ในโลกที่ไสยศาสตร์กลายเป็นสิ่งไร้สาระ กลับเกิดเหตุการณ์วิปลาสที่สั่นคลอนมิติความเป็นจริง เมื่อจู่ ๆ มีคนถูกสาปแช่งพร้อมกันหลายร้อยราย? รวินท์ นักเรียนธรรมดาเกี่ยวข้องอะไร พบคำตอบได้ในโรงเรียนฤทธิมนตรา

ศาสตร์มนตรา ไสยเวทสังหารผี - บทเรียน 1 โฮมรูม โดย Erika XG Ashirogi @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ลึกลับ,รั้วโรงเรียน,ชาย-หญิง,พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,เวทมนตร์,ลึกลับ,คุณไสย,ไซไฟ,วิญญาณ,พระเอกเทพ,แอคชั่น,ต่อสู้,โรงเรียนไทย,โรงเรียน,มนตรา,ไสยเวท,ไสยศาสตร์,สยองขวัญ,ปราบผี,สืบสวนสอบสวน,ผี,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ศาสตร์มนตรา ไสยเวทสังหารผี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ลึกลับ,รั้วโรงเรียน,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ผจญภัย,เวทมนตร์,ลึกลับ,คุณไสย,ไซไฟ,วิญญาณ,พระเอกเทพ,แอคชั่น,ต่อสู้,โรงเรียนไทย,โรงเรียน,มนตรา,ไสยเวท,ไสยศาสตร์,สยองขวัญ,ปราบผี,สืบสวนสอบสวน,ผี,แฟนตาซี

รายละเอียด

ศาสตร์มนตรา ไสยเวทสังหารผี โดย Erika XG Ashirogi @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ในโลกที่ไสยศาสตร์กลายเป็นสิ่งไร้สาระ กลับเกิดเหตุการณ์วิปลาสที่สั่นคลอนมิติความเป็นจริง เมื่อจู่ ๆ มีคนถูกสาปแช่งพร้อมกันหลายร้อยราย? รวินท์ นักเรียนธรรมดาเกี่ยวข้องอะไร พบคำตอบได้ในโรงเรียนฤทธิมนตรา

ผู้แต่ง

Erika XG Ashirogi

เรื่องย่อ

"ผี ไสยเวท มนตรา"

จะไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าอีกต่อไป

เมื่ออยู่ในโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งนี้...


 

• เรื่องย่อ : ในปี 2024 มีข่าวลือที่โด่งดังในโลกออนไลน์เกี่ยวกับ 'เว็บไซต์ปริศนา' ที่สามารถพิมพ์ชื่อใครลงไปก็ได้ และจอมขมังเวทย์ผู้มีอาคมเข้มขลังจะทำคุณไสยมนต์ดำเล่นงานเจ้าของนามนั้นให้คุณตามประสงค์

เรื่องราวนี้ได้สร้างความขบขันให้กับคนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นอย่างมาก ความงมงายเหนือจริงกลายเป็นเรื่องโจ๊กที่ใคร ๆ ก็ต่างเอามาล้อเลียน แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มปักใจเชื่อ เพราะอ้างว่ามีหลักฐานที่เหยื่อหลายรายถูกพลังร้ายนี้เล่นงานอยู่จริง ๆ

ในช่วงเวลาโกลาหลที่ศรัทธาของมนุษย์เข้าห่ำหั่นกันเอง เด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้มีฝันร้ายแปลกประหลาด กับคนจากโรงเรียนลึกลับชื่อ 'ฤทธิมนตรา' ที่อ้างตนว่าเป็นนักปราบผี ก็เข้ามาเกี่ยวพันอย่างไม่มีใครคาดคิด...


และนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

ของตำนานเมืองยุคใหม่เท่านั้น!


 


━━━━━━━━━━━━━━━━


ในครั้งอดีต รากฐานของวิทยาศาสตร์เกิดจากความสงสัยใคร่รู้และ 'ความไม่เชื่อ' ของคนกลุ่มหนึ่ง 

พวกเขาริเริ่มจากการไม่เชื่อในตำนาน พยายามลบล้างเรื่องเล่าปรัมปรา ปฏิเสธสิ่งเหนือธรรมชาติที่ถูกบอกต่อ ๆ กันมาหลายพันปี นั่นจึงนำพาไปสู่การตั้งสมมุติฐาน การทดลองและหาผลลัพธ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ผ่านไปหลายร้อยปี วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้ปฏิวัติโลกทั้งใบด้วยองค์ความรู้มากมายที่ยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานแห่งข้อเท็จจริงอันพิสูจน์ให้ประจักษ์ได้

แต่ในขณะเดียวกันบนทางเส้นขนาน การที่มนุษย์มี 'ความเชื่ออันแรงกล้า' มันก็นำพาไปสู่ศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามเช่นกัน การเชื่อในตำนาน ศรัทธาในเรื่องเล่า พยายามแสวงหาแก่นแท้ในกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติที่ไม่อาจพิสูจน์

มันจึงก่อกำเนิดศาสตร์ที่ข้อเท็จจริงในปัจจุบันยังไม่อาจสรุปใด ๆ ได้ ศาสตร์ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ ศาสตร์ที่คนส่วนใหญ่ไม่อาจรับรู้ถึงการมีอยู่ 

มันคือ "ศาสตร์แห่งมนตรา" องค์ความรู้พิเศษที่มีไว้สำหรับกลุ่มคนที่แตกต่าง จำนวนเพียงหยิบมือในโลกใบนี้...


