"ในเมื่อกล้าที่จะแย่งคนรักของฉัน ถ้างั้นก็เตรียมตัวต้อนรับแม่เลี้ยงคนใหม่เลยล่ะกัน"

สวมเขาให้ฉัน ระวังพ่อแกให้ดี - ตอนที่ 3 เริ่มแผนการเอาคืน โดย มออิ้น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,จบแล้ว,มออิ้น,รัก,รักดราม่า,รักดุเดือด,ผจญภัย,แฟนเก่า,เพื่อนพ่อ,หลงรัก,รักต่างวัย,คลั่งรักขั้นสุด,คลั่งรัก,ตบจูบ,เอาคืน,แก้แค้น,ชู้,นิรณา,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สวมเขาให้ฉัน ระวังพ่อแกให้ดี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จบแล้ว,มออิ้น,รัก,รักดราม่า,รักดุเดือด,ผจญภัย,แฟนเก่า,เพื่อนพ่อ,หลงรัก,รักต่างวัย,คลั่งรักขั้นสุด,คลั่งรัก,ตบจูบ,เอาคืน,แก้แค้น,ชู้,นิรณา,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

สวมเขาให้ฉัน ระวังพ่อแกให้ดี โดย มออิ้น @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ในเมื่อกล้าที่จะแย่งคนรักของฉัน ถ้างั้นก็เตรียมตัวต้อนรับแม่เลี้ยงคนใหม่เลยล่ะกัน"

ผู้แต่ง

มออิ้น

เรื่องย่อ

มุมปากนิรณายกขึ้นด้วยความรังเกียจ แกมเย้ยหยัน บัตรเชิญร่วมงานแต่งของบีบีกับเตชิน

เพื่อนสนิทและคนรักของเธอ..ที่พวกมันทั้งสองคนต่างหักหลังและพากันสวมเขาให้นานแรมปี
บัดนี้กำลังวางอยู่ตรงหน้า
เมื่อครุ่นคิดและนึกย้อน ถึงอดีตที่โดนกระทำ ยิ่งทำให้เจ็บปวดจนแทบคลั่ง นึกอยากจะบุกไปทำลายงานแต่ง ให้ล้มเสียรู้แล้วรู้รอด
ทว่า…ขณะที่กำลังจะขยำมันทิ้ง สายตาดันเหลือบเห็นชื่อของใครคนหนึ่ง
"บดินทร์งั้นเหรอ?" เสียงพึมพำชื่อใครอีกคน ในการ์ดเชิญ ทำให้สมองโลดแล่น คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ฮึ! คอยดูเถอะ บีบี พ่อของแกน่ะ ฉันขอล่ะกัน" เธอพูดด้วยแววตามาดมั่น
ในมือเลื่อนโทรศัพท์ส่องดู ใบหน้าคมคายของบุคคล อันเป็นเครื่องมือแก้แค้น พลางจุดยิ้มตรงมุมปากนิด ๆ

สารบัญ

สวมเขาให้ฉัน ระวังพ่อแกให้ดี-ตอนที่ 1 เพื่อนชั่ว ๆ กับ ผัวเลว ๆ ,สวมเขาให้ฉัน ระวังพ่อแกให้ดี-ตอนที่ 2 ฉันจะเอาคืน,สวมเขาให้ฉัน ระวังพ่อแกให้ดี-ตอนที่ 3 เริ่มแผนการเอาคืน

