นี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?
ตลก,แฟนตาซี,รัก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จิ้งจกน้อยสื่อรักนี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?
ชีวิตของ "ศรีฟ้า" ตัวเอกของเราช่างเหมือนกับรถไฟเหาะตีลังกา หลังจากตกงานไม่นาน เธอก็ต้องย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ติดกับป่าช้า และที่ทำให้เรื่องราวยิ่งแปลกไปอีกคือมีจิ้งจกที่ฉลาดผิดปกติอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีคนที่ดูเหมือนจะมีหญิงสาวที่เหมือนจะเป็นเสือสมิงเดินผ่านไปมาในบริเวณนี้อีกด้วย แต่ไม่มีใครนอกจากตัวของเธอที่มองเห็นได
นางเอกของเรามุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความจริง ของหญิงสาวผู้ที่เป็นเสือสมิงคนนี้ และหวังว่าจะได้โด่งดังในโลกโซเชี่ยล และอาจจะได้งานดีๆ จากการเปิดเผยเรื่องราวแปลกๆ เหล่านี้ก็เป็นไปได้....
แต่เรื่องราวก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อมีชายหนุ่มลึกลับและดูเหมือนจะหล่อมากๆ คอยตามตัวเอกอยู่เป็นพักๆ แต่ทุกครั้งที่หันไปดู เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาเป็นผีหรือคนกันแน่? และทำไมสวรรค์ถึงมอบความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์เลื้อยคลานให้กับเธอกันล่ะ...?
ด้วยความสามารถที่ไม่รู้จะใช้หาเงินอย่างไร ตัวเอกของเราจึงต้องเผชิญกับความสับสนและความหงุดหงิด ชีวิตของเธอนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป? มาร่วมติดตามการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นพบ ความลึกลับ และความรักที่ไม่คาดคิดใน “จิ้งจกน้อยสื่อรัก”
ณ ใต้ห้วงน้ำอันลึกล้ำ สิ่งที่เจ้าแห่ง “ ยมโลก “และ “ ยมทูตสุวรรณ “ นึกว่าเป็นปลานั้น แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่ ร่างสีซีดเผือด ดวงตาดำขลับ ไร้ประกายดวงหนึ่งได้ว่ายเข้าสู่วังใต้น้ำอันเป็นเหมือนปราสาทราชวัง ที่อยู่ในส่วนลึกของบริเวณปากน้ำอ่าวไทยจุดหนึ่งและไม่ใช่เป็นมิติของ “คนเป็น“ ที่จะสามารถเห็นหรือเข้าไปได้ มิติแห่งนี้นั้นเป็นมิติที่อยู่ซ้อนทับกับมิติที่มนุษย์ทั่วไปจะสามารถมองเห็นได้ ถ้าไม่ได้รับการอนุมัติจาก “ เทพเจ้า “ หรือจะเห็นได้อีกที ก็คือคนที่เห็นนั้นเป็น “ร่างจิตวิญญาณ“ ไปแล้วเท่านั้นเอง
ร่างขาวซีดนั้น...ได้ค่อยเดินเข้ามาในปราสาทแห่งนั้น และทันทีที่ได้พบกับ บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ สง่างาม ผู้มีสีผมเป็นสีโทนฟ้า ราวกับสีน้ำทะเลที่สดใส ร่างนั้นก็คุกเข่าลงทำความเคารพร่างๆนั้นโดยทันที ก่อนที่จะเอ่ยถ้อยคำรายงานสถานการณ์ต่างๆ ที่ได้พบมาให้กับร่างสูงใหญ่ร่างนั้นได้ฟัง
“เรียนท่านมหาเทพ “โพเซดอน“ วันนี้สถานการณ์ทั่วไป ในย่านปากแม่น้ำเจ้าพระยาเรียบร้อยดีค่ะ...พวกเราเหล่าพรายน้ำก็รวบรวมเหล่าวิญญาณที่ตายในน้ำมาจัดระเบียบได้เรียบร้อยเป็นอย่างดี แต่เราได้พบกับท่านเจ้าแห่งยมโลก “ท่านฮาเดส“ กับท่าน “สุวรรณ“ ได้มาทำธุระอยู่ที่บริเวณใกล้ๆ กับคลองบางกอกน้อยเป็นเวลานาน และข้าก็ได้แอบฟังสิ่งที่พวกนั้นได้คุยกันมาได้ความมาพอสมควร...อยากที่จะเรียนแจ้งให้ท่านได้ทราบเป็นการส่วนตัวค่ะ“
ร่างสูงใหญ่นั้นจึงได้ยกมือขึ้นมาเป็นเชิงให้คนอื่นๆออกไป ซึ่งเหล่าผู้ที่ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นทหารรักษาพระราชวัง ก็ได้ทำการโค้งตัวลงนิดหน่อย แล้วก็ได้ก้าวถอยหลังออกไปช้าๆ และในที่สุดภายในท้องพระโรงแห่งนั้นก็เหลือแต่ ผู้เป็นเจ้าแห่งมหาสมุทรทั้งปวง อย่าง “โพเซดอน“ กับ พรายน้ำสาวสวยที่นั่งคุกเข่าสงบนิ่งอยู่ทางเบื้องหน้าเท่านั้น...
