นี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?
ตลก,แฟนตาซี,รัก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จิ้งจกน้อยสื่อรักนี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?
ชีวิตของ "ศรีฟ้า" ตัวเอกของเราช่างเหมือนกับรถไฟเหาะตีลังกา หลังจากตกงานไม่นาน เธอก็ต้องย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ติดกับป่าช้า และที่ทำให้เรื่องราวยิ่งแปลกไปอีกคือมีจิ้งจกที่ฉลาดผิดปกติอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีคนที่ดูเหมือนจะมีหญิงสาวที่เหมือนจะเป็นเสือสมิงเดินผ่านไปมาในบริเวณนี้อีกด้วย แต่ไม่มีใครนอกจากตัวของเธอที่มองเห็นได
นางเอกของเรามุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความจริง ของหญิงสาวผู้ที่เป็นเสือสมิงคนนี้ และหวังว่าจะได้โด่งดังในโลกโซเชี่ยล และอาจจะได้งานดีๆ จากการเปิดเผยเรื่องราวแปลกๆ เหล่านี้ก็เป็นไปได้....
แต่เรื่องราวก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อมีชายหนุ่มลึกลับและดูเหมือนจะหล่อมากๆ คอยตามตัวเอกอยู่เป็นพักๆ แต่ทุกครั้งที่หันไปดู เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาเป็นผีหรือคนกันแน่? และทำไมสวรรค์ถึงมอบความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์เลื้อยคลานให้กับเธอกันล่ะ...?
ด้วยความสามารถที่ไม่รู้จะใช้หาเงินอย่างไร ตัวเอกของเราจึงต้องเผชิญกับความสับสนและความหงุดหงิด ชีวิตของเธอนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป? มาร่วมติดตามการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นพบ ความลึกลับ และความรักที่ไม่คาดคิดใน “จิ้งจกน้อยสื่อรัก”
เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วขึ้นมาเสียงดังพอประมาณ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับไหลไปนานตั้งแต่ในช่วงกลางดึกของเมื่อคืนยันมาจนถึงช่วงที่พระบิณฑบาตรเสร็จไปแล้ว ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มจะมีแสงสว่างรำไรขึ้นมาตามขอบฟ้า จนหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่ เมื่อได้ยินเสียงต่างๆรอบๆตัว เธอก็สามารถลืมตาตื่นขึ้นมาได้เองโดยอัตโนมัติด้วยความคุ้นชินของอดีตพนักงานออฟฟิศที่ต้องเตรียมตัวไปทำงานตอนเช้าอยู่เป็นกิจวัตรประจำวัน โดยที่จะว่าไปแล้ว เรื่องการตื่นนอนนี่ตัวของเธอเองแทบจะไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกด้วยซ้ำไป พอถึงเวลาประมาณนี้ ร่างกายก็เหมือนจะคุ้นชินต่อสภาพการณ์ต่างๆรอบตัวที่เกิดขึ้นแล้วก็สามารถที่จะตื่นขึ้นมาได้เองเลยทีเดียว แต่เพื่อความไม่ประมาทยังไงก่อนที่เธอจะนอนก็มีการตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ด้วยเช่นกันเพราะถ้าเผลอพักผ่อนนานเกินไป