‘คณาธิป’ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิญญาณกลับเข้าร่างไม่ได้ ลภัสกรจึงต้องรับมาดูแลชั่วคราว และหากไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ก่อนวันเกิดปีที่ ๒๐ คณาธิปก็จะตายจากโลกนี้ไปโดยสมบูรณ์...

รัตติกาลผันแปร - บทที่ ๓ วิญญาณตามติด โดย ZANIA @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,ไทย,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รัตติกาลผันแปร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์

รายละเอียด

รัตติกาลผันแปร โดย ZANIA @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

‘คณาธิป’ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิญญาณกลับเข้าร่างไม่ได้ ลภัสกรจึงต้องรับมาดูแลชั่วคราว และหากไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ก่อนวันเกิดปีที่ ๒๐ คณาธิปก็จะตายจากโลกนี้ไปโดยสมบูรณ์...

ผู้แต่ง

ZANIA

เรื่องย่อ

 

 

 

 

 

 

คุณ คณาธิป เตสิทธิ์โสภณ

เกิดวัน ศุกร์ ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒xxx

อายุ ๒๐ ปี สูง ๑๘๖

 

 

พร้อม ลภัสกร จิรเมธานนท์

เกิดวัน เสาร์ ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒xxx

อายุ ๒๐ ปี สูง ๑๘๐

 

 

รัตติกาลผ่านพ้น      ไปนาน นักแล

เวรคู่กรรมเดือดดาล  คั่งแค้น

สองเราฝ่าฟันผ่าน     คืนค่ำ ช้ำแฮ

สู้คู่จองเวรแม้น         มอดม้วยมรณา

 

 

 

‘ลภัสกร’ ฝันถึงชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน และสะดุ้งตื่นขึ้นมาในเวลาเดิมทุกครั้ง เขาจึงตัดสินใจตามหาและไปเตือนด้วยความหวังดี ทว่านอกจากจะไม่เชื่อในคำพูด อีกคนยังทำตัวกวนประสาทใส่ไม่หยุด

“มึงบอกว่ากูจะตายใช่ไหม”

“จะกวนตีนอะไรกูอีก”

“เปล่า แค่จะบอกว่าถ้ากูตายขึ้นมาจริง ๆ กูจะไปหามึงเป็นคนแรกเลย”

หลังจากนั้นสองอาทิตย์ ‘คณาธิป’ ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิญญาณกลับเข้าร่างไม่ได้ ลภัสกรจึงต้องรับมาดูแลชั่วคราว และหากไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ก่อนวันเกิดปีที่ ๒๐ คณาธิปก็จะตายจากโลกนี้ไปโดยสมบูรณ์...

 

 

 

เขียน | ZANIA

นักวาด | Inine.pyc

ไทโป | Tokung

 

 

 

คำเตือน

๑.นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสยองขวัญและเป็นเพียงเรื่องที่ถูกสมมติขึ้น ตัวละครในเรื่องไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ในเรื่องมีการอ้างอิงช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ แต่ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาเขียน เป็นเพียงแค่การอ้างอิงเวลาเท่านั้น เหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องเป็นเพียงแค่เรื่องสมมติ ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาใดเลย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เหมาะกับผู้ที่มีอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป

๒.มีการใช้บทสวดมนต์และคาถาที่มีอยู่จริง ซึ่งทางนักเขียนได้ทำการหาข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ต มิได้คิดขึ้นเองแต่อย่างใด เป็นบทสวดที่พบเห็นได้ทั่วไป มีการบรรยายถึงสิ่งลี้ลับที่อาจทำให้ตกใจได้ มีเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่เพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางนักเขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

๓.มีการเล่าถึงการฆ่าตัวตาย การประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ เลือด ฉากสะเทือนอารมณ์

๔.สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๕๘

 

 

 

ช่องทางการติดต่อนักเขียน

PAGE FB : Zania/ซาร์เนียร์ - นักเขียน

X : https://twitter.com/zxxzanxa

Tiktok : @zxxzanxa

เล่นแท็ก #รัตติกาลผันแปร

 

 

 

 