เนื้อหา

ตอนที่ 3 เริ่มแผนการเอาคืน

กระจกเงาบานเล็กตั้งอยู่ตรงบริเวณขอบโต๊ะทำงาน สะท้อนภาพนิรณาที่ดูแทบไม่ได้ ขอบตาดำคล้ำ ใบหน้าตอบซีดเซียวเพราะโหมงานหนัก ไม่ยอมพักผ่อนมาเป็นอาทิตย์ ทำให้ร่างกายผ่ายผอมซูบลงจนเห็นได้ชัด
พิษรักจากการอกหักมากมายเหลือคณา มากเสียจนทำให้หญิงแกร่งดั่งเธอ ต้องใจสลาย ไม่เป็นอันทำอะไร
แม้ว่าสำนวนคดีมากมาย ต่างวางรอให้สะสางจะกองอยู่เต็มโต๊ะ หญิงสาวยังคงนั่งควงปากกาเล่นไปมา เหลือบตามองดูแผ่นกระดาษสีขาว อยู่แบบนั้นอย่างเบื่อหน่าย
"สารวัตรครับ!" เสียงเรียกจากหมวดอากร ลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ร่างสูงโปร่งหอบแฟ้มเอกสารมาอีกเป็นตั้ง อย่างทุลักทุเล พร้อมส่งมอบมันให้แก่ผู้เป็นเจ้านาย ทำให้คนเหม่อได้สติ มองดูชายตรงหน้า แล้วฝืนยิ้ม ทักทายออกไปเสียงแผ่ว
"อ้าว! หมวดกร ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอคะ? ดึกแล้วนะ กลับไปพักผ่อนเถอะ"
"ยังครับ พอดีผมต้องเข้าเวรดึก แล้วสารวัตรยังไม่กลับอีกเหรอครับ ผมเห็นคุณนั่งทำงานที่นี่มาตั้งสองวันติดแล้วนะ"
"ไม่ค่ะ ฉันกลับไปอยู่คนเดียวก็ฟุ้งซ่านเปล่า ๆ ขออยู่ทำงานที่นี่ต่ออีกสักพักละกัน"
เมื่อเจ้านายสาวบอกแบบนั้น ลูกน้องอย่างเขาก็คงจะพูดอะไรไม่ได้มาก จึงทำแค่เอ่ยลาแล้วออกจากห้องไปเงียบ ๆ
พอคล้อยหลังผู้หมวดหนุ่ม นิรณาจึงเริ่มลงมือเตรียมทำงานต่อ ทว่าสายตาดันเหลือบเห็นซองจดหมายสีชมพู
จ่าหน้าซองถึงตัวเองเสียก่อน
มือบางจึงเอื้อมไปหยิบมาอ่านดู ปรากฎว่ามันถูกส่งมาจากบันนิดาหรือบีบี เพื่อนสนิทคนดีคนเดิมของเธอ
"ขอเชิญร่วมงานแต่ง หึ หญิงร้ายชายเลวช่างเหมาะสมกันซะจริง" ขณะกำลังจะขยำมันทิ้งลงขยะ
สายตาดันเหลือบเห็นชื่อของใครคนหนึ่ง..ในการ์ดเชิญ
"บดินทร์ วงศ์สูงส่ง" เสียงพึมพำชื่อชายผู้เป็นบิดาอดีตเพื่อนสนิทดังลอยออกมาเบา ๆ ริมฝีปากบางกระตุกยิ้ม ชอบใจ คิดอะไรบางอย่างสนุก ๆ ขึ้นมาได้ ก่อนจะเร่งรีบคว้านหาปากกาด้ามโปรด แล้วลงมือเขียนซองจดหมาย ยื่นลาพักร้อน เตรียมตัวไปสะสางความปรารถนาอันแรงกล้า


