"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow - บทที่ 19 ไม่เอ่ย : Deep Wounds โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว,พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ชาย-ชาย,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกคลั่งรัก,เพื่อนสนิท,เพื่อนรัก,มิตรภาพ,ปัญหารุมเร้า,ครอบครัว,ความรัก,รัก,รักดราม่า,ดราม่า

รายละเอียด

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow โดย Seonha @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เรายังคงตามหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงหัวใจ" ความสัมพันธ์ที่เคยงดงามถูกทำลายลงเป็นเสี่ยง ๆ เหลือไว้เพียงบาดแผลในใจ

ผู้แต่ง

Seonha

เรื่องย่อ

สารบัญ

ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-ตอนนำร่อง ก่อนจุดเริ่มต้น,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 1 จุดเริ่มต้น : Begining,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 2 แสงประกาย : Spark,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 3 สัมผัสดาว : Touch of Stardust,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 4 เงาแห่งความค้างคา : Shadows of Uncertainty,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 5 สัญญาแห่งดวงดาว : Promise of the Star,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 6 ความรู้สึกที่หวนคืน : Feelings That Resurface,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 7 ระเบิดเวลาของหัวใจ : The Ticking Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 8 หัวใจไม่ต้องแสดง : The Unscripted Heart,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 9 ขอให้เธอมีควาสุข : To See You Smile Forevermore,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 10 สิ้นสุดเพื่อเริ่มใหม่ : Where Endings Bloom,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ รอยแผลที่หลอกหลอน : Echoes of Scars,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 11 การกลับมา : Shadows Revisited,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 12 แรงดึงดูดที่มองไม่เห็น : Unseen Forces,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 13 คน(เคย)ไว้ใจ : (Un)Forgiven,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 14 ตัดสินใจ : Redefined,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 15 แค่เอื้อม : A Step Closer,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (2) รักแรก : The First Scar,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทพิเศษ (3) ลอยกระทง...กับเธอ : Moonlit Waters, You and I,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 16 แสงในเงา : Silent Sparks,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 17 ทางที่เลือก : My Way,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 18 คลื่นใต้น้ำ : Twisted Reflection ,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 19 ไม่เอ่ย : Deep Wounds,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 20 ย้ำ : Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 21 ก่อนคลื่นสงบ : Shadows Ripple,ความมืดสุดท้าย : Final Shadow-บทที่ 22 ปลดล็อก : New Tune

เนื้อหา

บทที่ 19 ไม่เอ่ย : Deep Wounds

หากเส้นทางสู่ความสำเร็จเต็มไปด้วยขวากหนาม

แสดงว่าคุณยังไม่มีกรรไกรตัดกิ่งไม้…

 

ช่วงสายที่แดดส่องเต็มที่ บรรยากาศคึกคักหน้าร้านข้าวมันไก่ พ่อของซอลกำลังจัดเตรียมร้านอย่างขะมักเขม้น เขายกหม้อน้ำซุปใบใหญ่เตรียมลงวางบนเตา ทันใดนั้น รถหรูคันคุ้นตาก็มาจอดที่หน้าร้านพร้อมชายหนุ่มในชุดเรียบร้อยเดินลงมาด้วยท่าทางสุภาพ

“สวัสดีครับคุณพ่อ” พัดยิ้มอบอุ่นพร้อมรีบเข้ามาช่วยยกหม้อน้ำซุปจากมือพ่อโดยไม่รอให้ขอ

“อ้าว พัด เป็นไงมาไงล่ะวันนี้? ซอลไม่อยู่หรอกนะ ไปทำงานแล้ว” พ่อซอลตอบด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร แต่แฝงความสงสัย

“ผมไม่ได้มาหาซอลครับ…วันนี้ตั้งใจมาหาคุณพ่อ” พัดเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความลังเล

พ่อขมวดคิ้วมองพัดนิ่ง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเรียกไปนั่งคุยที่โซฟาภายในห้องนั่งเล่น เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ ก่อนหย่อนตัวลงนั่ง

“มีอะไรก็ว่ามา” พ่อเอ่ยพร้อมหยิบผ้าเช็ดเหงื่อ

พัดสูดลมหายใจลึก ดึงซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋า เขาเปิดออกก่อนจะส่งสำเนาเอกสารที่มีตราสัญลักษณ์ตำรวจปรากฏชัดเจนให้พ่อของซอลดู

“ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อทราบเรื่องนี้หรือยัง...” พัดเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เขาหลบสายตาเล็กน้อยราวกับกำลังพยายามเก็บความรู้สึก 

“แต่...ซอลเขาทำกับผมเกินไปจริง ๆ ครับ มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกันตามประสาคนรักกันเท่านั้นเอง ผมไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายเลย”

น้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมดวงตาที่เริ่มคลอไปด้วยน้ำตา ทำให้พ่อซอลนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาหยิบเอกสารขึ้นมาพลิกดูภาพเหตุการณ์และข้อความในเอกสารแจ้งความทำให้คิ้วของพ่อขมวดมุ่น

 

พัดถอนหายใจยาว ก่อนเริ่มเล่าเรื่องที่บิดเบือนขึ้นอย่างแยบยล เขาตีหน้าเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นแผ่วเบา

“พัดไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยครับ พยายามติดต่อซอลแล้วแต่เขากลับไม่ให้โอกาสอธิบายเลย”

พัดก้มหน้าลง ทำตัวให้ดูน่าสงสารจนพ่อซอลลังเลที่จะเอ่ยสิ่งใด เขาเว้นช่วงเล็กน้อยเพื่อดูท่าทีของพ่อซอล พัดรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างซอลกับพ่อที่ตึงเครียดคือจุดอ่อนที่เขาจะใช้โจมตีได้ เขาหวังให้คำพูดของเขาบั่นทอนความไว้ใจระหว่างพ่อลูกให้ลดน้อยลง

พ่อซอลจ้องเอกสารในมืออย่างไม่ละสายตา ลมหายใจหนัก ๆ เริ่มดังขึ้นในห้อง เขากำกระดาษแน่นจนยับ สายตากวาดอ่านข้อความอย่างโกรธเกรี้ยว น้ำเสียงต่ำเอ่ยออกมาในที่สุด

“มันคิดอะไรของมัน!” พ่อพูดเสียงดังขึ้นอย่างหัวเสีย พัดยิ้มมุมปากเล็ก ๆ อย่างพึงพอใจ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความอ้อนวอน 

“คุณพ่อช่วยคุยกับซอลให้ผมหน่อยนะครับ...ผมแค่อยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี ไม่อย่างนั้นพ่อของผมคงเข้าใจผิดไปด้วย เรื่องอาจจะลุกลามไปมากกว่านี้ก็ได้”

“ไอ้ลูกคนนี้…” พ่อซอลมองพัดด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยรับปาก เขาพยักหน้าเบา ๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

พัดเอนตัวกลับเล็กน้อย พยายามวางท่าทีให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ขณะที่ในใจพลางคิดว่าตัวเองได้ควบคุมสถานการณ์ไว้ในมือแล้ว มุมปากยิ้มหลบเมื่อเห็นความโกรธที่เอ่อล้นออกมาของพ่อซอล

“งั้นผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ…ขอบคุณนะครับพ่อ” พัดขอบคุณด้วยน้ำเสียงสุภาพและก้มหัวเล็กน้อย แต่เมื่อพ้นสายตาจากพ่อซอล เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาเย็นชา ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มราวกับคนที่กำลังสมหวังในสิ่งที่ต้องการ

 

