นี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?

จิ้งจกน้อยสื่อรัก - 2 ความห่วงใยจากบนฝ้าเพดาน โดย เหมียวกุ่ย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,แฟนตาซี,รัก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จิ้งจกน้อยสื่อรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,แฟนตาซี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

จิ้งจกน้อยสื่อรัก โดย เหมียวกุ่ย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?

ผู้แต่ง

เหมียวกุ่ย

เรื่องย่อ

ชีวิตของ "ศรีฟ้า" ตัวเอกของเราช่างเหมือนกับรถไฟเหาะตีลังกา หลังจากตกงานไม่นาน เธอก็ต้องย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ติดกับป่าช้า และที่ทำให้เรื่องราวยิ่งแปลกไปอีกคือมีจิ้งจกที่ฉลาดผิดปกติอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีคนที่ดูเหมือนจะมีหญิงสาวที่เหมือนจะเป็นเสือสมิงเดินผ่านไปมาในบริเวณนี้อีกด้วย แต่ไม่มีใครนอกจากตัวของเธอที่มองเห็นได

นางเอกของเรามุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความจริง ของหญิงสาวผู้ที่เป็นเสือสมิงคนนี้ และหวังว่าจะได้โด่งดังในโลกโซเชี่ยล และอาจจะได้งานดีๆ จากการเปิดเผยเรื่องราวแปลกๆ เหล่านี้ก็เป็นไปได้....

 แต่เรื่องราวก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อมีชายหนุ่มลึกลับและดูเหมือนจะหล่อมากๆ คอยตามตัวเอกอยู่เป็นพักๆ แต่ทุกครั้งที่หันไปดู เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาเป็นผีหรือคนกันแน่? และทำไมสวรรค์ถึงมอบความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์เลื้อยคลานให้กับเธอกันล่ะ...?

 ด้วยความสามารถที่ไม่รู้จะใช้หาเงินอย่างไร ตัวเอกของเราจึงต้องเผชิญกับความสับสนและความหงุดหงิด ชีวิตของเธอนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป? มาร่วมติดตามการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นพบ ความลึกลับ และความรักที่ไม่คาดคิดใน “จิ้งจกน้อยสื่อรัก”

 

สารบัญ

จิ้งจกน้อยสื่อรัก-1 อพาร์ทเม้นทต์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสุมทุมพุ่มไม้อันรกครึ้ม,จิ้งจกน้อยสื่อรัก-2 ความห่วงใยจากบนฝ้าเพดาน,จิ้งจกน้อยสื่อรัก-3 ขอเรียกเธอว่า “จกน้อย“,จิ้งจกน้อยสื่อรัก-4 ต้นตอของความแปลกประหลาดในทุกๆสิ่ง,จิ้งจกน้อยสื่อรัก-5 จุดประสงค์ของเจ้าแห่งยมโลก,จิ้งจกน้อยสื่อรัก-6 กองทัพเจ้าสมุทรเริ่มเคลื่อนไหว !!!,จิ้งจกน้อยสื่อรัก-7 การปรากฏตัวของเทพีแห่งปัญญาและการศึก

เนื้อหา

2 ความห่วงใยจากบนฝ้าเพดาน

         หญิงสาวค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงที่แสนจะนุ่มสบาย ก่อนที่เธอจะหันมามองดูรอบๆตัวไปมา และเธอก็ได้เห็นหญิงสาวใส่แว่นร่างเล็กผู้หนึ่งที่เธอเคยได้เห็นมาแล้วก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าในคราวนี้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และใบหน้าของเธอคนนั้นเปลี่ยนไป เป็นความสะอาดสะอ้านไม่มีลักษณะของการเปื้อนกลิ่นและสีของเลือดสดๆเหมือนเดิมแล้ว แต่ยังไงเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าตอนนี้นั้น เป็นภาพที่เป็นความจริงหรือไม่...จนต้องเอ่ยปากถามขึ้นมากึ่งๆละเมอๆว่า 

