ต้องขออภัยที่เน้นใช้ชีวิตแต่ลืมคิดวิธีเอาตัวรอด
จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,ซินเอ๋อร์ไม่เมา ,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอสุราบุษบาเริงรมย์ต้องขออภัยที่เน้นใช้ชีวิตแต่ลืมคิดวิธีเอาตัวรอด
ฟ้าดินคงมองเห็นว่าชีวิตของหญิงสาววัยสี่สิบพอดิบพอดีอย่างพิมพ์พลอยมันคงเรียบเรื่อยเกินไปจนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นจึงฉวยโอกาสในวันที่เธอเมาแล้วเดินตกบันไดบ้านหัวฟาดฟื้นส่งวิญญาณของเธอมาอยู่ในร่างของหญิงสาวอายุสิบแปดปี สถานะโสดแต่มีลูกหนึ่งคนพ่วงตำแหน่งหญิงม่ายป้ายแดงที่เพิ่งจะขอหย่าขาดจากสามี
แม้มงจะลงแต่ก็งงหนักมากหลังจากที่ตั้งสติได้ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเพื่อเลี้ยงบุตรสาวคนเดียวให้เติบโตโดยสิ่งเดียวที่รู้สึกว่าจะเข้าทางสาวขี้เมาในชีวิตเก่าก็คงจะเป็นกิจการร้านสุราที่เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ในเมื่อชาติก่อนดันต้องมาตายเพราะเหล้าแต่ชาตินี้เกาเย่วซินที่มีไส้ในเป็นคุณป้ายังสวยวัยสี่สิบจึงสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะนางแจ้งเกิดและร่ำรวยด้วยเหล้าให้ได้
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรี 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญจนถึงตอนจบค่ะ
ระยะนี้ทั้งหงฟาหยางและเกาเย่วซินมีงานรัดตัวเป็นอย่างมากฝั่งทางร้านเครื่องเรือนต้องจัดการยอดคำสั่งซื้อจำนวนมหาศาลให้ทันกำหนดส่งถึงแม้จะไม่ใช่งานที่ยากเกินความสามารถของนายช่างทั้งหลายแต่ก็นับว่าตึงมืออยู่ไม่น้อยด้วยจำนวนที่ต้องจัดส่งถึงหนึ่งพันชุดภายในเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น
งานที่มียอดสั่งมาคือชุดโต๊ะกินข้าวขนาดสี่ที่นั่งจำนวนห้าร้อยชุดและชุดโต๊ะรับรองแขกสี่ที่นั่งจำนวนห้าร้อยชุดเช่นเดียวกันโดยสินค้าทั้งหมดมีจุดหมายปลายทางคือร้านเครื่องเรือนใหญ่ในเขตเมืองหลวงที่เพิ่งมาเป็นคู่ค้าใหม่ได้เพียงสองสามปีแต่ยอดสั่งนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่สั่งปีละสองร้อยชุดก็ขยับขึ้นมาเป็นหนึ่งพันชุดภายในเวลาไม่นานก็นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของร้านเครื่องเรือนสกุลหงที่มีคู่ค้าไว้วางใจในฝีมือของพวกเขาเช่นนี้