“เอาล่ะ...ตอนนี้เหลือแต่เราเพียงสองคนแล้ว เชิญพูดคุยกันตามสบายเถอะนะ “เรมี่“ อืมส์...หรือข้าจะเรียกเจ้าด้วยชื่อที่เป็นชื่อของเจ้าในชาตินี้ที่ชื่อว่า “ลูมิ“ กันดีล่ะนะ...ข้าได้ทำการคืนความทรงจำของเจ้าที่มีในอดีตชาติให้เรียบร้อยแล้ว เจ้าคงจำได้แล้วซินะ ว่าในอดีตชาติที่ผ่านมา เจ้ามีชื่อว่าอะไร...”
“เรื่องนั้นแล้วแต่ ท่าน “โพเซดอน“ จะโปรดเถอะเพคะ...ดิฉันก็ยังคงเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของท่านอยู่เสมอเช่นเดิมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นค่ะ...“
“เจ้ายังเสียใจอยู่ใช่ไหม...ที่ข้าไม่สามารถจะช่วยให้เจ้ามีอายุยืนนานเป็นมนุษย์อยู่บนโลกเบื้องบนได้อย่างที่เจ้าหวังเอาไว้ เรื่องนี้ข้าเองเสียใจอยู่นะ แต่ข้าไม่ได้เป็นเทพเจ้าที่มีสิทธิกำหนดเรื่องความเป็นความตายได้มากเท่ากับท่านพี่ “ฮาเดส“ และแม้แต่จะเป็นตัวของทาง “ฮาเดส“ เอง แม้จะพยายามช่วยเต็มที่แล้ว ก็ทำให้เจ้ามาเกิดเป็นเพื่อนกับ คนที่ทางเจ้าแอบ “ชื่นชม“ ไม่ใช่ซิ...เป็นคนที่เจ้า “แอบรัก“ ตั้งแต่แรกเห็นอย่างเจ้าหนุ่ม ผู้เคยเกิดเป็น “ปลาแซลมอน“ ที่กล้าหาญตัวนั้นน่ะ...แต่อย่างน้อยก็ยังดีอยู่บ้างที่ถึงแม้ว่าเจ้าจะสิ้นอายุขัยในความเป็นมนุษย์ในโลกใบนี้ กลายมาเป็น “พรายน้ำ“ แล้ว เจ้าหนุ่มนั่นก็ยังมีพลังพิเศษที่สามารถมองเห็นและสัมผัสกับเจ้าได้อยู่ และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยเสมอมา ก็นับว่ายังพอเป็นเรื่องที่ดีอยู่บ้างล่ะนะ ซึ่งก็ทำให้ข้าแน่ใจว่า ในซักวันหนึ่งเขาจะยังเป็นกำลังสำคัญให้กับกองทัพมหาสมุทรของเราได้แน่ๆ เมื่อเวลาอันสมควรนั้นมาถึงล่ะนะ “ลูมิ“ เอาล่ะ...เรื่องเก่าๆ ให้มันผ่านไปเถอะ...ว่าแต่เจ้าบอกว่า เจ้าเห็นท่านพี่ของข้ากับ ยมทูต “สุวรรณ“ มาทำอะไรกันรึ...ข้าหวังว่าน่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าการที่ท่านพี่ของข้าจะเดินทางมาหาอะไรอร่อยๆกินนะ...ใช่ไหม ?“
“สำหรับเรื่องนี้นั้นข้าเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องที่สำคัญต่อดุลยภาพด้านขุมกำลังของกองทัพเทพเจ้าในอนาคตซิคะท่าน “โพเซดอน“ ขอเชิญท่านเข้ามาหาข้าใกล้ๆ ข้าจะเล่าเรื่องสำคัญนี้ให้ท่านฟังค่ะ“
และหลังจากที่ทาง “โพเซดอน“ นั้นเขยิบตัวเข้ามาใกล้ๆกับ “พรายน้ำสาว“ และได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของ “ลูมิ“ แล้วก็ถึงกับขมวดคิ้วเลยทีเดียว พลางกล่าวว่า
“จริงอยู่ที่กองทัพเรานั้นมีผู้ที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ประเภทสัตว์น้ำได้มากพอสมควร แต่ถ้ากับสัตว์บกนั้นก็มีไม่ใคร่มาก การได้ผู้ที่มีความสามารถอย่างที่ว่ามาร่วมกับกองทัพจ้าวสมุทรของเรานั้น ก็มีแต่เรื่องดีไม่มีข้อเสียแต่อย่างใด...เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว“