ผ่านมาร่วมสองเดือน สารวัตรนักสืบสาวผู้เก่งกาจ ใช้ความสามารถของตัวเองด้านการสืบสวนจากประสบการณ์ทั้งหมดที่มี จนสามารถรับรู้ได้ว่าเป้าหมายเป็นคนยังไง
พร้อมกันนัยน์ตากลมเป็นประกายสีน้ำตาลอ่อน จึงจดจ้องมองชายวัยกลางคน หนึ่งในสองที่เหมือนว่ากำลังคุยเรื่องธุรกิจ โดยทั้งคู่หารู้ไม่ว่า..กำลังตกเป็นเป้าสายตา ให้ตำรวจสาวนั่งพินิจพิจารณา คิดหาแผนการประชิดเข้าถึงตัว
ชายคนแรกชื่อว่าจิณเจต เจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้าขนาดกลางของประเทศ อีกคนคือ..บดินทร์ ผู้ดีเก่า สุดร่ำรวย มีที่ดิน อยู่ในครอบครองมากถึงสามแสนห้าหมื่นตารางวา ทั้งยังมีหมู่บ้านจัดสรร และคอนโดรวมกันทั้งหมด อีกสิบเอ็ดโครงการ เพียงแค่ได้เห็นทรัพย์สินฝ่ายตรงข้าม
นิรณาถึงกับปวดสมอง คนรวยระดับนั้นต้องระวังตัวเองแน่ แล้วเธอจะหาเหตุผลไหน เข้าถึงตัวพวกเขาดีล่ะ?
ซึ่งหลังจาก..จับจ้องอยู่นาน จังหวะนั้นสมองพลันเกิดโลดแล่น มือบางเอื้อมหยิบเอาน้ำส้ม ในแก้วไวท์ทรงสูง ยันกายลุกขึ้น กระแทกรองเท้าส้นเข็มกระจิดเดียว เดินเข้าไปหา
"อ่ะ" เสียงหวานอุทานหลุดลอดออกมาแผ่วเบาเสมือนตกใจ แสร้งทำทีเดินสะดุด เป็นเหตุให้แก้วแสนบอบบางลอยละลิ่วไปตกเบื้องหน้าสองหนุ่มที่กำลังคุยกันอย่างถูกคอ
จนเกิดเป็นเสียงดัง เพล้ง!
สายตาหลายคู่ต่างพากันมองตามมา หยุดอยู่ที่ร่างอันบอบบางในชุดเดรสสีฟ้าลายเดซีดูอ่อนหวาน คล้ายลูกคุณหนู
เวลาเดียวกันสุภาพบุรุษผู้ดี จึงไม่อาจทนปล่อยให้สาวน้อยนั่งแช่อยู่บนพื้น เร่งลุกขึ้นยืน พลางรีบสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมยื่นมือไปให้เธอจับ
"ขะ..ขอบคุณค่ะ" เธอกล่าว แล้วทำท่าซาบซึ้งมากมาย
"โอ๊ย!" ลุกขึ้นได้นิดเดียว มารยาหญิงเริ่มทำงาน นิรณาแสร้งทำเป็นข้อเท้าแพลง บังคับร่างตัวเองล้มอีกครั้ง หวังเอนตัวไปใกล้เขา ตั้งใจจะซบอกแกร่งสร้างความประทับใจ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ แต่แล้วกลับเกิดความผิดพลาดทางเทคนิค เพราะความที่เธอไม่ชินส้นสูง จากใบหน้าที่ควรจะซบกับอกแกร่ง ดันคาดคะเนพลาด ลงไปต่ำกว่านั้น เวลานี้หน้าสวย ๆ ดันล้มไปแนบชิด บางอย่างที่เรียกว่า..เป้ากางเกง


