ซอลหมดคำจะพูด ได้แต่ยอมรับสถานการณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในใจลึก ๆ กลับรู้สึกโล่งใจที่มีคนคอยดูแลเขาในช่วงเวลานี้

 

บนถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถรา แสงแดดช่วงสายลอดผ่านกระจกเข้ามาในรถ ซอลนั่งเงียบอยู่เบาะข้างคนขับ สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดที่ตีกันยุ่งเหยิง เสียงเครื่องยนต์และล้อบดถนนเป็นเพียงเสียงเดียวในรถ จุนที่อยู่หลังพวงมาลัยดูเงียบผิดปกติ สายตาจับจ้องถนนด้านหน้าแต่เหลือบมองกระจกหลังบ่อยเกินไปจนผิดสังเกต

“เป็นเมียร์แคตหรือไง? มองกระจกทุกสองวิขนาดนี้” ซอลพูดขึ้น น้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความไม่สบายใจ

“ก็...” จุนตอบอึกอัก ดวงตายังจับจ้องไปที่กระจกมองหลัง

“ระแวงจนไม่มีสมาธิขับรถแบบนี้ มันอันตรายกว่าอีกนะ” คำพูดของซอลทำให้จุนชะงัก ก่อนจะถอนหายใจยาว

“แค่ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นอีก” จุนตอบเสียงเบา

 

ซอลเหลือบมองใบหน้าที่ดูเครียดกว่าปกติของเขา แม้จะอยากพูดอะไรเพื่อลดความกังวล แต่สุดท้ายกลับเลือกที่จะเงียบ สายตาเบนออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง รถเคลื่อนตัวเข้าใกล้แยกไฟแดง การจราจรเริ่มหนาแน่น ซอลทอดสายตามองผู้คนข้างทางที่เดินขวักไขว่ จนกระทั่งสายตาหยุดที่ใครบางคน

 

‘พัด…’

 

ชายผู้คอยตามรังควานเขากำลังยืนอยู่ริมถนน สวมเสื้อเชิ้ตหลวม ๆ กับกางเกงยีนส์ขาดเล็ก ๆ แต่สิ่งที่ดึงสายตาซอลมากกว่านั้นคือผู้หญิงที่ยืนข้างพัด เธอดูใกล้ชิดสนิทสนม

อารมณ์บางอย่างพุ่งขึ้นในใจซอล มันไม่ใช่ความกลัวหรือเศร้าเหมือนก่อน แต่กลับเป็นความสงสัยปนความตั้งใจบางอย่าง เขาหยิบมือถือขึ้นมาทำทีเป็นเลื่อนหน้าจอ แต่จริง ๆ แล้วกำลังปรับกล้อง แอบถ่ายภาพพัดกับผู้หญิงคนนั้นอย่างระมัดระวัง เขาเก็บโทรศัพท์ไว้โดยไม่พูดอะไร เพราะไม่อยากให้จุนกังวล ขณะเดียวกัน จุนที่คอยระวังรถด้านหลังก็สัมผัสได้ว่าซอลเองก็ดูมีอะไรในใจ แต่เขาเลือกที่จะไม่ถาม

 

เสียงประตูคอนโดปิดลงเบา ๆ ซอลลากกระเป๋าเดินตามจุนเข้ามา บรรยากาศภายในคอนโดอบอุ่นและเรียบง่าย โต๊ะกลางประดับด้วยแจกันดอกไม้สด แสงแดดลอดผ่านม่านโปร่งทำให้ห้องดูผ่อนคลาย

“นี่เป็นห้องที่ปั้นใช้ประจำเวลามันมา...ฉันทำความสะอาดไว้ให้แล้ว” จุนเปิดประตูห้องนอนเล็ก พูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่แฝงความใส่ใจ

ซอลกวาดตามองรอบ ๆ ห้องที่แม้ไม่ใหญ่โตแต่ก็ดูอบอุ่น มีโต๊ะเขียนหนังสือเล็ก ๆ ริมหน้าต่าง และชั้นหนังสือที่จัดเรียงไว้อย่างเรียบง่าย

“อยู่ได้ใช่ไหม?”

“นายไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้” ซอลตอบเบา ๆ วางกระเป๋าไว้ที่มุมห้อง

“มันไม่ได้ลำบากเลย” จุนตอบทันที เขายิ้มบาง ๆ

“ฉันแค่อยากให้เธอสบายใจ...อย่างน้อยก็จนกว่าทุกอย่างจะโอเค”

ซอลพยักหน้า แม้จะเกรงใจ แต่ลึก ๆ แล้วก็รู้สึกขอบคุณที่จุนดูแลเขาขนาดนี้

หลังจากช่วยซอลจัดของเสร็จ จุนเดินกลับไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาปอนด์

 

‘ปอนด์ วันนี้เจอกันหลังเลิกงานนะ’

 

