นี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?
ตลก,แฟนตาซี,รัก,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
จิ้งจกน้อยสื่อรักนี่มันเวรกรรมอะไรกัน ทั้งเพิ่งตกงานมา แล้วก็ต้องจำใจมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ดันมีจิ้งจกที่ฉลาดเหมือนคนอยู่ด้วย แถมคนที่เดินผ่านบ่อยๆก็เหมือนจะเป็นเสือสมิงอีกต่างหาก แล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไป ?
ชีวิตของ "ศรีฟ้า" ตัวเอกของเราช่างเหมือนกับรถไฟเหาะตีลังกา หลังจากตกงานไม่นาน เธอก็ต้องย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แปลกๆ ที่ติดกับป่าช้า และที่ทำให้เรื่องราวยิ่งแปลกไปอีกคือมีจิ้งจกที่ฉลาดผิดปกติอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีคนที่ดูเหมือนจะมีหญิงสาวที่เหมือนจะเป็นเสือสมิงเดินผ่านไปมาในบริเวณนี้อีกด้วย แต่ไม่มีใครนอกจากตัวของเธอที่มองเห็นได
นางเอกของเรามุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความจริง ของหญิงสาวผู้ที่เป็นเสือสมิงคนนี้ และหวังว่าจะได้โด่งดังในโลกโซเชี่ยล และอาจจะได้งานดีๆ จากการเปิดเผยเรื่องราวแปลกๆ เหล่านี้ก็เป็นไปได้....
แต่เรื่องราวก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อมีชายหนุ่มลึกลับและดูเหมือนจะหล่อมากๆ คอยตามตัวเอกอยู่เป็นพักๆ แต่ทุกครั้งที่หันไปดู เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาเป็นผีหรือคนกันแน่? และทำไมสวรรค์ถึงมอบความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์เลื้อยคลานให้กับเธอกันล่ะ...?
ด้วยความสามารถที่ไม่รู้จะใช้หาเงินอย่างไร ตัวเอกของเราจึงต้องเผชิญกับความสับสนและความหงุดหงิด ชีวิตของเธอนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป? มาร่วมติดตามการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นพบ ความลึกลับ และความรักที่ไม่คาดคิดใน “จิ้งจกน้อยสื่อรัก”
หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาตามทางเดินคอนกรีต ที่มีราวปูนสีเขียวหม่นกั้นเป็นราวสะพานเอาไว้ให้เพื่อให้จับได้ หรือเพื่อที่จะเอาไว้ใช้กั้นไม่ให้เด็กตกลงไปในน้ำหรืออะไรก็พอจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง หญิงสาวเดินไปตามทางได้ซักระยะ ก็ถอนหายใจ และยืนเกาะไปที่ราวสะพานสีเขียวหม่นอันนั้นอย่างเหงาหงอย ก่อนจะประคองตัวเองเดินเข้าไปนั่งในศาลาหลบร้อนข้างทาง ที่มีต้นไม้รกครึ้ม และนั่งลงพักหลับตาอยู่อย่างเหนื่อยอ่อน...
“เฮ้อ...เดินหางานมาก็ตั้งนาน ไปตั้งหลายที่ ได้งานชั่วคราวมาก็จริง...แต่เทียบกับเงินเดือนที่เคยได้รับนี่ ก็ต่ำกว่าเดิมเกือบครึ่งหนึ่งได้...แต่ก็ไม่มีทางเลือกล่ะนะ...คงต้องทำไปก่อน...เฮ้อ...งานนี้ต้องบอกเลยว่า ต้องพูดลาก่อน...กับของแบรนด์เนมแสนรักอันโปรดหลายๆยี่ห้อ เราคงหมดสิทธิใช้พวกเธออีกครั้งละล่ะ...งานนี้คงต้องรัดเข็มขัด ใช้จ่ายแบบพอเพียงขั้นสุดแล้วซินะเนี่ย ...เฮ้อ...“
หญิงสาวถอนหายใจหนักหน่วง พลางหยิบเศษกระดาษเล็กๆ ที่เธอใช้ในการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ เทียบกับรายได้ที่ได้รับในขณะนี้มาดู แล้วพลางก็ต้องถอนหายใจอย่างคนที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจอย่างถึงที่สุด เธอหลับตาลงพิงผนังม้านั่งไม้และนั่งหลับลงไปที่ตรงนั้นอย่างคนที่รู้สึกอ่อนล้าต่อการใช้ชีวิต แต่ก่อนที่เธอจะหลับตาลงไปนั้น สายตาที่ใกล้หลับลงสนิทของเธอก็ได้เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยู่ในชุดลำลองสีดำที่ดูหรูหราพร้อมใบหน้าที่ดูเย็นชา แต่ก็มีแววตาที่อ่อนโยน บุรุษผู้นั้นยืนจ้องดูเธออยู่ในระยะไม่ไกลจากเธอมากนัก แต่พอเธอพยายามลืมตาขึ้นมาเพื่อที่จะมองชายผู้นั้นให้เต็มตา เธอก็มองไม่เห็นเขาผู้นั้นเสียแล้ว...
