ในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Sugar Chords บทเพลงเคลือบน้ำตาลในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
Chapter 5 : Movie date
Rrrrr Rrrrr
เสียงรอสายดังขึ้นเพียงไม่กี่วินาที แต่สำหรับเซนกลับรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน
ชื่อ ‘ดีแลน’ บนหน้าจอและเวลาที่โชว์ว่าเที่ยงคืนยิ่งทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาไม่แน่ใจว่าดีแลนกลับถึงบ้านแล้วหรือยัง หรือหลับไปแล้วหรือเปล่า แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ชัด คือ
เขานอนไม่หลับจนกว่าจะได้ขอโทษอีกฝ่าย
ไม่ใช่เพราะปฏิเสธความรู้สึกของดีแลน แต่เป็นเพราะการไล่เขาออกไปอย่างไร้มารยาท ทั้งที่ดีแลนอุตส่าห์ทำขนมมาให้กินตั้งหลายครั้ง แต่เซนกลับตอบแทนเขาด้วยท่าทีแบบนั้น
“ฮัลโหล” เสียงทุ้มต่ำที่แฝงความเหนื่อยล้าจากปลายสายดังขึ้น เซนรู้สึกเหมือนหัวใจเขาเต้นแรงขึ้นทันที มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสำหรับเขาที่จะโทรหาหรือขอโทษใคร เพราะปกติเขาก็ไม่ได้สนิทกับใครจนถึงขั้นต้องเคลียร์ใจกันแบบนี้
“ฉันอยากขอโทษ…” เขาเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียบเรียงคำพูดให้ชัดเจน
“ขอโทษที่ไล่นายออกจากห้องวันนี้ โดยไม่แม้แต่จะเดินไปส่ง… ฉันไม่ควรทำแบบนั้นเลย” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง เซนเริ่มกระวนกระวาย ใจหนึ่งกลัวว่าคำพูดของเขาจะสายเกินไป อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กง้องอนที่ไม่เคยขอโทษใคร
“นายช่วย…อย่าเกลียดฉันได้มั้ย?”
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่นานนัก ก่อนเสียงหัวเราะแผ่วเบาของดีแลนจะดังขึ้น
“นี่นายไม่ได้ซ้อมพูดมาก่อนเลยใช่มั้ยเนี่ย” คำพูดนั้นทำให้เซนหน้าแดงทันที เพราะมันคือความจริง แต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่อีกฝ่ายรู้ทันเขาแบบนี้
“อย่าคิดมากน่า” ดีแลนพูดต่อ น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนมากกว่าที่เซนคาดไว้ “ฉันไม่เกลียดนายหรอก จะว่าไปแล้ว ฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่พูดเรื่องแบบนั้นออกมาโดยไม่ได้ดูสถานการณ์ให้ดี”
เซนพยักหน้ารับ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็น ความจริงเขาก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น ถึงบรรยากาศตอนนั้นจะเหมาะสำหรับสารภาพรักก็เถอะ… แต่บางทีมันอาจจะเร็วเกินไปหน่อย?
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบ ฉันจะยอมรับคำขอโทษของนาย แต่นายต้องไปดูหนังกับฉันพรุ่งนี้นะ”
คำพูดของดีแลนทำเอาเซนตัวแข็งไปชั่วขณะ มันชัดเจนว่าเขาโดนหลอกให้เดินเข้าไปติดกับดักอีกแล้ว ความหงุดหงิดแล่นเข้ามาจนเผลอกำโทรศัพท์แน่นโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ต้องกลัวหรอก มันไม่ใช่เดต” ดีแลนพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ ที่ชวนให้เซนอยากปาหมอนใส่ “เราจะไปเที่ยวกันแบบเพื่อน ดูหนังด้วยกันแบบเพื่อน กินข้าวด้วยกันแบบ-”
“โอเค ๆ ฉันเข้าใจแล้ว นายเลิกย้ำคำนั้นสักที” เซนรีบขัด น้ำเสียงปนรำคาญเล็กน้อย เขายกมือขึ้นนวดขมับ ถอนหายใจออกมายาวๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าการขอโทษดีแลนมันจะเหนื่อยขนาดนี้
“เยี่ยม งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะเซน” เสียงจากปลายสายฟังดูสดใสเหมือนทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ก่อนสายจะถูกตัดไป
เซนทิ้งตัวลงบนเตียง ซุกหน้ากับหมอน ถึงดีแลนจะย้ำว่าไม่ใช่เดต แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายดูตั้งใจมากเกินไปสำหรับ “เที่ยวแบบเพื่อน” ไหนจะน้ำเสียงนั่นอีก มันชวนให้รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นแผนอีกอย่างของเขา…
วันรุ่งขึ้น เซนเดินมาถึงจุดนัดหมายในชุดเสื้อยืดกับแจ็คเก็ตธรรมดา ที่ใส่บ่อยจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น เขากลับเห็นดีแลนยืนอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนเรียบกริบ ผมเซตเรียบร้อยจนดูโดดเด่นเหมือนหลุดออกมาจากโรงเรียนบริหารเสน่ห์เจ้าชาย
“นี่นาย…เซตผมมาด้วยเหรอ?”