เขากดส่งข้อความ แล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา ดวงตาของเขาจ้องมองเพดานเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ภาพที่เขาเห็นบนถนนเมื่อช่วงเช้าแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง ผู้ชายที่เขาจำได้ดีว่าคือพัด และผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ พัด แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที แต่เขาก็เห็นทุกอย่างได้ชัดเจน

จุนไม่ได้พูดเรื่องนี้กับซอล ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูด แต่เขารู้ดีว่าซอลคงจะกังวลมากขึ้นถ้ารู้ว่าเขาก็เห็นเหมือนกัน เขาอยากให้ซอลได้พัก ได้ผ่อนคลายบ้างหลังจากเรื่องราวที่หนักหนาในช่วงที่ผ่านมา

“ซอลจะเห็นเหมือนกันไหมนะ?” จุนพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

 

จุนลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปที่ห้องครัว เขาหยิบแก้วน้ำเย็นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงของซอล ก่อนจะเดินกลับไปหยิบของใช้ส่วนตัวอีกสองสามอย่างมาเตรียมไว้ในห้องน้ำเล็กที่ติดกับห้องของซอลก่อนจะออกไปทำงานตามตาราง

 

เสียงข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น ปอนด์ตอบกลับมา

‘เจอกันสองทุ่ม’

จุนวางโทรศัพท์ลงและพยักหน้าเบา ๆ เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้พัดมาทำลายความสงบสุขของซอลอีกต่อไป

 

เสียงดนตรีกระหึ่มไปทั่วห้องซ้อม ทว่าในจังหวะการเต้นของจุนกลับดูแข็งกระด้างผิดปกติ เมื่อดนตรีจบลง สมาชิกคนอื่นเริ่มแยกย้ายไปพัก ปั้นที่ยืนอยู่ข้างจุนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง

“ช่วงนี้มึงเป็นอะไรหรือเปล่า? ดูไม่เหมือนมึงเลย”

จุนไม่ได้ตอบทันที เขาเพียงแค่ยกมือปาดเหงื่อ ก่อนจะเดินไปหยิบขวดน้ำที่มุมห้อง

“ไม่มีอะไร”

“กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี ทำไมกูจะไม่รู้” ปั้นเดินตามไป สายตาจับจ้องไปที่จุนด้วยความเป็นห่วง

 “มึงกำลังคิดเรื่องซอลอยู่ใช่ไหม?”

จุนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเครียด 

“ปอนด์มันเล่าให้กูฟังแล้ว...”

“มึงคิดว่ายังไง?” จุนหันมามองปั้น สีหน้าเขาดูอ่อนล้าแต่ดวงตากลับฉายแววของความโกรธที่ยังเก็บซ่อนอยู่

“กูว่ามึงต้องใจเย็น มึงดูกังวลมากเกินไปจนไม่มีสมาธิกับงาน” ปั้นตอบตรง ๆ

“มึงดูดิ ตอนนี้มึงซ้อมยังหลุดจังหวะตลอด”

 

จุนหลุบตาลง แม้จะรู้ดีแต่เขาห้ามความกังวลในใจไม่ได้ ความคิดเรื่องพัดที่ยังวนเวียนอยู่รอบตัวซอลทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด

“กูควรทำไงวะ?” จุนถามเสียงเบาแต่คำถามนั้นเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ

“กูไม่รู้ แต่การที่มึงเอาแต่คิดกับเรื่องซอลแบบนี้ มันจะทำให้งานมึงเสียไปด้วย” ปั้นพูดพลางมองไปทางกระจกที่จุนยืนอยู่แล้วถอนหายใจเบา ๆ

 

“มึงรักซอลมาก กูเข้าใจ” ปั้นพูดต่อ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย 

“แต่ถ้าซอลเห็นมึงในสภาพนี้ มึงคิดว่าเขาจะรู้สึกยังไง?”

จุนชะงัก เขาเงยหน้ามองตัวเองในกระจก เห็นเงาสะท้อนของผู้ชายที่ดูเหมือนพยายามเกินไปจนสูญเสียความเป็นตัวเอง ดวงตาที่เคยมั่นคงกลับดูสั่นไหวเหมือนทะเลที่ยังไม่สงบ

“มึงต้องตั้งสติกว่านี้จุน ไม่ใช่แค่เพื่อซอล แต่เพื่อตัวมึงเองด้วย” ปั้นพูดพลางตบบ่าจุนเบา ๆ

จุนมองเงาสะท้อนของตัวเอง ผู้ชายที่ควรจะนิ่งและมั่นคงกลับดูเหมือนคนที่สับสนและเสียศูนย์ เขาสูดลมหายใจลึกรู้ตัวว่าตัวเองปล่อยให้ความคิดเรื่องพัดและซอลมากวนใจจนเสียสมาธิ

 

‘ไม่ได้…กูต้องมีสติกว่านี้’ 

เขาคิดในใจ ก่อนจะหันไปมองปั้นและพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แต่เสียงในหัวอีกด้านกลับถามซ้ำ 

‘แล้วถ้ากูพลาดล่ะ?’