ก็อาจจะทำให้ตื่นสายจนไปทำงานไม่ทันได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อหญิงสาวนึกขึ้นมาได้ว่าในตอนนี้ตัวของเธอนั้นยังไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งเหมือนเช่นในอดีต มันก็ทำให้เรี่ยวแรงที่เธอเหมือนจะมีในตอนแรกถดถอยลงไม่น้อยเลย หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียงของเธออย่างกระปกกระเปลี้ยพลางถอนหายใจยาวๆอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะหยิบมือถือเครื่องเก่าเครื่องเดิมของเธอมาไถหน้าจอเพื่อหาดูว่ามีการติดต่ออะไรมาจากบริษัทไหนที่เธอได้ส่งประวัติการทำงานของเธอไปให้บ้างหรือเปล่า หรือว่ามีงานอะไรที่ดูน่าสนใจในกลุ่มหางานในโลกออนไลน์บ้างไหมซึ่งเมื่อเธอได้ลองไล่ๆดูไป ก็ได้แต่ถอนหายใจพลางบ่นว่า
“เฮ้อ...ก็ยังไม่เจออะไรที่น่าสนใจแฮะ แถมพวกหลอกลวงก็ยังเต็มกลุ่มเต็มโลกออนไลน์ไปหมดเหมือนเดิม โพสต์หลอกเอาประวัติส่วนตัวไปเพียบ ใครเผลอไปกรอกรายละเอียดสำคัญๆให้พวกนี้ไป อาจจะเดือดร้อนก็ได้นะเนี่ย แบบนี้การไปสมัครในเว็บหรือแอพฯที่น่าเชื่อถือได้น่าจะดีกว่า หรือไม่เราก็ต้องลองไปเดินๆดูตามหน้างานอีกทีซินะ“
หญิงสาวทำการอาบน้ำแต่งตัวตามปกติเหมือนกับทุกๆวัน เพียงแต่ในวันนี้นั้นเธอไม่ได้ออกไปทำงาน แต่ออกไป “ หางาน “ เท่านั้นเอง โดยจุดมุ่งหมายของเธอในวันนี้ ก็คือการไปตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่ายนี้ ประมาณ 1 – 2 ห้าง เพื่อไปดูว่ามีที่ไหนที่เป็นงานที่ดีมีอนาคตและเขามีการเปิดรับพนักงานเพิ่มเติมบ้าง เธอจะได้ลองลุ้นสมัครไปทำงานดูนั่นเอง
“ศรีฟ้า“ จึงเดินลงมาจากชั้นที่เธออยู่และเธอก็สังเกตเห็นผู้คนมากมายหลายคนตามห้องต่างๆ เริ่มทยอยออกเดินทางเช่นกัน ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มและดูมีกำลังใจในการสู้ชีวิตเป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเธอเห็นภาพแบบนั้นแล้วก็รู้สึกว่าตัวของเธอเองก็ต้องไม่ยอมแพ้เหมือนกัน และพอเธอก้าวเดินมาได้ซักพักหนึ่ง เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ก็คือเสียงของสาวแว่นตัวน้อยที่เธอได้คุยไปเมื่อวาน คอยมาทักทายสมาชิกที่อยู่ภายในอพาร์ทเม้นทต์แห่งนี้อยู่ทางด้านนอก พอเธอโผล่หน้าออกไปดู ก็ได้เห็นหญิงสาวผู้นั้นกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่ด้านนอกของตัวอาคารอย่างเพลิดเพลิน แต่ถ้าเธอมองเห็นใครในอพาร์ทเม้นทต์แห่งนี้นั้นเดินออกมาเพื่อจะไปทำงานหรืออะไรก็แล้วแต่ เธอก็จะทักทายอย่างเป็นกันเองกับทุกๆคนโดยไม่มีการหยิ่งหรือวางท่าว่าเป็นลูกเจ้าของอพารท์เม้นทต์แต่อย่างใด และเมื่อหญิงสาวตัวเล็กมองเห็นเธอก็เดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเองแบบคนอื่นเช่นกัน
“ฉันจะลองออกไปหางานทำข้างนอกดูน่ะ...เผื่อจะได้เจองานที่ดีและเหมาะสมกับฉันก็ได้ แล้วก็หวังว่าฉันจะโชคดีบ้างล่ะนะ... “
“สู้ๆนะคะ...ทางนี้ก็หวังว่าพี่จะโชคดีเช่นกัน ขอให้ได้งานดีๆใหม่ไวๆน๊า...“