“ใช่ แล้วนายคิดว่าไง?” ความจริงดีแลนไม่ต้องถามความเห็นเขาก็ได้ เพราะดูจากรีแอคชั่นสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาแล้วต้องเหลียวมองก็น่าจะเป็นคำตอบได้อย่างชัดเจน
“ก็ดูดีเกินไปนิดนึง” เซนไม่อยากตอบยาวเพราะเดียวกลัวว่าอีกคนจะได้ใจแล้วแหย่เขาไม่หยุด
“เราเข้าไปกันเลยเถอะ” เซนพูดตัดบท ก่อนคว้าข้อมือดีแลนแล้วดึงเข้าไปในโรงภาพยนตร์ทันที ไม่ใช่ว่าเขาอยากจับมืออีกฝ่ายนักหรอก แต่ถ้าปล่อยให้ดีแลนยืนเด่นตรงนั้นต่อไป คงได้มีคนจากโรงเรียนเดินมาเห็นและเอาไปพูดกันให้วุ่นแน่ เซนไม่อยากปวดหัวกับเรื่องแบบนั้นอีก
ดีแลนไม่ได้ขัดขืน แถมยังดูพอใจกับการกระทำของเซนอย่างชัดเจน
“นี่นาย…ฉีดน้ำหอมมาเหรอ เซน?” เสียงกระซิบใกล้หูจากด้านหลังทำให้เซนสะดุ้งเล็กน้อย เขาย่นคอหนีโดยอัตโนมัติ ความใกล้ชิดแบบนี้ทำให้ใจเขาเต้นแรงโดยไม่ตั้งใจ
“เปล่า ฉันไม่ได้ฉีดอะไรทั้งนั้น” เขาตอบห้วนๆ แต่ก็พยายามทำให้เสียงฟังดูปกติ
“แปลกจัง นายมีกลิ่นหอมเหมือนน้ำหอมอ่อนๆ เลย” ดีแลนพูดต่อด้วยน้ำเสียงกวน ๆ เซนกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาพยายามเดินให้เร็วขึ้นเพื่อหลบหนีบทสนทนา
“ดูจบแล้วอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“อะไรก็ได้” เซนตอบสั้นๆ โดยไม่ละสายตาจากจอแต่ดีแลนกลับยังไม่หยุดพูด
“งั้นฉันจะเลือกเองนะ ฉันรู้จักร้านเบอร์เกอร์ดีๆ ใกล้ๆ แถวนี้…”
เซนหางคิ้วกระตุก ก่อนเบือนสายตาไปจ้องดีแลนแทนจอหนัง “นายช่วยเงียบหน่อยได้ไหม? หนังเพิ่งเริ่มได้ไม่ถึงห้านาทีเองนะ” ดีแลนยิ้มกวนๆ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ เซนสูดลมหายใจลึก พยายามระงับความรู้สึกที่อยากจะปาอะไรใส่อีกฝ่าย นี่มันไม่ใช่การดูหนังธรรมดาแล้ว มันเหมือนการทดสอบความอดทนของเขามากกว่า
“กินเสร็จแล้ว ฉันมีที่ที่อยากพานายไป”
“อะไรอีกล่ะ” เซนถามเสียงเรียบ โดยไม่ได้เงยหน้ามองอีกฝ่าย เขายกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่มหลังจากจัดการเบอร์เกอร์ร้านดังที่ดีแลนพามาจนหมด ถึงหนังจะไม่ค่อยเข้าหัว แต่ของกินก็ยังช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“นายเตรียมใจไว้แล้วใช่มั้ย? ฉันไม่ค่อยชอบเสียเวลากับพวกใจเสาะนะ”
ตอนนี้ทั้งคู่มายืนอยู่หน้าร้านเครื่องประดับ ดีแลนจ้องต่างหูในตู้กระจกอยู่นานตั้งแต่เดินเข้ามา เซนมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ตอนบอกว่าอยากเจาะหู เขานึกว่าพูดเล่น แต่ที่ไหนได้ ดันลากเขามาจริงๆ
“มันคงไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก…ใช่ไหม?” ดีแลนถามด้วยน้ำเสียงที่แอบลังเล
“ไม่รู้สิ ฉันเจาะเองหมดเลย” เซนยักไหล่เบาๆ พลางจับใบหูตัวเองข้างหนึ่ง สัมผัสได้ถึงรูเจาะที่มีอยู่สองรูในแต่ละข้าง
“ฉันแทบจำความรู้สึกไม่ได้ด้วยซ้ำเดินเข้าไปเถอะ” เซนผลักหลังดีแลนให้เดินเข้าไปในร้าน หลังจากช่วยเลือกต่างหูให้จนเสร็จสรรพ เซนก็ทิ้งตัวนั่งรอผลอยู่ที่โซฟามุมร้าน ดวงตาจับจ้องดูดีแลนที่กำลังเจาะหูอย่างเงียบ ๆ และเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผลลัพธ์ก็คือแต้มคะแนนความเซ็กซี่ของดีแลนเพิ่มขึ้นแบบ บวกสิบ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเจาะแค่ข้างเดียวด้วยซ้ำ ตอนเดินออกจากร้าน ดีแลนยังคงลูบใบหูตัวเองเบา ๆ ด้วยความไม่คุ้นชิน เซนหันมามองก่อนจะแอบหัวเราะ
“ตอนนี้นายเหมือนพวกนายแบบที่หลุดมาจากนิตยสารเลยรู้ตัวไหม”
