ในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Sugar Chords บทเพลงเคลือบน้ำตาลในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
Chapter 3 : Just a talent
ช่วงบ่ายในคาบชมรมดนตรีที่แสนผ่อนคลาย แต่สำหรับเซนมันกลับมีความท้าทายเล็กน้อย เมื่อเขาต้องตีกลองแทนเพื่อนร่วมวงที่ติดธุระกะทันหัน อาการง่วงเล็ก ๆ จากอากาศอบอุ่นในห้องซ้อมถูกแทนที่ด้วยความตั้งใจ เซนไม่ใช่มือกลองโดยตรง แต่ความสามารถรอบด้านในเรื่องดนตรีของเขาก็ทำให้ทุกคนวางใจ
ปัง! ปัง! ตึง-ตึง-ฉ่า!
เสียงกลองชุดดังก้องในห้องซ้อม มือของเซนขยับไปตามจังหวะอย่างคล่องแคล่ว สายตาจดจ่อกับไฮแฮทและสแนร์ มือซ้ายจับไม้กลองหมุนเล็กน้อยอย่างมีจังหวะ ก่อนจะกดคอร์ดจังหวะหนักแน่นเพื่อเข้าสู่ท่อนฮุกของเพลง
เมื่อจบการเล่น เสียงปรบมือก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเชียร์จากสมาชิกชมรมทุกคนที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ อาจารย์ประจำวิชาดนตรีเป็นคนแรกที่ออกอาการดีใจสุดขีด ยิ้มกว้างพลางปรบมือเสียงดัง
“ยอดเยี่ยมมาก! เซน เธอทำให้ครูประทับใจอีกแล้ว!” อาจารย์พูดอย่างตื่นเต้น “ถ้าไม่บอกว่าเป็นมือกีตาร์ ครูคงคิดว่าเธอเป็นมือกลองอาชีพไปแล้วแน่ ๆ ส่วนคริสต์เธอร้องดีขึ้นมาก ครูภูมิใจสุด ๆ!” น้ำเสียงปลาบปลื้มของอาจารย์มาพร้อมท่าทางบาดน้ำตาเล่นใหญ่จนทำให้บางคนด้านหลังอดไม่ได้ที่จะกลอกตาและล้อเลียนอย่างขบขัน
เซนปรายตามองเพื่อนที่กำลังแกล้งทำท่าทางเกินจริงอยู่ไกล ๆ ก่อนจะยักไหล่และเมินเฉยไป เขารู้ดีว่าการใส่ใจพวกนั้นไม่ทำให้เขาได้อะไร สุดท้าย เซนเพียงนั่งลงจัดระเบียบไม้กลองในมือต่อ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าขณะเขานึกถึงการแสดงที่เพิ่งผ่านไป มันไม่เลวเลยสำหรับมือกลองจำเป็น
“คงต้องคิดหนักเลยแฮะว่าจะส่งทีมไหนไปประกวดดี” อาจารย์สาวเดินวนไปมาเป็นวงกลมในห้องซ้อมดนตรี พลางอ่านใบประกาศในมือด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ฉันกังวลจังเลย…” นักร้องนำของวงพูดขึ้นเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ก่อนจะยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมากัดเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว
“เฮ้ ๆ บอกว่าให้เลิกทำแบบนั้นไง” เซนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาคมมองไปที่เธออย่างห่วงใย
“เลือกไม่ได้ก็เปิดโหวตสิครับ” ความคิดนี้ไม่ได้ออกมาจากปากใครอื่นไกล หากแต่เป็นเจ้าคนที่ทำท่าล้อเลียนเมื่อกี้นี้
อาจารย์สาวหยุดเดินทันทีเมื่อได้ยินความคิดนั้น เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังพิจารณา
“ก็ไม่เลวเลยนะ โนเอล แต่…มันจะไม่ทำให้พวกเธอผิดใจกันหรอกใช่ไหม?” เธอถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่สายตาที่มองไปยังสมาชิกทั้งสองวงกลับเต็มไปด้วยความกังวล