“นี่...เธอ...เธอไม่ใช่ผีจริงๆใช่ไหม ?“

        สาวน้อยจึงได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งมาให้หญิงสาวที่อายุมากกว่าได้ลองจับดู ซึ่งเธอก็พบว่าที่มือของหญิงสาวร่างเล็กนั้นยังมีความอบอุ่นอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ใช่มือของผีหรือวิญญาณที่ไหนแน่ เธอจึงค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาช้าๆ

             “เมื่อซักครู่นี้พอดีหนูกำลังทำอาหารอยู่น่ะค่ะ...วันนี้คุณแม่กับคนที่บ้านอยากกินลาบเนื้อ แล้วพอดีเมื่อกี้นี้หนูจะใช้มีดตัดถุงเลือดถุงใหญ่ที่ซื้อมาใช้ทำลาบ  แล้วมันตัดพลาดตอนตกใจที่ได้ยินเสียงคุณเรียก ทีนี้เลือดมันเลยพุ่งกระเด็นจากถุงเลือดออกมาเปื้อนหน้าเปื้อนผม  หนูพยายามล้างออกแล้วแต่ก็ยังไม่หมดดีโดยไม่รู้ตัว ก็รีบออกมาหาคุณเมื่อซักครู่ มันเลยดูน่ากลัวแบบนั้น ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะคะ...“ 

             สาวน้อยร่างเล็กอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับทางหญิงสาวที่อาวุโสกว่าได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกของเธอนั้นเข้าใจผิดกันจนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมานั่นเอง

        “เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย ฉันนึกว่าที่นี่จะมีผีเสียอีก...แบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย บอกตรงๆบรรยากาศรอบๆของที่นี่ทำเอาฉันคิดมากไม่ได้เลย ตอนดึกๆคงน่ากลัวพิลึกเหมือนกันนะเนี่ย...อืมส์ ฉันขอแนะนำตัวก่อนนะ...ฉันชื่อ “ศรีฟ้า“ นะ...จะเรียกฉันว่า  “ฟ้า“  ก็ได้ พอดีฉันสนใจจะมาเช่าอพารท์เม้นทต์ของน้องน่ะ...ว่าแต่ว่าแถวๆนี้คงไม่มีเรื่องผีดุอะไรๆทำนองนั้นใช่ไหม...ฮะๆๆ...“

             “ศรีฟ้า“ พูดขึ้นมาเชิงติดตลกมากกว่าจะเอาจริงเอาจัง แต่คำพูดที่สาวน้อยใส่แว่นตอบออกมานั้น ก็ทำเอาเธอถึงกับต้องครุ่นคิดในคำพูดที่พูดออกมาเลยทีเดียว...   

                “สำหรับฉันแล้ว ผี หรือ วิญญาณ เขาก็เคยเป็นคนเหมือนกันกับเรานี่แหล่ะค่ะ ดังนั้นแม้แต่ผีเองก็มีทั้งผีที่ดีและเลว เพียงแต่เขานั้นมีเพียงวิญญาณ ไม่ได้เหลือรูปกายสังขารเอาไว้ในโลกแล้วก็เพียงเท่านั้นเองค่ะ ดังนั้นอย่าไปกลัวพวกเขาเลยค่ะ กลัวคนจริงๆที่อาจจะทำร้ายเราได้ง่ายๆมากกว่าดีกว่าค่ะ...“

             หญิงสาวผู้มีอายุมากกว่าได้ฟังคำพูดที่ออกเป็นนัยเชิงให้ข้อคิดนิดๆแบบนั้น จากหญิงสาวที่อายุน้อยกว่า ก็ถึงกับต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ พลางพูดออกมาเล่นๆแบบไม่ได้คิดอะไรมากว่า...

“ฮะ...ฮะ...นี่เธอพูดอย่างกับว่า เธอเคยเจอผีมาแล้วอย่างนั้นแหล่ะ...ฮะ...ฮะ...ผีมันมีจริงด้วยเหรอ ?“

               หญิงสาวตัวเล็กเอามือแตะแว่นขึ้นมาเบาๆ ซึ่งทาง “ศรีฟ้า“ ก็คิดขึ้นมาว่าถ้าเธอไม่ตาฝาดไป เธอนั้นก็ได้เห็นแววตาที่อยู่ในกรอบแว่นเล็กๆนั้นวาวโรจน์ขึ้นมามากกว่าปกติอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะกลับเป็นแววตาคู่เดิมที่ดูอบอุ่น ก่อนที่หญิงสาวร่างเล็กจะเอ่ยขึ้นมากับเธอว่า