“อะไรกัน...เมื่อกี้นี้เราว่า เราเห็นผู้ชายคนหนึ่งจริงๆนี่นา...แล้วทำไมแค่เพียงกระพริบตาเดียว เขาคนนั้นหายไปแล้วล่ะเนี่ย...เอ๊ะหรือเราเบลอขนาดตาฝาดไปได้เป็นตุเป็นตะขนาดนั้น เฮ้อ...นี่เราอาการหนักขนาดนี้เลยหรือเนี่ย...สงสัยเราคงต้องพักซักครู่จริงๆแล้วแหล่ะ“
หญิงสาวรำพึงรำพันขึ้นมากับตัวเองแล้วก็หลับตาลงไปอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่เธอจะหลับสนิทลงไปในเวลาต่อมาได้อย่างน่าประหลาด เหมือนกับว่าเธอสามารถที่จะวางใจได้ว่าสถานที่แห่งนี้นั้นจะปลอดภัยสำหรับเธออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตา ถ้ามองจากมุมมองของคนภายนอก เธออาจจะเหมือนนอนอยู่คนเดียว แต่ที่จริงแล้วขณะนี้นั้นมีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใส่ชุดลำลองสีดำ ดูสง่างามมานั่งสงบอยู่ข้างๆตัวเธอ เหมือนคอยเฝ้าดูให้หญิงสาวนั้นได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่และปลอดภัยนั่นเอง เพียงแต่ว่าตัวของหญิงสาวแม้ว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนนี้ ก็จะไม่สามารถมองเห็นชายคนนี้ได้นั่นเอง นี่คือพลังระดับ “ เทพเจ้า “ ที่สามารถสร้างภาพต่างๆได้ทุกรูปแบบนั่นเองและชายหนุ่มผู้เป็น “เทพเจ้า“ ก็ได้หันมามองหญิงสาวอย่างรู้สึกเอ็นดู
“อืมส์...เห็นแล้วเราก็รู้สึกสงสารเธอคนนี้เหมือนกันนะ...ดูเธอสู้ชีวิตน่าดู แต่แม้จะสงสารอย่างไร เรื่องนี้ “เทพเจ้า“ อย่างเราก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยว มันเป็นเรื่องของ “ชะตาชีวิต“ ของมนุษย์แต่ละคน ถ้าไม่มีความจำเป็นที่สมควรจริงๆ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมในการที่เราจะถ่ายทอดพลังให้กับเธอ โดยที่ไม่มีใครรู้สึกผิดสังเกตแล้วล่ะนะ...“
ว่าแล้วทางด้านของ เทพ “ฮาเดส“ ก็ได้ทำการเอื้อมมือไปที่ใบหน้าของหญิงสาว ที่ดูเหมือนจะกำลังหลับอย่างสนิทอยู่ช้าๆ พร้อมกับที่มือของตนเริ่มมีรัศมีเรืองรองเหมือนจะเป็นพลังเวทย์มนตร์ที่กำลังจะอาบแสงไปยังใบหน้าของหญิงสาวช้าๆ และลำแสงนั้นก็ได้ไล่ลงมาทั้งตัวของหญิงสาวเหมือนกับการฉายรังสีเอ็กซเรย์ทั้งตัวนั่นเลยทีเดียว
“นี่คุณทำอะไรกับผู้หญิงคนนี้น่ะ...?“
เสียงอันแสดงออกถึงความเข้มแข็ง ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งเหนือธรรมชาติใดๆ ดังมาจากด้านข้างตัวของฮาเดสไปไม่กี่เมตร ทำให้ทางด้าน “เทพแห่งความตาย“ นั้นถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว เพราะเขาไม่คาดคิดว่า จะมีมนุษย์คนไหนที่สามารถจะมองเห็นตัวเองได้ในขณะนี้ ดังนั้นเมื่อมีผู้ที่สามารถมองเห็นร่างของตัวเองได้โดยไม่คาดคิดจึงทำให้ทางเทพ “ฮาเดส“ นั้นตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว และเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่เมื่อทางด้านของ “ฮาเดส” นั้นพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการร่ายมนต์สะกดให้ชายหนุ่มคนนี้ไม่สามารถมองเห็น หรือ สะกดให้ลืมเรื่องที่เห็นอยู่ตอนนี้ มนต์สะกดของตัวเองก็ไม่เกิดผลใดๆ ซึ่งมันเหมือนกับว่า การผสมผสานเวทย์มนต์ของ “ เทพแห่งความตาย “เกิดความไม่ลงตัวอย่างประหลาดกับสภาพจิตของชายหนุ่มผู้นี้ไปเสียอย่างนั้น และด้วยความที่เป็นเหตุที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด ก็ทำให้แม้แต่หนึ่งใน 12 เทพสูงสุดแห่งภูเขาโอลิมปัส ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในขณะนี้ว่า ทำไมเวทย์มนตร์สะกดของเขาถึงไม่ได้ผลกับชายหนุ่มคนนี้ในเวลานี้ จนถึงกับไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้อย่างถนัดถนี่เพราะความสับสนเลยทีเดียว
“เจ้า...เอ่อ...”