“ซึ่งทุกวันนี้ข้าเองก็มีเจ้าที่เป็นผู้มีความสามารถที่ข้าไว้วางใจ เป็นดั่งเลขานุการที่ข้าเชื่อใจ แล้วในอนาคตข้าก็ยังหวังได้ว่า จะมีชายหนุ่มผู้นั้นผู้ซึ่งเจ้านั้นผูกพันรักใคร่อยู่เป็นอันมาก มาเข้าร่วมกับกองทัพเจ้าสมุทรของเรา ตามที่เขาได้เคยตั้งใจเอาไว้เมื่ออดีตชาติ เพียงแค่ข้าใช้พลังของข้าเพียงเล็กน้อยให้เขาได้ระลึกถึงชาติที่แล้วที่เขาเคยพูดจาเอาไว้เป็นเหมือนดั่งสัจจะที่มีให้ไว้ต่อเหล่าเทพเจ้า ข้าก็คิดว่าบุรุษเช่นเขาไม่น่ารวนเร หรือผิดคำพูดหรอก เมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้ว เขาต้องมาเข้าร่วมกับกองทัพเจ้าสมุทรของเราแน่ๆ เจ้าว่าจริงหรือไม่ล่ะ...“
“ผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ ข้าเชื่อว่าเขาต้องมาเข้าร่วมกับ กองทัพเจ้าสมุทรของเรา เมื่อถึงเวลาอันควร เมื่อเขาได้ละสังขารจากความเป็นมนุษย์มาเป็นร่างวิญญาณแล้ว ท่าน “ โพเซดอน “ ก็ย่อมใช้พลังของเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ทำให้เขามีตัวตนขึ้นมาอีกครั้งในรุปแบบของผู้ใต้สังกัดของท่านได้อย่างแน่นอนค่ะ และข้าก็จะรอคอยที่จะได้พบกับเขาในร่างนั้นอีกครั้งเช่นกันค่ะ“
“ฮ่า...ฮ่า...เอาเถอะ ถ้าเขาผู้นั้นได้เข้ามาร่วมกับกองทัพเจ้าสมุทรของเราเรียบร้อยแล้วในอนาคต และเขานั้นยังคงมั่นคงในความรักที่มีกับเจ้าจริงๆ เหมือนดังเช่นในตอนที่เขายังเป็นมนุษย์อยู่ตอนนี้แล้วล่ะก็...ข้าคนนี้นี่แหล่ะจะรับเป็นเจ้าภาพจัด“ งานวิวาห์ใต้สมุทร“ ให้กับเจ้าเองนะ...ฮ่า ฮ่า...“
“ท่าน “โพเซดอน“ อย่าเพิ่งหยอกเย้าข้าเล่นเช่นนั้นซิคะ...ข้าเองก็ยังไม่กล้าจะคิดอะไรมากหรอกค่ะ...เพราะบอกตรงๆ ข้าเองก็ยังคงต้องเคลียร์ กับอีก “สองคน“ เขาอย่างหนักแน่ๆ เพราะว่าทั้งสองคนนั้นในอนาคตก็คงต้องสังกัดกับ “กองทัพเทพ” เช่นเดียวกัน ถ้าทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองมากๆเข้า ไม่เคลียร์กับทั้งสองคนนั้นให้แน่ชัดก่อน ท่าน “ โพเซดอน “ อาจจะได้เห็น “ ผู้ใต้สังกัดของท่านอาเธน่า“ หรือไม่ก็ทาง “ ผู้ใต้สังกัดของท่านฮาเดส “ บุกเข้ามาเคลียร์ปัญหาหัวใจกันถึงวังใต้บาดาลแห่งนี้ก็ได้นะคะ...ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น...ดิฉันเองคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเหมือนกัน“
“นั่นซินะ...เธอเองก็มี “ คู่แข่งหัวใจ “ อยู่อีกสองคนนั่นซินะ...จะว่าไปแล้วเจ้าหนุ่มนั้นมันจะเรียกได้ว่าเป็นคนเป็นคนที่โชคดีหรือคนที่โชคร้ายกันแน่นะ...เรื่องราวความรักของเจ้าหนุ่มคนนี้ ถึงได้อลวนวุ่นวายกันขนาดนี้ จะว่าไปแล้วตอนที่ยังเป็นคนเป็นๆอยู่ก็อย่างในตอนนี้ ยังดูจะวุ่นวายน้อยกว่าในตอนที่ได้ละร่างของมนุษย์ปุถุชนด้านบนมาเป็นร่างที่มีพลังวิญญาณที่ตัวของข้าฯรอคอยที่จะดึงมาเป็นผู้ร่วมกองทัพเจ้าสมุทรของเราเสียอีก...ฮ่าฮ่าฮ่า...“