              “เอาล่ะค่ะ...ยังไงถ้าคุณรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ยังไงเรามาคุยกันเรื่องการจองห้องที่คุณต้องการดีไหมคะ นี่ก็ค่อนข้างจะบ่ายมากแล้ว เกรงว่าถ้าเย็นหรือค่ำเกินไปแล้วคุณจะไม่ค่อยสะดวกกลับ เพราะดูคุณก็น่าจะเพิ่งเคยเดินทางมาแถวนี้ใช่ไหมคะ ?“

          “อื้อ...นั่นซินะ...ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย งั้นเราสองคนรีบไปคุยกันเถอะนะ...เอ้อ...พี่จะเรียกชื่อของฉันว่า “เกส“ ก็ได้นะคะ“

             และแล้วทั้งสองคนก็ได้เดินเข้าไปพูดคุยกันเกี่ยวกับการจองห้องในห้องทำงานและก็เป็นห้องรับแขกไปด้วยในตัวของอพาร์ทเม้นทต์แห่งนี้

             “จริงๆห้องขนาดมาตรฐานของทางเรานี้จะว่างอีกทีช่วงสิ้นเดือนหน้า แต่ในเมื่อคุณแจ้งว่าได้ย้ายออกจากที่เดิมมาแล้ว และสามารถที่จะอยู่ห้องที่เล็กกว่าปกติหน่อยที่มีอยู่ห้องเดียวได้ ทางเราก็ยินดีที่ได้ทางคุณมาเข้านะคะ แล้วยังไงถ้าต่อไปคุณอยากย้ายเข้าห้องปกติที่ใหญ่กว่า ก็สามารถแจ้งกับทางนี้ได้อีกทีเลยนะคะ “

ทาง “ศรีฟ้า“ เองจึงได้พูดกับกับหญิงสาวที่อายุอ่อนกว่าด้วยน้ำเสียงอ่อยๆว่า

             “ห้องเล็กๆนั่นก็เพียงพอแก่ทางนี้แล้วล่ะค่ะ...แถมยังราคาถูกลงตั้งห้าร้อยบาท แล้วพูดกันตามจริงห้องขนาดเพียงแค่นั้นก็เพียงพอกับความต้องการของฉันแล้ว ว่ากันตรงๆฉันเองก็เพิ่งตกงานมา ถ้าหางานที่เหมาะสมทำไม่ได้ในช่วง 5 – 6 เดือนนี้ คงไม่แคล้วได้กลับไปทำเกษตรที่บ้านเก่าที่พิจิตรแล้วล่ะ  ซึ่งจริงๆทางบ้านเขาก็ยังไม่ได้อยากให้กลับ อยากให้ช่วยกันทำงานหารายได้เข้าบ้านกันอยู่ แต่ถ้ามันหางานที่เหมาะสมไม่ได้จริงๆ ยังไงก็ต้องกลับไปก่อนแล้วถ้าพอตั้งหลักใหม่ได้อย่างไร ค่อยว่ากันอีกที เพราะอย่างน้อยถ้าอยู่บ้านเกิด ก็ยังพอหาของกินราคาไม่แพงในท้องถิ่นแถวบ้านได้ อยู่แบบประหยัดไปจนกว่าจะหางานใหม่ได้อีกครั้ง เพราะงานเกษตรที่ทางบ้านทำอยู่บางทีมันก็ไม่แน่ไม่นอนเท่าไหร่ บางปีก็ได้กำไรพออยู่ได้ บางปีก็เกือบจะติดลบไม่ค่อยคุ้มจะทำเท่าไหร่...เฮ้อ...“

