‘คณาธิป’ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิญญาณกลับเข้าร่างไม่ได้ ลภัสกรจึงต้องรับมาดูแลชั่วคราว และหากไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ก่อนวันเกิดปีที่ ๒๐ คณาธิปก็จะตายจากโลกนี้ไปโดยสมบูรณ์...

รัตติกาลผันแปร - บทที่ ๖ โดนดี โดย ZANIA @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,ไทย,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รัตติกาลผันแปร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์

รายละเอียด

รัตติกาลผันแปร โดย ZANIA @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

‘คณาธิป’ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิญญาณกลับเข้าร่างไม่ได้ ลภัสกรจึงต้องรับมาดูแลชั่วคราว และหากไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ก่อนวันเกิดปีที่ ๒๐ คณาธิปก็จะตายจากโลกนี้ไปโดยสมบูรณ์...

ผู้แต่ง

ZANIA

เรื่องย่อ

 

 

 

 

 

 

คุณ คณาธิป เตสิทธิ์โสภณ

เกิดวัน ศุกร์ ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒xxx

อายุ ๒๐ ปี สูง ๑๘๖

 

 

พร้อม ลภัสกร จิรเมธานนท์

เกิดวัน เสาร์ ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒xxx

อายุ ๒๐ ปี สูง ๑๘๐

 

 

รัตติกาลผ่านพ้น      ไปนาน นักแล

เวรคู่กรรมเดือดดาล  คั่งแค้น

สองเราฝ่าฟันผ่าน     คืนค่ำ ช้ำแฮ

สู้คู่จองเวรแม้น         มอดม้วยมรณา

 

 

 

‘ลภัสกร’ ฝันถึงชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน และสะดุ้งตื่นขึ้นมาในเวลาเดิมทุกครั้ง เขาจึงตัดสินใจตามหาและไปเตือนด้วยความหวังดี ทว่านอกจากจะไม่เชื่อในคำพูด อีกคนยังทำตัวกวนประสาทใส่ไม่หยุด

“มึงบอกว่ากูจะตายใช่ไหม”

“จะกวนตีนอะไรกูอีก”

“เปล่า แค่จะบอกว่าถ้ากูตายขึ้นมาจริง ๆ กูจะไปหามึงเป็นคนแรกเลย”

หลังจากนั้นสองอาทิตย์ ‘คณาธิป’ ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิญญาณกลับเข้าร่างไม่ได้ ลภัสกรจึงต้องรับมาดูแลชั่วคราว และหากไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ก่อนวันเกิดปีที่ ๒๐ คณาธิปก็จะตายจากโลกนี้ไปโดยสมบูรณ์...

 

 

 

เขียน | ZANIA

นักวาด | Inine.pyc

ไทโป | Tokung

 

 

 

คำเตือน

๑.นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสยองขวัญและเป็นเพียงเรื่องที่ถูกสมมติขึ้น ตัวละครในเรื่องไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ในเรื่องมีการอ้างอิงช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ แต่ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาเขียน เป็นเพียงแค่การอ้างอิงเวลาเท่านั้น เหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องเป็นเพียงแค่เรื่องสมมติ ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาใดเลย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เหมาะกับผู้ที่มีอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป

๒.มีการใช้บทสวดมนต์และคาถาที่มีอยู่จริง ซึ่งทางนักเขียนได้ทำการหาข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ต มิได้คิดขึ้นเองแต่อย่างใด เป็นบทสวดที่พบเห็นได้ทั่วไป มีการบรรยายถึงสิ่งลี้ลับที่อาจทำให้ตกใจได้ มีเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่เพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางนักเขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

๓.มีการเล่าถึงการฆ่าตัวตาย การประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ เลือด ฉากสะเทือนอารมณ์

๔.สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๕๘

 

 

 

ช่องทางการติดต่อนักเขียน

PAGE FB : Zania/ซาร์เนียร์ - นักเขียน

X : https://twitter.com/zxxzanxa

Tiktok : @zxxzanxa

เล่นแท็ก #รัตติกาลผันแปร

 

 

 

 

