ในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Sugar Chords บทเพลงเคลือบน้ำตาลในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
Chapter 2 : His name
“ขอโทษที่ทำให้ต้องขึ้นมาจากสระว่ายน้ำแล้วมาช่วยฉันนะเซน” คนพูดแหย่พร้อมรอยยิ้มขี้เล่น พลางเหลือบมองมือของอีกฝ่ายที่กำลังถือกองหนังสือหนาเตอะ
“แค่นี้เอง อีกอย่างฉันเพิ่งว่ายเสร็จพอดี” เซนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงความเหนื่อยเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมแรงฮึบสุดท้ายวางกองหนังสือหนักอึ้งลงบนโต๊ะในห้องวิทยาศาสตร์
“ฟู่ว หมดสักที” เขาถอนหายใจโล่งอกพลางบิดข้อมือเล็กน้อย อีกคนที่ยืนมองอยู่หัวเราะเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวจะขอบคุณด้วยน้ำองุ่นหนึ่งกล่องละกัน”
“ก็ไม่เลว” เซนหันมาส่งยิ้มบางๆ ให้ผู้ที่เป็นทั้งหัวหน้าห้องและเพื่อนบ้านสมัยเด็ก มันคงเป็นเหตุผลหลักเลยที่ว่าทำไมเขาถึงได้ตกปากรับคำขอร้องครั้งนี้ ทั้งที่รู้ว่าเจ้ากองหนังสือนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย
“หืม?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดดู เขาเลื่อนผ่านสายเรียกเข้าจากเบอร์แปลกหน้ามากมาย แล้วเบนความสนใจไปยังข้อความล่าสุดที่เด้งขึ้นมาจากลุคแทน
ลุค : ฉันจัดห้องเรียบร้อยแล้ว นายไปรับเค้กมาหรือยัง
“อ่า…ฉันขอตัวก่อนนะเจน พอดีมีธุระด่วนน่ะ” เขาพูดพลางยกมือขึ้นโบกลา แต่ดวงตากลับไม่สบกับคู่สนทนา เด็กหนุ่มรีบก้าวเท้าผ่านรั้วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายสำคัญรออยู่
“แฮ่กๆ…” เสียงหอบดังขึ้นทันทีที่เขาก้าวลงจากรถ เซนเร่งแทรกตัวผ่านฝูงชนบนฟุตบาทอย่างไม่สนว่าจะชนใครหรือสะดุดอะไร ในหัวคิดเพียงอย่างเดียวคือเขาต้องไปให้ถึงร้านทันเวลา ตอนนี้เขามองเห็นร้านอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เข็มนาฬิกาก็ใกล้จะชี้บอกเวลาปิดเต็มที
‘ขอให้ทันทีเถอะ…’ เขาภาวนาในใจขณะวิ่งสุดกำลัง แต่เมื่อไปถึง ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจร่วงวูบประตูร้านถูกปิดสนิท พร้อมป้ายคำว่า “CLOSED” แขวนอยู่ตรงกลางอย่างชัดเจน
“แบบนี้แย่แน่…” เซนพึมพำเบาๆ ก่อนจะยืนหอบพิงประตูด้วยความสิ้นหวัง
“กำลังทำอะไรเหรอครับ” เสียงปริศนาที่ดังมาจากด้านหลังทำให้เซนต้องหันไปมอง เส้นผมสีทองที่โดดเด่นพอๆ กับส่วนสูงนั่น เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือพนักงานร้านเจ้าของรอยยิ้มหวานๆ คนนั้น ในมือของร่างสูงถือถุงใบใหญ่อยู่
“ผมเห็นว่ายังไม่มาสักทีเลยกะว่าจะเอาไปให้น่ะ”
เซนดีใจจนมือสั่นพลางเอื้อมมือไปจะรับของ แต่มันสั่นมากจริงๆ ไม่รู้เพราะความเหนื่อยหรือความดีใจมันดูจะปนกันไปหมด คนตัวสูงกว่าเลยอาสาเดินไปส่งให้ถึงที่ดีกว่า
“ขอบคุณมากนะครับ นึกว่าจะกลายเป็นวันเกิดปีที่แย่ที่สุดไปซะแล้ว” เซนกล่าวขอบคุณพนักงานหนุ่มเป็นรอบที่สามนับตั้งแต่ทั้งคู่ได้เจอหน้ากัน ตอนนี้เค้กถูกวางบนโต๊ะอย่างปลอดภัยแล้ว พร้อมด้วยเทียนและมีดตัดเค้กที่ทางร้านได้เตรียมไว้ให้อย่างดี