และนี่คือเรื่องราวของ 'รวินท์' นักเรียนมัธยมปลายผู้ที่ได้เยื้องย่างเข้าสู่ดินแดนแห่งพลังลี้ลับเหนือมโนสำนึกอย่างไม่ตั้งใจ


"จงหาคำตอบไปพร้อมกับเขา"


━━━━━━━━━━━━━━━━


• หมวดหมู่ : แฟนตาซี, สยองขวัญ, แอคชั่น, ชีวิตในโรงเรียน, Coming of Age 

• หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการเท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล, สถานที่, องค์กร หรือเรื่องราวที่มีอยู่จริง ไม่มีเจตนาทำให้ผู้ใดเสื่อมเสียชื่อเสียง

เรื่องราวทั้งหมดจัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

• คำเตือน : เนื้อหามีการบรรยายถึงภาพความโหดร้าย, สยองขวัญ, ภูติผี และฉากความรุนแรงทางกายภาพต่าง ๆ เช่น เลือด, ชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์กับอวัยวะผิดรูปร่าง

สารบัญ

ศาสตร์มนตรา ไสยเวทสังหารผี-บทเรียน 1 โฮมรูม,ศาสตร์มนตรา ไสยเวทสังหารผี-บทเรียน 2 ถ้ามันคือเรื่องจริง,ศาสตร์มนตรา ไสยเวทสังหารผี-บทเรียน 3 คุยกับความตาย

เนื้อหา

บทเรียน 1 โฮมรูม


กลิ่นฉุนตรงเข้าปะทะจมูกจนรู้สึกเจ็บ

สติอันพร่าเลือนถูกฉีกกระชากออกพร้อมกับเปลือกตาที่กะพริบถี่ขึ้นลง

สามัญสำนึกทั่วไปถูกทำให้มลายหายสิ้นทันทีที่ลืมตา


"ที่นี่คือที่ไหน?"

ภาพที่เคยขมุกขมัวราวกลุ่มควันถูกปรับให้คมชัดเมื่อดวงตาของผมเบิกโพลงกว้างขึ้น แต่แล้วมันกลับไม่มีสิ่งใดเลยที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า มีเพียงความมืดมิดอันไร้ที่มาที่ไปฉายให้เห็น 


ผืนฟ้าไร้แสงดุจวันตะวันดับ แผ่นดินดำสนิทดั่งถ่านเผา 


มืดมนอนธการเสียจนไม่อาจแยกได้ว่าจุดที่ยืนอยู่คือบนหรือล่าง... เสี้ยววินาทีแรกคือความประหลาดใจ เสี้ยววินาทีต่อมาคือความหวาดกลัว

อุณหภูมิลดเย็นยะเยือก ขนตามร่างกายลุกชูชัน หัวใจพลันเต้นสั่นรัว

"เรามาที่นี่ได้ยังไง เรากำลังอยู่ที่ไหน!?"

"แล้วทำไมมันมืดขนาดนี้ล่ะ?"

คำถามเดิมถูกย้ำขึ้นอีกครั้งในห้วงความคิด แต่รอบนี้เพิ่มความรู้สึกสับสนเข้าไปอีกหลายเท่า

แขนขาเริ่มเกร็งไปหมด ฝ่ามือเย็นเฉียบแต่กลับมีเหงื่อเม็ดใหญ่ ผมหันซ้ายมองขวารอบทิศอย่างเร่งรีบ สายตาพยายามกวาดหาบางสิ่งให้ได้ยึดเหนี่ยว อะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างยังปกติสุขดีและไม่ชวนให้เสียสติไปมากกว่านี้

แต่ไม่พบสักอย่าง...

"มีใครอยู่ที่นี่ไหมครับ!?"

คำตอบที่ตะโกนกลับมาคือความเงียบสงัด ที่ตรงนี้มันว่างเปล่า หนาวสะท้าน ดำมืดราวกับไม่ใช่สถานที่บนโลกมนุษย์ มีเพียงผมที่กำลังยืนอย่างเคว้งคว้างท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ เหมือนเป็นคนที่ถูกทิ้งให้ลอยอยู่ท่ามกลางห้วงอวกาศ


ผมไม่ได้หวาดกลัวความมืด แต่ผมกำลังรู้สึกกลัวว่าความมืดนี้... จะนำพาผมไปยังที่ใด?


แม้ยังสับสนกับเหตุการณ์ที่เผชิญ แต่ก็พยายามใช้สมาธิอันน้อยนิดรีดเค้นความเป็นไปได้ทั้งมวล ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรถึงได้มาลงเอยเช่นนี้


ผมก้มหน้ากุมศีรษะตัวเองตามสัญชาตญาณ


ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งก้านสมอง คล้ายจะนึกออกแต่ก็ติดที่กำแพงขาวโพลนในหัว 'เรากำลังถูกลักพาตัวเหรอ? เรากำลังจะทำอะไรกันแน่?' ทำไมจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย...




ติ๊ก... ติ๊ก... ติ๊ก...

"สรุปเป็นไงหมอ!?"



ท่ามกลางความเงียบกลับมีบางอย่างแทรกดังขึ้นมา เป็นสุ้มเสียงทุ้มต่ำของใครสักคนที่เปล่งขึ้นไม่ไกล หูผมตั้งผึ่งอย่างตื่นตัว รีบเงยหน้าหันขวับเข้าหาต้นตอทันที

และสิ่งที่พบก็ทำเอาผมถึงกับสะดุ้งตัวโยน จนเผลอร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ

"เฮ้ย!" 

จากสถานที่อันมืดสนิทตั้งแต่พื้นดินถึงท้องฟ้าเมื่อครู่ จู่ ๆ ตอนนี้ผมกลับโผล่มายืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่งที่สภาพดูเก่าและทรุดโทรม อย่างไม่อาจอธิบายต้นสายปลายเหตุได้


ห้องนี้เต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพังของฝ้าเพดานที่ร่วงหล่นลงมาเสียหาย พรมตามพื้นฉีกขาด มีน้ำหนืดสีข้นเข้มนองเต็มสถานที่ กำแพงใหญ่ถูกวาดทับด้วยข้อความหยาบคายอันไม่พึงประสงค์ กลิ่นชื้นอับเหม็นลอยคละคลุ้งทั่วบริเวณ กวาดสายตาเพียงแวบเดียวก็ทำให้นึกถึงบ้านร้างที่เคยเห็นในหนังสยองขวัญ แต่ครั้งนี้มันกลับสมจริง ชวนขนลุกยิ่งกว่า

และที่น่าประหลาดไปกว่านั้นอีก... คือตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่กลางวงชุมนุมของคนนับสิบที่รายล้อมรอบตัวผมเป็นวงกลม

"ขอโทษครับ!"