กรุณาคอมเมนต์ด้วยความสุภาพ

ขอบคุณค่ะ

 

สารบัญ

รัตติกาลผันแปร-00 อารัมภบท,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑ การพบกันอีกครั้ง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒ วิบากกรรมทำงาน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓ วิญญาณตามติด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๔ ลงหม้อ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๕ ช่วยคุณผี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๖ โดนดี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๗ กาญจนบุรี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๘ ลืมคุณ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๙ ง้อคุณ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๐ ไล่ผี,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๑ สงกรานต์,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๒ แตกตื่น,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๓ เพลี่ยงพล้ำ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๔ ช่วยพร้อม,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๕ หลอกตา,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๖ ผิดคาด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๗ ลมเพลมพัด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๘ คืนเดือนมืด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๑๙ โดนของ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๐ นักโทษประหาร,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๑ ผู้มาใหม่,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๒ ภัยมาเยือน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๓ กบฏ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๔ คำสาปแช่ง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๕ ไม่ชอบใจ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๖ ชิงวิญญาณ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๗ การช่วยเหลือ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๘ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๒๙ แสงสว่างเล็ก ๆ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๐ ยอมรับความจริง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๑ กลิ่นกระดังงา,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๒ ใจเดียวกัน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๓ ใจหาย,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๔ ความจริงอีกหนึ่ง,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๕ ออเซาะ,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๖ อ้อน,รัตติกาลผันแปร-บทที่ ๓๗ ปลดปล่อย,รัตติกาลผันแปร-00 ปัจฉิมบท

เนื้อหา

บทที่ ๖ โดนดี

 

บทที่ ๖

โดนดี

 

 

 

หลังนำเสนองานชิ้นสุดท้ายเสร็จในตอนบ่าย ลภัสกรก็ออกจากมหาวิทยาลัยแล้วตรงมาที่โรงพยาบาลแทนที่จะกลับบ้าน

เมื่อขึ้นมาบนห้องพักพิเศษของวอร์ดวีไอพีแล้วเห็นว่ามีแค่แม่ของคณาธิปที่นั่งพับผ้าอยู่ตรงโซฟาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย โดยปราศจากร่างของลูกชายที่ควรจะนอนอยู่บนเตียง หัวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ

“สวัสดีครับคุณป้า”

“อ้าวพร้อม มาเยี่ยมคุณอีกแล้วเหรอลูก”

“ครับ ว่าแต่คุณเขาหายไปไหนเหรอครับ”

“เมื่อคืนช่วงตีสามคุณเขาช็อกแล้วหัวใจหยุดเต้นน่ะ หลังพากลับมาได้หมอเลยย้ายให้ไปที่ห้องไอซียูเพื่อดูการอย่างใกล้ชิดก่อน ถ้าทรงตัวแล้วถึงจะให้กลับมาที่วอร์ดวีไอพี”

“คุณป้าโอเคไหมครับ”

“ป้ากำลังพยายามโอเคอยู่ลูก”

คนเป็นแม่ฝืนยิ้มให้แม้ว่าในใจจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูก

“นี่พร้อมยังสอบไม่เสร็จอีกเหรอลูก ทำไมถึงยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่อีกล่ะ”

“เพิ่งสอบเสร็จวันนี้เองครับ คณะผมสอบช้ากว่าคณะอื่นไปหน่อย”

“อย่างนั้นเหรอลูก ว่าแต่หิวไหม เดี๋ยวป้าปอกผลไม้ให้กิน”

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมมีธุระต้องไปทำต่อ คงอยู่นานไม่ได้”

 

คุยกับแม่ของคณาธิปต่ออีกไม่กี่ประโยค ลภัสกรก็เดินมาที่ห้องไอซียู ตามองเข้าไปยังร่างอันซีดเซียวของคนบนเตียงแล้วกัดริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ

เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าร่างของคณาธิปจะต้องได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อคืนไปด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นแบบนี้ หากว่าหมอช่วยไว้ไม่ทันคงได้กลายเป็นวิญญาณไร้ร่างโดยสมบูรณ์แน่