“เอาเถอะ...เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต แถมเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าด้วย ข้าเองก็จะไม่ขอออกความเห็นอะไรมากนัก มาพูดถึงเรื่องของผู้หญิงที่มีพลังพิเศษ ที่สามารถคุยกับสัตว์เลื้อยคลาน และอาจจะเป็นสัตว์อื่นๆได้อีกถ้าได้รับการปลุกพลังแฝงที่ซ่อนเอาไว้เพิ่มเติมคนนั้นดีกว่า ตอนนี้เรายังไม่รู้ใช่ไหมว่าเธอคนนั้นเป็นใคร และอยู่ที่ใหน ?“
“เรียนท่าน “ โพไซดอน “ต้องยอมรับว่าทางเราไม่มีข้อมูลเลยค่ะ... ทางท่าน “ ฮาเดส “และอีกคน ที่น่าจะเป็นท่าน “ สุวรรณ “ แห่งกองทัพยมโลก ไม่ได้เอ่ยปากเลยว่าเธอผู้นั้นเป็นใคร จริงๆ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ทางเราเองก็ได้ฟังมาแบบไม่คาดคิดเช่นกันค่ะ ในตอนแรกเราตั้งใจเพียงแค่มาลาดตระเวนดูลาดเลาทั่วไปตามกิจวัตรประจำวันแค่นั้นเองค่ะ...“
“อืมส์...แม้กองทัพเจ้าสมุทรของเรา จะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม อลังการของปราสาทใต้สมุทร และมีพลังทางเศรษฐกิจและทรัพย์สินล้ำค่าที่สะสมเอาไว้มาตั้งแต่ในอดีตกาล อยู่ในระดับสุดยอดของบรรดากองทัพเทพกองทัพหนึ่ง แต่เรื่องของบุคลากรนี่ ยังไงทางเราก็ยังไม่ถือว่าได้เปรียบกับของกองทัพเทพคนอื่นมากนักนั่นแหล่ะนะ...เพียงแต่ใครก็จะมาดูหมิ่นกองทัพฯเราเสียเลยก็ไม่ได้เท่านั้นเอง ยิ่งในการแข่งกีฬาว่ายน้ำในการชิงชัยด้านกีฬาโอลิมปิคของเหล่าเทพที่ภูเขาโอลิมปุส กองทัพของเรานี่ จัดได้ว่าเป็นแชมป์เก่า 188 สมัย แข่งที่ไร โกยเหรียญทองเป็นกอบเป็นกำ หรือจะเป็นกีฬาอะไรที่มีน้ำมาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโปโลน้ำ , พายเรือ , ยิมนาสติกลีลาทางน้ำ พวกเราก็ทำเหรียญทองกันได้อู้ฟู่มาตลอด“
“แต่กีฬาฟุตบอลที่เป็นกีฬาที่ท่านชื่นชอบมากที่สุด สำหรับกองทัพเรานั้น...เอ่อ...“
“ยับแม่ยับ...เป็นประจำ...แต่ก็ยังโชคดีนะที่ไม่เคยออกไปโดยใครเขายิงที 7 ลูกคาบ้าน แบบบางทีมเขาโดนกัน ถ้าแบบนั้นไม่รู้ว่าอีกกี่ร้อยปี จะแก้หน้าได้ หรืออาจจะไม่มีโอกาศแก้แค้นได้เลยก็เป็นได้ แต่ปกติแล้วอันดับที่ดีที่สุดของทีมฟุตบอลของกองทัพจ้าวสมุทรของเราก็คือได้แต่ที่ 2 ที่ 3 หรือไม่บางทีก็ตกรอบแรกมันเสียง่ายๆซะอย่างนั้นแหล่ะ...ถ้าได้พ่อหนุ่มคนนั้นมาเล่นฟุตบอลที่เป็นกีฬาฮิตสุดๆในการแข่งขันกีฬาของเหล่าเทพแห่งโอลิมปัสในตอนนี้ สถานการณ์ของทีมฟุตบอลของกองทัพเจ้าสมุทรของเราต้องดีขึ้นแน่ๆ ซึ่งข้ารู้มาว่าพ่อหนุ่มคนนั้นเล่นบอลได้เก่ง และดุดันมากๆ ไม่เชื่อเจ้าลองดูคลิปที่ข้าใด้ให้ทีมงานของกองทัพเราไปเป็นแมวมองถ่ายดูซิ งานนี้กองหน้า กับ กองกลางของทีมฟุตบอลของกองทัพเทพฝั่งตรงข้ามต้องหนาวๆร้อนๆกันบ้างแหล่ะ ว่าแต่ตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่แล้วได้พบกับเขา...เจ้าไม่เคยได้ไปดูเขาเตะฟุตบอลบ้างเลยเหรอ ?“