             “หนูขอเอาใจช่วยพี่ก็แล้วกันนะคะ...ขอให้ได้งานใหม่เร็วๆ หนูเองก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เลยยังไม่ได้สัมผัสโลกของการทำงานประจำเหมือนพี่ แต่ก็คอยช่วยๆงานทางบ้านอยู่เหมือนกันค่ะ ก็ยังคิดว่าถ้าอีกซักพักเรียนจบแล้ว จะเรียนต่อโทฯดีไหม หรือจะช่วยงานทางบ้านนี้เลย...เดี๋ยวค่อยคิดกันดูอีกที...ตอนนี้เท่าๆที่ดูๆแล้วเรื่องสัญญาต่างๆเราก็เซ็นต์กันเรียบร้อยดี จากนี้ไป ถ้าทางพี่ต้องการติดต่อเรื่องอะไร แล้วติดต่อคุณแม่หนูไม่ได้ ยังไงก็โทรหาหนูได้เลยนะคะ ปกติแล้วคุณแม่ของหนูจะมาคอยดูแลอพารท์เมนทต์ที่นี่อยู่เป็นหลักแต่ช่วงนี้คุณแม่เขาขอไปเที่ยวกับแก็งค์เพื่อนสาวของแกหน่อย...เลยฝากที่นี่มาให้ฉันคอยดูแลไปก่อนที่จะกลับมาก็น่าจะเป็นช่วงค่ำๆเลย...ฮึ...”

            “ศรีฟ้า“ แอบมองหน้าสาวรุ่นน้องที่เผลอทำ “หน้ามุ่ยแก้มป่อง“ ไปอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นมาแบบติดตลกว่า 

         “นั่นแน่...อีแบบนี้ ต้องแอบคิดถึงใครซักคนแน่ๆ ไม่ได้ไปเที่ยวกับแฟนแต่ต้องมาเฝ้าอพารท์เม้ทต์แทนหรือจ๊ะ ?“

             ได้ผลเลยเหมือนกัน...งานนี้หน้าของสาววัยรุ่นทำปากจู๋ขึ้นมาถนัดตาก่อนทำตากรอกไปกรอกมาแบบไม่รู้จะพูดอะไรมากเพียงแต่หลุดปากออกมานิดหน่อยหว่า...

              “จริงๆก็มีส่วนอยู่ค่ะ...ไอ้เราก็ว่าจะไปหาที่เดินเล่นด้วยซะหน่อย...ฮึ...ไม่รู้ว่าป่านนี้ไปเที่ยวกับทางด้านของ “แม่เสือสมิง“ นั่นเพลินไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้...อุ๊บส์...เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ...ฉันพูดผิดและดูเพ้อเจ้อไปหน่อย อย่าใส่ใจเลยนะคะ...“ 

              หญิงสาวร่างเล็กพูดจาอะไรประหลาดๆออกมาเบาๆ เหมือนเชิงรำพึง แต่แล้วก็เหมือนนึกได้ ก็รีบแก้ไขคำพูดทันที ซึ่งทางด้านของ “ศรีฟ้า“ ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย คงคิดว่าสาวน้อยคงจะพูดผิดมากกว่า น่าจะพูดว่าเป็นพวก “แม่เสือสาว“ อะไรแบบนั้นล่ะมั้ง แต่เผลอพูดผิดออกมาเป็น “เสือสมิง“ เท่านั้นเอง เพราะดูๆแล้วหญิงสาวคนนี้ก็ดูเป็นคนทันสมัย ไอ้พวกเรื่องโบราณ ไสยศาสตร์อะไรแบบนั้นเธอคงไม่สนใจหรอก ก็เลยใช้คำพูดผิดๆไปเมื่อซักครู่นี้ไง

             “อืมส์...ไม่เป็นไรหรอกนะน้อง “เกส“ ถ้าผู้ชายเขารักเราจริงล่ะก็ใครจะเข้ามาเขาก็ไม่สนใจหรอก ไม่ว่าจะเป็น “เสือสาว“ อะไรที่ไหนยังไง เขาก็คงไม่หวั่นไหวเหรอนะ...“

             “ศรีฟ้า“ มองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวรุ่นน้องที่ในตอนนี้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาให้เห็นได้ชัด แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับมีความนัยอะไรซ่อนอยู่ในใจของเธออยู่บ้าง แต่อย่างน้อยในตอนนี้หญิงสาวร่างเล็กคนนี้เธอก็ดูยิ้มแย้มสดใสขึ้นมามากกว่าเดิม