หลังจากนั้นหญิงสาวทั้งสองคนก็แยกตัวออกจากกันโดยทาง “ศรีฟ้า“ นั้นก็ได้เดินดุ่มๆออกไปทางปากทาง ส่วนหญิงสาวที่ร่างเล็กกว่าอย่าง “เกส“ ก็ได้เก็บสายฝักบัวต่างๆสำหรับรดน้ำต้นไม้อย่างเรียบร้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องครัว แล้วเธอก็หยิบถ้วยอาหารพร้อมกับธูปชุดเล็กๆขึ้นไปที่ชั้นวางเล็กๆลักษณะคล้ายหิ้งที่อยู่ในชั้นของอาคารที่มีห้องของทาง “ศรีฟ้า“ อยู่ เธอได้เดินเอาอาหารไปวางที่จุดๆนั้น พร้อมทั้งจุดธูปก้านเล็กๆขึ้นมาก้านหนึ่ง พลางทำท่าทางเหมือนการสวดมนตร์อยู่ซักครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเดินไปที่ห้องของ “ศรีฟ้า“ ช้าๆ เพื่อไขประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องของหญิงสาวที่เพิ่งเดินทางออกไปข้างนอกไปเมื่อซักครู่นี้เอง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆห้องและพบเป้าหมายที่ต้องการจะพบเจอในที่สุด
หญิงสาวร่างเล็กค่อยๆเดินไปที่เป้าหมายของเธอ ที่เป็นร่างอันเลือนรางที่กำลังใช้มือเปิดข้าวและอาหารต่างๆที่เป็นลักษณะคล้ายอาหารทิพย์อยู่อย่างอิ่มหนำสำราญ
“ค่อยๆทานก็ได้นะ ที่นี่ไม่มีใครแย่งเธอหรอก ฉันเห็นเธอทำตัวเรียบร้อยดีอย่างที่เราได้คุยกันไว้ มื้อนี้ฉันก็เลยจัดเต็มเป็นพิเศษให้เลย ค่อยๆกินให้สบายไปเถอะ นุนุ“
“อ้ำๆ...อืมส์ๆๆ...ขอบคุณ...ขอบคุณค่ะ... “
ร่างที่ดูเลือนรางและมีผมยาวปลกหัวนั้น เงยหน้าขึ้นมามองหน้าหญิงสาวร่างเล็กอย่างรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณเพราะสำหรับผีไร้ญาติแบบเธอแล้ว ถ้าไม่มีคนทำบุญส่งอาหารมาให้แบบนี้ ก็คงจะต้องหิวโหยอย่างมากเป็นแน่แท้ ซึ่งทางด้านของ “เกส“ เองก็เป็นคนที่ได้คอยทำบุญให้กับทาง “นุนุ“ มาโดยตลอดอยู่แล้ว และจริงๆแล้วเธออยากจะพา “นุนุ“ ไปทำพิธีส่งวิญญาณด้วยซ้ำไป แต่พอเห็นวิญญาณของหญิงสาวนั้นยังดูอาลัยอาวรณ์ในโลกใบนี้อยู่ หญิงสาวก็ยังไม่อยากฝืนใจอะไรมากนัก แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นแค่วิญญาณก็ตามยังไงก็ค่อยๆทยอยเกลี้ยกล่อมไปเรื่อยๆก่อนก็แล้วกัน
“เธอยังอาลัยอาวรณ์อะไรในที่นี้อยู่อีกหรือ...นุนุ... ? หรือเป็นเพราะว่าเป็นห้องที่เธอได้มีส่วนในการสร้างเอง แต่เธอต้องมามีอันเป็นไปก่อนที่ห้องนี้จะสร้างเสร็จ ? เธอไม่เคยบอกฉันเลย...ไม่ว่าฉันจะถามเธอมาซักกี่ครั้งแล้ว ?“
หญิงสาวร่างเล็กเอื้อมมือไปแตะร่างโปร่งใสอย่างไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือรังเกียจใดๆกับร่างวิญญาณอนาถาที่อยู่ตรงหน้าเลยมีแต่ความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกที่แม้จะเป็นแค่เพียงวิญญาณเท่านั้น
“แต่ยังไงฉันก็ยังอยากจะขอให้เธอคิดทบทวนไว้ให้ดีนะ เพราะอยู่ในสภาพของผีเร่ร่อนแบบนี้ไปเรื่อยๆมันก็ไม่ดีจริงๆ ถ้าเธอคิดตกและปลงได้เมื่อไหร่ก็บอกฉันมาอีกทีก็แล้วกันนะ “