“งั้นเหรอ…”
“อย่าลืมเช็ดแอลกอฮอล์ทุกวันนะ แล้วก็อย่าเพิ่งเปลี่ยนต่างหูจนกว่าจะครบเดือน ไม่งั้นหูอาจอักเสบได้” เซนยื่นมือไปตบไหล่หนานั่นเบา ๆ เพื่อหวังว่าจะช่วยปลอบอีกฝ่ายได้
“ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยล่ะ ไว้เจอกัน” เซนพูดก่อนจะหันหลังเดินไปขึ้นรถไฟ ดีแลนยืนมองตามอีกฝ่ายไปจนสุดสายตา พร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า เขายกมือขึ้นสัมผัสใบหูที่เพิ่งเจาะใหม่ แล้วอดคิดไม่ได้ว่า
‘เขาชอบมันหรือเปล่านะ’
ปลายนิ้วแตะที่ต่างหูเบา ๆ อีกครั้งเหมือนเพื่อย้ำความรู้สึก แม้จะยังเจ็บเล็กน้อย แต่ความรู้สึกอบอุ่นจากคำพูดของเซนก็ยังชัดเจนอยู่ในใจ ดีแลนหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างอารมณ์ดีใจ
“หาว~” เซนยกมือปิดปากขณะปล่อยเสียงหาวเบา ๆ ร่างโปร่งนั่งลงปลายเตียง หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน มือหนึ่งถือผ้าขนหนูเช็ดผมที่ยังเปียกหมาด ๆ อีกมือก็เลื่อนโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ จนสะดุดตากับโพสต์ล่าสุดของดีแลน ภาพที่ปรากฏคือใบหน้าของอีกฝ่ายครึ่งเดียว เผยให้เห็นต่างหูที่เพิ่งเจาะใหม่ ไม่มีแคปชั่นกำกับ แต่กลับมีคอมเมนต์หลั่งไหลเข้ามามากมาย
เซนไล่อ่านผ่าน ๆ แต่กลับพบว่าตัวเองไม่รู้จักใครสักคนในนั้น อาจเพราะเรียนคนละโรงเรียน แต่ความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมก็ดันเกิดขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว
‘ดูดีนะ’ เขาพิมพ์คอมเมนต์สั้น ๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลง ทว่ากลับมีเสียงแจ้งเตือนเด้งกลับมาในเวลาไม่ถึงนาที
‘ขอบคุณที่ช่วยเลือก’ เซนชะงักเล็กน้อย มองข้อความตอบกลับที่โดดเด่นอยู่ใต้โพสต์ ท่ามกลางคอมเมนต์อีกมากมาย
ดีแลนเลือกตอบแค่ของเขาคนเดียว
“ตั้งใจงั้นเหรอ…” เซนพึมพำกับตัวเอง รู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระตุกเบา ๆ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผลลัพธ์มันก็ชัดเจน
เขาติดกับของดีแลนเข้าให้แล้ว
ปึ้ง!!
“เธอแม่งเข้าใจอะไรยากชะมัด!! อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ !!”
เสียงโวยวายดังลอดประตูห้องมาพร้อมกับน้ำเสียงกร้าวที่เซนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาชะงักมือจากการเช็ดผม หันไปมองทางประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เสียงพ่อคุยโทรศัพท์ดังลั่นจนไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าปลายสายคือแม่อีกตามเคย ถ้อยคำกระแทกกระทั้นปะปนกับคำตำหนิไม่ขาดสาย เซนไม่ได้ยินรายละเอียดทั้งหมด แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า ทั้งที่วันนี้มันควรจะเป็นวันที่ดีแท้ ๆ
เขาถอนหายใจยาว เคลื่อนตัวไปหยิบหมอนบนเตียงมากดอุดหูแน่น พลางทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้าง เสียงทะเลาะยังคงแว่วเข้ามาเป็นพื้นหลังในความเงียบ
‘ให้ตายเถอะ…น่ารำคาญชะมัด’
เซนหลับตาลง ข่มตาให้หลับไปพร้อมความคิดในหัวที่วนเวียนซ้ำ ๆ เหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ชอบนอนที่บ้านก็เพราะแบบนี้ เขากระชับหมอนในอ้อมแขนแน่นขึ้น พยายามลืมทุกสิ่งรอบตัว แม้จะรู้ว่าความเงียบสงบที่เขาเฝ้าหานั้นมันช่างห่างไกลเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ต้องหลับลงให้ได้
.
.
To be continued