ต้องขออภัยที่เน้นใช้ชีวิตแต่ลืมคิดวิธีเอาตัวรอด

หอสุราบุษบาเริงรมย์ - ตอนที่ 8 แล้วบุรุษผู้นี้คือใครกันเล่า โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,ซินเอ๋อร์ไม่เมา ,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หอสุราบุษบาเริงรมย์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ซินเอ๋อร์ไม่เมา ,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,ทะลุมิติ

รายละเอียด

หอสุราบุษบาเริงรมย์ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ต้องขออภัยที่เน้นใช้ชีวิตแต่ลืมคิดวิธีเอาตัวรอด

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ฟ้าดินคงมองเห็นว่าชีวิตของหญิงสาววัยสี่สิบพอดิบพอดีอย่างพิมพ์พลอยมันคงเรียบเรื่อยเกินไปจนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นจึงฉวยโอกาสในวันที่เธอเมาแล้วเดินตกบันไดบ้านหัวฟาดฟื้นส่งวิญญาณของเธอมาอยู่ในร่างของหญิงสาวอายุสิบแปดปี สถานะโสดแต่มีลูกหนึ่งคนพ่วงตำแหน่งหญิงม่ายป้ายแดงที่เพิ่งจะขอหย่าขาดจากสามี

แม้มงจะลงแต่ก็งงหนักมากหลังจากที่ตั้งสติได้ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเพื่อเลี้ยงบุตรสาวคนเดียวให้เติบโตโดยสิ่งเดียวที่รู้สึกว่าจะเข้าทางสาวขี้เมาในชีวิตเก่าก็คงจะเป็นกิจการร้านสุราที่เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ในเมื่อชาติก่อนดันต้องมาตายเพราะเหล้าแต่ชาตินี้เกาเย่วซินที่มีไส้ในเป็นคุณป้ายังสวยวัยสี่สิบจึงสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะนางแจ้งเกิดและร่ำรวยด้วยเหล้าให้ได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรี 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 1 หญิงม่ายหย่าผัว,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 2 พบเจอขุมสมบัติ,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 3 มรดกตกทอด,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 4 เตรียมการเพื่ออนาคต,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 5 เริ่มรับซื้อวัตถุดิบ,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 6 ช่างไม้,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 7 เป็นขุมทรัพย์ซ้อนขุมทรัพย์,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 8 แล้วบุรุษผู้นี้คือใครกันเล่า,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 9 สุราเลิศรส,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 10 ตัวอย่างเครื่องเรือน,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 11 สุราดอกไม้ ปลดเหรียญ 22/12/67 ติดเหรียญถาวร 29/12/67,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 12 การหวนคืน ปลดเหรียญ 23/12/67 ติดเหรียญถาวร 30/12/67,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 13 สตรีม่ายขี้เมาที่มิอาจดูเบานางได้ ปลดเหรียญ 24/12/67 ติดเหรียญถาวร 31/12/67,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 14 การเกี้ยวพาที่น่ารำคาญ ปลดเหรียญ 25/12/67 ติดเหรียญถาวร 01/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 15 บุตรของข้ามีบิดาเพียงคนเดียว ปลดเหรียญ 26/12/67 ติดเหรียญถาวร 02/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 16 ดอกบ๊วย ปลดเหรียญ 28/12/67 ติดเหรียญถาวร 04/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 17 รับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ปลดเหรียญ 29/12/67 ติดเหรียญถาวร 05/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 18 สตรีอย่างข้านี่แหละที่จะเกี้ยวพาบุรุษ ปลดเหรียญใช้กุญแจ 30/12/67 ติดเหรียญถาวร 06/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 19 งานจิบสุราชมบุปผา ปลดเหรียญ 31/12/67 ติดเหรียญถาวร 07/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 20 เหมาทั้งร้าน ปลดเหรียญ 01/01/68 ติดเหรียญถาวร 08/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 21 เวลาส่วนตัว ปลดเหรียญ 04/01/68 ติดเหรียญถาวร 11/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 22 อดีตสามี ปลดเหรียญ 05/01/68 ติดเหรียญถาวร 12/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 23 ไหน้ำส้มแตกดังโพล๊ะ ปลดเหรียญ 06/01/68 ติดเหรียญถาวร 13/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 24 ให้ความช่วยเหลือ ปลดเหรียญ 07/01/68 ติดเหรียญถาวร 14/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 25 เมื่อเหล้าองุ่นบ่มได้ที่ ปลดเหรียญ 08/01/68 ติดเหรียญถาวร 15/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 26 การกลั่นสุรา ปลดเหรียญ 09/01/68 ติดเหรียญถาวร 16/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 27 เทศกาลเฉลิมฉลอง ปลดเหรียญ 10/01/68 ติดเหรียญถาวร 17/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 28 เถ้าแก่เนี้ยผู้งดงาม ปลดเหรียญ 11/01/68 ติดเหรียญถาวร 18/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 29 ระยะห่างที่คิดถึง ปลดเหรียญ 12/01/68 ติดเหรียญถาวร 19/01/68,หอสุราบุษบาเริงรมย์-ตอนที่ 30 ตกลงปลงใจ (จบ) ปลดเหรียญ 13/01/68 ติดเหรียญถาวร 20/01/68