สายลมยามบ่ายพัดอ่อนผ่านใบไม้บนสวนดาดฟ้าให้ความรู้สึกสงบ แต่ใจของซอลกลับไม่สงบตาม สายตาเขาจับจ้องข้าวกล่องที่เพิ่งแกะ ข้าวในกล่องดูจืดชืดราวกับความคิดฟุ้งซ่านที่วนเวียนอยู่ในหัว

“ทำไมรู้สึกไม่ดีแบบนี้วะ…” ซอลพึมพำเบา ๆ สายตาเหม่อลอยไปไกล

ทันใดนั้น มือเย็น ๆ คู่หนึ่งจับเข้าที่ไหล่เขาจากด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ไอ้ทิว!” ซอลสะดุ้งจนเกือบทำกล่องข้าวหล่น มือที่จับไหล่นั้นรีบคว้าตัวซอลไว้ไม่ให้หงายหลัง

“มัวเหม่ออะไรอยู่ล่ะพี่ หิวจนลืมว่ามีผมอยู่รึไง” ทิวเด็กแสบเอ่ยพลางหัวเราะสดใส ก่อนจะวางข้าวกล่องของตัวเองลงบนโต๊ะใกล้ ๆ

“อย่ามาเล่นอะไรแบบนี้ดิ” ซอลพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดปนตกใจ

“ก็เห็นพี่เอาแต่ทำหน้าเครียด ๆ น่ะสิ เรื่องไอ้พัดอีกเหรอ?” ทิวนั่งลงข้างซอลพลางจ้องหน้าด้วยสายตาเป็นห่วง

“เปล่าหรอก…” ซอลถอนหายใจพลางเขี่ยข้าวในกล่องช้า ๆ

“แค่รู้สึกไม่ดี แปลก ๆ ...”

“งั้นพี่เครียดไปก่อนนะ เดี๋ยวผมนวดให้” ทิวพูดจบก็ขยับตัวเข้ามาจับไหล่ซอลก่อนจะบรรจงนวดขมับและหน้าผากอย่างชำนาญ

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้…” ซอลพยายามปัดมือออกแต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มจัดการไป

“รู้สึกดีขึ้นบ้างยัง?” ทิวถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

“ก็...ไม่แย่” ซอลตอบด้วยเสียงอ้อมแอ้ม เขาอดหัวเราะไม่ได้กับความกวนของทิว

ขณะทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง จุนที่เดินตามหาซอลมาตลอดหลังพักกลางวันหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ซอลนั่งหัวเราะกับทิวที่กำลังโน้มตัวใกล้เขาเกินไป

 

ใบหน้าของจุนค่อย ๆ แปรเปลี่ยน เขายืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ความอิจฉาแทรกผ่านรอยยิ้มที่ฝืนเต็มที่ในขณะที่หัวใจเต้นแรงด้วยความหึงหวง เขาขยับเท้าหมุนตัวกลับไปทันที 

“เฮ้อ...ดีที่เขายังหัวเราะได้” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนเดินจากไป

 

เสียงคนพูดคุยคละเคล้ากับเสียงเอกสารและอุปกรณ์ถูกเก็บเข้าที่เมื่อวันทำงานสิ้นสุดลง ซอลเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับจุน ทั้งคู่ดูเหนื่อยล้าแต่สีหน้าแฝงไปด้วยความพอใจในความคืบหน้าของงาน

“เย็นนี้แวะกินข้าวก่อนกลับไหม?” จุนเอ่ยถามเหมือนทุกวัน

“เอ่อ...คือ ฉันว่าวันนี้จะกลับบ้าน” ซอลชะงักเล็กน้อยก่อนตอบ

“กลับบ้าน?” จุนเลิกคิ้วเล็กน้อย

“พ่อกับคุณย่ากลับมาหลายวันแล้ว ฉันคิดว่าจะย้ายกลับไปอยู่บ้านด้วย รบกวนนายมานานเกินไปแล้ว...” ซอลพูดด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม เขาพยายามเลี่ยงไม่สบตาจุน