“โต ๆ กันแล้วนะครับ ไม่มีใครมานั่งผิดใจกันเพราะเรื่องแบบนี้หรอก” โนเอลตอบทันทีด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะจริงใจ แต่ดวงตาที่มองตรงไปยังเซนนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย
เซนสบตากับโนเอลนิ่ง ๆ สักพัก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เขารู้ดีว่าต่อจากนี้ วงของเขาคงไม่ได้ซ้อมกันอย่างราบรื่นอีกต่อไปแล้ว
“นายคิดว่าเราคนที่โรงเรียนจะโหวตทีมพวกเราให้เป็นตัวแทนมั้ย ฉันหมายถึงพวกเราจะชนะทีมของโนเอลหรือเปล่า”
“ฉันไม่รู้ แต่ถ้าเรื่องความสามารถเราชนะแน่”
“แต่บ้านโนเอลรวยมากเลยนะ! พวกนายเคยเรียนด้วยกันตอนเกรดแปดก็น่าจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง” เจสันลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับโบกไม้โบกมือไปมาเพื่ออธิบายถึงความเลวร้ายของโนเอล
เซนมองเพื่อนร่วมทีมที่กำลังวุ่นวายอยู่ตรงหน้า เขาเข้าใจความกลัวนั้นดี โนเอลเป็นคนที่มีทั้งเงินและความนิยมในหมู่เพื่อน ความมั่นใจของเขามักพึ่งพาสิ่งเหล่านั้น และที่สำคัญ…โนเอลไม่ลังเลที่จะใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้เพื่อให้ตัวเองชนะ
“ใช่ ฉันรู้ว่าโนเอลเป็นคนยังไง” เซนเอ่ยในที่สุด น้ำเสียงของเขานิ่งสงบแต่แฝงความหนักแน่น
“แต่นายอย่าลืมสิว่า ไม่ว่าเขาจะใช้เงินหรือความป๊อปยังไง สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากพิสูจน์ตัวเองมากแค่ไหน ถ้าเราตั้งใจพอ ต่อให้เขามีเงินล้นฟ้า เราก็ชนะได้”
“คนที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์อย่างนายก็พูดง่ายสิ เซน” เจสันพูดออกมาพร้อมกับยักไหล่ ราวกับประโยคนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็คิดเหมือนกัน
คำว่า ’ พรสวรรค์ ‘ ทำให้เซนหยุดชะงัก คิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปจ้องหน้าเจสัน
“เมื่อกี้นายว่าไงนะ?” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความไม่พอใจที่เขาพยายามกดเอาไว้ เจสันดูเหมือนจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป แต่ยังไม่ทันตอบอะไร มิตสึกิก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดบทสนทนาที่เริ่มบานปลาย
“พอ ๆ พอแค่นี้ วันนี้แยกย้ายได้แล้ว” เธอพูดพลางเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างทั้งสองคน ก่อนจะคว้าแขนเจสันแล้วลากออกจากห้องซ้อมไป เซนยืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องไปที่ประตูที่ปิดลงอย่างแรง
“จิ๊…” เสียงจิ๊ปากเบา ๆ หลุดออกมาจากเขา เซนคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายไหล่ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีก
เมื่อก้าวออกมานอกอาคาร อากาศเย็นสบายในยามเย็นปะทะใบหน้าเขา เซนสูดลมหายใจลึก หวังว่าอากาศข้างนอกจะช่วยบรรเทาอารมณ์ขุ่นมัวในใจได้บ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว คำพูดของเจสันยังคงก้องอยู่ในหัว ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า ‘พรสวรรค์ ‘ มันมีความหมายมากขนาดนั้นเลยเหรอ