เนื้อหา

ตอนที่ 8 แล้วบุรุษผู้นี้คือใครกันเล่า

แน่นอนว่าวันรุ่งขึ้นหลังจากจัดการธุระที่ร้านค้าข้าวเรียบร้อยแล้วผู้อาวุโสลิ่วกุ้ยก็พาหลานสาวลิ่วเฟิ่งหนิงและหลานเขยซุนป๋อเฉินเดินเกาะกลุ่มมาหาเกาเย่วซินบ้านเมื่อมาถึงก็ไม่ลืมที่จะทักทายนายช่างโจวที่ยังทำงานอยู่ด้านหน้าร้านก่อนซึ่งตอนนี้ร้านสุราสกุลเกาก็เริ่มก่ออิฐชั้นล่างเกือบจะเสร็จแล้วนับว่ามีความคืบหน้าไปมากพอสมควร

“ท่านตา พี่สาว พี่เขย สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่ะเข้ามานั่งดื่มชากันก่อนดีหรือไม่” เกาเย่วซินที่กำลังเล่นกับบุตรสาวอยู่ที่หน้าบ้านพอดีก็เชิญแขกคนกันเองเข้ามาดื่มน้ำชากันก่อน

“ไม่เป็นไรหรอกซินเอ๋อร์พวกตาดื่มมาจากที่ร้านแล้วเรียบร้อยเอาไว้รบกวนเจ้าตอนมื้อกลางวันทีเดียวเลยจะดีกว่า เราไปดูที่ที่จะให้ช่วยขุดกันเถิด” ผู้อาวุโสลิ่วแม้จะปฏิเสธการดื่มน้ำชาก็ยังมีเหตุผลเพราะเพิ่งจะดื่มกันมาจากที่ร้านจริงๆ ในตอนนี้ควรรีบไปช่วยกันทำงานแล้วค่อยมาดื่มชาและกินอาหารกลางวันฝีมือเกาเย่วซินด้วยกันจะดีกว่า

“ถ้าอย่างเช่นนั้นตามข้ามาเลยเจ้าค่ะ” ร่างเล็กของเกาเย่วซินก้มตัวไปอุ้มลูกสาวขึ้นมาจากพื้นหลังจากประคองให้เกาเย่วชื่อยืนได้อย่างมั่นคงแล้วก็จูงมือเล็กๆ ให้เดินนำคนจากบ้านลิ่วไปยังหลังเรือนที่เป็นที่ตั้งของคอกวัวที่ตอนนี้ไม่มีวัวเลยสักตัวมีแต่ขี้วัวเป็นกระสอบๆ อยู่แทน