           “เอาล่ะค่ะ...เดี๋ยวยังไงพี่รออยู่ทางด้านล่างนี้ซักครู่ก่อนนะครับ ฉันจะขอเข้าไปดูความเรียบร้อยในห้องที่พี่จะพักซักหน่อยหนึ่งก่อน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็เดี๋ยวซักพักแม่บ้านของทางนี้เขากลับมาจากไปซื้อของที่จะเอามาทำกับข้าวเพิ่มเติมที่ตลาดแถวนี้แล้ว  ฉันจะให้เขาขึ้นไปดูแลทำความสะอาดให้เรียบร้อยอีกรอบหนึ่งนะคะ ตอนนี้รบกวนทางพี่รออยู่ทางด้านล่างนี้ซักครู่ก่อนนะคะ“      

     จากนั้นหญิงสาวร่างเล็กก็ขอตัวเดินขึ้นไปตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้องที่เตรียมจะให้ลูกค้าเช่าต่อไป โดยให้ทางด้านของ “ศรีฟ้า“ นั้นนั่งรออยู่ที่ข้างล่างตรงห้องรับแขกเหมือนเดิม

             สาวน้อยใส่แว่นได้เดินขึ้นไปที่ห้องหัวมุมตรงชั้นที่ 3 ของอพารท์เม้นทต์แห่งนี้ ซึ่งโดยพื้นที่แล้ว ทำให้เฉพาะห้องๆนี้ มีขนาดเล็กกว่าห้องอื่นอยู่ซักหน่อย แต่ก็ไม่เล็กมากจนเกินไปนัก เธอเปิดเข้าไปที่ในห้องอย่างเงียบๆ พลางมองสำรวจไปรอบๆห้องที่มีขนาดพอดีๆ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่แห่งนั้นไปจนทั่ว ก่อนที่จะมองมาที่ร่างสีจางๆร่างหนึ่งที่นั่งซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง ก่อนที่จะเดินไปหาร่างๆนั้นแล้วก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบว่า

             “เอ่อ... “นุนุ“ ยังไงถ้าเธอยังรู้สึกผูกพันกับห้องๆนี้อยู่และจะขอสิงอยู่ที่นี่ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ยังไงก็อย่าแสดงตัวให้คุณพี่ที่เขาจะมาอยู่ใหม่ได้เห็นตัวด้วยล่ะ เขาจะกลัวเอา เธอคงเข้าใจฉันนะ...เฮ้อ...จะพาไปหาหลวงปู่ให้ทางหลวงปู่ช่วยทำพิธีส่งวิญญาณให้ไปเกิดใหม่ก็ไม่เอา“

             เมื่อได้ยินหญิงสาวร่างเล็กพูดเชิงตักเตือนแบบนั้นขึ้นมา ร่างสีซีดจางๆร่างนั้นที่เมื่อซักครู่นั่งซุกตัวอยู่ที่พื้นห้องมุมหนึ่ง จึงลอยตัวสูงขึ้นเหนือพื้นนิดหน่อย และเผยให้เห็นสีหน้า ขาวซีด ดวงตาดำเป็นประกายสวยงามแต่ไม่มีแววแห่งการมีชีวิต ร่างนั้นทำการผงกหัวเหมือนยอมรับในการตักเตือนของสาวน้อยก่อนจะล่องลอยไปมาอยู่ในห้องซักพัก เหมือนกับจะคอยดูความเรียบร้อยภายในห้องให้หญิงสาวที่กำลังจะเข้ามาใหม่นั่นเอง แล้วพอดูเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับมานั่งซุกอยู่ที่มุมห้องเหมือนเดิม

“จิ๊กๆๆ... “

             หญิงสาวร่างเล็กถึงกับสะดุ้งขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆขึ้นมาที่เหนือหัว พอเธอหันไปมองก็พบกับจิ้งจกตัวสีออกขาวๆตัวหนึ่งที่ตัวค่อนข้างใหญ่กว่าจิ้งจกปกติเล็กน้อยเกาะอยู่บนเพดานอยู่ 1 ตัว 

              “จิ้งจกเหรอ...เฮ้อ...ตกใจหมดเลย ร้องทักแบบนี้มาได้สะดุ้งเลยนะเราเนี่ย...อ้าว...แล้วผีที่ยืนอยู่ตรงนี้ ทำไมมาทำหน้าแบบพลอยตกใจไปกับเขาด้วยแบบนั้นล่ะ...พวกผีอย่างเธอเนี่ย...ฉันมองเห็นตัวได้อยู่ ฉันก็ไม่เห็นต้องตกใจอะไรนี่นา...แต่นี่จิ้งจกอยู่ดีๆมันก็ร้องทักขึ้นมาไม่ให้สะดุ้งได้ยังไงเล่า “ 

“จิ๊กๆๆ...”