ร่างโปร่งใสนั้นไม่ได้พูดจาอะไรตอบกลับมามากมาย เพียงแต่ทำเสียงฮึมฮัมอยู่ในลำคอเบาๆแต่ไมได้พูดออกมาเป็นประโยคอะไรที่ยืดยาว นอกจากคำว่า “ขอบคุณ“ ด้วยสำเนียงของคนต่างชาติและผงกหัวให้กับสาวน้อยผู้ใส่แว่นเหมือนจะยอมรับในสิ่งที่เธอพูดมาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“จ๊อกๆ“
เสียงจิ้งจกร้องทักดังเบาๆ เหมือนเช่นเคย ทำเอา “ เกส “ นั้นถึงกับสะดุ้งอีกตามเคย เมื่อเธอมาห้องนี้ทีไร เป็นต้องเจอเจ้าเสียงคุ้นหูนี้ ร้องทักทายทุกครั้งไป แล้วพอหญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองที่ด้านข้างของผนังปูนภายในห้อง ก็ได้เจอจิ้งจกตัวสีค่อนข้างเผือก ตัวอวบอ้วน ซึ่งถ้าเธอจำไม่ผิด ก็น่าจะเป็นตัวเดิมที่เธอเคยได้เจอเป็นประจำนั่นแหล่ะ...ที่วันนี้มันก็มาหาเธออีกครั้ง ทำให้เธอถึงกับแปลกใจเลยทีเดียวว่า เจ้าจิ้งจกตัวน้อยตัวนี้ทำไมถึงได้มาหาเธอบ่อยครั้งนัก เธอจึงลองเอื้อมมือไปหาเจ้าจิ้งจกตัวน้อยดูเล่นๆเผื่อว่าจะสามารถจับตัวของเจ้าจิ้งจกน้อยได้ ซึ่งก็ดูเหมือนเจ้าจิ้งจกตัวน้อยก็จะไม่เดินหนีไปที่ไหนเสียด้วยซิ...อย่างไรก็ตามก่อนที่มือของเธอนั้นจะเอื้อมไปถึงเจ้าจิ้งจกนั้น เธอกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาทางด้านหลังของเธอ จนเธอต้องหันหลังกลับไป แล้วก็พบว่าเสียงนั้นเกิดจากการที่วิญญาณของสาว “ นุนุ “ เกิดอาการตัวสั่นเทา ร้องครางออกมาเบาๆ พลางทรุดตัวลงเอามือกุมที่หัวและหมอบแนบลงไปกับพื้น เหมือนกับกลัวกับอะไรบางอย่างๆมากเลยทีเดียว ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยเห็นอาการของวิญญาณสาวเป็นแบบนี้มาก่อนเลยเหมือนกัน
“เป็นอะไรไปหรือ... “นุนุ“ เกิดอะไรขึ้นฉันไม่เคยเห็นเธอแสดงอาการแบบนี้ออกมาเลย “ ?
“คนพวกหนึ่งที่น่ากลัวกับวิญญาณเร่ร่อนอย่างฉัน...กำลังจะมาแถวๆนี้แล้ว ฉันกลัว...ฉันกลัว...ถ้าเขาเจอฉันๆ จะต้องถูกพาไปที่ๆพวกนั้นอยู่แน่ๆเลย “
วิญญาณสาวก้มลงหมอบซุกตัวไปมาอยู่ที่ตรงมุมห้อง ร่างของเธอดูเหมือนจะเลือนรางมากขึ้นราวกับว่าจะพยายามซุกซ่อนกลิ่นไอวิญญาณของตัวเองไม่ให้ใครที่มีอำนาจสัมผัสวิญญาณได้ สามารถที่จะรับรู้การมีอยู่ของตัวเธอในที่แห่งนี้
ส่วนทางด้านของ “เกส“ นั้นก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอะไรบางอย่างเช่นกัน ด้วยเธอเองก็เป็นผู้ที่มีสัมผัสในด้านต่างๆของวิญญาณเป็นอย่างดี เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีพลังวิญญาณอะไรบางอย่างที่รุนแรงอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับอพารท์เม้นทต์ของเธอๆ จึงรีบปิดประตูห้องของ “ศรีฟ้า“ เอาไว้ตามปกติแล้ววิ่งลงมาเปิดประตูที่ด้านล่างของอพารท์เม้นทต์พลางมองไปยังจุดที่เธอรู้สึกได้ว่ามีพลังวิญญาณแรงกล้าแผ่ออกมาซึ่งก็อยู่ไม่ได้ไกลจากตรงที่เธอยืนอยู่เท่าไหร่ แต่แล้วก็เหมือนกับเกิดปรากฏการณ์บางอย่างขึ้น...