“ทางนี้ก็ไม่เคยเลยค่ะ...เคยจะขอไปดูด้วยเขาก็ห้ามไม่ให้ไปดูตลอดเลย และดิฉันคิดว่าอีกสองคนที่เป็นเพื่อนของฉัน ก็คงไม่เคยได้ไปดูมาก่อนเหมือนกันค่ะ“
“ข้าก็ไม่แปลกใจหรอกนะ...เพราะในสนามเขาเล่นได้โหด และ ดุดันมากๆ เขาคงไม่อยากให้พวกเจ้าทั้งสามคนเห็นด้านที่ดุดันแบบนั้นของเขาแหล่ะ...แต่นี่แหล่ะ มันคือฟุตบอล นักฟุตบอลบางคนนอกสนามฟุตบอลนี่ก็คือสุภาพบุรุษ มีน้ำจิดน้ำใจดี ควรแก่การเอาเป็นคนรักของผู้หญิงทุกคนในโลก แต่ในสนามฟุตบอลนี่ ขอโทษนะ บางทีข้านึกว่าเอาคนโรคจิตหรือนักโทษที่เป็นฆาตกรลงมาเล่น อัดเป็นอัด หวดเป็นหวด ซัดกันจนแทบจะล้มประดาตาย นี่แหล่ะเขาถึงเรียกกันว่า ในสนามฟุตบอล มันก็คือสังเวียนในการต่อสู้แบบหนึ่ง พ่อหนุ่มคนนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้นแหล่ะนะ...แถมในเรื่องกีฬาประเภททางน้ำเขาก็ชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องว่ายน้ำ หรือพายเรือก็ไม่ธรรมดา ถ้าไม่เกรงใจ ข้าจะส่งรายชื่อเขาเข้าแข่งกีฬาแห่งเหล่าเทพทั้งสองรายการเลย แต่ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ข้าคงต้องไปสอบถามข้อกำหนดกับคณะกรรมการจัดแข่งที่สภาเทพแห่งภูเขาโอลิมปัสอีกที...แต่ถ้าจะให้เลือกแค่อันเดียวข้าก็จะส่งเขาลงแข่งในกีฬาฟุตบอลนี่แหล่ะ“
ทันใดนั้นก็มีเสียงเดินกุ่กๆกั่กๆ ขึ้นมาทางด้านหลัง พร้อมกับปรากฏหญิงสาวร่างสูงระหงร่างหนึ่งขึ้นมา หญิงสาวคนนั้นมีผมสีน้ำตาลอมแดง และมีใบหน้ารูปไข่ที่โดดเด่นของผู้หญิงทางยุโรป เธอมาอยู่ในชุดที่มีลักษณะคล้ายกับเกล็ดปลาที่เป็นดิ้นเลื่อมพรายระยับสวยงาม โดยชุดทางด้านบนนั้นจะมีสีออกชมพู และทางส่วนขาก็จะกางเกงขายาวที่ออกเป็นสีเขียวเข้มงดงามเลื่อมพราวไม่แพ้กับเสื้อทางด้านบน และหลังจากที่ทาง “โปเซดอน“ และ “ลูมิ“ได้มองเห็นเธอแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ได้ก้มลงคุกเข่า ทำความเคารพแก่หนึ่งใน 12 เทพสูงสุดแห่งโอลิมปัสอย่างนอบน้อม
“เรียนท่านมหาเทพ “โพเซดอน“ ถ้าท่านต้องการจะหาข้อมูลที่ละเอียดของผู้หญิงคนนั้น ก็ขอให้พวกเรา “ Mermaid Team“ได้ทำการค้นหาข้อมูลของผู้หญิงคนนั้นให้กับท่านเถอะค่ะ พวกข้าน่าจะทำได้ดีกว่าพวกผู้หญิงหน้าซีดพวกนี้ ที่เป็นเพียงพวก “พรายน้ำ“ ที่อาศัยอยู่ได้แต่แค่ในน้ำเท่านั้น จะไปหาข้อมูลอะไรให้ท่านได้ซักเท่าไหร่กันเชียว ถ้าให้ข้าพูดตรงๆพวกนี้สู้พวกเราเหล่านางเงือกไม่ได้หรอกค่ะ...”