บดินทร์เลื่อนสายตามองดูคนด้านล่างที่บัดนี้หน้าผากของเธอกำลังจูบกับบางอย่างถูกกลางร่างกาย ถึงกับชะงักไปหลายวินาที รีบก้มลงไปรวบร่างกายนุ่มนิ่มขึ้นมา ไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะออกแรงประคองมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
"เป็นอะไรไหมครับ?" เสียงนุ่มถาม แสดงความ..มีน้ำใจ
"เจ็บแปลบๆ ตรงข้อเท้านิดหน่อยค่ะ" นิรณาทำเสียงหวานตอบรับ พยายามเต็มที่ให้ตัวเองดูน่ารัก แล้วหาจังหวะช้อนสายตาสบกันไปหนึ่งปิ๊ง
‘คนอะไร? หล่อวัวตาย ควายล้ม แถมมือยังนุ๊มนุ่ม หน้าตาก็ดูไม่ได้แก่เท่าไหร่ คนคนนี้ ใช่พ่อยัยร่านนั้นจริง ๆ เหรอเนี่ย?’ เธอคิดไป นึกฉงนงงอยู่ไม่ใช่น้อย
แต่แล้วต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนข้าง ๆ ซึ่งนั่งเงียบมาตลอดดันทักทายเสียงใส ดูตื่นเต้น
"คุณนิ..คุณนิรณาใช่ไหมครับ?"
"อ้าว! พี่เจต สวัสดีค่ะ" นิรณาทักทายจิณเจต น้ำเสียงเริงร่า ส่งมอบรอยยิ้มแสนหวานให้ แม้จะจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน นอกจากในแฟ้มที่ตนตามสืบ
"ในที่สุด พี่ก็ได้เจอน้องนิตัวจริงสักที เป็นแฟนคลับมาตั้งนานแหนะ! เอ่อ ว่าแต่..น้องนิรณารู้จักพี่ด้วยเหรอครับ?" คำถามนั้นเล่นเอาสารวัตรสาวปวดขมับ เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอโป๊ะแตก รีบกล่าวแถสีข้างแทบถลอก
"ก็เราสองคนเคยเจอกันในงานเลี้ยงนี่คะ..คืนนั้นพี่เข้ามาแนะนำตัว ท่าทางเมาหนักด้วย นิก็อุตส่าห์พูดคุยด้วยตั้งหลายสิบนาที น้อยใจนะคะเนี่ย!" คำตัดพ้อของนิรณา
ทำให้จิณเจตทำหน้าเหวอ ไม่เห็นจะจำได้ แต่ก็ยอมเอ่อออไปตามน้ำ เพราะตัวเองนั้น ไปงานเลี้ยงมาสารพัด
คงจะไปเมาปลิ้นที่ไหนสักแห่ง แล้วเผลอไปตีสนิทกับเธอล่ะมั้ง คิดเพียงแค่นั้น พลันเร่งรีบส่งยิ้มกลับให้สาวน้อย รู้สึกดีที่ได้เจอคนมีชื่อเสียง หวังจะขอช่องทางติดต่อ เอามาไว้ เป็นคอนเน็กชั่น
"ยินดีที่ได้พบนะครับ พี่ขอ….."
"ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ"
นิรณารีบตัดบทเพราะคิดว่าจะถูกจีบ แล้วหันหน้ามองไปทางบดินทร์เป้าหมายหลักของการแก้แค้น
"เอ่อ ว่าแต่ว่า..พี่ชายสุดหล่อคนนี้คือใครกันเหรอคะ?"
"บดินทร์ครับ แต่หนูจะเรียกว่าพี่ดินก็ได้นะ" เขาคนนั้นแนะนำตัวอย่างสุภาพ พร้อมยิ้มให้นิดหน่อย
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่ดิน หนูชื่อนิรณานะ..แต่ถ้าเกิดยาวไปเรียกว่านิเฉย ๆ เถอะค่ะ" เสียงใสกล่าวแนะนำตัวอย่างฉะฉานตามประสาพวกคนเสียงดัง พร้อมยื่นมือเพื่อไปทักทาย
"คุณนิรณาเนี่ยสวยกว่าในรูปตั้งเยอะเลยนะครับ" จิณเจตเยินยอ มือเอื้อมหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้เธอ สายตายังคงไม่ยอมผละไปทางอื่น ด้วยผู้หญิงตรงหน้านั้น สวยสะกด
"แหม! พี่เจตก็พูดเกินไปค่ะ เอ่อ ว่าแต่นิมารบกวนการพูดคุยของพวกพี่สองคนไหมคะ?"
"เชิญตามสบายครับ..พวกพี่แค่มานั่งชิว ๆ คุยเล่นกันเท่านั้นเองครับ คุณนิต้องไม่ซีเรียสหรอกครับ"
"ถ้างั้น! นิไม่เกรงใจแล้วน้าา" นิรณาว่า แล้วส่งรอยยิ้มหวานให้บดินทร์ ไปอีกหนึ่งรอบแบบเนียน ๆ
"แล้วมาน้องนิมาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ?" จิณเจตชวนคุย แล้วยื่นไวน์ส่งให้ แขกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้มหวาน