พลังจิตวิญญาณที่เธอสัมผัสได้อย่างแรงกล้าเมื่อซักครู่นี้ บัดนี้พลังจิตเหล่านั้นทั้งหมดได้อัตรธานหายไปเรียบร้อยแล้ว เสมือนหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลยก่อนหน้านี้ มันหายไปชนิดที่ว่าเธอเองนั้นไม่สามารถที่จะสัมผัสพลังวิญญาณเหล่านั้นได้อีกเลย
อย่างไรก็ตามเหงื่อกาฬที่ผุดเต็มใบหน้าของหญิงสาวก็เหมือนกับเป็นประจักษ์พยานได้ว่าเมื่อซักครู่นี้เธอรู้สึกตื่นเต้นและระทึกขวัญขนาดไหนกับโอกาศที่จะได้เจอกับพวกที่มีพลังวิญญาณสูงขนาดที่ทำให้เธอรู้สึกสะท้านขึ้นมาในหัวใจจนอยากจะรู้เลยว่าพลังวิญญาณที่เธอสัมผัสได้นั้นมันมาจากพวกไหนกันแน่ ? หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเงียบๆ
“คนพวกนั้นเขาหลบซ่อนตัวจากการพยายามจะออกมาให้เห็นตัวของฉันรึ ?...ไม่ซิ...เราจะเรียกว่าพวกนั้นเป็น “คน” ก็คงไม่ได้หรอก แต่ถึงอย่างไรฉันก็อยากจะได้เห็นหน้าค่าตาของพวกนั้นซักครั้ง...แต่ถ้าพวกนั้นเขาสามารถหลบซ่อนตัวจากประสาทสัมผัสของฉันได้ถึงเพียงนี้ ฉันเองก็คงจะหมดปัญญาที่จะได้เห็นพวกนั้นเหมือนกัน...เฮ้อ... “
หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งพักตัวลงที่ขอบปูนข้างถนนริมแม่น้ำ ก่อนที่ในความคิดของเธอนั้นจะหวนนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้ชายคนสำคัญที่สุดของหัวใจของเธอนั่นเอง
“นี่ถ้า “พาฝัน“ เขาอยู่ที่นี่กับฉันด้วย...ฉันคิดว่าเขาต้องช่วยเหลือฉันได้แน่ๆ พลังและความสามารถในการตรวจจับพลังวิญญาณของเขานั้นเหนือกว่าฉันมากเลย แต่ตอนนี้เขาคงทำงานพิเศษอยู่แน่ๆเลย แฮะ...แฮะ...คิดถึงเขาจังเลย...แหม่...เราเองนี่ก็หลงผู้ฯไม่เบานะเนี่ย...ว่าจะพยายามไม่คิดถึงมากละ แต่พอมีอะไรเกิดขึ้นมานี่ฉันเองก็อดคิดถึงที่รักของฉันคนนี้ไม่ได้จริงๆแฮะ...อยากให้เปิดเทอมใวๆจัง จะได้เจอกับเขาบ่อยๆที่มหาวิทยาลัย“
และถ้าในตอนนี้มีใครซักคนที่มีพลังพิเศษ และเหลียวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของหญิงสาวไปซักเกือบๆสิบเมตร ก็จะได้เห็นร่างของผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่ลอยตัวอยู่ที่กลางอากาศและจับจ้องมองมาที่หญิงสาวร่างเล็กอย่างชนิดที่เรียกได้ว่าจดจ้องอย่างไม่วางตาเลยทีเดียว