ยืนมองร่างคณาธิปอยู่หลายนาที ลภัสกรก็ออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนถึงบ้านก็ไม่ลืมที่จะแวะตลาดซื้อขนมนมเนยเพื่อจะเอาไปขอบคุณท่านเจ้าที่เรื่องเมื่อคืนด้วย พอได้ของท่านเจ้าที่แล้วก็เดินหาซื้ออย่างอื่นที่คิดว่าคณาธิปน่าจะกินติดไม้ติดมือไปให้ด้วย เดี๋ยวจะหาว่าเขาแล้งน้ำใจอีก

เมื่อได้ครบถ้วนตามที่ต้องการก็ขับรถกลับมาที่บ้าน ซึ่งเพียงแค่ประตูรั้วเปิดออก เขาก็เห็นว่าร่างสูงคุ้นตายืนคุยอย่างออกรสออกชาติอยู่กับท่านเจ้าที่ด้วยท่าทีที่ค่อนข้างสนิทสนม

สงสัยจะเลิกกลัวกันแล้วละมั้งนะ

“กลับมาแล้วเหรอ”

ทันทีที่ลงจากรถ คณาธิปก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ราวกับลูกหมาที่กำลังรอเจ้านายกลับบ้านไม่มีผิดเพี้ยน

“สอบเสร็จตั้งแต่บ่ายแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับมาช้าจัง”

“ไปซื้อของมา”

ลภัสกรตอบคำถามแล้วเดินอ้อมไปเปิดท้ายรถ เอาถุงอาหารมากมายลงมาแล้วเดินเข้าไปในบ้านโดยมีคณาธิปเดินตามต้อย ๆ พอเจอแม่บ้านก็ส่งถุงข้าวของที่ตัวเองซื้อมาให้กับอีกฝ่ายพร้อมออกคำสั่ง

“เอาไว้ไหว้ศาลนะครับ”

“ค่ะคุณหนู”

พอแม่บ้านรับคำและเดินจากไป ลภัสกรก็ขึ้นมาบนบ้านแล้วเดินเลี่ยงไปเอาธูปในห้องพระมาดอกหนึ่งพร้อมด้วยไฟแช็ก จากนั้นก็กลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง เปิดประตูระเบียงออกก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะด้านนอก วางข้าวของในมือลงแล้วจัดการแกะให้เสร็จสรรพ เมื่อครบหมดทุกอย่างแล้วจึงหยิบธูปขึ้นมาจุด

“ขออัญเชิญวิญญาณของนายคณาธิป เตสิทธิ์โสภน มารับของเซ่นไหว้จากข้าพเจ้าด้วยเทอญ”

กล่าวจบก็ปักธูปลงบนของเซ่นไหว้ที่ซื้อมา ตาก็เหลือบมองคนที่นั่งมองอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างอ่อนใจ

“กินซะ เดี๋ยวจะหิวตาย”

“กูยังไม่รู้สึกหิวเลยนะ”

“แดก ๆ ไปเถอะ ซื้อมาแล้ว”

“มันจะกินได้จริงเหรอวะ”

คณาธิปบ่นอุบอิบแล้วยื่นมือไปหยิบชูครีมก้อนโตอย่างไม่มั่นใจ ทว่าพอจับต้องได้ก็ดีใจใหญ่ มองของในมือราวกับทองคำก่อนจะค่อย ๆ กัดเข้าปาก

“อร่อย!”

“อร่อยสิ มันแพงนี่”

“มึงก็ใจดีเหมือนกันนะเนี่ยพร้อม มาหอมหัวที”

“ไปไกล ๆ ส้นตีน”

ลภัสกรยกมือชี้หน้าคนที่คิดจะทำอะไรไม่เข้าท่าอย่างคาดโทษ แม้ว่าอีกฝ่ายจะจับต้องตัวเองไม่ได้ก็ตามที แต่ถึงจะจับไม่ได้ มันก็ไม่มีสิทธิ์มาเล่นหัวเล่นหางเขาอยู่ดี

“ห้ามเล่นหัวกู แล้วก็อย่านั่งสูงกว่ากูด้วย”

“ทำไมวะ”

“กูมีของ”

“อ้อ”