การกล่าวขอโทษมันคือสิ่งแรกที่เด้งออกมาในหัว ผมจึงพลั้งปากพูดออกไปก่อนตามความเคยชิน แต่แล้วการกล่าววาจานั้นก็ถูกเมินเฉย ไม่มีใครในที่แห่งนี้สนใจการปรากฏตัวของผมเลยสักคนเดียว


เอ๊ะ ผมพลาดเรื่องสำคัญอะไรไปรึเปล่า? ทำไมไม่มีคนไหนแสดงอาการตื่นตกใจหรือหันมาสบตากันเลย กลับกลายเป็นว่ามีเพียงผู้เดียวที่ดูตื่นตระหนกกับเรื่องนี้ที่สุด นั่นคือตัวผมเอง


'เรามาโผล่ที่นี่ได้ไง... ห้องนี้มันคือที่ไหนกัน?' ขยี้ดวงตาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด มันมีความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ข้อไหนที่จะทำให้ผมวาร์ปได้?

เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรมากขึ้นบ้าง จึงเลือกหยุดนิ่งมองสังเกตการณ์สิ่งรอบตัวประกอบการตัดสินใจ

เบื้องหน้าของผมมีผู้ชาย 2 คนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ทั้งคู่กำลังพูดคุยบางอย่างกันอยู่ และกลางวงสนทนานั้นมี 'เด็กผู้หญิง' ร่างผอมแห้งคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอย่างหมดสภาพ 

เธอจมกองกับพื้นแข็ง ๆ หายใจโรยริน ใบหน้าดูซีดเซียวเหมือนคนขาดอากาศ นัยน์ตาดำเมี่ยม เส้นเลือดฝอยแตกลายทั่วตัว มีของเหลวข้นคลั่กไหลออกทางหูและปาก อาการของเธอดูหนักหนาเสียจนผมรู้สึกกลัว ตอนนี้เธอควรอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าที่นี่นะ

'แล้วทำไมถึงมีเทียนหลายสิบเล่มจุดรอบตัวเธอด้วย ทุกคนเหมือนกำลังทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างอยู่!?' 



"ผลลัพธ์จากการประเมิน... เคสนี้ตรงตามเกณฑ์ครับ"

"แล้วค่าความเสี่ยงละหมอ?"

"มีโอกาสรุนแรงสูงสุดที่ระดับ 3 ครับ"



ในทีแรกผมคิดว่าเสียงนั้นกำลังพูดกับผม แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ 

เจ้าของเสียงทุ้มแรกที่ผมได้ยิน มาจากชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสัน ผู้สวมชุดสูทดำล้วนทั้งตัวตัดกับผิวขาวและผมทรงสั้นที่ถูกย้อมเป็นสีบลอนด์ทองฉูดฉาด

และผู้ชายอีกคนที่ถูกเรียกว่า 'หมอ' เขาก็ดูเหมือนหมอที่อยู่ตามโรงพยาบาลจริง ๆ ชายร่างสันทัดที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีครีมพอดีตัวและสวมกาวน์ทับอีกชั้น มันดูเป็นเครื่องแบบมาตรฐานที่เห็นจนชินตา

หันไปด้านหลังผมเจอกลุ่มคนชายหญิงจำนวนหนึ่ง นับคร่าว ๆ มีเกือบสิบคน ซึ่งผมเห็นใบหน้าพวกเขาได้ไม่ชัดนักเพราะความมืดสลัวของสถานที่ แต่ที่พอสังเกตได้คือพวกเขาสวมชุดนักเรียนและมีสูทสีดำสักอย่างสวมทับไว้


ทั้งหมดก็อาจจะดูปกติดี ถ้าไม่ติดว่ามายืนอยู่ที่นี่กันทำไม ทุกคนไม่ควรมั่วสุมกันในบ้านมืด ๆ น่ากลัวแบบนี้?

ในหัวของผมมีคำถามมากกว่าคำตอบเสียอีก

"ระดับ 3 เลยเหรอ!? โอ้ เด็กสมัยนี้เล่นกันแรงเหมือนกันนะเนี่ย นี่คิดว่ารุ่นผมเล่นกันหนักแล้วซะอีก ฮะฮะ"

ชายร่างสูงผมสีฉูดฉาดพยักหน้าพยับเผยิบเมื่อได้ทราบผลลัพธ์จากคุณหมอ เขาพูดสักอย่างที่เกี่ยวกับรุนแรงระดับ 3 แต่จากสีหน้าเขากลับดูไม่ได้กังวลอะไรเลย ยังมีอาการยิ้มแย้ม ขัดแย้งกับสถานการณ์รอบข้างที่ตึงเครียดกันแบบสุด ๆ

"เอ่อ... คือผมอยากถา-"

"แบบนี้ต้องรีบดำเนินการแล้วนะครับ"

มาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสนใจเช่นเดิม ผมพยายามจะเอ่ยถามถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นแต่หมอกลับพูดตัดบทกันดื้อ ๆ เหมือนผมไม่ได้ยืนกลางวงสนทนานี้เลย

เริ่มไม่สบอารมณ์ อะไรกัน ตรงนี้จะมีแค่เราคนเดียวที่รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดเหรอ?



ติ๊ก... ติ๊ก... ติ๊ก...

"ฮึบ! เอาละ ๆ ตั้งใจฟังให้ดีครับ"

ชายผมทองดึงข้อมือของตัวเองขึ้นมาตรวจเวลา นาฬิกาเรือนเงินของเขาสะท้อนวูบวาบแม้จะอยู่ในสถานที่มืดทึบ ก่อนที่ไม่นานเขาจะดีดตัวเองยืนตรงและเริ่มพูดบางอย่างต่อ

 "ตอนนี้เรามีเวลากันเต็มที่ 120 วินาทีเท่านั้น ให้ทุกคนรีบดำเนินการตาม 'มาตรการขั้นสอง' คุณหมอออกจากจุดที่เกิดเหตุพร้อมอพยพผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทันที ทีมควบคุมความเสียหายให้เฝ้าดูแลพื้นที่รอบนอก...