“ท่าน “ฮาเดส“ ครับ...ท่านแน่ใจแล้วหรือครับว่าพวกเราต้องหลบซ่อนตัวจากเธอคนนี้ให้ดีๆ ? ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้แล้วก็ไม่ได้ต่างกับหญิงสาวธรรมดาๆทั่วไปเลย เธอไม่น่าจะมองเห็นพวกเราได้เลยนะครับ ?“
ชายหนุ่มผมยาวสีออกม่วงอมดำผู้หนึ่งเมื่อได้ฟังผู้ชายร่างผอมเพรียวที่เหมือนจะติดตามกันมาผู้หนึ่งพูดขึ้นมาดังนั้น ก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็หันมาตอบเบาๆว่า
“เชื่อข้าเถอะท่านยมทูต “สุวรรณ“...เธอคนนี้สามารถมองเห็น และสัมผัสกับพวกเราได้จริงๆ แค่เพียงเธอตั้งสมาธิเพียงซักหน่อย หล่อนก็จะมองเห็นพวกเราได้อย่างไม่ยากไม่เย็นเลยทีเดียวล่ะ ดังนั้นอยู่ห่างๆจากเธอเอาไว้ดีกว่า...เราคงไม่อยากให้การปรากฏตัวของพวกเราถูกมนุษย์พบเห็นได้หรอกใช่ไหม...ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กฏเกณฑ์อะไรที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเทพเจ้าอย่างข้าก็เถอะนะ...”
เป็นเรื่องจริงตามที่ท่านว่านั่นแหล่ะขอรับ...พวกแบบอย่างเรานั้นไม่ควรเสี่ยงที่จะให้มนุษย์ธรรมดาๆมองเห็นเรื่องเหนือธรรมชาติจากพวกเราได้เพราะถ้าเหตุการณ์พวกนี้มันเกิดขึ้น มันก็อาจจะทำให้โลกทั้งสองโลกนั้นปั่นป่วนวุ่นวายได้เหมือนกัน “
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า “ท่านฮาเดส“ ก็ได้พูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆว่า
“เรื่องที่พวกเราจะลงไปพบปะกับพวกมนุษย์ก็ต้องเป็นเรื่องที่เหมาะสมจริงๆถึงควรจะกระทำให้เรื่องแบบนั้นๆเกิดขึ้นและสำหรับเธอคนนี้แล้วก็อาจจะเป็นไปได้ที่ซักวันหนึ่ง ตัวของฉันเองจะไปปรากฏกายให้ผู้หญิงคนนี้ได้เห็นและอาจจะรวมถึงเพื่อนๆของผู้หญิงคนนี้ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาแบบนั้นหรอก... “
ซึ่งเมื่อได้ฟังคำพูดจากปากของทาง “ฮาเดส“ ก็ทำให้ทางยมทูต “สุวรรณ“ ถึงกับต้องตะลึง เพราะไม่ได้คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ จะมีความสำคัญมากถึงขนาดที่หนึ่งใน “มหาเทพสูงสุดแห่งโอลิมปัส“ ต้องการอยากจะพูดคุยกับเธอคนนี้โดยตรงเชียวหรือ ?