คำตอบนั้นทำให้จุนชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็ปรับสีหน้าให้ดูปกติ

“อ๋อ…เหรอ ได้สิ ให้ฉันไปส่งไหม?” จุนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ลึก ๆ ใจเขากลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างหายไป

“เดี๋ยวกลับกับปอนด์น่ะ…เจอกันพรุ่งนี้นะ” ซอลรีบตอบทันควัน เขาโบกมือลาและเร่งเดินไปขึ้นรถของปอนด์ที่จอดรออยู่ไม่ไกล จุนมองตามแผ่นหลังของซอลที่วิ่งหายไปในความมืด สายตาเขาแฝงไปด้วยความสงสัย

“นี่เขากำลังหนีหน้าฉันอยู่หรือเปล่า...” จุนพึมพำพลางถอนหายใจเบา ๆ

 

บรรยากาศยามเย็นของร้านข้าวมันไก่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของน้ำซุปและเสียงพูดคุยคึกคักของลูกค้าที่นั่งรออาหาร ซอลเดินเข้ามาในบ้านช้า ๆ ความวุ่นวายของร้านอาหารที่เขาเคยชินมาตั้งแต่เด็กทำให้รู้สึกคุ้นเคย แต่ในวันนี้กลับมีบางอย่างที่ทำให้บรรยากาศดูเปลี่ยนไป ซอลรีบวางกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปช่วยโดยไม่พูดอะไร ความเงียบระหว่างทั้งสองคนยิ่งทำให้บรรยากาศตึงเครียด

“มึงกลับมาได้ซะที” พ่อเอ่ยขึ้น น้ำเสียงห้วนจัดจนซอลรู้สึกชาไปทั้งตัว เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยงานตามปกติ

“มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกัน” 

คำพูดที่เปล่งออกมาพร้อมเสียงมีดกระทบเขียงดังหนักแน่นทำให้ซอลรู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่างที่เขาหวาดหวั่นมาตลอดวัน แต่เขาเลือกที่จะเก็บความรู้สึกไว้ในใจ รอจนกระทั่งงานทุกอย่างเรียบร้อย ลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้าน และพ่อเดินเข้าไปนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น

 

ซอลดูความเรียบร้อยของร้านเสร็จก็เดินตามเข้ามาเห็นพ่อนั่งอยู่ที่โซฟา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ข้างตัวมีซองเอกสารวางอยู่ ซอลจำได้ทันทีว่ามันคืออะไร

“พัดมาหากู” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงมึนเมาเปิดประเด็นทันที เขาหยิบเอกสารจากซองขึ้นมาโบกต่อหน้าซอล

“มันมาทำไม?” ซอลถามเสียงต่ำ มองเอกสารนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความผิดหวัง แต่พ่อกลับตบโต๊ะดังสนั่นจนซอลสะดุ้ง

“กูอยากถามมึงมากกว่า นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”

“พ่อไม่เข้าใจหรอก คนอย่างมันแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ!” ซอลพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาเลี่ยงไม่มองหน้าพ่อเพราะรู้ว่าสายตาของพ่อในตอนนี้จะทำให้เขาสั่นคลอน

“ไม่เข้าใจ? มึงรู้ไหมว่ามันทำให้กูอับอายแค่ไหน!” พ่อพูดพร้อมกำหมัดแน่น เสียงเขาเริ่มสั่นไหวด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

“อับอาย?” ซอลพูดเสียงดังขึ้น ดวงตาของเขาเริ่มมีแววขุ่นมัว

“อายที่ซอลปกป้องตัวเอง หรือที่พ่อเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง?”

คำพูดนั้นเหมือนกระตุ้นให้พ่อของซอลระเบิดออกมา เขาคว้าแก้วเหล้าขว้างลงพื้นอย่างแรง เศษแก้วกระเด็นไปทั่ว ซอลชะงักก่อนจะลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับพ่อ

 

“ตั้งแต่เด็กมึงเคยฟังอะไรกูบ้างไหม ซอล!” พ่อตะโกนลั่น ดวงตาแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

“ไม่เคยเลยสักครั้ง! มึงมันเหมือนแม่มึงไม่มีผิด!”