และแน่นอนว่างานที่มีจำนวนยอดสั่งมากขนาดนี้หงฟาหยางย่อมจะออกแบบสินค้าให้มีเอกลักษณะเฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละร้านที่รับสินค้าไปวางขายเนื่องด้วยในเขตเมืองหลวงนั้นร้านเครื่องเรือนสกุลหงไม่ได้มีคู่ค้าแค่เพียงรายเดียวการผลิตสินค้าให้แตกต่างกันไปในแต่ละร้านทำให้เขายิ่งได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือจากคู่ค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย
“ท่านพ่อ วันนี้ท่านว่างพาข้าไปหาน้องสาวหรือไม่ขอรับ” นี่ก็เป็นอีกวันที่หงไป๋เซ่อมาหาบิดาด้วยความหวังเนื่องจากเป็นเวลากว่าสิบวันแล้วที่ตนเองไม่ได้ไปเล่นกับน้องสาวเสี่ยวชื่อเลยเด็กน้อยคิดถึงเสียงเล็กๆ ที่คอยเรียกเขาว่าพี่ชายและขนมอร่อยๆ ของท่านน้าคนงามจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“ไป๋เอ๋อร์พ่อยังวางมือไม่ได้เลยลูกรัก แต่หากเจ้าอยากไปจริงๆ พ่อคงต้องฝากเจ้าไปกับเกวียนของท่านลุงเส้าก่อนถ้าต้องไปคนเดียวจะกลัวหรือไม่” หงไป๋เซ่อมีอายุได้หกหนาวแล้วจะว่ายังเด็กอยู่มากแต่กระนั้นก็ยังโตพอที่จะรับผิดชอบตนเองได้บ้างแล้วจึงพอจะวางใจให้เขาทำอะไรด้วยตนเองได้บ้างเป็นครั้งคราวแต่การเดินทางเพียงคนเดียวนั้นหงฟาหยางยังไม่เคยทำจึงต้องถามความรู้สึกของบุตรชายเสียก่อน
“ก็นิดหน่อยแต่ข้าอยากลองนะขอรับท่านพ่อ ข้าคิดถึงน้องสาวไม่ได้เจอไม่ได้เล่นกับนางมาตั้งสิบวันแล้ว” โดยปกติหงฟาหยางจะพาบุตรชายไปที่เรือนของเกาเย่วซินสัปดาห์ละหนึ่งถึงสองครั้งเด็กๆ จึงได้พบเจอและเล่นด้วยกันอยู่สม่ำเสมอแต่นี่เวลาก็ล่วงเลยมาถึงสิบวันแล้วเจ้าลูกชายตัวดีคงทนคิดถึงน้องไม่ไหวจึงได้เดินมาถามกันตรงๆ
หงฟาหยางเคยถามบุตรชายไปตรงๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วหงไป๋เซ่อคิดอย่างไรกับเจ้าก่อนแป้งสกุลเกาคำตอบที่ได้รับมาก็คือเด็กชายมองน้องสาวเป็นน้องแท้ๆ และอยากปกป้องดูแลให้นางเติบโตได้อย่างปลอดภัยไม่มีใจเป็นอื่นถึงแม้มันจะดูแปลกที่ไปถามเรื่องนี้กับเด็กที่มีอายุเพียงห้าหกหนาวแต่เถ้าแก่หงก็อยากถามเพื่อความแน่ใจเพื่อเตรียมการให้ครอบครัวที่ตนเองกำลังจะสร้างขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาหาพ่อนะพ่อจะพาไปขึ้นเกวียนของท่านลุงเส้าเอง” เกวียนที่ผ่านไปยังร้านสุราสกุลเกานั้นมีหลายคันแต่ถ้าให้เลือกไว้ใครคนขับเกวียนคนใดมากที่สุดก็คงต้องบอกว่าเป็นท่านลุงเส้าต๋าสามีของเท่าป้าเส้าเวินแม่ครัวมือหนึ่งแห่งร้านสุราสกุลเกาอย่างแน่นอน
ใช้เวลาเพียงสองเค่อหงไป๋เซ่อก็เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยทั้งยังย่องไปขอขนมของท่านย่าไปฝากน้องน้อยได้อีกต่างหากหงฟาหยางจึงจูงมือลูกชายที่สะพายห่อของเล่นและขนมออกมายังจุดรับส่งเกวียนรับจ้างที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเครื่องเรือนสกุลเกาเท่าไรนัก
“ท่านลุงเส้าขอรับวันนี้ไป๋เอ๋อร์จะเดินทางไปพบซินเอ๋อร์และเสี่ยวชื่อข้าขอฝากบุตรชายไปกับท่านด้วยนะขอรับ ช่วงนี้ที่ร้านมีงานล้นมือจึงปลีกตัวไปไม่ได้เลย” มาถึงบริเวณจุดจอดเกวียนรับจังก็พบท่านลุงเส้าต๋ากำลังช่วยคนขนของลงจากเกวียนอยู่พอดีหงฟาหยางจึงเข้าไปช่วยแล้วบอกความประสงค์ของตนเอง
“เรื่องแค่นี้เองเถ้าแก่หง ข้าจะดูแลไป๋เอ๋อร์ให้เจ้าเองไม่ต้องเป็นห่วงเขาจะปลอดภัยทั้งขาไปและขากลับอย่างแน่นอน” ท่านลุงเส้าต๋ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะอีกทั้งบุตรชายของเถ้าแก่หงเองก็ไม่ใช่เด็กที่มีนิสัยดื้อรั้นจึงมั่นใจได้ว่าเขาจะเชื่อฟังและต้องปลอดภัยไปตลอดการเดินทางระยะเวลาสั้นๆ นี้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณท่านมากขอรับ ไป๋เอ๋อร์พ่อต้องกลับไปที่ร้านก่อนยังมีงานรออยู่มากเล่นวันนี้เจ้าให้สนุกพ่อฝากความคิดถึงให้ท่านน้าและเสี่ยวชื่อด้วยนะ อย่ากลับให้ค่ำนักเล่า” บิดาสั่งความกับบุตรชายอีกเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้เขานั่งรอเวลาเกวียนออกอยู่กับท่านลุงเส้าที่คงใช้เวลาไม่นานเพราะระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นก็มีชาวบ้านมาขึ้นเกวียนกันบ้างแล้ว
เด็กชายได้ที่นั่งด้านในสุดที่ท่านลุงเส้าจัดให้ปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาทเมื่อมีคนถามหรือพูดคุยด้วยเขาก็ตอบไปแบบสั้นๆ แต่คงความสุภาพและอ่อนน้อมเอาไว้อย่างครบถ้วนทำให้ผู้คนต่างก็ประทับใจนักที่เด็กชายผู้ถูกเลี้ยงมาโดยบิดาเพียงผู้เดียวจะมีกิริยามารยาที่งดงามน่าชมและมีความอ่อนโยนได้ถึงขนาดนี้
แน่นอนว่าที่ร้านสกุลเกาทุกคนต่างก็ดีใจที่ได้พบหน้าหงไป๋เซ่อโดยเฉพาะเสี่ยวชื่อตัวน้อยที่นั่งจ้องพูดคุยไม่หยุดปากพร่ำบอกแต่ว่าคิดถึงพี่ชายอย่างนั้นคิดถึงพี่ชายอย่างนี้ทำเอาคนที่หอบความคิดถึงมาไม่ต่างกันยอมเล่นกับน้องแบบพลีกายถวายชีวิตไม่ว่าเสี่ยวชื่ออยากจะเล่นขี่ม้า อยากจะเล่นแต่งตัวตุ๊กตาพี่ชายคนนี้ยอมทั้งเป็นม้าและเป็นตุ๊กตาให้โดยไม่ปริปากบ่นเลยแม้แต่ครึ่งคำ
“ดูท่าพี่หยางจะงานยุ่งมากจริงๆ สินะเสี่ยวฮวาดูท่าแล้วข้าคงต้องทำอาหารบำรุงไปส่งให้เขาบ้างแล้ว” ระหว่างที่เด็กๆ นอนกลางวันด้วยกันเกาเย่วซินกับฉินฮวาก็ทำงานบ้านกันไปเรื่อยๆ โดยช่วงนี้งานในร้านสุราและโรงงานกลั่นสุราอยู่ตัวและเข้าที่มากแล้วจึงไม่จำเป็นต้องไปยืนควบคุมคุณภาพด้วยตัวเองปล่อยให้พี่ใหญ่ฉินฮุยและพี่รองฉินฮุ่ยเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมดูแลไป
“ดียิ่งนักเจ้าค่ะ เถ้าแก่หงจะได้มีกำลังใจในการทำงานข้าได้ยินคนเขาพูดกันว่าสินค้าของร้านเครื่องเรือนสกุลหงมีร้านเครื่องเรือนจากเมืองหลวงเดินทางมาสั่งซื้อไปขายถึงที่อีกทั้งยังสั่งผลิตครั้งหนึ่งเป็นพันชุดย่อมเหนื่อยล้าเป็นของธรรมดาอยู่แล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำอาหารบำรุงไปส่งพี่หยางและท่านลุงท่านป้าทุกๆ เจ็ดวันก็แล้วกันก่อนหน้านี้เป็นเขาที่เดินทางมาหาข้าแต่หลังจากนี้แหละข้าจะไปให้กำลังใจเขาด้วยตัวเองบ้าง” เมื่อตอนเปิดร้านใหม่ๆ เกาเย่วซินมีงานยุ่งมากก็เป็นฝ่ายของหงฟาหยางที่คอยเดินทางมาไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงรวมถึงมาให้กำลังใจกันแทบจะวันเว้นวันแต่ในตอนนี้เป็นฝ่ายชายหนุ่มที่มีงานรัดตัวนางจึงไม่ลังเลเลยที่จะแสดงความห่วงใยในสุขภาพของเขาบ้าง
“พี่จะไปวันนี้เลยไหมเจ้าคะขากลับจะได้ไปส่งไป๋เอ๋อร์ด้วยกันเลย”
“ดูเวลาแล้วก็ยังพอจะตุ๋นน้ำแกงอร่อยๆ ได้สักหม้ออย่างไรแล้วพี่ฝากดูแลเด็กๆ ด้วยนะพี่จะไปตุ๋นน้ำแกงไก่ในครัว” เพราะในบ้านมีวัตถุดิบต่างๆ เตรียมเอาไว้พร้อมอยู่แล้วเพราะท่านป้าเวินจะจ่ายตลาดมาเผื่อทุกเช้าเกาเย่วซินจึงสามารถทำอาหารได้เลยโดยไม่ต้องไปซื้อหาอะไรมาเพิ่ม
แต่นอกจากจะตุ๋นน้ำแกงไก่แล้วนางยังมีปลาตัวใหญ่อีกหนึ่งตัวจึงตั้งใจแล่เนื้อเฉพาะออกมาเพื่อทำปลานึ่งบ๊วยอีกจานเพิ่มความสดชื่นให้กับคนที่ทำงานหนักและนางก็อยู่ในครัวยาวจนกระทั่งเด็กๆ ตื่นจึงได้เตรียมตัวเอาเกวียนที่บ้านออกเพื่อไปส่งอาหารบำรุงกำลังและส่งคุณชายน้อยหงกลับบ้านด้วยในเวลาเดียวกัน
หงฟาหยางแทบจะฉีกยิ้มกว้างไปจนถึงรูหูเมื่อเห็นว่าคนที่มาส่งบุตรชายมิใช่ท่านลุงเส้าคนขับเกวียนรับจ้างแต่เป็นเถ้าแก่เนี้ยคนงามของร้านสุราสกุลเกาที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานถึงสิบวันทั้งๆ ที่ร้านเครื่องเรือนกับร้านสุรานั้นไม่ได้ห่างไกลกันเลยแต่มันเป็นเพราะหน้าที่และความรับผิดชอบต่างหากที่ทำให้เขาต้องข่มใจเอาไว้ไม่ให้เดินทางไปหานางมิเช่นนั้นงานคงเสร็จไม่ทันวันกำหนดส่งเป็นแน่
“ข้าทำอาหารมาให้พี่หยางเจ้าค่ะมีน้ำแกงไก่กับปลานึ่งบ๊วยท่านทำงานหนักข้าจึงคิดว่าคงต้องการอาหารที่บำรุงร่างกายสักหน่อย” ดูจากสภาพของหงฟาหยางแล้วเกาเย่วซินก็คิดแล้วว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดนี่แค่สิบวันหนวดเคราของเขาก็เริ่มขึ้นรกอีกไม่นานคงกลายเป็นโจรป่าไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ทั้งคู่ได้พบเจอกันเป็นครั้งแรก
“ชื่อชื่อก็มีผลไม้มาฝากท่านลุงนะเจ้าคะ” เสียวชื่อตัวน้อยที่เห็นท่านลุงใจดีมัวแต่ยิ้มหวานให้ท่านแม่ก็เรียกร้องความสนใจด้วยการหยิบสาลี่ลูกโตจากตะกร้าที่ท่านน้าเสี่ยวฮวาถืออยู่มายื่นให้ท่านลุงบ้าง
“ขอบใจมากเสี่ยวชื่อเด็กดีได้กินทั้งผลไม้ของเจ้าและอาหารที่แม่เจ้าทำมาร่างกายของลุงต้องแข็งแรงขึ้นมาเป็นอย่างมากแน่ๆ” หงฟาหยางช้อนตัวเด็กหญิงขึ้นอุ้มก่อนจะจูงมือคนเป็นมารดาเพื่อพากันไปนังพักผ่อนที่ในเรือนก่อน
แต่มานั่งพูดคุยกันได้ไม่นานเถ้าแก่หงก็ต้องออกไปทำงานของตัวเองต่อเกาเย่วซินจึงนั่งสนทนากับผู้อาวุโสของเรือนไปพลางๆ ระหว่างที่รอเวลารับประทานอาหารเย็นด้วยกันซึ่งตัวของนางเองก็ไม่ได้มีความขัดเขินเพราะทั้งมารดาและบิดาของหงฟาหยางต่างก็ใจดีและออกจะเอ็นดูทั้งเกาเย่วซินและเกาเย่วชื่ออยู่มากพอสมควร
“ซินเอ๋อร์จะจัดงานจิบสุราชมดอกไม้อีกทีตอนไหนหรือครั้งนี้สหายจากต่างเมืองของข้านัดกันล่วงหน้าเอาไว้เลยว่าต้องมาชมงานของเจ้าให้ได้ครั้งก่อนทุกคนประทับใจกับเหล้าบ๊วยและขนมที่ทำมาจากดอกบ๊วยมากมายเหลือเกิน” ท่านย่าของไป๋เอ๋อร์เอ่ยถามถึงงานใหญ่ที่เกาเย่วซินตั้งใจว่าจะจัดขึ้นมาทุกปีแต่ปีนี้นางยังไม่รู้เลยว่าจะจัดกันตอนช่วงไหนหรือจะใช้ดอกไม้อะไรเป็นตัวชูโรง
“ปีนี้อาจจะจัดเป็นงานจิบสุราชมดอกท้อเจ้าค่ะความตั้งใจจริงของข้าคือการจัดงานเพื่อแนะนำสุราผลไม้ที่มีในร้านไปปีละชนิดให้ผู้คนได้ทำความรู้จักอย่างลึกซึ้งหลังจากนั้นข้ารับรองว่าการจิบสุราผลไม้จะเปลี่ยนความรู้สึกของทุกท่านไปจากที่ผ่านมาแน่นอนเจ้าค่ะ” สุราดอกท้อแม้ที่ร้านจะมีขายมานานมาแล้วแต่สุราจากผลท้อนั้นนางมั่นใจว่ามันยังไม่เคยมีคนทำงานนี้เกาเย่วซินต้องสร้างความนิยมขึ้นมาได้อีกไม่มากก็น้อย
“ดียิ่งนักแล้วข้าจะต้องหน้าตั้งตารอหากเจ้าได้กำหนดการเมื่อไหร่ก็บอกมาได้เลยนะข้าจะไปกระจายข่าวให้สหายพาบุตรหลานมาอุดหนุนเยอะๆ เลย”