เป็นชั่วขณะเวลาที่แม้แต่บุคคลระดับ “ เทพเจ้า “ ยังทำตัวไม่ถูกอยู่เพียงชั่วครู่ แต่เมื่อพิจารณาถึงใบหน้าของชายหนุ่มใส่แว่นที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั้น ก็ทำให้เขารู้ถึงตัวตนของคนที่เข้ามาหาเขาในที่สุดในระยะเวลาเพียงไม่นานเท่านั้น
ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดคนที่อยู่เบื้องหน้าของ “เทพแห่งความตาย“ ผู้นี้ ก็คือชายหนุ่มผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยต้องไปเกิดใหม่เป็น “ปลาแซลมอน“ นั่นเอง ซึ่งทางด้านเทพ “ฮาเดส“ เองก็ลืมไปว่า ชายหนุ่มคนนี้นั้นอาศัยอยู่ในละแวกนี้ และสามารถมองเห็นวิญญาณต่างๆได้ โดยใช้พลังงานวิญญาณที่น้อยมาก หรือบางทีไม่ต้องใช้เลยด้วยซ้ำไป ก็สามารถมองเห็นวิญญาณได้แล้ว ทำให้ทางด้านของ “ฮาเดส“ นั้นไม่สามารถจับพลังงานวิญญาณที่ชายหนุ่มนั้นใช้ออกมาได้ ไม่เหมือนกับของเพื่อนสาวของเขาที่ต้องทำจิตให้มีสมาธิส่งผลให้มีพลังงานวิญญาณที่ออกมาจากร่างที่มากกว่า จึงจะสัมผัสวิญญาณได้ ซึ่งอันที่จริงนั้นชายหนุ่มคนนี้นอกจากจะมีวิญญาณที่มีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเองแล้ว ก็ยังมีพลังแฝงที่ได้มาจากอวัยวะของคนๆหนึ่งที่มีพลังจิตสูงอย่างมากเช่นกันอยู่ในตัวเองอีกต่างหาก นั่นคือดวงตาข้างหนึ่งที่ไม่ใช่ดวงตาของเขานั่นเอง ทำให้การสะกดต่างๆด้วยคาถา หรือการเข้าสิงของวิญญาณนั้นไม่สามารถกระทำได้ ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่ทางเทพ “ฮาเดส“ เองในขณะนี้ก็ยังไม่ทันคาดคิดไปถึงเรื่องนี้อีกด้วย
ทางด้านของเทพ “ฮาเดส“ เมื่อมนตร์สะกดของตัวเองไม่ได้ผล แต่เมื่อได้เห็นว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้มีท่าที่ก้าวร้าวอะไรออกมา นอกจากการแสดงตัวเหมือนเป็นพลเมืองดี ที่จะเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวที่อาจจะเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนตามประสาของคนที่มีคุณธรรม ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเพราะว่าน่าจะอธิบายกันได้ แม้ว่าจะยังไขปริศนา เรื่องที่ไม่สามารถร่ายมนตร์สะกดใดๆกับชายหนุ่มคนนี้ได้ แต่ก็น่าจะพูดคุยกันรู้เรื่องได้ และไม่ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องที่เทพเจ้าลงมาทำให้โลกมนุษย์วุ่นวาย ซึ่งจะโดน “สภาสวรรค์“ นำโดยมหาเทพ “ซูส“ สั่งปรับเงินจำนวนมหาศาลแน่ๆ
นั่นก็ทำให้บรรยากาศโดยรวมระหว่างคนกับเทพทั้งสองฝั่งดูจะผ่อนคลายมากขึ้น เพียงแต่เสียดายว่า ถ้าสามารถร่ายมนตร์สะกดได้เหมือนกับคนอื่น แม้จะยังไม่ถึงเวลาที่จะย้อนความทรงจำในอดีตชาติให้เลยในตอนนี้เพราะพลังงานวิญญาณสะสมอาจจะยังไม่มากพอเช่นเดียวกับเพื่อนสาวของเขาก็เถอะ แต่ก็น่าจะสะกดให้ลืมเรื่องนี้หรือยืนนิ่งไปๆก็น่าจะทำได้อยู่ แต่เมื่อทำไม่ได้แม้แต่มนตร์สะกดง่ายๆพวกนั้น ก็คงต้องใช้การพูดคุยนี่แหล่ะ แล้วเรื่องของสาเหตุค่อยกลับไปวิเคราะห์หากันอีกทีที่ทำงานใต้พิภพก็แล้วกัน