“จริงอยู่ที่ว่า “ไอรีน“ เจ้าน่ะเป็นนางเงือกสายพันธุ์ไอริช หรือที่เรียกว่าเซลกี้ ที่สามารถแปลงครีบหางของพวกเจ้าให้เป็นขาเหมือนพวกมนุษย์ได้ มีความพิเศษเหนือชั้นกว่าพวก “เงือก“สายพันธุ์ทั่วๆไปหรือ “พรายน้ำ“ ในตระกูลอื่นๆ ก็เถอะ แต่งานนี้ เจ้าต้องไปทำงานที่แข่งกับทางกองทัพ “ยมโลก“ ภายใต้การนำของท่านพี่ “ฮาเดส“ ที่ลงมากำกับงานเองถึงขนาดนี้ ดังนั้นเจ้าเองก็ต้องระมัดระวังตัวของตัวเองให้มากทีเดียวนะ “ไอรีน“ อย่าไปทำอะไรที่เสี่ยงที่จะทำให้ท่านพี่ของข้าโกรธขึ้นมาเชียวล่ะ...“
“การจะหาผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากหรอกค่ะ...ข้าน่ะมีแผนการณ์อยู่แล้ว แถมยังอาจจะมีโอกาศได้ทดสอบความสามารถของเธอคนนั้นด้วยว่าจะเข้าท่าซักแค่ไหน เพราะว่าถ้าเป็นพวกฝีมือธรรมดาๆ ไม่ได้มีพลังอะไรที่น่าสนใจ ข้าก็ไม่เห็นด้วยว่าทางกองทัพเจ้าสมุทรอันเกรียงไกรของเรานั้น จะต้องไปเสียเวลาค้นหาตัวผู้หญิงคนนั้นทำไมให้เสียเวลาเหมือนกัน...แถมเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณในอนาคตของกองทัพเราอีก นี่จะว่าไปแล้วเธอไม่ค่อยจะมีงานทำหรือยังไงหือ...”ลูมิ“ ถึงได้ขยันช่างสรรหาเรื่องหาราวต่างๆมากวนใจท่าน “ โปเซดอน “ อยู่เป็นประจำเลยนะเจ้านี่...“
หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดสีเหลืองและเขียวที่สวยระยับ พูดบ่นขึ้นมา พร้อมกับทำท่าเหมือนกับรู้สึกอิดหนาระอาใจเต็มที่ในความหูไวตาไวของเพื่อนพรายน้ำผู้ที่ถึงแม้จะเป็นผู้รับใช้ของเจ้าแห่งมหาสมุทรเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในด้านของรายละเอียดลักษณะของตัวตนที่มีความแตกต่างกัน
“ฉันเองในฐานะของหัวหน้ากองลาดตระเวนทางน้ำของกองทัพเจ้าสมุทรในน่านน้ำปากอ่าวไทย และทะเลแปซิฟิก เมื่อเจอเหตุการณ์หรืออะไรที่น่าสนใจ ฉันก็ต้องมารายงานต่อท่าน “โพเซดอน“ ตามหน้าที่ของหัวหน้ากองลาดตระเวนของฉันเองเท่านั้นแหล่ะ...ส่วนที่เหลือ หรือ เป็นเรื่องที่สำคัญขนาดไหน ก็ขอให้เป็นทางท่าน “โพไซดอน “ เป็นผู้ตัดสินใจเองเถอะ ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ หรือไม่สำคัญประการใด“
พรายน้ำสาวได้พูดอธิบายขึ้นมาให้นางเงือกสาวได้ฟังแบบเรียบๆ น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกถึงการแสดงอารมณ์ว่าหงุดหงิดหรือโกรธเคืองอะไรกับหญิงสาวที่ออกมาบ่นยืดยาวก่อนหน้านี้ เหมือนกับจะชาชินในพฤติกรรมของ “ เงือกสาว “ รายนี้เป็นอย่างดีแล้ว
“ถ้าเข้าใจก็ดีแล้วล่ะนะ...ยังไงก็ส่งพิกัดแถวๆที่เธอไปค้นหามาให้ฉันด้วยล่ะ...เรื่องการค้นหาคนน่ะนะ ให้พวกฉันหน่วย “นางเหงือกสายพันธุ์ไอริช “ เป็นผู้จัดการเถอะรับรองได้ว่าน่าจะได้เรื่องได้ราวมากกว่าพวกเผ่าพันธุ์แบบเธอเยอะ เพราะอะไรๆมันก็สะดวกกว่ากันมาก คนที่ขึ้นบกไม่ได้ มันจะสะดวกอะไรสู้คนที่อยากจะขึ้นบก หรือ ลงน้ำก็ได้อย่างพวกฉันล่ะจริงไหม...โอเค...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันคงต้องขออนุญาตทางท่าน “ โพเซดอน “ ไปเตรียมดำเนินการให้ก่อนนะคะ แล้วได้เรื่องอย่างไร ดิฉันจะส่งรายงานข้อมูลให้อีกที่ค่ะ...“