ร่างสูงส่งเสียงร้องออกมาเมื่อเข้าใจคำบอกกล่าวของเจ้าของบ้าน เขาเองก็พอจะรู้มาบ้างว่าคนเล่นของเขามีข้อห้ามข้อปฏิบัติอยู่หลายข้อ

“ได้ยินมาว่าเขาห้ามคนมีของกินอาหารร่วมกับคนอื่นนี่จริงปะ”

“นั่งกินด้วยได้ แต่ต้องกินแยกสำรับ ห้ามกินอาหารเหลือต่อคนอื่นด้วย”

“ถ้าแค่ชิมแล้วกินต่อได้ไหม”

“แค่ชิมก็ไม่ได้”

“อ้าว แล้วอย่างนี้คนทำเขาจะรู้ได้ยังไงว่าอาหารอร่อยหรือไม่อร่อย”

ถามอย่างสงสัยพลางยื่นมือไปหยิบผลไม้มากินล้างปาก เพราะกินขนมหวานมาก ๆ แล้วรู้สึกแสบคออยู่ไม่น้อย

“ตักแยกออกมาชิมได้ ไม่ใช่เอาช้อนจ้วงลงไปในหม้อ”

ระหว่างที่คณาธิปนั่งกินอาหารอยู่ ลภัสกรก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาเล่นแก้เบื่อ แต่คราวที่เห็นว่าแชตกลุ่มเด้งขึ้นมาก็กดเข้าไปดู อ่านผ่านตาคร่าว ๆ ก็จับใจความได้ว่าเพื่อนจะพากันไปสังสรรค์หลังสอบเสร็จก่อนจะแยกย้ายกันทำนั่นทำนี่ตอนปิดเทอม ซึ่งปิดเทอมนี้เขาก็จะไปที่กาญจนบุรีเช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีวิญญาณติดสอยห้อยตามไปด้วย

เมื่อคณาธิปกินจนอิ่มแล้ว ลภัสกรก็เก็บทุกอย่างลงไปทิ้งขยะก่อนจะกลับขึ้นมาจัดการกับกลิ่นธูปที่ลอยเข้าห้อง พอหมดเรื่องหมดราวที่ต้องทำก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดที่สบาย ๆ

ทว่าคราวที่ออกมาแล้วเห็นว่าร่างสูงนั่งสมาธิอยู่บริเวณปลายเตียงก็คลี่ยิ้มเบาบาง ขายาวเดินไปที่โต๊ะหนังสือแล้วจัดเก็บเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนอีกฝ่าย

 

ครืด!

 

ขณะที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่นั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนกองหนังสือก็สั่นสะท้าน พอเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นศิษย์ผู้พี่ที่เล่าเรียนกับพระอาจารย์ปู่มาด้วยกันก็คลี่ยิ้มแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย ขายาวเดินตรงไปนอกระเบียงแล้วปิดประตูกระจกลงไม่ให้เสียงเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นคนที่นั่งสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าได้รูปผินไปมองคนที่ยืนคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขด้วยความไม่เข้าใจ

“ยิ้มอะไรนักหนาวะ”

 

 

 

ใกล้รุ่งสางของวันใหม่ ในห้วงแห่งความฝันของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงหลังกว้าง เกิดภาพย้อนไปเมื่อราว ๆ สองร้อยกว่าปีที่แล้ว ลภัสกรเห็นตัวเองในยามที่เป็น สิงห์ หรือ หลวงสีหราชรัตน์ กำลังซ้อมดาบกับชายร่างกำยำที่สูงกว่ากันไม่มาก ทว่าอีกฝ่ายหันหลังให้ทางนี้จึงยังไม่เห็นหน้าค่าตาว่าเป็นใคร แต่แผ่นหลังกว้างที่ประดับประดาไปด้วยรอยสักยันต์ต่าง ๆ มากมาย ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และถึงแม้จะเห็นเพียงแค่แผ่นหลัง เขาก็สัมผัสได้ว่าในอดีตกาลตัวเองคงจะสนิทกับชายผู้นี้ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นสีหน้าท่าทางคงไม่ดูผ่อนคลายขนาดนี้

“ฝีดาบเจ้าตกลงไปโขเลยหนาพ่อสิงห์

“ฝีดาบข้ามิได้ตก เป็นเจ้าต่างห่างที่เก่งขึ้น พ่อภพ

“เห็นทีคงจักเป็นดั่งเช่นเจ้าว่า”

น้ำเสียงที่คุ้นเคยพานให้หัวคิ้วของคนที่มองภาพเหตุการณ์ในอดีตผ่านความฝันขมวดเข้าหากันได้ไม่ยาก พอคนในห้วงแห่งความฝันเปลี่ยนตำแหน่งการยืนเพราะวิถีดาบบังคับ ลภัสกรจึงได้เห็นใบหน้าของอีกคนชัดเจน

“เห็นทีว่าครานี้เจ้าคงจักต้องแพ้ข้าเป็นแน่หลวงสีหราชรัตน์”

“สงครามยังมิจบ เจ้าจักมานับศพของทหารเยี่ยงนี้มิได้หนา...หลวงไตรภพพิพัฒน์

ลภัสกรมองทั้งสองคนฟันดาบกันอย่างสนุกสนานผ่านความฝันอยู่สักพัก ทุกอย่างก็จบลงด้วยการที่หลวงไตรภพพิพัฒน์ชนะการประลองครั้งนี้ไป ต่างคนต่างยืนหอบเหนื่อยอยู่ไม่นานก็มีหญิงสาวสวมชุดไทยห่มสไบเฉียง นุ่งผ้าจีบหน้านาง ไว้ชายพกมีชายสะบัดสามเหลี่ยม ทรงผมด้านบนเปิดขึ้นแล้วปล่อยด้านล่างปลิวไสวตามแรงลม มองดูก็รู้เลยว่าเป็นลูกหลานขุนน้ำขุนนางเดินเข้ามาหา

“ไหว้เจ้าค่ะ คุณพี่ภพ คุณพี่สิงห์”

มือบางยกขึ้นไหว้อย่างชดช้อย พอเงยหน้าขึ้นมาก็หันไปบอกบ่าวให้เอาน้ำลอยดอกมะลิเย็น ๆ ให้แก่คนโตกว่าทั้งสอง

“น้องแวะมาหาคุณป้า ท่านเลยวานให้น้องเอาน้ำท่ามาให้คุณพี่ทั้งสองเจ้าค่ะ”

“เห็นทีออเจ้าคงจักได้เป็นสะใภ้เรือนนี้มิผิดแน่ แม่หญิงกลิ่นจันทร์

“คุณพี่สิงห์ก็...”

คราวที่กลิ่นจันทร์ยกมือขึ้นจับผมทัดใบหูพลางชำเลืองมองหลวงไตรภพพิพัฒน์ หลวงสีหราชรัตน์ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาแผ่วเบา

“จริงสิเจ้าคะ คุณป้าให้น้องมาถามคุณพี่สิงห์ด้วยว่าจักอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันหรือไม่”

“เห็นทีคงจักอยู่มิได้ดอก ฝากออเจ้าบอกคุณป้าด้วยหนา”

“เจ้าค่ะ”

เมื่อกลิ่นจันทร์เดินกลับไปทางเดิมพร้อมกับบ่าวทั้งสอง หลวงสีหราชรัตน์ก็ยกศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของตน ที่มองตามแผ่นหลังบางด้วยสายตายากจะคาดเดาอย่างหยอกล้อ

“ขนาดนี้แล้ว เจ้ามิยกขันหมากไปสู่ขอเขาเลยเล่า”

“หากข้าออกเหย้าออกเรือนไปแล้ว เจ้าจักมิเหงาเอาหรือ”

หลวงไตรภพพิพัฒน์ว่าพลางใช้ไหล่กระแซะเข้ากับหัวไหล่ของสหายรักที่ทำหน้าตาเบื่อหน่ายใส่อย่างเย้าแหย่

“ด้วยเป็นห่วงเจ้าดอกหนา ข้าจึงยังไม่ออกเรือนสักที”

“ข้ามิใช่สตรี เจ้ามิต้องมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานให้เสนียดหู”

“ปากคอเราะรายเสียนี่กระไร...”

สิ้นเสียงนั้นทุกอย่างก็ดับมืดลง ลมเย็นยะเยือกเริ่มพัดใส่ร่างจนรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา พอกะพริบตาทีหนึ่งก็แล้วเปิดขึ้นมาใหม่ หิ่งห้อยตัวน้อยที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็บินวนรอบกายคล้ายกับกำลังจะสื่อการอะไรบางอย่าง

ไม่นานนักมันก็บินไปด้านหน้าจนคนในห้วงความฝันก้าวเดินตามไปด้วยความสงสัย กระทั่งเจอกับประตูที่มีแสงสว่างแล้วก้าวข้ามผ่านไป ลภัสกรก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเอง

“พามาส่งเหรอวะ”

คนเพิ่งตื่นพึมพำกับตัวเองอย่างฉงนพลางเหลือบมองคนที่นั่งสมาธิอยู่กลางห้อง ไม่คิดว่าหลวงไตรภพพิพัฒน์จะกลับชาติมาเกิดเป็นคณาธิป ไม่คิดว่าชาติก่อนเราทั้งสองจะเป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งที่ชาตินี้เกือบจะได้วางมวยกันแล้วหลายต่อหลายรอบ

“เวรกรรมนำพาจริง ๆ”

“บ่นอะไรของมึง” คนที่ได้ยินเสียงบ่นอุบอิบลืมตาขึ้นมาแล้วหันไปมองคนที่ทำหน้าเมื่อยอยู่บนเตียง “ปวดขี้เหรอ”

“หุบปากมึงไปเถอะคุณ”

เจ้าของห้องตวัดผ้าห่มออกจากร่างแล้วขยับไปนั่งริมเตียง ไม่นานนักคนที่นั่งอยู่บนพื้นก็ลุกมาหยุดตรงหน้า โน้มตัวลงจนเสมอกัน ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ แล้วทำจมูกฟุดฟิดคล้ายกับกำลังดมอะไรสักอย่าง

“ทำอะไรของมึงเนี่ย อยากเป็นหมาแทนผีหรือไง”

“กูแค่สงสัยว่ามึงฉีดน้ำหอมนอนด้วยเหรอ ตั้งแต่มาที่นี่กูก็ได้กลิ่นจากตัวมึงตลอดเลย”

“กูไม่ได้ฉีดน้ำหอมนอน”

“ก็กูได้กลิ่นกระดังงาลอยออกมาจากตัวมึงอยู่เนี่ย”

ได้ยินเช่นนั้น ลภัสกรก็ยกมือขึ้นจับคอเสื้อขึ้นมาดม พอได้กลิ่นกระดังงาอ่อน ๆ ลอยออกมาจากตัวก็จิ๊ปากเล็กน้อย

เวลานอนเขาไม่ได้พรมน้ำมนต์ที่ถูกปลุกเสกจากพระอาจารย์ปู่ตามตัวเพราะความเคยชิน สงสัยต่อจากนี้คงต้องอาบน้ำมนต์หนัก ๆ ซะแล้วล่ะ

“กลิ่นแม่งทำให้เคลิ้มฉิบหายเลย”

“ถอยออกไปเลย อย่ามาดมตัวกู”

“ถึงไม่ดมก็ได้กลิ่นอยู่ดีนั่นแหละน่า กลิ่นแม่งฟุ้งขนาดนี้”

ร่างสูงขยับถอยห่างออกไปก้าวครึ่งพลางมองคนที่หวงเนื้อหวงตัวราวกับสาวน้อยแรกแย้มอย่างพิจารณา

“มึงชอบน้ำหอมกลิ่นโบราณเหรอ”

“หุบ...”