 

“กูไม่รู้นะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ปั้นพูดพร้อมมองตาจุนตรง ๆ

“แต่ไม่ว่าอะไร กูจะอยู่คอยฉุดมึงขึ้นมาเอง”

“ขอบใจมึง” จุนพูด ก่อนจะกลับไปยืนประจำตำแหน่ง เสียงดนตรีเริ่มต้นอีกครั้ง คราวนี้ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของจุนดูหนักแน่นและมั่นคง ราวกับเขากำลังใช้มันเพื่อระบายความคิดที่สับสนออกไปทีละนิด

 

ร้านอาหารประจำของจุนไม่ห่างจากบริษัทมากนัก กลิ่นอาหารลอยอบอวลไปทั่ว จุนกับปอนด์นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างในมุมเงียบสงบ บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่นแต่การสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้นกลับเต็มไปด้วยความจริงจัง

“กูรู้นะว่ามึงหงุดหงิดขนาดไหนเรื่องไอ้พัด” ปอนด์ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบช้า ๆ พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ

“...กูไม่อยากให้ซอลต้องเจอมันอีก” จุนที่กำลังนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง หันมามองปอนด์ด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า

ปอนด์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดบางอย่าง 

“นี่…หลักฐานที่ซอลเจอไอ้พัดเมื่อวันนั้น”

จุนมองในโทรศัพท์ สายตาของเขานิ่งสนิท แต่แววโกรธที่ซ่อนอยู่เริ่มฉายชัด ปอนด์วางโทรศัพท์ลงก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้

“กูว่าเราต้องแจ้งตำรวจ หรือไม่ก็ให้พ่อมันจัดการ”

“แต่กูไม่อยากให้ซอลรู้เรื่องนี้เลยว่ะ” จุนพยักหน้าเห็นด้วยกับปอนด์ ก่อนจะพูดเสริม

“อืม…กูว่าไม่ทันแล้วล่ะมึง”

 

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุย เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น ซอลเดินเข้ามาในร้านอย่างเงียบ ๆ เขาสังเกตเห็นจุนกับปอนด์นั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาทั้งคู่

“ซอล...มาที่นี่ได้ไง?” จุนชะงักทันทีที่เห็นซอล เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย 

“ปอนด์บอกเองว่าพวกนายนัดกันมาที่นี่” ซอลนั่งลงข้างปอนด์ พลางยิ้มบาง ๆ

“กูว่าซอลควรรู้นะ...เขาจะได้ไม่ต้องกังวลไปเอง” จุนหันไปมองปอนด์ด้วยสายตาดุเล็กน้อย ปอนด์ยักไหล่เบา ๆ

“ฉันไม่อยากให้พวกนายต้องจัดการเรื่องนี้โดยไม่มีฉัน” ซอลพูดสีหน้าจริงจัง จุนมองเขานิ่งขณะที่ปอนด์หลบสายตาเหมือนรู้ว่าซอลหมายถึงอะไร

“มันเป็นเรื่องของฉัน... และฉันต้องจัดการเอง” เสียงหนักแน่นของซอลทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะเงียบลงชั่วครู่

ทั้งสามคุยกันอย่างจริงจัง ซอลให้ข้อมูลที่เขาเคยรู้เกี่ยวกับพัด สุดท้ายพวกเขาตกลงจะนำหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความ พร้อมกับแจ้งครอบครัวของพัดเพื่อให้พวกเขาช่วยจัดการ

 

“พวกมึงจะเล่นกับกูแบบนี้ใช่ไหม?”

 

“มึงทำแบบนี้ทำไม?” เสียงของพ่อดังขึ้นเมื่อซอลกลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เห็นสายตาของพ่อเขาชะงัก สีหน้าเรียบเฉยแฝงความกดดันจนทำให้ลมหายใจของเขาช้าลง แต่คำพูดนั้นทำให้ซอลรู้สึกเหมือนถูกผลักเข้าไปในมุมที่ไม่มีทางหนี...

การเถียงกันระหว่างสองพ่อลูกเริ่มต้นอีกครั้ง ความไม่เข้าใจกันที่สะสมมาตลอดกลายเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟที่เคยมอดลงโหมแรงขึ้นอีกครั้ง

 

‘เมื่อไหร่มึงจะเลิกสร้างปัญหาไอลูกเวร’ 

 

มือสากของพ่อที่คุ้นเคย ความเจ็บที่เหมือนจะคุ้นชิน เหตุการณ์ที่เหมือนวนลูปเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ซอลไม่รู้ถึงเหตุผลที่ต้องเจอเหตุการณ์นี้ในวันที่เรื่องร้ายเหมือนจะจบลง…

 

ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ

…ถ้าไม่มีพายุรออยู่…