          “เอ้า...นี่ก็อีกตัว...จะเอาอะไรอีกคะ คุณจิ้งจก ? จะประท้วงอะไรอีก...จะบอกว่าทำไมทีผีไม่กลัว มากลัวอะไรกับจิ้งจกเหรอ...แหม่ๆ...ไอ้เรื่องผีน่ะ ฉันเห็นเองได้ตั้งแต่เด็กมาจนชินแล้วไม่กลัวหรอก...“

              หญิงสาวพูดคนเดียวเล่นๆไปอย่างนั้นแหล่ะ เธอไม่ได้ฟังจิ้งจกพูดรู้เรื่องหรอก แค่เพียงตัวเองอยากจะเล่นมุขให้ 1 ผี กับ 1 จิ้งจกฟังเล่นๆไปอย่างนั้นแหล่ะ จากนั้นเมื่อเธอดูความเรียบร้อยในห้องเกี่ยวกับน้ำ-ไฟต่างๆ ว่าติดเรียบร้อยเป็นปกติดีแล้ว และห้องก็ยังสะอาดอยู่เพราะเพิ่งทำความสะอาดมาเมื่อกลางๆเดือนที่แล้วนั่นเอง จากนั้นเธอก็เดินลงไปตาม “ ศรีฟ้า “ ให้ขนของขึ้นมายังห้องพักให้เรียบร้อย 

              “เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ “ศรีฟ้า“ สามารถเข้าพักได้เลยนะคะ ฉันขึ้นไปเช็คห้องให้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ  มีแค่ ผี...เอ๊ย...หมายถึงผีเสื้อตายอยู่ตัวเดียว ฉันจัดการเคลียร์ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ“

             “ขอบใจมากนะ...อืมส์...ต่อไปเรียกพี่กว่า พี่ “ฟ้า “ ชื่อเล่นเฉยๆ ก็ได้นะจ๊ะ แต่น่าสงสารผีเสื้อตัวนั้นนะ...ไม่รู้ทำไมไปตายอยู่ในห้องได้ยังไง สงสัยจะบินหลงเข้าไปเนาะ...น่าสงสารจัง “

“ใช่ค่ะ... น่าสงสารมากๆ...น่าสงสารจริงๆค่ะ”

        จากนั้นหญิงสาวที่อายุมากกว่าก็เก็บข้าวของขึ้นไปบนห้อง ส่วนหญิงสาวร่างเล็กก็นั่งพิงลงกับเก้าอี้พิงตัวใหญ่ในห้องทำงาน หลับตาลงช้าๆ จากนั้นก็มีเงาดำพาดขึ้นมาบริเวณใกล้ๆกับส่วนหัวของเธอ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับชายวัยกลางคน จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นมาเบาๆ แค่พอได้ยินกันสองคนระหว่างหญิงสาวและเงาร่างของชายผู้นั้นว่า

              “คุณหนูครับ คุณหนูแน่ใจนะครับว่า ยาย “นุนุ“ วิญญาณผู้หญิงชาวเมียนมาร์คนนั้นจะไม่โผล่มารบกวนคุณผู้หญิงที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่  จะให้พวกผมไปคอยกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่งไหมครับ ?“

หญิงสาวจึงยกมือขึ้นและโบกเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ แล้วก็พูดว่า

             “ฉันคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ยาย “นุนุ“ นี่ก็ดูจะพูดรู้เรื่องอยู่ อีกอย่างลูกค้าก็เป็นผู้หญิง สุภาพบุรุษอย่างพวกคุณลุงถึงแม้จะเป็นภูติพรายไปแล้ว แต่จะให้ไปสอดส่องในห้องของผู้หญิงตลอดมันก็ไม่ค่อยงามเท่าไหร่ งานนี้ปล่อยให้ทางหนูจัดการเองเถอะค่ะ พวกคุณลุงคอยดูแลป้องกันบ้านของเราเหมือนเดิมได้เลยค่ะ เรื่องนี้เดี๋ยวหนูจัดการเอง....”