ส่วนเหล่านักเรียนที่น่ารักของผมทุกคน ขอให้เข้าประจำตำแหน่งตามจุดปฏิบัติการ"

'อะไรนะ อพยพเหรอ' ผมชะงักเมื่อได้ยินคำเตือนแบบนั้น ตึกถล่ม มีระเบิด ผู้ก่อการร้าย หรือที่ตรงนี้มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น?

แม้ไม่รู้ว่าจะต้องหนีจากอะไร แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมากอีกแล้ว เพราะผมเองน่าจะเข้าข่าย 'ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง' มากที่สุดในที่แห่งนี้

คุณหมอเหงื่อแตกพลักรีบลุกขึ้นยืน หอบเอกสารบนพื้นรวบใส่กระเป๋าสะพายอย่างร้อนรน ก่อนวิ่งพรวดออกไปทางประตูด้านหลัง โดยมีกลุ่มนักเรียนขยับแหวกทางให้

'อ้าว เดี๋ยวสิ!' แล้วทำไมคุณหมอไม่ช่วยพยุงเด็กผู้หญิงที่บาดเจ็บคนนี้ออกไปด้วยละ?

คิ้วของผมขมวดเป็นปม เลิ่กลั่กไปหมด ความรู้สึกคือพร้อมจะวิ่งแต่ใจยังคิดสับสนอยู่ ผมจะหนีออกไปข้างนอกตามที่หมอทำ แล้วทิ้งเธอไว้ตรงนี้จริง ๆ เหรอ? 


ติ๊ก... ติ๊ก... ติ๊ก...

"เตือนครั้งสุดท้าย เหลือเวลาอีก 60 วินาทีนะครับ นักเรียนทุกคนตอนนี้ต้องพร้อม 100% กันแล้วนะ" 

เสียงของเข็มนาฬิกาดังราวกับระเบิดนับถอยหลัง ชายผมทองหยิบด้ายเส้นยาวสีขาวออกมาจากกระเป๋าและบรรจงผูกมัดมันรอบตัวเด็กสาวจนกลายเป็นพันธนาการระโยงระยาง 

ด้านวัยรุ่นชายหญิงกลุ่มด้านหลังก็เริ่มทยอยหยิบของขึ้นมาบนมือแล้วเหมือนกัน ต่างคนก็ต่างอุปกรณ์กันไป และถ้าตอนนี้ดูไม่ผิด ผมเห็นบางคนกำลังถือดาบอยู่ด้วย?

ภาพความคิดด้านลบแทรกเข้ามาในจิตใจทันที หรือสาเหตุที่ไม่มีใครยอมช่วยเหลือเธอเลย เป็นเพราะคนพวกนี้ตั้งใจจะกระทำการอันโหดร้ายกับเด็กสาวตั้งแต่แรก... ขอให้มันไม่จริงเถอะ

"นี่ทุกคน! เธอคนนี้กำลังบาดเจ็บหนัก มาช่วยพาเธอออกจากที่นี่กันเถอะครับ"

ผมตะโกนเสียงดัง กระโดดเอาตัวเข้าไปขวาง พยายามบอกกลุ่มนักเรียนไม่ให้บ้าจี้ทำอะไรแผลง ๆ ตามที่ชายผมทองบงการ


"..." 

แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครสนใจเหมือนเคย ทุกคนไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้นกับการกระทำของผม 

มั่นใจเกินร้อยว่าครั้งนี้ได้พูดเสียงดังมากแล้ว แต่ทำไมการแสดงออกของทุกคนยังเหมือนเดิม นิ่งเฉยราวกับผมไม่ได้อยู่ด้านหน้าพวกเขา

'คนพวกนี้มันมาจากลัทธิประหลาดรึไง ทำไมดูไร้หัวใจขนาดนั้น?' 

ผมควรทำตัวไม่รู้ไม่ชี้แล้วปล่อยผ่าน วิ่งออกไปให้จบ ๆ เพราะเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับผมตั้งแต่แรก หรือผมควรช่วยเด็กผู้หญิงจากกลุ่มคนที่ไม่น่าไว้ใจตรงนี้ดี 

ผมด่วนตัดสินเรื่องนี้เกินไปหรือเปล่า หรือการที่ผมถูกส่งมายังที่นี่มันมีเหตุผลบางอย่างอยู่? ขมับเหมือนถูกบีบ หูอื้อ หัวใจผมสั่นแรงเกือบเด้งหลุดออกมา ถ้ายังอยู่แบบนี้ต่อไปร่างกายคงต้านทานไม่ไหว

'บ้าเอ๊ย! มัวแต่คิดไม่ได้แล้ว ลงมือเลยละกัน!!'

ผมกระชากคำถามทุกอย่างทิ้งไปแล้วรีบพุ่งตรงเข้าหาเด็กหญิงทันทีตามเสียงภายในหัว 'เราคือคนเดียวที่จะช่วยเธอได้ คนพวกนี้มันไม่หวังดีกับเธอ' ฝ่าเท้าเคลื่อนไปข้างหน้า ร่างกายขยับมุ่งไปยังเป้าหมาย ผมกระโจนตัวเข้าประชิดด้านหลังของชายผมทองที่ยืนขวาง กะใช้แรงผลักเพื่อให้เขาเสียจังหวะล้มลงและเปิดทาง

ผมค่อนข้างมั่นใจในความเร็วของตนเอง หากผมสามารถอุ้มร่างผู้บาดเจ็บได้สำเร็จ การแหวกฝูงชนออกไปคงไม่ใช่เรื่องยากนัก 'ไม่มีอะไรจะต้องเสียแล้ว จัดการเลย!' 

'ตึก ตัก ตึก ตัก!' 

ทุกอย่างดูจะเป็นไปตามแผนด้วยดีจนกระทั่ง...  'ผมก้าวขาต่อไม่ได้' ซะงั้น

เดี๋ยว... ทำไมขาแข็ง... ขยับตัวไม่ได้แล้วล่ะ!