ว่าแล้วเงือกสาวแสนสวย ผมสีน้ำตาลแดงในชุดคล้ายชุดราตรีสุดเฟี้ยวก็หมุนตัวหันหลังแล้วก้าวเดินฉับๆออกไปอย่างรวดเร็ว และก่อนที่จะลับตาของทั้งทาง“ โพเซดอน “ และ “ ลูมิ “ ไป ก็หันหน้ามาทางพรายน้ำสาว ก่อนจะทำสัญญาณมือว่าให้ส่งพิกัดที่จะต้องไปให้ด้วยอีกทีด้วยท่าภาษามือ ก่อนจะเดินลับตาไปทางหลังม่านที่เธอนั้นเดินเข้ามาในตอนแรก ซึ่งทางพรายน้ำสาวก็รีบกดพิมพ์แจ้งตำแหน่งผ่านทางมือถือ “สตอร์เบอร์รี่ 5.0 รุ่นใช้งานในน้ำได้ “ ของตัวเองส่งไปให้อย่างรวดเร็วเหมือนกับกลัวว่าจะโดนนางเหงือกสาวนั้นพิมพ์ทวงงานมาให้หงุดหงิดใจอีกรอบประมาณนั้นเลยทีเดียว
“ดูพวกเจ้านี่ไม่ค่อยจะถูกกันเลยนะ...ยังไงก็พยายามอย่าทะเลาะกันเถอะนะ เพราะจริงๆ พวกเจ้าทั้งสองคนนั้น ก็เป็นผู้ที่ทำงานให้กับข้าได้เป็นอย่างดีทั้งคู่ และล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ข้านั้นไว้ใจ ยังไงแล้วก็ญาติดีกันเอาไว้เถอะ...“
“ข้าชินแล้วล่ะค่ะ...ท่าน “โปเซดอน“ เรียกได้ว่าพวกข้าก็คุยกันแบบนี้ มาตั้งแต่ชาติก่อนของดิฉันแล้วล่ะค่ะ...ดูไปดูมาแล้ว ก็คงไม่แคล้วว่าจะต้องคุยกันแบบนี้ไปอีกหลายชาติแหล่ะค่ะ ถ้ายังจำหน้ากันได้ล่ะนะคะ...ถ้าทางท่าน ”โปเซดอน“ ทรงรู้สึกรำคาญในเรื่องนี้แล้ว ก็ขอให้พระองค์ส่งดิฉันไปหาท่าน “ฮาเดส “ ให้ทางด้านของท่าน “ฮาเดส“ ส่งข้าไปเข้าโปรแกรมกำเนิดใหม่ของทาง “ยมโลก“ เขาเถอะค่ะ...”
พรายน้ำสาวพูดออกมาเสียงราบเรียบ แต่เนื้อหาของคำพูดนั้นก็มีแววแห่งการดัตพ้อและน้อยใจในตัวเองอยู่บ้างซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่าถึงแม้เธออยากจะทำงานให้กับทาง “เจ้าแห่งมหาสมุทร” อย่างไร ตัวของพรายน้ำอย่างเธอนั้นก็ยังมีข้อจำกัดตามสภาพของเผ่าพันธุ์ของเธออยู่ดี นั่นก็ทำให้ทางด้านของเจ้าสมุทร“ โปเซดอน “ ถึงกับรู้สึกเอ็นดู และเอื้อมมือออกมาแตะไหล่ของพรายน้ำสาว ก่อนที่จะจับมือของพรายน้ำสาวขึ้นมา และหยิบของบางอย่างใส่เอาไว้ในมือของเธอ ซึ่งเมื่อพรายน้ำสาวแบมือที่มีลักษณะคล้ายมือคนแต่มีพังพืดของเธอออกมาดู เธอก็ถึงกับต้องทำหน้าตาประหลาดใจ
เพราะว่า ในมือของเธอนั้นมีสิ่งที่ดูคล้ายๆ กับสร้อยคอสองเส้นที่มีรัศมีเรืองรอง ที่ปลายของสายสร้อยทั้งสองเส้นนั้นสร้อยเส้นหนึ่งจะเป็นโลหะวัตถุที่มีลักษณะคล้ายๆกับฟองน้ำ ส่วนที่ปลายสายของสร้อยคออีกเส้นหนึ่งจะเป็นรูปตรีศูลโลหะขนาดเล็กๆ สร้อยทั้งสองเส้นนี้มีความแวววาว สวยงามยิ่งนัก สีสันของสร้อยทั้งสองเส้นนี้คล้ายกับว่าเป็นสีทอง แต่ก็ดูมีความสุกใสและแพรวพราวมากอย่างยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันช่างสวยงามราวกับว่าแสงที่สะท้อนออกมานั้นเป็นดวงดาวที่พร่างพราวอยู่บนฟ้าเลยทีเดียว
“ท่านโปเซดอนคะ...สร้อยคอสองเส้นนี้มัน...“
พรายน้ำสาวตอนนี้เหมือนคนที่มีอะไรอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก...ด้วยความที่เธอรู้ดีว่า สิ่งที่แสนสวยงามที่อยู่ในมือของเธอขณะนี้นั้นมีคุณค่ามากมายมหาศาลขนาดไหน...
“สร้อยคอ “สมบัติพระสมุทร“ ทั้งสองเส้นนี้ ข้าขอมอบให้เจ้าเป็นของขวัญ ในฐานะที่เจ้าได้ช่วยทำงานให้กับข้ามาเป็นอย่างดีมาตลอดหลายสิบปีนี้ก็แล้วกันนะ ดังนั้นเจ้าจงรับสร้อยเส้นหนึ่งที่จะทำให้ผู้ที่ไม่สามารถขึ้นไปสัมผัสกับพสุธาได้เลยอย่างเจ้าสามารถขึ้นมาอยู่บนบกได้นานถึง 3 ชั่วโมง แล้วอีกเส้นหนึ่งข้าก็ขอมอบหมายให้เจ้าเป็นผู้มอบหมายให้กับชายผู้ที่เจ้ารัก เมื่อถึงเวลาที่สมควรก็แล้วกันนะ และหลังจากที่เจ้าได้มอบพลังที่ยิ่งใหญ่นี้ให้กับเขาแล้ว ในวินาทีที่เขาได้ใช้พลังของมันเป็นครั้งแรก เขาจะจำได้ถึงอดีตชาติที่เขาเคยตั้งใจเอาไว้ว่าซักวันหนึ่งเมื่อเขาสิ้นอายุขัยจากโลกมนุษย์เรียบร้อยแล้ว เขาจะมาเข้าร่วมกับกองทัพจ้าวสมุทรของพวกเราอย่างที่เขาเคยตั้งใจและให้คำมั่นเอาไว้ และพวกเราก็จะได้พบกันพร้อมหน้าทั้งสามคนอีกครั้งในอนาคต ซึ่งข้าฯ ก็จะรอคอยให้วันนั้นมาถึงในซักวัน...เจ้าจงนำพาเขามาหาข้าให้ได้ ในวันที่เขาละสังขารจากความเป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว ไปสู่ภพภูมิใหม่ พาจิตวิญญาณของเขามาหาข้าให้ได้ ก่อนที่คนของทาง "ยมโลก" หรือทางท่านพี่ "ฮาเดส" จะมาแอบเกลี้ยกล่อมตัวเขาไป
“เพราะข้านั้นก็รู้อยู่แก่ใจว่า จริงๆลึกๆแล้ว ทางท่านพี่ "ฮาเดส" เองก็คงอยากได้ทั้งสามคนนั้นทั้งหมดแหล่ะ เพราะทั้งหมดต่างก็เป็นคนที่ท่านพี่ควรจะได้พาเข้ากองทัพ “ ยมโลก” ได้ทั้งหมดทั้งสามคน เพราะท่านพี่เป็นคนที่เจอทั้งสามก่อนใครเพื่อน แต่ก็เกิดเรื่องผิดพลาดกันเองในภพยมโลกทำให้พวกเขานั้นต้องลงไปเกิดเป็น "ปลาแซลมอน " มาเข้าสู่ "กองทัพยมโลก" และข้าจะมอบตำแหน่งของ "ผู้ดูแลมหาสมุทรแปซิฟิกใต้"ให้กับเขาด้วยมือของข้าเอง และซักวันหนึ่งพวกเราจะได้ให้เขานั้นมาเป็นนักกีฬาให้กับกองทัพเจ้าสมุทรของเราตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ด้วยยังไงล่ะ...!!!”
“สนามฟุตบอลที่ทางกองทัพจ้าวสมุทรของเราสร้างเอาไว้ ที่พระราชวังใต้มหาสมุทรนี่ก็สวยงาม ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้กับสนามบอลบนสวรรค์เหมือนกันนะ... ฮ่าๆ ข้าไปได้แรงบันดาลใจมาจากสนามฟุตบอลลอยน้ำ ที่เกาะปันหยี ที่ไทยนี่แหล่ะ ฮ่าๆ วันไหนข้าอยากให้ลอยขึ้นไปโชว์ที่โลกเบื้องบน ก็สั่งให้ลอยขึ้นได้เลย อลังการสุดๆ...ข้าว่าคนรักของเจ้าจะต้องทึ่งเอามากแน่ๆ... เอาล่ะ ข้าฯขอไปเคลียร์ธุระเรื่องนัดอุ่นเครื่่องฟุตบอลของเหล่าทวยเทพก่อนนะ พอดี" เทพีเนเมซิส "เขาส่งสาส์นมาขอให้ส่งทีมฟุตบอลไปอุ่นเครื่องกับทีมของเขาหน่อย ข้าคงต้องไปเตรียมการณ์ก่อน เดี๋ยวแข่งแพ้เขาละจะขายหน้า ถึงแม้จะเป็นแค่นัดอุ่นเครื่องก็เถอะ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ”
ว่าแล้ว ทางเทพเจ้าสมุทร ก็เดินหัวเราะอย่างสบายใจเข้าไปในห้องพักผ่อนของตัวเอง พร้อมทิ้งให้ทางด้าน พรายน้ำสาว ยืนอมยิ้มอย่างมีความสุขอยู่คนเดียว เพราะว่าคนรักของเธอนั้นได้รับความสำคัญจากเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “โปเซดอน” เป็นอย่างมาก อย่างที่แทบจะหามนุษย์ผู้ใดเทียบได้เลยทีเดียว