วันนี้เซนไม่ได้แวะไปที่ร้าน เพราะต้องค้างคืนที่บ้าน เขาเลยไม่รีบร้อนที่จะกลับ เลือกใช้เวลาทั้งบ่ายเดินเล่นในห้าง เดินดูร้านค้าต่างๆ ให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเท่าที่จะเป็นไปได้ ระหว่างเดินเล่น สายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับร้านขายเครื่องดนตรีที่เพิ่งเปิดใหม่ ร้านดูใหญ่โตและทันสมัยกว่าร้านของน้าเขาเสียอีก ด้วยความอยากรู้ เซนจึงแอบเดินเข้าไปสำรวจ
เขาให้ความสนใจกับคีย์บอร์ดที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านเป็นพิเศษ เหตุผลที่เขาหยุดมองอาจมาจากความทรงจำในวัยเด็กที่เคยลองเล่นคีย์บอร์ดเครื่องแรกในร้านของน้า หรืออาจเป็นเพราะความคิดที่ว่า เครื่องดนตรีชนิดนี้จะช่วยให้เขาก้าวข้ามขีดจำกัดทางดนตรีของตัวเองไปอีกขั้น ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรก็ตาม เซนก็ยืนมองมันอยู่นานเลยทีเดียว
จนในที่สุดก็มีบางสิ่ง หรือพูดให้ถูกก็คือ บางคน ที่ดึงความสนใจของเซนไปได้ ความโดดเด่นของเขาชัดเจนจนไม่อาจละสายตา ด้วยส่วนสูงที่สะดุดตา ไหนจะชุดยูนิฟอร์มที่ดูเข้ากันได้ดีกับใบหน้าที่เหมือนถูกฟ้าประทานมาให้อีก
ทุกอย่างในตัวเขาแทบจะเปลี่ยนภาพลักษณ์จากพนักงานร้านอาหารธรรมดาให้กลายเป็นเจ้าชายที่หลุดออกมาจากนิยาย ออร่าความสว่างจากผมสีทอง รวมถึงเสน่ห์โดยรวม ทำให้อีกฝ่ายดูเจิดจ้าจนเกินต้าน
เซนยืนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นมาบังแสงหรืออาจจะเป็นรังสีบางอย่างที่เปล่งออกมาจากคนตรงหน้า เพื่อไม่ให้มันแยงตา ขณะเดียวกัน เขาก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว ประหนึ่งว่าแรงดึงดูดบางอย่างกำลังชักนำเขาไป
“เอ่อ…ดีแลน?”
เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อค่อยๆ ลดหนังสือที่กำลังอ่านลง เขาหันไปมองต้นตอของเสียงด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ใช่นายจริง ๆ ด้วย พอใส่เครื่องแบบแล้วแต่งตัวเนี๊ยบแบบนี้แทบจำไม่ได้เลยนะ”
“แล้วมันดูดีหรือเปล่าล่ะ” ดีแลนเอ่ยพร้อมปิดหนังสือด้วยมือเดียว ก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋าสะพายข้างอย่างไม่รีบร้อน เพื่อหันมาสนทนาอย่างเต็มตัว
“แหม นายใส่อะไรก็คงดูดีหมดแหละ” เซนพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่ดีแลนกลับแค่ตอบรับคำชมด้วยรอยยิ้ม
“ฉันชอบต่างหูนายเหมือนกัน มันดูแปลกดี แต่ก็เข้ากับนายมากเลย” ดีแลนพูดพลางเท้าคาง มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“งั้นเหรอ? อันนี้ฉันทำเองน่ะ” เซนพูดพลางแตะต่างหูเบาๆ ราวกับมันเป็นสิ่งที่มีความหมาย
“ว้าว วิเศษมากเลย!” เสียงของดีแลนฟังดูชื่นชมอย่างจริงใจ แต่ในขณะเดียวกัน คำพูดของลุคที่ว่า ‘หมอนั่นชอบนายแน่ ๆ’ ก็ผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่ได้ตั้งใจ
“แม่งเอ้ย…”
“หืม?”