หลังจากที่พี่เขยสำรวจพื้นที่ที่เกาเย่วซินขุดและกลบเอาไว้อยู่ครู่หนึ่งเขาก็เริ่มขุดดินอย่างระมัดระวังไม่ได้ออกแรงมากเกินไปนักด้วยจากเกรงว่าจะคมของจอบจะไปทำความเสียหายให้พื้นไม้และลามไปทำให้ของที่อยู่ข้างใต้เสียหายไปด้วยใช้เวลาไปราวๆ หนึ่งเค่อกว่าๆ โดยซุนป๋อเฉินเป็นคนออกแรงขุดดินและมีภรรยากับเกาเย่วซินช่วยกันโกยดินที่ขุดออกมาไปกองไว้ด้านนอกทุกคนก็เห็นร่องที่เป็นด้ามจับของประตูไม้แล้ว

เกาเย่วซินใช้เศษไม้เล็กๆ งัดดินออกจากร่องนั้นอย่างรีบเร่งส่วนพี่เขยก็ไล่ขุดทิศทางที่คาดว่าจะเป็นกรอบประตูทั้งหมดเมื่อพบแล้วเขาก็ให้ทุกคนถอยไปก่อนเพราะจะยกประตูขึ้นมาด้วยตนเองเผื่อว่ามันมีแมลงหรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยอาศัยอยู่ด้านในจะได้หลบกันทัน

จากประสบการณ์ของเกาเย่วซินตอนที่ขุดเจอที่จับประตูฝั่งแรกนางก็รีบเข้าไปในบ้านเพื่อจุดตะเกียงมารอเอาไว้ก่อนเมื่อซุนป๋อเฉินยกประตูไม้ขึ้นมาเห็นบันไดที่สร้างมาจากดินทอดยาวหายเข้าไปในความมืดนางก็ส่งตะเกียงให้เขาในทันทีซึ่งก็แน่นอนว่าพี่เขยต้องขอลงไปสำรวจด้วยตัวเองก่อนเมื่อดูว่าปลอดภัยแล้วจึงยอมให้คนอื่นเดินตามลงไป

โดยข้างใต้นี้ไม่ได้ต่างอะไรแตกต่างจากห้องใต้ดินในบ้านมากนักเพราะเมื่อเดินลงมาก็พบกับไหหมักเหล้าวางเรียงรายอยู่จนแน่นห้องที่ขนาดของมันน่าจะกินพื้นที่ใหญ่กว่าคอกเลี้ยงวัวเสียอีก

“สุราดอกท้อ เหล้ากุหลาบ เหล้าเหลือง เหล้าขาว เหล้านารีแดง เหล้าไผ่เขียว แล้วก็ยังมีอีกหลายชนิดที่ข้าไม่รู้จักนี่เท่ากับว่าสุราขึ้นชื่อของสกุลเกาอยู่ข้างใต้นั้นหมดเลยเจ้าค่ะ” หลังจากเดินสำรวจเร็วๆ ไปรอบหนึ่งทั้งหมดก็ขึ้นมาคุยกันที่ด้านบนเนื่องจากในห้องใต้ดินนั้นไม่ได้จะมีอากาศให้หายใจมากมายเท่าไรนัก

“เป็นโชคใหญ่ของเจ้าแล้วซินเอ๋อร์ไม่ต้องเสียเวลาหมักเหล้าสูตรดังเดิมถึงแม้เจ้าจะมีสุราสูตรใหม่ๆ มากมายแต่ลูกค้าเก่าแก่ของร้านสุราสกุลเกายังนิยมรสชาติของสุราดั้งเดิมมากกว่าการทำสิ่งใหม่ล้วนดีแต่ของเก่าก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม แต่ข้านับถือใจตาเฒ่าเกาเสียจริงที่อุตส่าห์ฝังไหหมักเหล้าไว้ให้หลานสาวมากมายขนาดนี้แสดงว่าตลอดระยะเวลาที่เขามาพักอยู่ที่นี่ปีละหลายๆ เดือนเขาใช้เวลาทั้งหมดหมักเหล้าเอาไว้แน่ๆ ช่างเป็นการทุ่มเทที่มีคุณค่ามากมายเหลือเกิน เขาใช้เวลามากมายแค่ไหนกันนะ สิบปี หรือไม่ก็อาจจะมากกว่าสิบปีเสียด้วยซ้ำอาจจะทำตั้งแต่ตอนที่มารดาเจ้าจะแต่งงานเสียด้วยซ้ำไป”

“...” ในเวลานี้นั้นเกาเย่วซินพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยว่าตัวนางนั้นรู้สึกเช่นไร ภาพความทรงจำที่ยังคงติดค้างอยู่ในหัวฉายชัดให้เห็นว่าในทุกๆ ปีเมื่อครั้งนางยังเด็กท่านตาจะออกเดินทางไม่อยู่บ้านอย่างน้องๆ ก็สองถึงหกเดือนเพื่อมาดูแลร้านสุราอีกสาขาหนึ่งของครอบครัวที่แต่เดิมตั้งใจสร้างเอาไว้ให้มารดาและบิดาของนางเพราะบ้านเกิดของท่านพ่อคล้ายว่าจะอยู่ที่นี่แต่นางยังเด็กนักตอนที่พวกท่านจากไปจึงจำอะไรได้ไม่ค่อยแน่ชัดนัก

สายเลือดสกุลเกาที่วิ่งพล่านอยู่ในตัวนางทำให้รู้สึกว่าอยากจะเปิดร้านเสียวันนี้พรุ่งนี้และแม้ในใจลึกๆ อยากจะเก็บสุราดีเอาไว้ดื่มคนเดียวเสียให้หมดแต่ตับของนางน่าจะไม่สามารถรองรับพิษสุราได้เอาเป็นว่าชีวิตนี้ก็อาศัยดื่มสุราเป็นยาไปก็แล้วกันลูกนางยังเล็กต้องรักษาสุขภาพและถนอมร่างกายเอาไว้ก่อน

“แล้วเช่นนี้เจ้าจะเอาอะไรขึ้นมาบ้างล่ะข้าจะได้ขนขึ้นมาให้” แน่นอนว่าไหสุรานั้นมีขนาดใหญ่มากแต่ละใบสูงเท่าเอวของเกาเย่วซินเลยก็ว่าได้หากจะให้นางยกคนเดียวคงไม่แคล้วต้องหลังหักไปเสียก่อนจะยกขึ้นมาได้แต่ละไห

“ข้าอยากได้สุราทุกชนิดอย่างละไหก่อนเจ้าค่ะอยากเอาขึ้นมาตรวจสอบรสชาติก่อนว่ามันยังไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมแต่หลังจากนำขึ้นมาแล้วข้าต้องขอให้พวกท่านตาแบ่งกันไปช่วยชิมด้วยนะเจ้าคะเพราะว่าข้าเองก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของสุรามากเท่าไรนัก” แน่นอนว่าร่างของเกาเย่วซินแทบจะไม่เคยได้ดื่มสุราอะไรนอกจากสุรามงคลในคืนวันแต่งงานของตัวเองแต่ที่สิ่งนางกลับจำได้ขึ้นใจคือกลิ่นของสุราชนิดต่างๆ ที่เคยได้คลุกคลีกับพวกมันมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้

แต่ถ้าเป็นชีวิตก่อนตอนยังเป็นคุณป้าวัยสี่สิบกะรัตขอให้จัดมาเถอะไม่ว่าจะเป็นสุราขนานไหนพิมพ์พลอยล้วนผ่านมาหมดตั้งแต่เหล้าเถื่อนต้ม สุราพื้นบ้านไปจนถึงไวน์ที่มีสนนราคาถึงแก้วละแสนก็ล้วนเคยผ่านคอทองแดงของคุณป้าขี้เมามาแล้วทั้งสิ้นพอได้คิดถึงแล้วมันก็ชักจะเปรี้ยวปากขึ้นมาเสียนี่แต่จะกินตอนนี้คงไม่ได้นางยังต้องทำงานอีกทั้งวัน

“ได้ๆ ข้าจะรีบจัดการให้เลยหนิงเอ๋อร์เจ้ากับน้องสาวไปรอรับไหเหล้าในคอกวัวหน่อยนะ อ้อ ซินเออร์พี่เขยขอผ้าที่ยาวๆ สักผืนสิจะเอาไปประคองไหเหล้าตอนที่เดินขึ้นบันไดมาตอนนี้อาจจะต้องใช้วิธีนี้ไปก่อนแต่เดี๋ยวคงต้องติดตั้งรอกให้เจ้าจะได้เอาไว้ทุ่นแรง” นับว่าพี่เขยของนางนั้นรอบคอบเป็นอย่างมากที่หาเครื่องทุ่นแรงเฉพาะหน้าให้ตัวเองหากว่ามีเชือกสักเส้นหรือผ้าสักผืนก็จะสามารถช่วยทุ่นแรงได้มากพอสมควร

แต่ที่มากไปกว่านั้นคือเขายังจะทำรอกให้นางอีกคงต้องนับพี่เขยเอาไว้เป็นอีกคนที่นางจะจดจำเขาไว้ในใจไปตลอดว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือนางและบุตรสาวมามากมายขนาดไหน

หลังจากนั้นเกาเย่วซินก็ลงไปช่วยพี่เขยเลือกไหเหล้าอีกครั้งว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนบ้างโชคดีที่มันค่อนข้างจะหาง่ายเพราะว่าท่านตาแยกเก็บสุราเอาไว้เป็นประเภทโดยสุราชนิดเดียวกันก็วางอยู่ใกล้กันที่สำคัญคือมีการเขียนวันที่ผลิตแปะติดบนไหเอาไว้อย่างชัดเจนอีกด้วยมองดูแล้วก็คล้ายกับว่าในห้องนี้เป็นห้องสมุดสุราเลยก็ว่าได้

หลังจากขนไหเหล้าขึ้นมาได้ตามต้องการแล้วจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของนางที่ต้องช่วยกันกับพี่สาวลิ่วเฟิ่งหนิงกรองสุราแบ่งบรรจุใส่ขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็กๆ แต่คนงานของนายช่างโจวก็มาเรียกที่หน้าเรือนเกาเย่วซินจึงรีบเดินออกไปดูโดยที่ลืมถามไปเสียสนิทว่าใครมาหานางถึงที่บ้าน

“สวัสดียามบ่ายแม่นางเกา” มาถึงหน้าบ้านก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่มากับเด็กชายที่มีอายุไม่น่าจะเกินห้าขวบปีแต่เมื่อมองหน้าเขาแล้วนางยังจำไม่ได้เลยว่าเคยไปรู้จักกับบุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเหลามากมายขนาดนี้ที่ไหนจึงได้แต่ยืนจ้องหน้าเขาและค้นความทรงจำในหัวจนดูเหมือนคนที่ไร้มารยาท

“เอ่อ...”

“ขออภัยเจ้าค่ะแต่ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเรารู้จักกันตอนไหนไม่ทราบว่าท่านมาผิดบ้านหรือเปล่าเจ้าคะหรือว่าอยากจะมาดื่มสุราพอดีว่าร้านของข้ายังสร้างไม่เสร็จน่าจะต้องใช้เวลาอีกเกือบสองเดือนเลยเจ้าค่ะ” เกาเย่วซินส่งยิ้มแห้งๆ แก้เขินระหว่างที่พูดให้คนตรงหน้าเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงเอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่แบบนี้

“แม่นางเกานี่ข้าเองเถ้าแก่หงวันนี้ข้านำคอกกั้นที่เจ้าสั่งไว้มาส่งให้” หงฟาหยางยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเมื่อสตรีที่เพิ่งไปสั่งเครื่องเรือนเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดจำใบหน้าของเขาไม่ได้เสียแล้ว

“หือ เถ้าแก่หงหรือเจ้าคะแล้วทำไมวันนี้ท่านจึงไม่มีหนวดเคราเพราะอย่างนี้นี่เองข้าถึงไม่คุ้นหน้าท่านเลย ขออภัยที่เสียมารยาทนะเจ้าคะเชิญท่านกับคุณชายน้อยผู้นี้เข้ามาในบ้านก่อนเถิด” เมื่อฟังดูดีๆ น้ำเสียงของเขาก็ยังคุ้นหูอยู่แถมดวงตาคู่นั้นก็ยังเป็นดวงตาดุๆ ของเถ้าแก่หงไม่ผิดแน่และยิ่งมองดีๆ ก็เห็นแล้วว่าที่พื้นข้างกายเขามีไม้ท่อนๆ ที่จะเอามาประกอบเป็นคอกกั้นเลี้ยงเด็กที่นางสั่งไว้วางอยู่ดังนั้นชายคนนี้ย่อมเป็นเถ้าแก่หงฟาหยางไม่ผิดตัวแน่

“เขาชื่อว่าหงไป๋เซ่อเป็นบุตรชายของข้าเองเรียกเขาว่าไป๋เอ๋อร์ก็ได้ไม่ต้องเรียกคุณชายอะไรหรอกแล้วอีกอย่างหนวดเคราของข้ามันโกนออกได้นะเผื่อเจ้าไม่รู้ อันที่จริงข้าก็ไม่ได้นิยมไว้หนวดไว้เคราหรอกแต่เพราะว่าก่อนหน้านี้มีงานใหญ่ที่ยุ่งมากจนไม่มีเวลาได้ดูแลตัวเอง” หงฟาหยางแนะนำบุตรชายให้เกาเย่วซิน ได้รู้จักและไม่ลืมที่จะไขข้อข้องใจของนางเรื่องสภาพของเขาเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ด้วย

อันที่จริงหงฟาหยางเป็นผู้ชายที่รักสะอาดมากคนหนึ่งแต่เพราะงานที่ต้องทำหามรุ่งหามค่ำทุกวินาทีมีค่ามากจนไม่อาจจะแบ่งไปโกนหนวดให้ตัวเองได้จึงต้องปล่อยมันไว้ตามมีตามเกิดจนเมื่องานใหญ่จบลงและส่งมอบงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาจึงมีเวลาได้กลับมาดูแลตัวเองให้มีสภาพปกติอีกครั้ง

“เป็นข้าที่ผิดเองเจ้าค่ะที่จำไม่ได้ ไป๋เอ๋อร์เข้าไปในบ้านกับน้าเถิดวันนี้น้ามีขนมให้เจ้ากินด้วยนะ” พอดีเมื่อวานนางมีเวลาเล็กน้อยหลังจากที่ตุ๋นหมูสามชั้นทิ้งไว้จึงทำขนมเค้กนึ่งง่ายๆ จากวัตถุดิบที่มีในบ้านนั่นก็คือฟักทองและแป้งสาลีเติมความหวานด้วยน้ำตาลเล็กน้อยเท่านี้เสี่ยวชื่อก็กินได้เยอะแล้ว

“ขอบคุณขอรับท่านน้า” เด็กน้อยหงไป๋เซ่อกล่าวขอบคุณท่านน้าใจดีก่อนจะส่งมือเล็กๆ ของตัวเองวางบนมือขาวๆ นุ่มๆ ที่ยื่นมาตรงหน้าและปล่อยให้นางจูงเขาเข้าไปในบ้านโดยลืมบิดาทิ้งเอาไว้ด้านหลังเสียอย่างนั้น

คนเป็นพ่อได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจแต่ก็แปลกใจไปในขณะเดียวกันที่บุตรชายหน้านิ่งและไม่ชอบเข้าใกล้คนที่ไม่คุ้นเคยจะยอมให้เกาเย่วซิน จูงมือเข้าบ้านไปง่ายๆ แบบนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหงไป๋เซ่ออยากกินขนมหรือว่าเป็นเพราะที่นิยมชมชอบในหญิงงามมากกว่ากัน