“เขา… คือคนที่ฉันไม่เคยคิดจะสนใจ แต่ในวันหนึ่งเขากลับกลายเป็นคนที่หัวใจฉันไม่อาจปฏิเสธ”

ฤดู(ใจ)เดียวกัน - ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของฤดูเดี โดย nanananTH @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,ไทย,มหาลัย,วายพีเรียด,นิยายวาย,ชายรักชาย,ชาย-ชาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฤดู(ใจ)เดียวกัน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,รั้วโรงเรียน,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มหาลัย,วายพีเรียด,นิยายวาย,ชายรักชาย,ชาย-ชาย

รายละเอียด

ฤดู(ใจ)เดียวกัน โดย nanananTH @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เขา… คือคนที่ฉันไม่เคยคิดจะสนใจ แต่ในวันหนึ่งเขากลับกลายเป็นคนที่หัวใจฉันไม่อาจปฏิเสธ”

ผู้แต่ง

nanananTH

เรื่องย่อ

นัท หนุ่มมาดนิ่งปี 4 ที่เก่งรอบด้าน แต่กลับเย็นชากับคนรอบข้าง

ปั้น เด็กปี 2 ผู้สดใสร่าเริง แต่กลับเก็บซ่อนความขี้อายเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เขาสนใจ

ทั้งสองพบกันจากการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย แม้ดูเหมือนน้ำกับน้ำมันที่ไม่มีวันเข้ากันได้

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดค่อยๆ ก่อเกิดเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

จากความไม่สนใจ… กลายเป็นความรักที่หัวใจไม่อาจปฏิเสธ

พวกเขาจะกล้าพอที่จะยอมรับความรู้สึกนี้หรือไม่?

สารบัญ

ฤดู(ใจ)เดียวกัน-ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของฤดูเดี

เนื้อหา

ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของฤดูเดี

มหาวิทยาลัยแห่งนี้ในยามเช้าเงียบสงบจนได้ยินเสียงนกร้องก้องระหว่างต้นไม้ใหญ่ริมทางเดิน เสียงลมพัดใบไม้เสียดสีกันเบาๆ ให้ความรู้สึกเหมือนดนตรีบรรเลงที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นหญ้าเปียกชื้นจากฝนเมื่อคืนยังคงลอยอยู่ในอากาศ


ที่ลานกว้างหน้าตึกกิจกรรมนักศึกษา มีโต๊ะยาววางเรียงกันเป็นแถวสำหรับกิจกรรม “รับสมัครอาสาสมัคร” ของชมรมต่างๆ เสียงพูดคุยและหัวเราะเบาๆ ของนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่วุ่นวายเกินไป


ปริญญ์ ธนาวัฒน์ หรือ ปั้น เด็กหนุ่มปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ กำลังยืนอยู่ใกล้กับโต๊ะของชมรม “Creative Event” ที่เขาเป็นสมาชิก ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์ในแบบน่ารัก แม้จะไม่โดดเด่นสะดุดตาแบบคนอื่น แต่ความสดใสร่าเริงและท่าทางที่ดูคล่องแคล่วของเขาทำให้คนรอบข้างมักรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้


วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวลายตารางเล็กๆ กับกางเกงยีนส์ทรงตรง รองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่เขาชอบใส่ประจำทำให้ดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ เขาเดินวนไปวนมาที่โต๊ะชมรม คอยเรียกและชวนรุ่นน้องที่เดินผ่านไปมาให้ลองเข้าร่วมชมรม “ลองมาดูครับ ชมรมนี้มีกิจกรรมสนุกๆ เยอะเลยนะ” น้ำเสียงของเขาใสแจ๋ว เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แต่ลึกๆ แล้วก็มีความเกร็งเล็กน้อยแฝงอยู่


ในขณะเดียวกัน ณภัทร วิชญานนท์ หรือ นัท นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ยืนกอดอกอยู่ที่มุมหนึ่งของลานกว้าง เขาสูงโปร่ง ผิวขาวเนียนตามแบบฉบับหนุ่มลูกคนรวย สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมเรียบง่ายกับกางเกงสแลคสีดำ รองเท้าหนังเงาวับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้า ใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง ดวงตาคมที่ซ่อนความรู้สึกอยู่เบื้องหลังมองไปที่โต๊ะชมรมอย่างไม่ใส่ใจนัก


นัทมาที่นี่เพราะในชมรมวิศวะมอบหมายให้มาเฝ้าดูและช่วยงานรับสมัครสมาชิกใหม่ แม้เขาจะไม่ได้แสดงความสนใจมาก แต่ลึกๆ แล้วเขาก็ชอบความท้าทายที่กิจกรรมชมรมนี้มอบให้ เขาเริ่มเบื่อที่จะยืนเฉยๆ จึงก้าวเท้าเดินช้าๆ ผ่านโต๊ะชมรมอื่นๆ โดยที่สายตาของเขากลับไปหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเรียกรุ่นน้อง


เสียงหัวเราะเบาๆ ของ แพร เพื่อนสนิทของปั้น ดังขึ้นข้างๆ “นี่แกดูจริงจังมากเลยนะปั้น อย่าลืมหายใจบ้างล่ะ”


ปั้นหัวเราะแก้เก้อ “ก็ต้องจริงจังหน่อยสิ เดี๋ยวชมรมเราคนไม่เข้า” เขาพูดพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้เขิน ดวงตากลมโตของเขากวาดมองรอบๆ เพื่อหาคนที่จะมาคุยด้วยต่อ ทันใดนั้นเขาสบตากับใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล


สายตาของนัทที่มองตรงมาทำให้ปั้นชะงัก ใจเขาเต้นเร็วขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ เขาไม่เคยรู้จักนัทเป็นการส่วนตัว แต่ชื่อเสียงของรุ่นพี่คนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครในมหาวิทยาลัยไม่รู้ ใครๆ ต่างพูดถึง “นัท วิศวะ” ว่าเป็นคนเย็นชา ไกลตัว และเข้าถึงยาก


ปั้นพยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดอะไรมาก “แค่คนที่มองมาเท่านั้น” แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับรู้สึกเหมือนสายตาคู่นั้นมองลึกเข้ามาจนเขารู้สึกแปลกๆ ในใจ


“นายเรียกคนไม่เก่งเลยนะ” เสียงทุ้มต่ำของนัทดังขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อเขาเดินมายืนตรงหน้าปั้น น้ำเสียงนั้นไม่ได้ตั้งใจจะพูดแซว แต่กลับฟังดูเหมือนกำลังวิจารณ์อย่างจริงจัง


“เอ่อ… รุ่นพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ปั้นพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย ความประหม่าเริ่มจับจิตจับใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของนัทใกล้ๆ


นัทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เปล่า ฉันแค่ผ่านมา” แล้วเขาก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรต่อ ทิ้งไว้เพียงความงุนงงในหัวของปั้นและเสียงหัวเราะคิกคักของแพรที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านหลัง


ปั้นมองตามแผ่นหลังของนัทไปโดยที่ยังคงสงสัยว่ารุ่นพี่คนนี้ตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่ เขาไม่รู้เลยว่า การพบกันครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา


เสียงนกร้องที่เคยดังเมื่อเช้าดูเหมือนเงียบลงทันที ปั้นยังคงยืนนิ่ง ใจเขาหนักอึ้งเหมือนมีอะไรบางอย่างทับอยู่ ลมหายใจแผ่วเบาก่อนที่เขาจะพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “เขา… เป็นใครกันแน่นะ”