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนางหรอก...ข้ารับรองด้วยสัญญาของลูกผู้ชายเลยว่า ข้าไม่ได้ทำอะไรให้นางมีปัญหาหรือทำร้ายนางแม้แต่เพียงนิดเดียว ขอให้เจ้ามองดูอยู่เฉยๆเถอะ อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว ข้าเพียงแต่ต้องการจะคืนพลังที่ “แท้จริง“ ให้กับนางและสื่อสารอะไรบางอย่างกับนางเท่านั้นแหล่ะ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ข้าสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตของข้าได้ และข้าเองก็มีความจำเป็นที่ไม่อาจจะเปิดเผยตัวได้มากนักและใจจริงๆแล้วข้าก็อยากจะหลีกเลี่ยงการพบหน้ากับมนุษย์เช่นพวกเจ้าเช่นกัน แต่ก็เป็นครั้งนี้แหล่ะที่ข้าพลาดเองจริงๆ ข้าลืมนึกถึงความน่าจะเป็นเลยว่า เจ้าอาจจะเป็นคนที่ได้มาพบเจอกับข้าก็ได้ เพราะเจ้านั้นอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่...และเจ้าเป็นผู้ที่มีดวงตาพลังจิตที่สามารถมองเห็นผู้ที่พลังวิญญาณได้นี่นะ... “
“ทำไมคุณถึงพูดเหมือนกับว่าคุณรู้จักกับผมเลยทั้งๆที่ผมเคยเจอคุณครั้งแรกก็คราวนี้เอง ผมจำได้ว่าผมไม่เคยพบกับคุณมาก่อนเลย...คุณเป็นใครกันหรือครับ? ช่วยบอกผมได้ไหม ถ้าคุณไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาทมากจนเกินไป...?“
“แล้วซักวันเจ้าก็จะรู้เรื่องราวต่างๆเหล่านี้เอง ข้าบอกได้แต่เพียงว่าในอดีตชาติพวกเรานั้นเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้วก็แล้วกันนะและซักวันเจ้าก็จะมีโอกาสได้รู้เรื่องทุกๆอย่างที่เคยเกิดขึ้นเอง อีกไม่นานปีนี้หรอก เพียงแต่คนที่จะทำให้เจ้านั้นจำทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตชาติได้ อาจจะไม่ใช่ข้า แต่เป็นบุคคลอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง...“
“เอาล่ะ...ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว...อีกซักพักนางจะตื่นขึ้นมาเอง...แน่นอนว่านางคงจะงงงวยอยู่บ้างแหล่ะนะ...ยังไงข้าก็ฝากเจ้าช่วยบอกนางด้วยนะว่าเรื่องที่ข้าบอกนางในตอนที่นางหลับนั้น “ เป็นเรื่องจริง และขอให้ช่วยพาจิ้งจกตัวนั้นมาหาข้าด้วย ณ ที่แห่งนี้...แค่นี้นางก็จะรู้แล้วล่ะ...ว่าที่ข้าได้สื่อสารกับนางในความฝันนั้นคือเรื่องจริง...“