กรุณาคอมเมนต์ด้วยความสุภาพ

ขอบคุณค่ะ

 

สารบัญ

รัตติกาลผันแปร-00 อารัมภบท,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑ การพบกันอีกครั้ง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒ วิบากกรรมทำงาน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓ วิญญาณตามติด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๔ ลงหม้อ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๕ ช่วยคุณผี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๖ โดนดี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๗ กาญจนบุรี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๘ ลืมคุณ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๙ ง้อคุณ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๐ ไล่ผี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๑ สงกรานต์,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๒ แตกตื่น,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๓ เพลี่ยงพล้ำ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๔ ช่วยพร้อม,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๕ หลอกตา,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๖ ผิดคาด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๗ ลมเพลมพัด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๘ คืนเดือนมืด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๙ โดนของ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๐ นักโทษประหาร,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๑ ผู้มาใหม่,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๒ ภัยมาเยือน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๓ กบฏ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๔ คำสาปแช่ง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๕ ไม่ชอบใจ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๖ ชิงวิญญาณ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๗ การช่วยเหลือ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๘ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๙ แสงสว่างเล็ก ๆ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๐ ยอมรับความจริง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๑ กลิ่นกระดังงา,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๒ ใจเดียวกัน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๓ ใจหาย,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๔ ความจริงอีกหนึ่ง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๕ ออเซาะ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๖ อ้อน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๗ ปลดปล่อย,รัตติกาลผันแปร-00 ปัจฉิมบท

เนื้อหา

บทที่ ๓ วิญญาณตามติด

 

 

บทที่ ๓

วิญญาณตามติด

 

 

 

 

ลภัสกรอยู่ที่โรงพยาบาลจนกระทั่งหมออนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ พอหยุดอยู่ข้างเตียงกลุ่มเงาดำก็อันตรธานหายไป มือหนายกขึ้นถอดสร้อยพระสมเด็จวัดระฆังหนึ่งในพระเบญจภาคีที่คอตัวเองออกมา ยกขึ้นจรดหน้าผาก อธิษฐานในใจแล้วแขวนพระไว้ที่หัวเตียงเพื่อให้อำนาจพุทธคุณช่วยปกปักรักษาร่างของคณาธิป ไม่ให้มีอะไรมาทำร้ายได้

“ถึงกูจะยอมช่วย แต่กูจะช่วยเท่าที่ช่วยได้นะ”

“ขอบใจมากนะมึง”

คนฟังพยักหน้ารับแล้วเดินออกมานอกห้องไอซียู ถอดหน้ากากอนามัยทิ้งลงถังขยะพลางเหลือบมองคณาธิปที่เดินตามหลังมาห่าง ๆ

“มึงจะไปแล้วเหรอ”

“เออสิ กูไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้วเนี่ย”

“แล้วกูล่ะ”

“มึงก็อยู่เฝ้าร่างมึงไปสิวะ”

จบประโยคก็เดินนวดคอไปตามทางเดิน เมื่อคืนวานเขาก็อ่านหนังสือยาวจนเกือบเช้า หลังสอบเสร็จก็ไปติววิชาที่จะไม่ถนัดกับเพื่อนต่อจนดึกดื่นค่ำมืด กะว่าจะกลับไปนอนยาว ๆ ที่บ้านแล้วค่อยตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อตอนเช้า แต่ก็ดันต้องพาวิญญาณมาส่งที่โรงพยาบาลแล้วอยู่เป็นเพื่อนจนฟ้าสว่างซะได้

“พร้อม”

“มึงจะตามมาทำไมเนี่ย”

“กูขอไปด้วยได้ไหม โรงพยาบาลมันมีแต่ผีอะ”

ลภัสกรเหลือบมองคนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวเอาป่านนี้ว่าที่โรงพยาบาลมีวิญญาณอยู่เยอะอย่างอ่อนใจ สงสัยพอเห็นว่าร่างกายตัวเองไม่เป็นอะไรแล้วถึงได้สบายใจขึ้นมาบ้าง แม้ว่าจะยังกลับเข้าร่างไม่ได้ก็ตามที

“นะมึง พากูไปด้วยนะ กูไม่อยากอยู่คนเดียว กูกลัวผี”

“มึงก็เป็นผี มึงจะกลัวห่าอะไร”

“กูไม่ใช่ผี!”