           “ว่าแต่ว่า คุณนายแม่นะ...คุณนายแม่...รับลูกค้ามาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามีห้องแล้วชัวร์ๆ แต่ดันลืมไปว่าห้องปกติเพิ่มเต็มไปหมาดๆ ต้องเปิดเอาห้องสำรองที่ไม่ได้คิดว่าจะต้องเอามาใช้ให้ลูกค้าไปซะงั้น...ถึงแม้ว่าปกติคนทั่วไปจะไม่รู้ว่ามีวิญญาณอยู่ในห้องก็เถอะ มีแต่พวกมี Sense สัมผัสวิญญาณแบบฉันที่สามารถมองเห็นได้เท่านั้น แต่ถึงเป็นแบบนั้นก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่...แต่เอาเถอะ เราคงไม่เจอแจ็คพ็อตเจอลูกค้าที่มีความสามารถในเรื่องพวกนี้หรอกมั้ง“

เมื่อได้ฟังดังนั้นทางเจตภูตสูงวัยจึงได้กล่าวกับทางหญิงสาวร่างเล็กอย่างสุภาพว่า

              “ถ้างั้น ลุงขอตัวก่อนนะครับ...คุณหนู ถ้ามีอะไรให้เรียกใช้ลุง ก็เรียกหาลุงได้เลยนะครับ “

“ได้ค่ะ...ขอบคุณนะคะ คุณลุง “

และแล้วเงาของเจตภูตสูงใหญ่นั้นก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

              ขณะเดียวกันที่ด้านบน เนื่องจากทางผู้เช่าห้องรายใหม่เองนี่ ก็ไม่ได้มีสัมภาระติดตัวมามากนักนอกจากกระเป๋าเดินทางแบบเข็นได้อันใหญ่ๆ 2 อันที่เก็บเครื่องใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าที่เธอขนมาจากที่พักเดิมเท่านั้น ทำให้ในเวลาไม่นานหญิงสาวผู้มาเช่าห้องใหม่ก็จัดเรียงข้าวของในห้องพักของตัวเองเรียบร้อยเสร็จสรรพในเวลาไม่นาน และเมื่อหญิงสาวจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพื่อเตรียมตัวที่จะนอนพักเพื่อเตรียมตัวสู้ชีวิตต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามในที่เธอกำลังนั่งผ่อนคลายอยู่บนเตียงก่อนที่จะนอนนั้น เธอเองก็หวนคิดถึงความผิดหวังที่ต้องออกจากงานที่เคยทำอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ และสีหน้าของเธอก็มีสีหน้าที่เศร้าสร้อยและมีน้ำตาปริ่มที่ขอบตาเมื่อคิดถึงความผิดหวังที่ผ่านมา

             “เธอๆ...เป็นอะไรหรือ...ถึงต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น...ทำไมต้องร้องให้ ช่างน่าสงสารจังเลย แต่ตัวฉันเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย เพราะฉันเองก็เป็นแค่จิ้งจกธรรมดาๆตัวหนึ่งเท่านั้นเอง“ 

             หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพูดนั้นดังขึ้นมาจากด้านบนฝาผนัง เธอจึงรีบหันหน้าขึ้นไปดูยังแหล่งที่มาของเสียงทันที แล้วเธอก็ได้เห็นจิ้งจกตัวสีออกขาวตัวหนึ่งจ้องมองเธออยู่อย่างแน่วแน่ ไม่หนีไป  ไหนเลย

             “จิ้งจกอีกแล้วหรือเนี่ย...แต่ทำไมตัวนี้ดูจะพูดเก่งกว่าตัวอื่นนะ...แปลกๆดี ตัวอื่นพูดไม่ได้เยอะและละเอียดขนาดนี้นี่นา...”