ทันทีที่แตะตัวชายผมสีทอง จู่ ๆ ร่างกายของผมก็เหมือนถูกปิดระบบลงฉับพลัน เรี่ยวแรงที่คิดไว้ว่าจะใช้จู่โจมตามภาพจินตนาการก็เหือดหายไปหมดสิ้นในพริบตา 

ไม่จริง! ขยับอะไรไม่ได้เลย ทำไม!? ผมกัดฟันแน่นพยายามจะดึงเท้าตัวเองให้หลุดออกจากจุดดังกล่าวแต่ร่างเจ้ากรรมกลับไม่เขยื้อนเลยสักนิดเดียว ครั้นจะดึงดันให้ชายตรงหน้าล้มคะมำให้สำเร็จก็ยังทำไม่ได้

ผมยืนค้างเติ่งด้วยท่าทางแสนแปลกประหลาด นิ้วทั้งสิบประกบไปที่มัดกล้ามแขนขวาของชายคนนั้นอย่างเต็มไม้เต็มมือพร้อมกับหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น ร่างแข็งทื่อเป็นก้อนหิน 'การเล่นบทฮีโร่จบลงอย่างรวดเร็ว' 

"โอ้!"

ชายหนุ่มปริศนาทรงผมสีฉูดฉาดหันมาสบตาผมด้วยสีหน้าที่แปลกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนจะเริ่มหัวเราะขรมในลำคอ...

"เอื๊อก!"

ยังไม่ทันจะสิ้นความสงสัยว่าเขาหัวเราะทำไม ฝ่ามือใหญ่นั้นก็กระแทกมาที่กลางหน้าอกของผมอย่างไม่ปล่อยให้ตั้งตัว แม้จะเป็นแค่มือเพียงข้างเดียวแต่ด้วยพลังผลักมหาศาลนั้นก็มากพอที่จะทำให้ผมปลิวถอยหลังจนกลับมาอยู่ที่จุดเดิมกลางห้อง

'ตึก ตัก ตึก ตัก!' 

"อ๊าก เจ็บ!" หลังถูกสัมผัสอย่างรุนแรง ที่รอบตัวผมคล้ายกับมีบางอย่างกำลังชอนไชยุบยับ บีบรัดพันร่างกายอยู่ ราวกับว่ามันคือเชือกที่มองไม่เห็น?

หัวใจเต้นโครมคราม ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ขาและแขนถูกตรึงยึดพื้น ศีรษะขยับได้ไม่อิสระ ริมฝีปากก็ปิดแนบสนิทไม่อาจเปล่งเสียงใด ๆ มีเพียงลูกตาซ้ายขวาที่พอจะกวาดไปรอบ ๆ ...ชายคนนี้ทำอะไรกับเรากันแน่

"20 วินาทีสุดท้าย ทีเด็ดเริ่มแล้ว นักเรียนทุกคนเตรียมพบกับ 'อาถรรพ์ผี ระดับ 3' ของจริงกันได้เลยครับ"

หะ ว่าไงนะ 'ผี' เหรอ



"กรี๊ด!!"

ชายผมทองเริ่มพนมมือ เหตุการณ์ทุกอย่างนับจากนี้ไหลเร็วตามมาเป็นสายน้ำ เทียนทุกเล่มดับลง เด็กสาวที่นอนจมกับพื้นมาตั้งนาน อยู่ดี ๆ ก็ตะกายตัวขึ้นยืนในชั่วพริบตาแบบผิดธรรมชาติ เธอแผดเสียงกรีดร้องออกมาดังสนั่นชนิดที่แก้วหูพร้อมจะแตก ใบหน้าบิดเบี้ยว ปากของเธออ้ากว้างแทบจะฉีกไปถึงใบหู นิ้วมือทั้งหมดถูกหักจนกระดูกป่นปี้แปลงสภาพเป็นลักษณะโง้งคล้ายกรงเล็บยาว ดวงตาที่เคยดำสนิทก็พลันมีแสงสีแดงเข้มทะลุออกมา

'เกิดบ้าอะไรขึ้น?' 

เธอดูเจ็บปวดทรมานสุด ๆ แต่ก็เหมือนกำลังจะหัวเราะชอบใจอยู่เช่นกัน หญิงสาวผู้ไร้เรี่ยวแรงคนเดิมแปรสภาพเป็นคนละคนโดยสมบูรณ์แล้ว

อย่าบอกนะว่านี่คือผีที่หมายถึง!? อะไรกัน ไม่เข้าใจสักอย่าง ตรงหน้ามีแต่เรื่องเพี้ยนประหลาดชวนสติหลุด ชายคนนั้นก็ยังดูนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านใด ๆ 

"หึหึ" เขายิ้มมุมปาก ค่อย ๆ เดินห่างออกจากจุดที่เด็กสาวกำลังคลุ้มคลั่งเล็กน้อย

และไม่นานเขาก็มายืนปักหลักหยุดอยู่ที่กลางห้อง บริเวณด้านหน้าของผม... ระยะห่างนั้นใกล้ยิ่งกว่าครึ่งหนึ่งของไม้บรรทัด ประชิดยิ่งกว่าตอนที่ผมวิ่งเข้าไปหาเขาเมื่อครู่เสียอีก

ดวงตาเรียวของเขาจ้องเขม็ง ผมที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนก็ทำได้เพียงประสานสายตาตอบกลับเท่านั้น แม้เบื้องลึกในใจจะกำลังสับสนสุดขีดจนไม่อยากมอง

"ไม่มีใครเห็นหรือได้ยินคุณหรอกครับ ที่ตรงนี้มีแค่ผมคนเดียวที่รับรู้ถึงตัวคุณได้" 

หะ เดี๋ยวนะ เขากำลังพูดกับผมงั้นเหรอ!? นี่นับเป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่วาร์ปมาที่ห้องนี้ที่ได้ยินใครสักคนพูดคุยกับผม 'แต่สิ่งที่เขาจะสื่อคืออะไร ทำไมไม่มีใครเห็นผม... หรือผมตายไปแล้วเหรอ?'

"ถ้าคุณแตะตัวเธอสำเร็จเรื่องมันจะวุ่นวายกว่านี้ ไม่สิ แค่คุณขยับตัวได้ก็น่าจะเป็นเรื่องใหญ่มากแล้วละครับ หึหึ"

ชายผมทองยิ้มกริ่ม เขายื่นตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีก จนใบหน้าเราเกือบจะชิดกัน

"คุณมาเร็วเกินไป" เขากระซิบแผ่วเบาด้วยเสียงทุ้มเข้มที่ข้างหู "แต่คุณดูแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าทุกครั้งที่เจอกันเลยนะครับ"


"อ๊ากก กรี๊ดดด!"