"นิก็แค่นัดเพื่อนออกมาทานข้าวค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับพี่เจตแถมยังได้เพื่อนใหม่เป็นพี่ดินด้วย บังเอิญจังเลย"
"พี่ว่ามันคงเป็นพรหมลิขิตมากกว่านะ"
"จะไปว่าไปแล้ว..คืนนั้น นิเห็นพี่วาริกา ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยนะคะ" นิรณากล่าวสกัดอีกครั้งว่าเธอนั้น รู้ทันงูบนหัวเขา
ทำเอาจิณเจตถึงกับต้องเงียบปาก กลัวสาวน้อยจะไปฟ้องเมียว่าตัวเองแอบมาหยอดมุขเตาะสาว รีบสงบปากสงบคำลงแทบทันที แล้วเร่งกล่าวออกมา
"อีกหนึ่งชั่วโมง พี่มีประชุม ขอตัวกลับ..ก่อนนะครับ?"
"โอเคค่ะ ไว้ถ้าคราวหน้า..เราเจอกันอีกครั้ง นิขอเป็นคนเลี้ยงกาแฟนะคะ?" จิณเจตรับฟังนิรณาพร้อมพยักหน้านิดหน่อย แล้วรีบสาวเท้าเดินออกจากร้านไปดื้อ ๆ
"น้องจะกลับยังไงเหรอครับ?" บดินทร์ถาม เมื่อถูกทิ้งให้อยู่กับสาวตรงหน้าแค่สองคน แถมยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"คงจะเรียกแท็กซี่แถวนี้กลับค่ะ พอดีว่าไม่ได้เอารถมาด้วย" นิรณาบอกบดินทร์แกม ๆ บังคับ ให้เขาไปส่ง
แต่เหมือนคนตรงหน้าจะซื่อเกินกว่าจะเข้าใจ จนต้องพูดเลียบ ๆ เคียง ๆ "หว้า! จะมีใครใจดี ไปส่งกันบ้างไหมน้าาา"
"จะดีเหรอครับ เราพึ่งจะรู้จักกันเองนะ เกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม" บดินทร์พูดแบบนั้น ด้วยเติบโตมาในตระกูลผู้ดีเก่า ทำให้เขากลายเป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ
จนนิรณาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าชายตรงหน้าคือ บิดาของบีบีจริง ๆ เพราะยัยคนนั้นน่ะ ร่าน เสียยิ่งกว่าอะไร
และเมื่อเห็นว่าบดินทร์ไม่ยอมฉวยโอกาส ยัยจอมนักวางแผน จึงต้องเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน แล้วทำหน้าเศร้าซึม
"งั้นเหรอคะ..เห้อออ นิก็สู้อุตส่าห์นับถือพี่ดิน แต่ไม่คิดเลยว่า..พี่จะคิดไม่ซื่อกับนิแบบนี้" คนตัวเล็กตัดพ้อ แล้วทำแก้มป่อง ๆ เมินสายตามองไปทางอื่น เป็นเชิงว่า..กำลังกดดัน
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ"
"ไม่ใช่ยังไงหรือคะ..ถ้าพี่ดินบริสุทธิ์ใจกับนิจริง ๆ ทำไมถึงไม่กล้าไปส่งละคะ หรือว่าจริง ๆ แล้ว พี่รังเกียจไม่อยากไปส่งกันแน่?" บดินทร์เมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงกับสะอึก
ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาตอบเธอ อีกอย่างเขาน่ะ..ไม่ค่อยจะเข้าใจเด็กรุ่นใหม่จริง ๆ โดยเฉพาะพวกที่มักจะชอบคิดเองเออเองอยู่เรื่อยแบบยัยเด็กดื้อคนนี้
"น้าาค้าา..ถือว่าช่วยสงเคราะห์คนขาเดี้ยง ช่วยไปส่งนิหน่อยเถอะนะ” นิรณาอ้อนขอตาแป๋วท่าทางราวกับเด็กน้อยที่หากว่าไปขัด เรื่องราวคงไม่จบง่ายดาย แล้วพลันโพล่งขึ้นมา
"แต่ถ้าพี่ดินไม่ว่างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..นิกลับเองก็ได้"ตัดพ้อเพียงเล็กน้อย จึงลุกยืนกะเผลกจากไปช้า ๆ ทุลักทุเล ทำให้จิตใต้สำนึกบดินทร์ ทนไม่ไหว ..ลุกไปประคองเธอเอาไว้
"ขาเจ็บขนาดนี้ เดี๋ยวพี่จะไปส่งหนูละกัน" คำตอบเขา ทำให้นิรณายิ้มร่า บดินทร์ช่างเป็นคนมีจิตใจดี สมกับชื่อมหาเศรษฐีใจบุญ แห่งศตวรรษ เห้อออ คนอย่างเขาไม่น่ามาเป็นพ่อยัยนั้นเลยสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด จึงหันกลับไปซบแผงอกแกร่ง ปล่อยให้คนตัวสูงพาตัวเองมาที่รถด้วยความยากลำบาก