“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ แค่คราวหลังอย่าลืมรับสายก็พอ”
“อ่า…เบอร์พวกนั้น” เซนลังเลที่จะเอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง เพราะกลัวว่าคราวนี้อีกฝ่ายอาจหมดความอดทนแล้วด่ากลับมาจริง ๆ
“คัพเค้กรสชาติถูกปากหรือเปล่าครับ”
“คัพเค้ก? อ๋อ…คัพเค้กพวกนั้น คือว่าเรื่องมันยาวน่ะครับก็เลยยังไม่ได้กิน” พนักงานหนุ่มอมยิ้มอย่างสุภาพ แต่แววตาแฝงความผิดหวังเล็ก ๆ ซึ่งยิ่งทำให้เซนรู้สึกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่หล่นทับ
“ขอโทษด้วย…”
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาหัวเราะเบา ๆ เพื่อคลายบรรยากาศ
“ผมแค่อยากได้ฟีดแบ็กเรื่องรสชาติเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง”
“อ๋อ…งี้นี่เอง” เซนพึมพำตอบกลับ ก่อนที่บทสนทนาจะชะงักลงและเข้าสู่ความเงียบ เขารู้สึกว่าควรเป็นฝ่ายชวนคุยบ้าง แต่กลับนึกไม่ออกว่าจะเริ่มจากตรงไหน แม้กระทั่งชื่อของอีกฝ่ายเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ก็แค่คนที่ร้านอยู่ตรงข้ามกันเท่านั้นเอง
“ทำไมปลายผมถึงเปียกแบบนั้นล่ะครับ?”
“อ๋อ อันนี้น่ะเหรอ” อีกฝ่ายหัวเราะพลางจับปลายผมตัวเอง
“ว่ายน้ำที่โรงเรียนมาน่ะ”
“ว้าว ไม่ได้เป็นแค่นักดนตรีเหรอครับ?”
“ก็แค่ว่ายนาน ๆ ทีครั้งเอง เอ๊ะเดี๋ยวนะ…แล้วรู้ได้ยังไงว่าเล่นดนตรี?”
“ไม่ได้ตั้งใจจะแอบมองนะครับ แต่แค่เห็นทุกครั้งที่เดินผ่านหน้าร้านน่ะ” อีกฝ่ายพูดพลางยิ้มบางๆ ทำเอาเซนสะดุ้งเล็กน้อย ลืมไปเลยว่ากระจกมันใส
“ทั้งท่วงท่า สีหน้า ความตั้งใจ ดูเหมือนกำลังสนุกอยู่เลย แล้วก็ดูเท่มากๆ ด้วย” คนฟังก็เขินจนหน้าขึ้นสีทำได้แค่หัวเราะเสียงแห้งเป็นการตอบรับ
“สวัสดีจ้ะ นั่นใช่พ่อหนุ่มยิ้มหวานที่ขายขนมอยู่ร้านตรงข้ามเราหรือเปล่าน่ะ”
“สวัสดีครับ พอดีว่าเอาของมาส่งให้น่ะครับ “
“ตายแล้วมีน้ำใจจัง คงไม่ใช่ว่าลูกชายฉันลืมไปรับของหรอกนะ ฮ่า ๆ” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามายีผมลูกชายจนฟูเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
“เธอชื่ออะไรจ๊ะ”
“ดีแลนครับ ฝากตัวด้วยนะครับ” เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมยื่นมือออกมา ทั้งคู่จับมือกันเบา ๆ พอเป็นพิธี จากนั้นคุณแม่ก็หันไปสนใจอีกฝ่ายจนลืมลูกชายของตัวเองไปเสียสนิท
“ขึ้นไปกินด้วยกันข้างบนมั้ยล่ะ? ยังมีของอย่างอื่นอีกเยอะแยะเลย” คุณแม่ชวนด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ นี่ก็เลยเวลากลับบ้านแล้วด้วย เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วงเอา” ดีแลนตอบพร้อมแจกยิ้มอบอุ่นที่ดูเหมือนจะละลายใจทุกคนในห้อง ก่อนจะค่อยๆ ปลีกตัวออกอย่างสุภาพ
“ขอให้อร่อยนะครับ สุขสวัสดิ์วันเกิด” เขากล่าวลาแล้วเดินออกไป ทิ้งให้คุณแม่มองตามด้วยสีน่าเสียดายจนเซนอดเอือมไม่ได้
“อะแฮ่ม เตรียมจานเสร็จแล้วนะยกเค้กขึ้นมาเร็ว” คนที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและน้องชายเจ้าของวันเกิดชะโงกหน้ามาบอกอีกสองคนเพื่อให้รีบตามขึ้นไป