“ปะ..เปล่าไม่มีอะไร นี่ ให้ฉันเลี้ยงเครื่องดื่มนายสักแก้วสิ ถือเป็นการตอบแทนเรื่องก่อน ๆ” ดีแลนยกคิ้วเล็กน้อยก่อนตอบด้วยรอยยิ้มเรียบง่าย
“เอาสิ “
บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ดำเนินไปอย่างราบรื่นอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งสองต่างเลือกเครื่องดื่มของตัวเองคนละแก้ว ดีแลนเองยังสั่งเค้กมาลองชิมด้วยความสนใจ
เขาหยิบส้อมจิ้มเค้กขึ้นมาลิ้มรสคำแรก สีหน้าเหมือนจะพอใจ แต่หลังจากนั้นก็แตะมันได้เพียงคำหรือสองคำเท่านั้น ราวกับความสนใจในบทสนทนากำลังดึงเขาออกจากความสนุกของการชิมเค้ก
เซนเหลือบมองด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยขึ้นลอย ๆ อย่างแซวเล็ก ๆ “ทำไมไม่กินต่อล่ะ หรือว่ามันไม่ถูกปาก?” ดีแลนส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดตอบ
“เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าคุยกับนายสนุกกว่ากินเค้กเสียอีก”
คำพูดนั้นทำเอาเซนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหลบตา ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่มเพื่อปิดบังความรู้สึกที่เผยออกมาทางใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“นั่นมันโรงเรียนของพวกเด็กหัวดีไม่ใช่เหรอ นายสอบเข้าไปได้ยังไงเนี่ย?” เซนเอ่ยพลางยกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันดวงดีด้วยน่ะ” ดีแลนตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ ท่าทางถ่อมตัว แต่เซนรู้ดีว่าคำตอบนั้นเป็นเพียงแค่การพูดลดตัวของอีกฝ่าย แม้เซนจะรู้แก่ใจ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ
“จริงสิ เค้กเลม่อนเมื่อตอนนั้นอร่อยมากเลยนะ แม้ฉันอยากจะให้ไปซื้อมากินทุกวันเลย”
“ฮ่าๆ ถ้าอยากกินอีกก็แค่บอกเอง เดี๋ยวฉันทำมาให้ใหม่”
“นายน่ะเลิกให้ของฟรีชาวบ้านได้แล้วนะ เดี๋ยวก็ขาดทุนกันพอดี” พูดจบเขาก็ยกแก้วช็อกโกแลตปั่นขึ้นดูดอย่างสบายใจ
“ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย” เซนเหลือบมองนาฬิกาบนกำแพงร้านแล้วก็ทำหน้าเสียดาย เด็กหนุ่มเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมกลับ
“dylan_note”
“อะไรเหรอ?”
“ชื่อไอจีของฉันน่ะ” ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมกลับบ้านพร้อมกับเซน
“ฉันต้องไปขึ้นรถไฟใต้ดินน่ะ พอดีวันนี้ไม่ได้นอนที่ร้าน”
“เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” เซนทำตัวไม่ถูกและรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ไปเที่ยวกับใครแล้วมีคนเดินมาส่ง เพราะปกติก็แยกย้ายกับเพื่อนแบบทางใครทางมัน มากสุดก็แค่เดินไปส่งผู้หญิงหลังเดต แต่พอเป็นฝ่ายได้รับการกระทำแบบนี้มันก็ออกจะแปลก ๆ อยู่บ้าง
“โชคดี ไว้เจอกัน” ดีแลนโบกมือลาอีกขึ้นจนประตูรถไฟปิดลงแล้วเคลื่อนที่ออกไป เด็กหนุ่มจึงเดินกลับขึ้นไปทางเดิมเพื่อเดินตามหาของตัวเอง แต่แล้วสมาร์ตโฟนในกระเป๋าก็สั่น เขาเลยหยิบขึ้นมาดูมันแสดงรายชื่อผู้ติดตามล่าสุด
‘zayn_zz’
คลิปวิดีโอที่เซนเล่นดนตรีนั้นเต็มไปด้วยความสามารถที่ดูเท่และมืออาชีพ ความจริงแล้ว เซนดูจะมีแฟนคลับมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสาว ๆ หรือคนที่หลงใหลในเสียงดนตรีของเขาก็ตาม ดีแลนรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังได้รับการเปิดโลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยความสนุกและความรู้สึกดี ๆ
เด็กหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาใส่ เขาเลือกเปิดคลิปของเซนที่เล่นดนตรีโดยไม่ได้คิดอะไรมากนัก ทุกอย่างในตอนนี้เหมือนจะกลายเป็นเพลงโปรดที่คอยเติมเต็มอารมณ์ของเขาไปเรื่อย ๆ พร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นที่ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ
.
.
To be continued