ชื่อของแม่หลุดออกมาจากปากพ่ออย่างรุนแรงเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของซอล เขากัดฟันแน่นพยายามระงับความโกรธที่พลุ่งพล่าน

“พ่อไม่มีสิทธิพูดถึงแม่แบบนั้น” เขาพูดเสียงเข้ม มือกำแน่นจนสั่น

“ทำไมกูจะพูดไม่ได้ มึงคงมั่วไม่ต่างจากแม่ของมึงหรอก” พ่อตวาดลั่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงมือกระแทกเข้าที่แก้มของซอลอย่างแรงจนร่างเขาเซไปชนกำแพง ก่อนจะเข้าไปดึงที่ผมของซอลและพูดใส่หน้า

“ที่หายหัวไปหลายวันคงไปนอนกกกับผู้ชายมาจนทะเลาะกับพัดล่ะสิ เมื่อไหร่มึงจะเลิกสร้างปัญหาไอ้ลูกเวร!” มือสากของพ่อกระแทกเข้าที่หน้าอีกสองสามครั้งจบด้วยการเหวี่ยงร่างที่ไร้แรงสู้ให้ลงไปนอนหมอบที่พื้น

 

ซอลยกมือขึ้นแตะแก้มที่ร้อนผ่าวด้วยความเจ็บ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรกลับ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอที่หางตา เขาหันกลับมามองพ่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด

“อยากจะตบอีกกี่ครั้งก็เชิญ!” ซอลพูดเสียงสั่น แต่หนักแน่น 

“และซอลไม่เสียใจกับทุกอย่างที่ทำ ถึงพ่อจะเกลียดซอลเพราะเรื่องนั้นก็เถอะ…”

พ่อของซอลนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะหยิบขวดเหล้าขึ้นมาริน เขาไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่ยกแก้วขึ้นดื่มเงียบ ๆ เหมือนต้องการหนีจากความจริงที่อยู่ตรงหน้า

“คนที่ต้องเสียใจที่สุด…คือพ่อไม่ใช่ซอล” ซอลหันหลัง เดินกลับขึ้นห้องโดยไม่พูดอะไรอีก เสียงประตูห้องนอนของเขาปิดดังสนั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับพ่ออีกในคืนนี้

 

เสียงลมหายใจหนัก ๆ ดังสะท้อนในความเงียบ ซอลพิงประตูห้อง มือยกแตะที่แก้มบวมช้ำด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ น้ำตาไม่ได้หลั่งออกมาอีก แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจทับถมจนเขารู้สึกเหมือนจะจมลงไปในความมืดมิด

 

เสียงเหล้าถูกรินจากห้องด้านล่างยังคงดังต่อเนื่อง เหมือนเป็นคำย้ำเตือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พ่อยังคงหนีปัญหาด้วยวิธีเดิม ๆ และเขา…ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป

 

ซอลเดินไปที่โต๊ะทำงานในมุมห้อง หยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนซึ่งสะท้อนความฝันของเขาในวัยเด็กออกมาเปิดดู

‘อย่าลืมเหตุผลที่เธอยืนหยัด’ เสียงของใครบางคนดังก้องในใจ เขาหลับตา สูดลมหายใจลึกก่อนจะเปิดสมุดไปยังหน้าที่เคยเขียนสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไว้ ปากกาถูกจับไว้แน่น ข้อความใหม่ถูกเขียนเพิ่มลงไป

ฉันจะไม่ยอมแพ้…

 

เชื่อมั่นในความตั้งใจ

ไม่ว่าอุปสรรคจะยากเย็นแค่ไหน

เราจะก้าวผ่านไปได้เสมอ