“เออ ไม่ใช่ผี แต่ก็ไม่ใช่คน”

ลภัสกรส่งเสียงหัวเราะเยาะใส่มาพลางเหลือบมองร่างสูงที่เดินอยู่ข้างกาย ตอนนี้คงเป็นเขาสินะที่มีวิญญาณตามติดเป็นเงาแบบนี้ ดูท่าแล้วก็คงจะวุ่นวายกว่าวิญญาณตัวอื่น ๆ ซะด้วย

“ถ้าจะไปด้วยก็ต้องเชื่อฟังที่กูพูดทุกอย่าง ห้ามขัด ห้ามเถียง ไม่อย่างนั้นกูจับลงหม้อถ่วงแม่น้ำแน่”

“กูจะเชื่อฟังมึงทุกอย่าง”

“ทำให้มันได้อย่างที่ปากพูด”

 

 

 

กลับมาถึงบ้าน ลภัสกรก็ขออนุญาตท่านเจ้าที่เพื่อให้คณาธิปเข้าออกบ้านหลังนี้ได้ พอท่านเจ้าที่อนุญาตเรียบร้อยแล้วจึงขับรถเข้าไปจอดในโรงรถ หอบข้าวของต่าง ๆ นานาลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน

“บ้านมึงร่มรื่นดีเนอะ”

“อือ”

เมื่อเจ้าของบ้านตอบรับในลำคอเพียงสั้น ๆ คณาธิปก็เลิกสนใจบรรยากาศรอบบ้านแล้วหันไปมอง พอเห็นว่าใบหน้าขาวผ่องประดับด้วยความอ่อนล้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“มึงดูเหนื่อย ๆ นะ”

“เพราะคุ้มกะลาหัวให้มึงทั้งคืนนี่ไง”

การต้องปกป้องวิญญาณของคณาธิปอยู่ทั้งคืน ทำให้เขาเสียพลังงานไปเยอะมาก บวกกับร่างกายไม่ได้พักผ่อนเกินกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงเลยอ่อนล้ากว่าปกติ หากมากกว่านี้รับรองว่าได้น็อกตามกันไปอีกคนแน่นอน

เมื่อเดินมาถึงห้องนอนของตัวเอง มือหนาก็เปิดประตูเข้าไปด้านใน รอจนคณาธิปตามเข้ามาแล้วจึงปิดประตูลงดังเดิม กายหยาบอ่อนล้าพาร่างเอาของไปเก็บไว้บนโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วหมุนกลับไปมองคนที่ยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้อง

“กูจะเตือนไว้อย่างหนึ่งนะคุณ”

“อะไร”

“อย่าเข้าข้างหลังกูแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง”

“กูไม่ได้พิศวาสมึงเถอะ อีกอย่างสภาพกูเป็นอย่างนี้ ถึงอยากจะทำกูก็ทำไม่ได้หรอก”

ดวงตาติดอ่อนล้าของคนฟังกลอกมองบนทันทีที่เห็นว่าคนตรงหน้าเข้าใจกันคนละเรื่อง

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”

“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องบัดสีบัดเถลิง”

“อ้อ”

ใบหน้าได้รูปของเจ้าของบ้านส่ายไปมาก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว หยิบผ้าขนหนูออกมาจากชั้นวางแล้วเดินเข้าห้องน้ำมา พอปิดประตูลงก็ทิ้งสะโพกพิงเคาน์เตอร์แล้วกวาดสายตามองไปรอบห้อง

“แก้ว กล้า”

“จ๋าพี่พร้อม”

เมื่อเด็กแฝดชายหญิงทั้งสองตนออกมายืนตรงหน้าแล้วขานเสียงรับหวานจ๋อย มุมปากหยักก็ยกยิ้มอย่างเอ็นดู

“พี่พร้อมพาผีที่ไหนมาบ้านเหรอจ๊ะ หน้าคุ้น ๆ”

“เพื่อนพี่เอง”

ตอบคำถามเสร็จก็อ้าปากหาวหวอด จากนั้นถึงได้พูดธุระของตัวเองที่เรียกเด็กแฝดทั้งสองออกมาหาในยามนี้

“แก้วกับกล้าไปรอพี่ที่กาญก่อนนะ เดี๋ยวสอบเสร็จพี่จะตามไปทีหลัง”

“ทำไมถึงให้พวกเราไปก่อนล่ะจ๊ะ”

“เพื่อนพี่มันจะกลัวเอา ถ้ามีอะไรจะใช้เดี๋ยวเรียกนะ”

“ก็ได้จ้ะ”

 

 

 

หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ลภัสกรก็เดินออกมาด้านนอกด้วยท่าทางอ่อนเพลีย มองคนที่นั่งเงียบเชียบอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะหนังสือเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยุดข้างเตียงนอนหลังกว้าง ตวัดผ้าห่มออกแล้วสอดตัวเข้าไปด้านใน ดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงอกแล้วขยับตัวให้นอนได้ถนัด ไม่นานเปลือกตาอันหนักอึ้งก็ปิดลงจนสนิท

“พร้อม”

“อย่ากวน กูจะนอน”

“แล้วระหว่างนี้จะให้กูทำอะไร”

“อยู่เฉย ๆ”

คณาธิปได้แต่มองคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่วางตา ทว่าก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรไปรบกวนคนอ่อนล้ามาทั้งคืนอีก กระทั่งลภัสกรหลับสนิท คนที่ไม่มีอะไรทำจึงเลือกที่จะสำรวจรอบห้องโดยเริ่มจากโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ด้านหลัง

บนโต๊ะมีชีตเรียนกองอยู่เป็นตั้ง ๆ แต่ก็ยังดูเรียบร้อยกว่าโต๊ะหนังสือของตัวเองที่คอนโดมาก ถัดจากโต๊ะหนังสือก็เป็นโต๊ะดราฟต์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งไอเท็มที่เด็กสถาปัตย์จะต้องมี

พอโซนโต๊ะหนังสือไม่มีอะไรให้ดูแล้ว ร่างสูงจึงเดินไปแถว ๆ ชั้นวางโทรทัศน์ที่มีรูปถ่ายของเจ้าของห้องในแต่ละช่วงอายุตั้งโชว์ไว้ ใจจริงก็อยากจะหยิบขึ้นมาดู แต่ตัวเองดันแตะจับสัมผัสอะไรไม่ได้จึงย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อดูรูปให้ชัด ๆ แทน

ตอนเด็กลภัสกรก็น่ารักดีอยู่หรอกนะ ตัวขาว ๆ ยิ้มก็สวย ไม่รู้ทำไมโตมาถึงได้ชอบทำหน้าบึ้งตึงนัก หรือบางทีอีกฝ่ายอาจจะทำหน้าบึ้งใส่กับแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

ไล่ดูรูปถ่ายอยู่สักพักก็หันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงยวบยาบ พอเห็นว่าเจ้าของห้องพลิกตัวนอนตะแคงข้างจนแก้มยู่ไปกับหมอนก็หลุดหัวเราะออกมาแผ่วเบา ขายาวก้าวไปหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วโน้มเข้าไปใกล้ ทว่าพอนึกได้ว่าคนหลับสั่งไว้ว่าอย่ากวนก็ถอยออกมาพลางทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น สองแขนวางทาบไว้บริเวณขอบเตียงก่อนจะวางคางไว้บนหลังมือ ตาคมจ้องมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียงเพราะไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ที่ไหน

ขณะที่กำลังมองใบหน้าขาวผ่องอยู่นั้น กลิ่นหอมละมุนของดอกกระดังงาก็ลอยมาตามลมจนทำให้คนได้กลิ่นขมวดคิ้วมุ่น พยายามดมตามกลิ่นเพื่อหาต้นตอ สุดท้ายก็เจอว่ากลิ่นที่ว่านั้นโชยออกมาจากตัวคนหลับ

“ใช้น้ำหอมกลิ่นโบราณฉิบหาย”

ปากบ่นทว่าจมูกกลับสูดดมกลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเข้าปอดเฮือกใหญ่ ยิ่งมองคนหลับไปด้วยก็ยิ่งรู้สึกเคลิบเคลิ้มราวกับกำลังต้องมนตร์สะกด

 

คณาธิปนั่งมองลภัสกรสลับกับเดินไปเดินมาอยู่ในห้องตามประสาคนที่ไม่มีอะไรให้ทำอยู่นาน กระทั่งบ่ายกว่า ๆ คนหลับก็ตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่งหน้ายุ่งอยู่กลางเตียง พอเปลือกตาขาวนวลเปิดขึ้นแล้วหันมามองตัวเองที่นั่งเกาะขอบเตียงอยู่ที่พื้น หัวคิ้วของอีกฝ่ายก็ขมวดเข้าหากันมุ่น

“ไปนั่งทำอะไรตรงนั้น”

“นั่งมองมึงนอน”

“มึงจะมามองกูนอนทำห่าอะไร”

“ก็กูไม่มีอะไรทำ”

ลภัสกรผ่อนลมหายใจออกมาพลางเสยผมที่ตกลงมาปรกถึงดวงตาขึ้นไป ร่างทั้งร่างขยับลงจากเตียงแล้วเก็บที่นอนให้เข้าที่เข้าทาง บิดร่างกายเพื่อคลายความเมื่อยล้าสองสามทีก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น

เมื่อกลับออกมาอีกทีแล้วเห็นว่าคณาธิปนอนคว่ำหน้าอยู่กลางพื้นก็ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

“กูจะลงไปข้างล่าง มึงจะไปไหม”

“ไป!”

คนที่กำลังเบื่อ ๆ เพราะไม่มีอะไรทำเด้งตัวขึ้นจากพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พอเจ้าของบ้านเดินออกไปจากห้องก็รีบเดินตาม ทว่าก็ไม่ทันเพราะอีกฝ่ายก็ปิดประตูใส่หน้าซะก่อน

“ไอ้พร้อม มึงมาเปิดประตูให้กูก่อน”

“มึงก็โผล่หัวออกมาสิวะ”

คณาธิปมองบานประตูตรงหน้าก่อนจะกลั้นใจวิ่งทะลุออกไปด้านนอก เมื่อเห็นว่าลภัสกรเดินลงบันไดไปแล้วก็รีบตามหลังไปโดยเว้นระยะห่างประมาณหนึ่งช่วงแขน พอลงมาจากบันไดขั้นสุดท้ายก็ขยับไปเดินข้าง ๆ พร้อมทั้งสำรวจการตกแต่งภายในบ้านอย่างสนอกสนใจ กระทั่งเข้ามาถึงห้องครัวที่ไม่มีคนอยู่

“อยากกินอะไรไหม”

ลภัสกรผินหน้าไปถามคนข้างกาย ทว่าพอนึกขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นวิญญาณ ไม่สามารถกินอะไรเหมือนคนปกติได้ก็กะพริบตาถี่

“ลืมไปว่าเป็นผี”

“กูไม่ใช่ผี”

“เออ ไอ้อมนุษย์”

“อ้าว คุณหนู ตื่นนานแล้วเหรอคะ”

ขณะที่ร่างสูงข้างกายกำลังทำท่าจะโวยวายใส่ คนถูกทักทายขึ้นมาซะก่อนก็หันไปมองแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่เห็นอีกฝ่ายมาตั้งแต่จำความได้พลางคลี่ยิ้มให้เบาบาง นึกว่าแม่บ้านออกไปซื้อของกันหมดจนต้องทอดไข่กินเองซะแล้ว

“ว่าแต่เมื่อคืนไปไหนมาคะ ทำไมไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”

“เพื่อนมีปัญหาเลยไปอยู่เป็นเพื่อนน่ะครับ”

“อ้อ อย่างนั้นเองเหรอคะ” ป้านวลพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนจะมองใบหน้าคุณหนูของบ้านอย่างเอ็นดู

ยิ่งโตหน้าตายิ่งดูดีบารมีสูง

“คุณหนูหิวแล้วใช่ไหมคะ เดี๋ยวป้าทำอะไรให้ทานนะ ไปนั่งรอก่อนแป๊บหนึ่ง”

“ขอบคุณครับ”

ลภัสกรพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วเดินออกมาจากห้องครัวโดยมีคณาธิปตามติดมาด้วย พอถึงห้องอาหารก็นั่งลงประจำที่พลางเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างกันออกให้คนที่ไม่สามารถแตะจับสิ่งของได้ให้ด้วย

“มานั่ง”

“ใจดีซะด้วย”

“เลิกกวนตีนกูสักที ไม่อย่างนั้นกูจะถีบหัวส่งกลับไปอยู่ที่โรงพยาบาล”

ลภัสกรถลึงตาใส่พร้อมทั้งพิจารณารูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไปด้วย ตั้งแต่ที่เขาแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ คณาธิปก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เลือดอาบตัวอีกแล้ว ซึ่งมันก็ดีเพราะเขาจะได้ไม่ต้องตกใจบ่อยนัก

“เกิดอุบัติเหตุแบบนี้แล้วเรื่องเรียนมึงจะทำยังไง ช่วงนี้กำลังสอบอยู่นี่”

“คณะกูสอบเสร็จเมื่อวานพอดี”

“อ้อ ก็เลยจะออกไปแรด”

“เออ”

“สมควรไหมเนี่ย”

“อย่าบ่นกูเลย กูสำนึกผิดแล้ว”

ลภัสกรได้แต่มองคนที่ปกติมักจะทำหน้าตายียวนกวนเบื้องล่างใส่ แต่บัดนี้กลับสงบเสงี่ยมอย่างอ่อนใจ

นี่คือตัวอย่างของสุภาษิตที่ว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ต้องรอใกล้ตายก่อนถึงจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่าควรฟังคำเตือนของคนอื่นซะบ้าง

“คณะมึงสอบเสร็จเมื่อไรเหรอ”

“วันอังคาร”

“ตอนที่มึงไปสอบ มึงจะพากูได้ด้วยใช่ไหมวะ”

คนถูกถามส่ายหน้าไปมา การพาคณาธิปไปด้วยก็มีแต่จะวุ่นวาย ไหนจะต้องสอบ ไหนจะต้องดูแลเจ้าตัวไม่ให้ถูกวิญญาณตนอื่นมารังแกไปด้วย แบบนี้เขาไม่มีสมาธิในการทำข้อสอบพอดี ยิ่งเป็นวิชาที่ไม่ถนัดอยู่ด้วย

“พากูไปด้วยเถอะนะ กูไม่อยากอยู่คนเดียว กูกลัว”

“มึงจะกลัวอะไร บ้านกูไม่มีอะไรเข้ามาได้หรอกน่า”

“กูกลัวลุงเจ้าที่”

“เอ็งจะมากลัวข้าทำไมฮะไอ้หนุ่ม!”

ท่านเจ้าที่ซึ่งปกปักรักษาบ้านหลังนี้มามากกว่าอายุของลภัสกรโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำเอาคณาธิปที่ยังไม่ชินตกใจจนเกือบจะหงายหลังตกเก้าอี้

“ข้าอุตส่าห์ให้เข้าบ้าน เอ็งจะมากลัวข้าทำไม”

“ลุงเป็นผี ผมก็กลัวน่ะสิ”

“เอ็งก็เป็นผีไม่ใช่หรือไง”

“ผมไม่ใช่ผี! ลุงอย่ามาปรักปรำผมนะ!”

ลภัสกรได้แต่มองคณาธิปที่ทะเลาะแม้กระทั่งเจ้าที่เจ้าทางด้วยความเอือมระอา ทั้งที่บอกว่ากลัวแต่ปากก็ยังเถียงกลับคำไม่ตกฟาก ถ้าเขาเป็นท่านเจ้าที่ เขาจะตบกะโหลกให้สักที

“ว่าแต่ไอ้หนุ่มนี่มันจะอยู่ที่บ้านไปถึงเมื่อไรล่ะเจ้าพร้อม”

“ก็น่าจะสักพักนั่นแหละครับท่าน ฝากดูแลมันด้วยแล้วกัน”

“ไอ้พร้อม กูกลัว”

“ท่านไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า ผูกมิตรกันไว้”

 

 

 

หลังกินข้าวเสร็จ ลภัสกรก็กลับขึ้นมาบนห้องเพราะต้องฝึกทำข้อสอบวิชาที่ไม่ถนัด วันสอบจริงจะได้ทำได้ แม้จะพอให้ผ่านเกณฑ์ก็ตามที

ส่วนคนที่ไม่มีอะไรทำอย่างคณาธิปก็ได้แต่นั่งมองอย่างเบื่อหน่าย กระทั่งคนที่นั่งฝึกทำข้อสอบอยู่ใช้หน้าผากโขกกับหนังสือเรียนจึงลุกขึ้นไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะ ชะโงกหน้าดูกระดาษทดที่ถูกขีดเขียนเละเทะด้วยความสงสัย

“มึงอ่านวิชาอะไรอยู่วะ”

“ฟิสิกส์”

“กูสอนเอาไหม กูเก่งนะ”

“น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะ”

“กูเด็กวิศวะนะครับเผื่อลืม”

ลภัสกรเบ้ปากใส่คนที่อวดอ้างสรรพคุณของตัวเองก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นมาตั้งไว้กลางห้อง เอาข้อสอบที่พรินต์ออกมาฝึกทำไปวางไว้ที่โต๊ะ ชี้มือบอกให้วิญญาณที่ตามติดไม่ห่างมาตั้งแต่เมื่อวานนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงอีกฝั่ง มือขาวหยิบปากกาขึ้นมาถือไว้แล้วชี้บอกว่าตัวเองติดขัดตรงไหน

“มึงใช้สูตรผิดไงเลยคิดไม่ได้ มันต้องใช้อีกสูตรหนึ่ง...”

“มึงมั่วหรือเปล่าเนี่ย”

“ลองทำดูสิ เดี๋ยวก็รู้ว่ากูมั่วหรือไม่มั่ว”

เมื่อคณาธิปบุ้ยหน้าบอกให้ทำ ลภัสกรก็ผ่อนลมหายใจแล้วเปลี่ยนมาใช้อีกสูตร พอทำได้ไหลลื่นไม่ติดขัดก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ทำเสร็จก็หมุนกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวเลขให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดูเพื่อความถูกต้อง

“กดเครื่องคิดเลขก็ยังทำผิดอีกเหรอพร้อม”

“ผิดตรงไหนอีกล่ะ”

“นี่ไง ตรงนี้เนี่ย” นิ้วเรียวจิ้มลงบนจุดที่ผิดพลาดย้ำ ๆ ปากก็บ่นไปพร้อมกันด้วย “มึงอ่านโจทย์ให้มันดี ๆ สิวะ มือก็จิ้มเครื่องคิดเลขให้มันถูกด้วย ของง่าย ๆ แค่นี้เองทำไมถึงทำไม่ได้ มึงจับฉลากเข้าสถาปัตย์หรือไงเนี่ย”

“มึงอย่ามาว่ากูนะ!”

“ก็มึงทำผิด ทำไมกูจะว่าไม่ได้”

“เดี๋ยวกูจับถ่วงน้ำแม่งเลยนี่!”

 

 

 

 

#รัตติกาลผันแปร

ถูกก็คือถูก ผิดก็ถือถูก นะจ๊ะ นะจ๊ะ ถ้าไม่อยากถูกจับถ่วงน้ำ

เอ็นดูคนกลัวเจ้าที่จนเกือบจะหงายหลังตกเก้าอี้วุ้ยยย ก็ผมไม่ใช่ผีอะเนอะ ผมเป็นคนในรูปแบบโปร่งแสงงงงง

ปล.น้องพร้อมรวยไหมไม่รู้ แต่ถอดพระสมเด็จให้ผู้ไปละ 555555555555

 

- ZANIA -