เมื่อเสียงเข็มนาฬิกานับถอยหลังจบลง เด็กสาวก็โหยหวนดังยิ่งกว่าเดิม แถมรอบนี้ยังกระชากเส้นด้ายสีขาวที่พันธนาการได้สำเร็จ ความวิปลาสเริ่มขึ้นแล้วและไม่อาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป คอของเธอฉีกขาดผิดรูป มันบิดวนเป็นวงกลม 180 องศาไปด้านหลัง แสงสีดำปริศนาทิ่มทะลุออกมากลางหน้าอก วูบวาบรุนแรงเหมือนมีบางอย่างกำลังจะแตกออกมาเป็นเสี่ยง ผิดหลักวิทยาศาสตร์และสรีระมนุษย์โดยสิ้นเชิง

กลุ่มนักเรียนที่ยืนเตรียมพร้อมดูไม่มีทีท่าหวาดเกรง ทุกคนกระโจนตัวเข้าหาเด็กสาวที่กำลังบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เหลือเพียงผมกับชายผมทองที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่

"แสดงศักยภาพกันให้เต็มความสามารถและอย่าลืมรักษาชีวิตกันด้วยนะ อย่าให้เสียชื่อนักเรียน 'ศาสตร์มนตรา' กันละครับ ฮะฮะ" ชายคนเดิมตะโกนไล่หลังอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับปรบมือเป็นจังหวะ 

นี่มันเรื่องบ้าบออะไร... ในใจผมล้นด้วยคำถามสารพัด ไม่รู้สึกอภิรมย์ด้วยเลย หากปริปากพูดได้ ผมอยากตะโกนดัง ๆ ว่าช่วยอธิบายทุกอย่างมาสักทีเถอะ

"สักวันคุณจะเข้าใจเอง" เขาหันกลับมายักคิ้วและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดสิ่งใด สายตามีเลศนัยคู่เดิมยังคงมองจ้องตรงมา


"แต่สำหรับวันนี้คุณ 'รวินท์' ตื่นได้แล้วครับ"


'ตื่น?'






"เฮือก!"

"แอ่ก! แอ่ก!!"

ก๊าซออกซิเจนมากมายไหลทะลักเข้าปากและจมูกของผมจนเกิดอาการไอ ความเจ็บปวดเหมือนกลืนทรายแผ่ซ่านบาดลึกเข้าไปในลำคอจนรู้สึกแห้งผาก ผมรีบยกมือขึ้นมากุมต้นคอ ร่างกายของผมตอบสนองไปอย่างอัตโนมัติ

เราขยับได้แล้ว! ไม่สิ... 'เราตื่นแล้ว' 

หูได้ยินเสียงวิ้งชั่วขณะ เหมือนโลกเงียบไปวินาทีหนึ่งก่อนที่ผมจะเริ่มตั้งสติได้ ภาพดำมืดตรงหน้าก็ค่อย ๆ หายไป ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงสักที

"ฝันร้าย..."

หลังจากถอนหายใจแรงและปาดน้ำลายออกจากปาก นิ้วมือสางผมที่รุงรัง ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันเป็นแค่ฝันไป

ฝันถึงคนพวกนี้อีกแล้วเหรอ... ผู้ชายผมสีทองคนนั้น...

"เหนื่อยแฮะ ใช้แรงเยอะจนเหมือนไม่ได้หลับอีกแล้วไอ้รวินท์เอ๊ย เฮ้อ"

ปากบ่นพึมพำมือทั้งสองข้างก็นวดลูบต้นคอของตัวเองไปด้วย เจ็บกล้ามเนื้อไปหมด เพิ่งอายุ 16 แท้ ๆ แต่ทำไมรู้สึกร่างกายตัวเองเหมือนคนแก่ขนาดนี้

ตอนนี้ยังกลางดึกอยู่เลย อยากหลับต่ออีกสักยกแต่ก็รู้สึกตาค้างจนทำได้ยาก คงมีแต่ต้องฝืนตะเกียกตะกายออกจากเตียง ตื่นเช้ากว่าปกติหน่อยแล้วกัน

ตัวเลขสีแดงปรากฏชัดกลางห้องมืด ผมเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่อยู่ไม่ไกล '03:06 น.' 

"เฮ้อ!" ผมถอนหายใจออกมาอีกชุดใหญ่ 

เอาเถอะ... ถึงจะเบื่อการตื่นไปโรงเรียนในเช้าวันจันทร์แค่ไหน แต่อย่างน้อยก็โล่งใจที่เหตุการณ์วายป่วงที่เกิดในความฝันทั้งหมดมันจบลงแต่เพียงเท่านี้



.

.

.


"โอเคได้เลย เดี๋ยวหยิบเอาไปให้"

"นิยาย 'หัวใจปิศาจของคุโรซาว่า จิน' ใช่ไหม? เล่มนี้ดีมาก!"


"ได้เลยเพื่อนไม่มีปัญหา ไว้เจอกันคาบโฮมรูมนะ บาย"


ผมเดินลงจากบันไดบ้านชั้นสองและเพิ่งวางสายจาก 'เอก' เพื่อนสนิทของผม ที่ไม่รู้วันนี้จู่ ๆ นึกครึ้มอะไร อยากลองอ่านนิยายเล่มโปรดของผมซะอย่างนั้น ปกติเห็นคลั่งไคล้แต่กีฬาบาสเกตบอลจนเป็นกิจวัตร

ได้แต่แอบคิด 'หรือเอกกำลังมีเรื่องไม่สบายใจกันนะ?' เพราะปกติผมจะแนะนำให้เอกอ่านหนังสือบ่อย ๆ ถ้าเมื่อไหร่รู้สึกฟุ้งซ่าน มันช่วยหลีกหนีจากเรื่องราวน่าปวดหัวในชีวิตจริงได้ดี

เอ๊ะ หรือเราจะหยิบเรื่องอื่นที่บู๊สนุกกว่านี้ติดมือไปด้วยดี? เล่มนี้สนุกก็จริงแต่ 4 ตอนแรกมีฉากพระเอกคุยในหัวตัวเองเยอะมาก เอกจะเบื่อก่อนไหมนะ...

"ฮะฮะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง" นิยายเรื่องนี้ถึงจะเฉพาะทางไปหน่อยแต่ถ้าต่อกับมันติดแล้วคงจะวางไม่ลง พูดแล้วก็คว้ามันจากชั้นหนังสือทันใด 

ในทุกเช้าผมจะมีเวลาสั้น ๆ ประมาณ 15 นาทีหลังจากอาบน้ำแต่งตัว จัดตำราตามตารางเรียนเข้ากระเป๋าเสร็จ ก่อนที่รถตู้ประจำโรงเรียนจะมารับตัว

ระหว่างนั้นผมก็จะกินอาหารเติมพลังยามเช้า ซึ่งส่วนมากก็ไม่พ้นโจ๊กกับบะหมี่กึ่งฯ เป็นหลัก ดีหน่อยที่วันนี้มีไก่ทอดเหลือจากมื้อดึกเมื่อวาน ช่วยเพิ่มความอยากอาหารขึ้นได้นิดหน่อย และผมก็จะเปิดทีวีคลอเป็นเสียงประกอบในชั่วโมงอันเร่งรีบนี้ไปด้วย

"อย่าลืมกินยาและหาอาหารดี ๆ กินด้วย อย่ากินแต่บะหมี่ซองนะ!"

ผมอ่านข้อความในกระดาษสีชมพูแผ่นเล็กที่แปะติดบนตู้เย็น มันเป็นลายมือขยุกขยุยของพี่สาว ผู้ปกครองเพียงหนึ่งเดียวของผม บุคคลที่ห่วงใยสุขภาพน้องชายแบบสุด ๆ แม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยอยู่บ้านสักเท่าไหร่ก็ตาม ด้วยงานประจำที่เป็นแอร์โฮสเตสสายการบินต่างประเทศ พี่น่าจะอยู่บนฟ้าบ่อยกว่าอยู่ที่นี่อีกมั้ง

แต่พี่ก็ทิ้งโพสต์อิทหลากสีเป็นของต่างหน้าติดไว้เต็มบ้านให้หายคิดถึงละนะ 

"ผิดแล้วละพี่ริณ วันนี้ผมกินไก่ทอดต่างหาก" 


ผมยิ้มแห้ง ๆ ก่อนเปิดตู้เย็นหยิบกาแฟสำเร็จพร้อมดื่มออกมาหนึ่งกระป๋อง ผมไม่ได้ชอบดื่มมันหรอกนะ แต่มันคืออุปกรณ์ช่วยชีวิตในทุกเช้า ที่จะไม่ทำให้ต้องฟุบคาโต๊ะกินข้าวไปเสียก่อน

"ถ้าพี่อยู่จะต้องบ่นแน่ ว่าถ้าจะดื่มกาแฟทั้งที ทำไมไม่ดื่มแบบที่รสชาติดีกว่านี้ ของสำเร็จรูปแบบนี้เสียสุขภาพ แถมยังไม่อร่อย เหอะ ๆ" 

ผมพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเล็ก ๆ เลียนแบบพี่สาว พลางจิบกาแฟรสชาติห่วยลงคอ

"แหวะ!"

นี่พอจะเดาหน้าตาพี่ริณได้เลยว่าพี่ต้องหงุดหงิดขนาดไหน แต่ทำไงได้กิจวัตรของผมตอนพี่ไม่อยู่ก็ประมาณนี้ละครับ



| ... |

" ข่าวเช้าทันกระแสวันนี้ เราไปกันที่ข่าวต่อไปดีกว่าครับคุณอรดี แหม่! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ ว่าปี 2024 แล้วก็ยังมีข่าวแบบนี้มาให้รายงานกันอยู่แทบทุกวัน แต่เราจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้เลยใช่ไหมครับ "

" ใช่ค่ะ เพราะข่าวนี้เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลที่ชาวเน็ตทั่วประเทศต่างให้ความสนใจกันมากที่สุด จนดันแฮชแท็ก '#จอมขมังเวทย์ไซเบอร์' ให้ติดอยู่บนเทรนด์ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมาเลยค่ะ มีการอัปเดตกันอย่างต่อเนื่องรายวันเป็นมหากาพย์กันเลย " 

เสียงอ่านข่าวเช้าในจอทีวีดึงความสนใจให้หันไปมอง ผู้ประกาศข่าวชายหญิงกำลังอ่านเนื้อหากันอย่างออกรสออกชาติ ผมมีเวลาไม่มากแล้วเลยต้องรีบจ้วงอาหารที่เหลือไปด้วยขณะดู ก่อนจะกระดกยาเม็ดหลังอาหารตาม

" เนื้อหาข่าวของ จอมขมังเวทย์ฯ วันนี้เป็นอย่างไรครับ "

" เหตุเกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมานี้เลยค่ะ ทางทีมข่าวของเราได้รับแจ้งจากคนในพื้นที่ในเวลา 4:00 น. โดยประมาณ

พบร่างเยาวชนหญิงวัย 18 ปีนอนหมดสติในบ้านร้างแห่งหนึ่งย่านชานเมือง โดยก่อนที่เพื่อนบ้านผู้เห็นเหตุการณ์จะเข้าไปพบ เธอเล่าว่าได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนและมีเสียงดังคล้ายระเบิดมาจากภายในบ้านร้างหลังดังกล่าวค่ะ พอเหตุการณ์สงบลง เธอจึงตัดสินใจเข้าไปดูด้านในบ้านพร้อมกับลูกชาย ลองไปฟังเสียงของเธอกันค่ะ "

นักข่าวหญิงส่งต่อให้สถานีตัดภาพไปยังสถานที่เกิดเหตุ มีคุณป้าท่านหนึ่งสีหน้าเป็นกังวล กำลังยืนให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี

โดยเนื้อหาใจความนั้นบรรยายถึงสภาพความน่ากลัวของสิ่งที่เธอพบเจอ ทั้งหญิงสาวที่มาโผล่ในบ้านร้างอย่างเป็นปริศนา และเรื่องลี้ลับชวนสยองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการคาดเดา

สัญญาณกลับมาที่ห้องส่ง

" นางสาว A นามสมมุติ ผู้บาดเจ็บตอนนี้ได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนโดยส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียงในทันที โดยอาการตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย และสิ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้ตอนนี้ก็คือร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยอักขระสีแดงคดเคี้ยวทั้งตัวอย่างไม่ทราบที่มาค่ะ 

คนออนไลน์คาดการณ์กันไปต่างๆ นานา ว่ากันว่าเธออาจเป็นเหยื่อรายใหม่ของ จอมขมังเวทไซเบอร์ เจ้าของแฮชแท็กฮิตค่ะ "

" ตั้งแต่เรารายงานข่าวนี้มาเกือบ 2 เดือน นี่ก็นับว่าเป็นรายที่ 8 แล้วใช่ไหมครับคุณอรดีที่มีการพบผู้บาดเจ็บสภาพใกล้เคียงกันแบบนี้ "

" ใช่ค่ะคุณพัต เท้าความกันสักเล็กน้อย คนที่พี่น้องในโซเชียลตั้งฉายากันไว้ให้ว่า จอมขมังเวทย์ไซเบอร์ คือบุคคลลึกลับที่ทำอาคมสาปแช่งใส่คนไปทั่วแม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีความแค้นส่วนตัวใด ๆ ต่อกันเลย คนที่โดนของอาจเป็นใครก็ได้ จนในโลกอินเทอร์เน็ตถึงขั้นมีการพูดไว้ว่า เป้าหมายของจอมขมังเวทย์ฯ อาจเป็นตัวคุณ "

" น่ากลัวเสียจริง ๆ ครับ " 

" นี่ยังไม่นับคนมากมายที่ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกร่วมร้อยคนจากทั่วประเทศนะคะ ทุกคนมีรอยอักขระสีแดงแบบเดียวกับนางสาว A หมดเลย โชคดีที่อาการไม่รุนแรงเท่าค่ะ "

" ยิ่งฟังผมยิ่งไม่อยากจะเชื่อเลยคุณอรดี อย่างกับเราอยู่ในหนังในละคร เขาทำได้มันได้ยังไง "

" บุคคลรายนี้เขาทำการเปิดเว็บไซต์ให้คนสามารถมาแจ้งชื่อเป้าหมายที่ต้องการให้ถูกสาปค่ะ และเขาจะทำการสุ่มผู้เคราะห์ร้าย เพื่อทำพิธีกรรมอวิชชาเล่นของใส่ "

" แหม่ ทำอย่างกับลุ้นผู้โชคดี " 

" เหยื่อทั้ง 7 รายก่อนหน้านี้ เหยี่ยวข่าวของเราได้ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันเลยค่ะ ทุกคนล้วนอยู่กันคนละจังหวัด ต่างอายุ ต่างสาขาอาชีพ ไม่เคยมีสัมพันธ์ใดร่วมกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนกันคือพวกเขาทุกคนมีชื่อและนามสกุลโผล่อยู่บนเว็บไซต์ดังกล่าวค่ะ "

" การจะทำให้ใครสักคนบาดเจ็บหรือเกือบเสียชีวิตมันทำได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือคุณผู้ชม? แล้วทางตำรวจล่ะว่ายังไงบ้างครับ " 

" ด้านหน่วยงานสืบสวนที่เกี่ยวข้องตอนนี้ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องของไสยศาสตร์มนต์ดำค่ะ ยืนยันว่าคดีแบบนี้ต้องมีผู้ลงมือทำที่เป็นคนจริง ๆ อย่างแน่นอน ไม่ใช่เรื่องผีสางอาคมแต่อย่างใด

ข้อสันนิษฐานตอนนี้พุ่งเป้าไปที่การใช้สารเคมีหรือเชื้อไวรัสค่ะ โดยได้เร่งขอกำลังเสริมเพื่อสืบค้นตามจับผู้ต้องสงสัยอย่างด่วนที่สุด เพราะเกรงว่าจะมีพฤติกรรมเลียนแบบเพิ่มหลังจากนี้ค่ะ

ทางด้าน 'บิ๊กกพล' หัวหน้าทีมสืบสวนได้ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนว่าอย่าวิตกกังวลมากเกินไป สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เป็นข่าวลือ โปรดอย่าหลงเชื่อเฟคนิวส์มั่ว ๆ ในอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ขอให้เชื่อมั่นว่าคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์อย่างแน่นอน และจะต้องจับคนร้ายให้ได้อย่างเร็วที่สุดค่ะ "

" คุณผู้ชมครับ ฟังผมนะครับ ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม ทางที่ดีที่สุดคืออย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกคุณไสยอาคมพวกนี้เลย มันเป็นบาปเป็นกรรม มีแต่จะทำให้คนรอบตัวเดือดร้อนนะครับ "

" ใช่ค่ะ " 

" ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไร เท็จจริงขนาดไหน เรื่องนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปนะครับ สำนักข่าวเราจะรายงานทุกการเคลื่อนไหวให้คุณผู้ชมอย่างแน่นอน... " 

 'ความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม' นี่คือข้อความเด่นที่สุดบนจอโทรทัศน์คู่กับหน้าของสองผู้ประกาศข่าวที่ผมเห็นทุกเช้า

เนื้อหาข่าวนี้มันดูแฟนตาซี เหนือจริง ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์อยู่เลย ดูเป็นข่าวความเชื่อชาวบ้าน ทฤษฎีสมคบคิดที่เรามักจะเห็นตามโลกออนไลน์บ่อย ๆ

และมันดูเป็นเรื่องไกลตัวผมเหลือเกิน ถ้าไม่นับว่าสภาพของ 'เด็กสาว' และ 'บ้านร้าง' ที่ขึ้นโชว์ประกอบในข่าวตอนนี้ มันดันเหมือนกับภาพที่ผมเห็นในความฝันทุกกระเบียดนิ้วเลย...