“ท่าน “สุวรรณ “ คงสงสัยซินะว่า ทำไมตัวของข้าถึงดูให้ความเมตตากับผู้หญิงคนนี้มากเป็นพิเศษ ?นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าเคยทำผิดกับผู้หญิงคนนี้กับเพื่อนของเธออีกสองคนมาก่อนหน้านี้ จากความขาดสติของข้าเองที่โมโหเรื่องที่ท่าน “พระยายมบาล“ เจ้านายของท่านเอากาแฟ “ ขี้กระบือนรก“ มาให้ข้าทานจนข้าฉุนขาด และระเบิดพลังจิตสังหารออกมารอบตัวอย่างมากมายจนทำให้ระบบของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในควบคุมการเกิดใหม่ของนรกภูมิแถบเอเชียพังพินาศพังพินาศไปหลายส่วน ทำให้ระบบการนำพา “ วิญญาณบาป “ ทั้งหลายไปเกิดใหม่นั้นรวนเรเละเทะไปอยู่พักหนึ่งเลย กว่าจะซ่อมเสร็จก็นานหลายปีโข แถมพอซ่อมเสร็จหมดแล้ว มาไล่ดู code ของเหล่า “วิญญาณบาป“ ทั้งหลายแล้วพบว่าเกิดข้อผิดพลาดเต็มไปหมด จนต้องมาตามนั่งไล่แก้ไขกันเป็นสิบกว่าปีแล้วนี่ยังไม่หมดเลย บางงานข้าเองถึงกับต้องลงมาแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองแต่พวกท่านจะโทษเราแต่เพียงผู้เดียวก็ไม่ได้นะ เพราะท่าน “ พระยายมบาล “ ของพวกท่านก็มีส่วนที่ทำให้เรา “สติแตก“ ด้วยนี่นาจริงหรือไม่ ? “
“ที่ท่าน “ฮาเดส“ พูดมานั้นถูกต้องทุกประการขอรับ...จนถึงทุกวันนี้ ท่านพญายมราชของเราเองก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่เลย เวลาเจอหน้าของท่านที่ไร ก็ยังรู้สึกขัดๆเขินๆไม่ใคร่จะกล้าสนทนาด้วยเหมือนเมื่อก่อนเลยครับ“
“จะว่าไปแล้วเรื่องมันก็เนิ่นนานผ่านไปหลายปีแล้วล่ะนะ...ข้าเองก็ไม่ได้นึกถือโทษโกรธเคืองอะไรแล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องที่พวกเราต้องรับผิดชอบเราก็ต้องรับผิดชอบแก้ไขให้มันเรียบร้อยก็แค่นั้นเองล่ะนะ “
“อย่างหญิงสาวผู้นี้...กับเพื่อนของเธออีกสองคนทั้งหมดก็เคยได้รับความเดือดร้อนลำบากแก่ตัวเองทั้งนั้น เพราะความโมโหร้ายของข้าเอง ก็เลยทำให้พวกเขาต้องไปเกิดเป็น “ปลาแซลมอน” อยู่ตั้งหลายปี ทั้งๆที่ควรจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ตั้งนานแล้ว แต่พวกนั้นก็ไม่เคยต่อว่าหรือแสดงกิริยาไม่ดีกับข้าแม้แต่น้อยนิด ทำให้ข้ารู้สึกเอ็นดูและเมตตาพวกนี้ยิ่งนัก ซักวันหนึ่งถ้าพวกนี้ได้หมดอายุขัยไปจากโลกมนุษย์ทั้งหมดแล้ว ข้าเองก็อยากจะรับมาทำงานใกล้ชิดข้าทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ เสียแต่ว่าอีกสองคน นั่นก็คือทางด้านของน้องชายข้า “โปเซดอน“ กับทางญาติของข้า “อาธีน่า“ เอง พวกนั้นก็หมายมั่นปั้นมือที่จะนำเพื่อนของเธอไปเป็น “คนในสังกัด “ เช่นกัน
เพียงแต่ตอนที่มาเกิดใหม่นั้น ความทรงจำในส่วนนี้คงจะลืมเลือนไปจากพวกเขาจนเกือบหมดแล้ว แต่ด้วยพลังความสามารถของพวกเทพสูงสุดแห่งโอลิมปัสอย่างข้าฯ และทั้งสององค์นั่น เพียงแค่พวกเราเข้าไปทำการรื้อฟื้นความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ชั่วคราวของพวกนั้น เท่านี้พวกนั้นก็จะจำเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตชาติที่ข้าเป็นคนผนึกเอาไว้ได้จนหมดแล้ว”
“แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ข้าฯจะทำอะไรแบบนั้น พลังจิตวิญญาณแฝงของพวกนั้นยังไม่เติบโตเต็มที่ ถ้าไปใช้วิธีการคืนความทรงจำแบบนั้นรวดเร็วเกินไป อาจจะกลายเป็นผลเสียก็ได้ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ เวลาที่เหมาะสมที่สุดน่าจะเป็นหลังจากนี้อีกซัก 2 – 3 ปี เมื่อถึงเวลานั้น พวกท่านจะได้เห็นเหล่าเทพสูงสุดแห่งโอลิมปัส ได้ลงไปพูดคุยกับมนุษย์เหล่านี้แน่ และข้าเองก็คิดว่า น้องของข้า อย่าง “โปเซดอน“ ก็ได้จับตาคนรักของนางอยู่อย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับ “เอเธน่า“ ก็คงเล็งเป้าหมายไปที่เพื่อนผู้หญิงอีกคน ผู้เคยมีชะตากรรมร่วมลงไปเกิดเป็นปลา “แซลมอน“ เช่นเดียวกับนาง และคนรักของนางเช่นกัน”
“ไม่แน่บางทีนางอาจจะแอบแปลงตัวลงมาใกล้ชิดกับเป้าหมายของนางมานานแล้วก็เป็นได้ เพราะเทพที่ชาญฉลาดอย่างนางคงไม่ปล่อยให้คนที่ตัวเองหมายตาจะเอามาเป็นกำลังเสริมในกองทัพเทพของตนในอนาคตนั้นหลุดมือไปแน่ๆ... “
“แต่ท่าน “สุวรรณฯ“ เอ๋ย...ถึงยังไงกองทัพยมโลกของเราก็มักจะเป็นกองทัพเทพที่ได้เปรียบในการที่จะค้นหาเพชรเม็ดงามขึ้นมาประดับกองทัพอยู่แล้ว นอกจากทั้งสามคนนั้นแล้ว คนที่เราต้องการจะมาพบเจออย่างแม่สาวที่สามารถพูดจากับสัตว์เลื้อยคลานได้ในครั้งนี้ ถ้าเราเจรจาให้นางประทับใจในกองทัพฯของเราและตัวข้าได้ ในอนาคตตอนที่นางสิ้นอายุขัยแล้วเราก็อาจจะได้บุคลากรที่มีความสามารถพิเศษมาควบคุมเหล่าสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งในนรกได้ อย่างเช่นที่ข้าฯนั้นได้ผูกพันกับเจ้า “เซอร์เบรุส“ หมาน้อยที่น่ารักของข้าไง ท่านดูซิ ข้าน่ะเลี้ยงมันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกเลยนะ ตอนเป็นหมาน้อยก็น่ารัก โตขึ้นมาก็ดูดี สง่าน่าเกรงขาม“
ว่าแล้วทางด้านของ “ฮาเดส“ ก็ได้ส่งมือถือ “สตอร์เบอร์รี่ รุ่น 5.0“ ที่เป็นมือถือรุ่นใหม่มาตรฐานที่ เหล่าเทพทั้งบนสวรรค์และในนรกนั้นใช้ร่วมกัน ที่มีภาพของเจ้าหมานรกสุดโหด “เซอร์เบรุส“ ตั้งแต่ยังเป็นหมาสามหัวตัวเล็กๆ ไปจนตอนนี้ตัวเท่าภูเขาลูกย่อมๆแล้วมาทาง ยมทูต “สุวรรณฯ“ ดู ซึ่งเรื่องนี้ทางยมทูต “สุวรรณฯ“ ดูไปแล้วก็แอบนึกในใจว่า “น่ารักตรงไหนฟระเนี่ย ?“ แต่ก็นะ...เพื่อไม่ให้กระทบกับความสัมพันธ์อันดีงามของนรกภูมิสาขาเอเชีย และนรกภูมิสาขายุโรปและทวีปอเมริกา ก็ทำให้ทางด้านของยมทูต “สุวรรณฯ“ นั้นก็ต้องพยายามฝืนพูดจาชื่นชมเจ้าหมายักษ์ “เซเบรุส“ ไปหลายประโยคเลยทีเดียว ว่าน่ารักอย่างโน้น น่ารักอย่างนี้ ทำเอาทางด้านเทพ “ฮาเดส“ ถึงกับยิ้มแก้มปริเลยที่มีคนเข้าใจความรักสัตว์ (โหดๆ) แบบที่ตัวเองชอบด้วยเหมือนกัน