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

ยังพูดไม่จบประโยค เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นจนลภัสกรต้องหุบปากฉับแล้วลุกขึ้นไปเปิดให้ พอเห็นว่าเป็นแม่ของตัวเองก็คลี่ยิ้มเบาบาง

“อรุณสวัสดิ์ครับแม่”

“แม่มาปลุกหรือเปล่าลูก”

“เปล่าครับ พร้อมตื่นก่อนสักพักหนึ่งแล้ว”

ใบหน้าได้รูปส่ายไปมาเล็กน้อย ปกติวันหยุดแม่เขาไม่ค่อยมาปลุกหากไม่มีธุระอะไรต้องพูดคุย

“ว่าแต่แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้มาเคาะห้องพร้อมแต่เช้าเลย”

“แม่จะมาบอกว่าพ่อกับแม่ต้องบินไปดูไซต์งานที่เชียงใหม่ พร้อมต้องอยู่บ้านคนเดียวนะลูก”

คนที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อกับแม่เพราะพวกท่านงานเยอะพยักหน้าลงอย่างเข้าใจ

“ปิดเทอมนี้จะทำอะไรล่ะ หรือว่าจะไปกาญเหมือนทุกที”

“ว่าจะไปกาญครับ”

“ไปกาญเหรอ กูไปด้วย!”

เมื่อกลัวถูกทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียว คณาธิปจึงรีบวิ่งเข้าไปหาคนที่ยืนคุยกับผู้เป็นแม่อยู่หน้าประตูห้อง ทว่ายังไม่ทันได้ถึงตัว ร่างทั้งร่างก็กระเด็นไปด้านหลังอย่างรุนแรง ก่อนจะหล่นลงกระแทกพื้นแล้วนอนตัวงอด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

“อึก!”

“วะ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนกินข้าวนะครับแม่ พร้อมขอไปอาบน้ำก่อน”

“ไม่ต้องรีบนักก็ได้นะลูก อีกเป็นชั่วโมงกว่าพ่อกับแม่จะออกไปที่สนามบิน”

คนเป็นลูกพยักหน้ารับแล้วปิดประตูลงจนสนิท ขายาวก้าวเดินเข้าไปหาคนที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าวิญญาณของอีกฝ่ายติด ๆ ดับ ๆ แถมตามตัวก็มีรอยบาดแผลจึงรีบช่วยเหลือ ไม่นานนักวิญญาณก็กลับมาเติมเต็มดังเดิม ร่องรอยบาดแผลตามตัวก็หายไปพร้อมกันด้วย แต่กระนั้นพลังวิญญาณก็ยังอ่อนมากอยู่ดี

“มะ เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นวะ”

“กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเข้าข้างหลังโดยที่กูไม่รู้ตัว”

ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังประดับด้วยความตกอกตกใจไม่หายพยักลงทีหนึ่ง

“นี่แหละผลของการที่ไม่ฟังกู”

“หลังมึงมีอะไรวะ ทำไมกูถึงเข้าใกล้ไม่ได้”

“ยันต์ คนที่สักให้กูเขาเป็นผู้ที่มีบารมีมาก ยันต์เลยมีอานุภาพรุนแรงไปด้วย”

“มันแรงมากเลยนะ แรงกว่าผีนับสิบที่กัดกูเมื่อคืนอีก”

“แน่สิวะ ผีชั้นต่ำพวกนั้นมันจะมาสู้ยันต์ของหลวงปู่กูได้ไง”

ลภัสกรยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางหลุบตามองคนที่นอนแผ่หลาอย่างหมดแรงอยู่บนพื้นด้วยสายตาอ่อนใจ

“อยากหายเร็วก็นั่งสมาธิซะ มันช่วยมึงได้”

“ไม่มียากินหรือยาทาเหรอ”

“มึงโดนตีนยันมั้งถึงจะเอายาทาได้ ไอ้เวร...”

 

 

 

 

#รัตติกาลผันแปร

เจ็บตัวไม่เว้นแต่ละวันเลยพ่อภาระ เอ๊ย พ่อพระเอกกกก

อดีตเป็นเพื่อน ปัจจุบันเป็นภาระ ช่างมีวิวัฒนาการจริม ๆ เบยยย

อะหรือว่าผีผู้หญิงคนนั้นคือ… คือผู้ได๋น้อออออ

 

 

ปล.มีจิบิมาอวดฮะ ได้มาแล้วก็เอามาเติมคำพูดเอาเอง ฟีลมันได้ 55555555555

 

 

- ZANIA -