แล้วร่างของทาง “ฮาเดส“ ก็ได้เลือนหายไปอย่างช้าๆ ส่วนหนุ่ม “พาฝัน“ ซึ่งตอนนี้ได้แต่ยืนงงๆอยู่ ก็พยายามที่จะตั้งสติกับเรื่องราวที่เขาเพิ่งได้เจอมา...พลางเกาหัวแกรกๆ ว่าคนลึกลับนี่ช่างกระไร บทจะไปก็ไม่ไปเปล่า แถมงานให้กับทางเขาได้ทำด้วยเสียอย่างนั้น แต่น้ำเสียงและแววตารวมทั้งรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มผู้นี้ก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเหมือนกัน แต่ตัวของเขาเองพยายามคิดเท่าไหร่ ก็คิดไม่ออกเสียที ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร ? แล้วได้เคยพบกันที่ไหนและไอ้ที่ชายหนุ่มคนนั้นบอกว่า ซักวันหนึ่ง เขาจะมีโอกาสได้รู้ทุกๆเรื่องๆ นั้นคืออะไรกันนะ ? แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคตกันแน่ ? คำตอบของคำถามเหล่านี้ ชายหนุ่มได้แต่นั่งคิดนิ่งๆอยู่ในใจเพราะว่าเขานั้นไม่สามารถจะให้คำตอบอะไรกับคำถามเหล่านี้ได้เลยเหมือนกัน เพราะเรื่องราวหลายๆอย่างนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถจะกำหนดอะไรได้ เป็นเรื่องที่บังเกิดขึ้นมาเอง เหมือนกับเรื่องดวงตาข้างซ้ายของเขาที่ได้รับบริจาคมาแทนที่ดวงตาดั้งเดิมที่เสียไปจากการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้ตัวของเขาเองสูญเสียครอบครัวของเขาไป ก็กลับกลายเป็นดวงตาของผู้ที่มีพลังวิญญาณสูงส่งและยังคงเป็นวิญญาณที่เขาคิดว่ายังคงวนเวียนอยู่ข้างกายเขาแน่ๆ หรือบางครั้งอาจจะสิงสู่อยู่ในร่างกายของเขาในบางทีก็เป็นไปได้ นั่นทำให้เขาสามารถที่จะมองเห็นวิญญาณต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย แบบบางครั้งไม่ต้องตั้งจิต ตั้งสมาธิด้วยซ้ำไป ก็สามารถเห็นได้ และตัวของเขาเองก็ยังมีชะตากรรมที่ได้พบเจอกับผู้มีพลังวิญญาณ และวิญญาณหลากหลายรูปแบบอีก แถมบางคนยังเป็นคนที่เขารักและต้องการจะดูแลอีกด้วย ชายหนุ่มเมื่อคิดได้เช่นกันนั้นก็รู้สึกปล่อยวางอะไรจะเกิดก็เกิดไปเถอะ...เขาขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดทั้งในปัจจุบันแล้วก็อนาคตก็พอ
“ว่าแต่ว่าเราจะทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย...ตั้งใจจะไปแวะหา “เทียร์“ เขาที่ “ปั๊มไทเกอร์“ เสียหน่อย...สงสัยต้องเปลี่ยนแผนเสียแล้วซิเนี่ย... ดีนะที่ไม่ได้นัดเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องหาคำแก้ตัวเอาไว้อีก โชคดีจริงๆเลย แต่จะว่าไปแล้วนะ...เมื่อไหร่พี่คนนี้จะตื่นล่ะเนี่ย...?”
ชายหนุ่มกะด้วยสายตาคร่าวๆ ก็รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ดูจะมีอายุมากกว่าตนเองเล็กน้อย เพราะลักษณะคล้ายกับคนที่ทำงานแล้วมากกว่าตัวเองที่กำลังเรียนหนังสืออยู่นั่นเอง แต่ในขณะที่ชายหนุ่มรู้สึกเป็นกังวลอยู่ว่าจะต้องยืนเฝ้าหญิงสาวคนนี้อยู่อีกนานแค่ไหน ทันใดนั้นหญิงสาวผู้นั้นก็เหมือนจะรู้สึกตัวและลืมตาก่อนที่จะผงกตัวขึ้นมาอย่างคนที่ตกใจอะไรบางอย่าง...ก่อนที่จะหันหน้ามามองชายหนุ่มด้วยความพิศวงเหมือนกับจะรับรู้เรื่องอะไรบางอย่างมาก่อนหน้านี้แล้ว และเธอก็ได้รำพึงขึ้นมาเบาๆ เหมือนจะพูดด้วยความลืมตัวออกมามาว่า
“เธอนั้นหรือคือผู้มี “ดวงตาพลังจิต“ ที่ผู้ชายลึกลับคนนั้นพูดถึง...?”