“สุขสวัสดิ์วันเกิดจ้าพี่สาว ขอบคุณที่ช่วยดูแลร้านมาอย่างยาวนานนะค้าบบบ “
“อธิษฐานเลยแม่”
“โอเคๆ” เธอหลับตาลงอธิษฐานเงียบๆ สักครู่ก่อนจะลืมตาขึ้นพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ แล้วเป่าเทียนที่ปักอยู่บนเค้กจนดับหมด ทันใดนั้นเสียงปรบมือดังขึ้นจากทุกคนรอบโต๊ะ เติมเต็มบรรยากาศอบอุ่นในห้องอาหารเล็กๆ แห่งนี้
“ว้าว อร่อยมากเลย” แม่พูดพลางตักเค้กคำแรกเข้าปาก สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีเป็นความประทับใจอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนหัวเราะและเริ่มลิ้มลองเค้กด้วยความเพลิดเพลิน บทสนทนาเบาๆ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันไหลลื่นไปพร้อมเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ แต่ไม่นานหลังจากนั้น การพูดคุยก็เริ่มเปลี่ยนเข้าสู่เรื่องที่จริงจัง คนเป็นแม่วางส้อมลงแล้วจ้องมาที่เซนด้วยสายตาอบอุ่นแต่แฝงความตั้งใจ
“เซน เรื่องมหาลัยเป็นยังไงบ้างลูก แม่ไม่ได้กดดันนะ แค่ถามดู” เสียงเธออ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความหมายที่แสดงถึงความห่วงใย เซนกลืนน้ำลายเบาๆ ก่อนจะตอบเขาต้องคิดถึงคำพูดของตัวเองให้รอบคอบ
“เซนน่ะไม่มีอะไรน่าห่วงเลย ผลงานด้านดนตรีก็มีให้เห็นเยอะแยะใช่ไหมล่ะ ลุค?” คนพูดเน้นเสียงที่ท้ายประโยคอย่างเจาะจง ราวกับจะเรียกพยานยืนยันความสามารถของหลานชาย
“พ่อ…ไม่เอาน่า นี่มันยุคไหนแล้ว ไม่มีใครพูดแบบนั้นแล้วล่ะ” ลุคตอบพลางหัวเราะแห้งๆ แต่คำพูดนั้นก็ทำให้ผู้ใหญ่สองคนในห้องหันมามองเด็กหนุ่มทั้งคู่ด้วยสายตาที่อ่านได้ไม่ยาก
“พวกเราจะตั้งใจเรียนครับ…”
เช้าวันถัดไป
“อืม…แม่งเอ้ย” เซนลุกจากเตียงอย่างหัวเสีย เพราะพื้นที่ที่ควรเป็นของเขาถูกญาติสนิทที่ขอมานอนด้วยแย่งไปอย่างไร้เยื่อใย จำได้ว่าก่อนนอนอีกคนยังอยู่บนโซฟาอยู่เลย แล้วนี่มาโผล่บนเตียงเขาได้ยังไงกัน! เซนถอนหายใจพลางเดินลงไปที่ร้านด้านล่าง ตั้งใจว่าจะช่วยน้าเปิดร้านแต่เช้า ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“หวัดดี ฉันเอาขนมมาฝาก พึ่งอบเมื่อ-”
ปึง!
เซนปิดประตูใส่หน้าผู้มาเยือนทันทีที่เห็นว่าเป็นดีแลน เขาตกใจจนไม่ทันคิด ขนมและเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายถือมาถูกยื่นค้างกลางอากาศ เซนหันหลังพิงประตู กวาดมือลูบผมยุ่งๆ อย่างรีบร้อน ในใจเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองจะห่วงภาพลักษณ์ไปทำไมตอนนี้ หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ เขารีบจัดผมให้เข้าทรง แล้วเปิดประตูออกอีกครั้ง
“ขะ…ขอบคุณนะ” เขารีบหยิบของจากมือดีแลน แล้วแทบจะวิ่งหนีเข้าไปด้านในร้าน เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นตามมาจากบันได ลุคในสภาพเพิ่งตื่นพร้อมผมยุ่งเหยิงเดินลงมา มือข้างหนึ่งเกาพุงไปพลาง ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ฉันว่านะ หมอนั่นชอบนายแน่ ๆ”
“อะไรนะ!?”
.
.
To be continued