              “ศรีฟ้า“ จึงยืนขึ้นมาและลองเอมมือเข้าไปหาเจ้าจิ้งจกตัวน้อยด้วยความเอ็นดู และก็เหมือนกับว่าเจ้าจิ้งจกตัวน้อยนั่นจะรู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีความเมตตาต่อและไม่มีทางทำร้ายตัวเขาแน่ จิ้งจกตัวน้อยจึงได้ค่อยๆคืบคลานขึ้นมาอยู่ที่ฝ่ามือของหญิงสาวอย่างช้าๆและในที่สุดในอีกไม่กี่อึดใจต่อมาเจ้าจิ้งจกน้อยก็มาอยู่บนฝ่ามือที่อ่อนนุ่มของหญิงสาวในที่สุด

             “จะว่าไปแล้ว ฉันก็เคยได้ยินจิ้งจกคุยกันมาก็มาก แต่ส่วนมากจะเป็นประโยคง่ายๆ ไม่เหมือนกับที่เธอพูดออกมาเลย ทำไมเธอพูดได้ยาวจังแฮะ เก่งกว่าจิ้งจกตัวอื่นเยอะเลย จิ้งจกตัวอื่นเวลาอยู่กันมากๆ แล้วมันส่งเสียงทักกันมาเซ็งแซ่ บางทีฉันก็รู้สึกรำคาญเหมือนกัน เหมือนโดนตะโกนใส่หน้าหลายๆคนพร้อมๆกัน เรื่องซ้ำๆ เป็นเสียงสะท้อนอยู่ในหัว จนบางทีฉันก็เบื่อในความสามารถพิเศษที่ฉันไม่สามารถจะบอกใครได้แบบนี้จนพาลหงุดหงิดเหมือนกัน แบบเมื่อตอนกลางวันนี่แหล่ะ...เฮ้อ...แต่เธอน่ารักดีนะดูเชื่องและก็ฉลาดด้วย “

             หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแล้วก็ลูบตัวของเจ้าจิ้งจกตัวอวบน่ารักไปมาเบาๆ

           “ตัวฉันเองไม่มีงานทำแล้วน่ะ เจ้าจิ้งจกน้อย ต้องรีบหางานในเวลาอีกไม่นานแล้วล่ะ ไม่งั้นแม้แต่ห้องเล็กๆที่นี่ ฉันก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน “ 

      น้ำเสียงที่เธอพูดกับเจ้าจิ้งจกตัวน้อยนั้น ช่างฟังดูแล้วช่างแสนอ่อนล้าและเศร้าสร้อยเสียเหลือเกิน

 “ยุคนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร ก็ลำบากแท้  ยิ่งโลกมีสารพัดปัญหาแบบนี้ เศรษฐกิจมันก็ตกต่ำกันไปทั่วโลกนั่นแหล่ะเน่อ ผมฟังข่าวแล้ว ก็ได้แต่ให้กำลังใจทุกๆคน ให้สู้ชีวิตกันต่อไป“

เจ้าจิ้งจกตัวน้อยพูดจาตอบโต้กับหญิงสาวได้อย่างฉะฉานเลยทีเดียว

             หญิงสาวถึงกับเลิกคิ้วขึ้นมาเลยทีเดียวเพราะว่าโดยส่วนตัวแล้วเธอไม่เคยพบเคยเจอจิ้งจกที่ไหน จะคุยเรื่องต่างๆได้ลึกซึ้งขนาดนี้เลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ ตามสัญชาติญาณของสัตว์มากกว่า เช่น หิว หรือต้องการสืบพันธุ์,ตัวเองไม่สบาย อะไรแบบนั้น ซึ่งบางครั้งเองก็ทำให้เธอต้องตกใจหรือรำคาญในบางอารมณ์ได้เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้ว “ ศรีฟ้า “ เองก็เป็นคนรักสัตว์อยู่มากเลยทีเดียว พอมีโอกาศได้เจอจิ้งจกที่น่ารักและฉลาดขนาดนี้ แถมยังคอยเป็นเพื่อนพูดจาปรับทุกข์ให้กับเธอได้บ้าง ก็ทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูเจ้าจิ้งจกตัวน้อยตัวนี้มากขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว