ในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
รัก,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,ตะวันตก,รั้วโรงเรียน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Sugar Chords บทเพลงเคลือบน้ำตาลในโลกที่ดนตรีขับกล่อมและความหวานเติมเต็ม พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งสอง
Chapter 8 : My type
หลังจากคืนนั้นเซนก็ไม่ได้พบและไม่ได้พูดคุยอะไรกับดีแลนอีกเลย การแจ้งเตือนทุกแอปพิเคชั่นเป็นปกติดี แค่ชื่อของดีแลนมันจมหายไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เซนเกือบจะลืมหน้าอีกคนไปได้อย่างสมบูรณ์แล้วถ้าไม่ติดว่าทุกๆ วันจะมีเพียงเด็กสาวผมบลอนด์คนหนึ่งชอบมายืนส่องอยู่หน้าร้านทำท่าจะเข้าหรือไม่เข้าดีอยู่บ่อยๆ
'โคลอี้'
“เอ่อ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” เซนทนความสงสัยไม่ไหวเลยเปิดประตูร้านแล้วถามออกไป
“คือว่า คุณว่างหรือเปล่าเซน” เจ้าของชื่อคิ้วกระตุกเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับความสุภาพจากคนอายุน้อยกว่า อีกอย่าง…เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ซะด้วยสิ
“ก็ว่างอยู่นะ ทำไมเหรอ”
“รู้นะคะว่าที่ผ่านมามีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ดีแลนอยู่โรงพยาบาล ฉันแค่อยากมาบอกให้คุณรับรู้ “เสียงของโคลอี้เต็มไปด้วยความกังวล แม้จะพูดเหมือนแค่ต้องการแจ้งให้ทราบ แต่คำพูดนั้นกลับติดอยู่ในใจเขาอย่างบอกไม่ถูก
“ดีแลนอยู่โรงพยาบาล…” เซนพึมพำทวนคำเบา ๆ รู้สึกเหมือนโลกช้าลงในชั่วขณะ ความรู้สึกหลากหลายตีตื้นขึ้นมาในใจ เขาเอ่ยถามถึงเหตุการณ์คร่าว ๆ ก่อนจะได้รับคำตอบที่ทำให้หัวใจเบาลงไปเล็กน้อย
เหตุผลที่ดีแลนต้องเข้ารักษาตัว คืออุบัติเหตุเล็กน้อยจากการเล่นบาสกับเพื่อนที่โรงเรียน แต่เมื่อรวมกับการพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียดที่สะสมมาตลอด พักหลังมานี้เจ้าตัวหักโหมทั้งซ้อมกีฬา ทำงานที่ร้าน และการเรียนจนร่างกายรับไม่ไหว
“พี่เขาเล่นทุกวันเลยค่ะ บอกให้พักบ้างก็ไม่ยอมฟัง” เซนฟังคำพูดของเธอเงียบ ๆ รู้สึกถึงบางอย่างที่เหมือนกระตุกอยู่ในใจ แม้จะบอกตัวเองหลายครั้งว่าไม่อยากยุ่งกับดีแลน แต่ความเป็นห่วงนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้
ณ โรงพยาบาล
บรรยากาศในห้องพักเงียบสงบเมื่อเซนเดินเข้ามาพร้อมกับโคลอี้ เด็กสาวเป็นคนนำทางเขาไปยังห้องของพี่ชาย ร่างสูงของดีแลนนอนอยู่บนเตียงสีขาว มีผ้าพันแผลบาง ๆ บริเวณข้อเท้า
“ลมอะไรหอบนายมาล่ะเนี่ย” นั่นคือประโยคแรกที่ดีแลนพูดเมื่อเห็นใบหน้าของเซน
“ฉันพาเขามาเอง คิดว่ามันคงช่วยให้พี่ดีขึ้น” โคลอี้พูดพลางเดินเข้ามาหาดีแลนเป็นคนแรก เธอช่วยจัดที่นั่งให้เซนที่ดูเหมือนยังงุนงงกับสถานการณ์อยู่
“พวกนายคงมีเรื่องต้องคุยกัน ถ้างั้นฉันกลับไปดูร้านก่อนนะ ฝากคุณด้วยนะ เซน” โคลอี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แววตากลับซ่อนรอยยิ้มไว้เล็กน้อย
ไม่ทันที่เซนจะพูดอะไรตอบ โคลอี้ก็เดินออกไปพร้อมปิดประตูห้องเบา ๆ ทิ้งให้เซนนั่งอยู่กับดีแลนตามลำพัง
เซนเพิ่งจะรู้ตัวว่าหลงกลตามแผนของสาวน้อยผมทองนี้จนได้ เขาถอนหายใจเบา ๆ พร้อมคิดในใจ ให้ตายเถอะ พวกเขาวางแผนเก่งทั้งพี่ทั้งน้องเลยจริง ๆ แบบนี้คงไม่มีทางปฏิเสธได้แล้วล่ะสิ
ไม่ก็เป็นเขาเองที่หลงเชื่อแววตาใสซื่อคู่นั้น
“สะพายกีตาร์มาด้วยนี่อะไร กะมาร้องเพลงกล่อมฉันหลับหรือไง” ดีแลนแซวต่อ พลางยักคิ้วด้วยสีหน้าที่ดูจะดีขึ้นทันที
” พอป่วยแล้วกวนโอ๊ยดีนะ ขาก็เจ็บแล้วอยากจะปากแตกด้วยหรือไง “เซนโต้กลับพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ไปนั่งใกล้ ๆ เตียง เขาถอดกีตาร์ออกจากหลัง วางมันลงบนตักก่อนจะเริ่มจูนสายให้เข้าที่
” ฮ่าๆ แล้วชอบมั้ยล่ะ “เด็กหนุ่มผมดำส่ายหัวแทนคำตอบเขาถอดกีตาร์ออกจากหลัง วางมันลงบนตักก่อนจะเริ่มจูนสายให้เข้าที่
“จะเล่นให้ฉันฟังเหรอ” น้ำเสียงของดีแลนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง แม้ใบหน้าจะยังติดรอยยิ้ม
เซนไม่ได้ตอบทันที เขาแค่พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้ามองกีตาร์ในมือ จากนั้นจึงเริ่มดีดสายทดสอบเสียง สัมผัสแรกของสายตาที่มองดีแลนทำให้เขารู้สึกประหม่า ทั้งที่เขาเคยเล่นดนตรีต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
ดีแลนนั่งพิงหมอน มองเซนอย่างตั้งใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและจริงใจจนเซนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น รอยยิ้มบาง ๆ ของดีแลนทำให้เซนหยุดมือบนสายกีตาร์ชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มตามเล็กน้อย
“ฉันรอฟังอยู่นะ”
เซนถอนหายใจลึก ๆ แล้วเริ่มลงนิ้วบนสายกีตาร์ เสียงดนตรีที่ดังขึ้นในห้องเงียบ ๆ นั้นมีเพียงเขาและดีแลนรับรู้ รอยยิ้มของดีแลนที่เจาะเข้ามาในใจเซนทำให้ทุกโน้ตที่เขาเล่นเหมือนมีความหมายมากขึ้น
เขาเคยได้รับเสียงปรบมือจากผู้คนมากมายในชีวิตนี้ แต่ไม่มีอะไรที่จริงใจและสัมผัสได้ลึกซึ้งเท่าสายตาคู่นี้
เซนนิ่งไปชั่วขณะ เขาไม่ได้ตอบสนองในทันที แค่ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นซึมลึกลงในใจ แล้วเผลอคลี่ยิ้มบาง ๆ ออกมา
“นายคิดว่าไง”
” อืม…เป็นเพลงรักหรือเปล่า ฟังดูเหมือนเป็นเพลงรักนะ “คำพูดนั้นทำให้เซนหลุดหัวเราะเบา ๆ ทั้งคู่หัวเราะตามกันอย่างเป็นธรรมชาติ มันน่าตลกดีที่ความตึงเครียดและความข้องใจก่อนหน้านี้ถูกเสียงเพลงช่วยลบเลือนไปหมด เหลือเพียงแค่ความสบายใจที่เกิดขึ้นในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นั้น
“คืองี้นะ ฉันชอบคนใจเย็น ซื่อสัตย์ แล้วก็อบอุ่น ที่สำคัญต้องเข้าใจฉันแบบมาก ๆ แล้วก็ห้ามนอกใจด้วย” เซนพูดขึ้นมาลอย ๆ แต่กลับทำให้ดีแลนที่นั่งฟังอยู่ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
คำพูดเหล่านี้ฟังดูเหมือนเป็นการเปิดเผยความรู้สึกที่จริงใจจนเกินคาด เหมือนเขากำลังจะประกาศให้รู้ว่าตัวเองพร้อมเปิดใจแล้ว ใครอยากจีบก็ลองดูได้เลย
“ฮ่าๆๆๆ”
“อะไรของนาย ขำอะไรนักหนา” เซนถามเสียงเข้ม
“ก็เพราะคนที่นายพูดถึงมันเหมือนฉันเป๊ะเลยน่ะสิ” ดีแลนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกวนๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้า เซนหรี่ตามองดีแลน รู้สึกว่ามันน่าโมโหที่อีกฝ่ายทำเหมือนเขาพูดอะไรตลกนัก แต่ในขณะเดียวกัน หัวใจก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่ในมือ
“ฝะ..ฝันไปเถอะน่า ฉันไม่ได้พูดถึงนายสักหน่อย” เซนเบือนหน้าไปอีกทาง
“ก็ไม่ได้บอกว่าพูดถึงฉัน แต่ถ้าอยากให้เป็นฉันก็บอกได้เลยนะ” ดีแลนยังคงเล่นมุกต่อ
“เลิกพูดแล้วนอนพักไปเลย ฉันอุตส่าห์มาเยี่ยมนะ ไม่ได้มาให้นายมาพูดอะไรเหลวไหลหรอก” ดีแลนยิ้มกว้างกว่าเดิมแต่ก็ยอมหยุดพูดตามที่เซนบอก เขาเอนตัวลงกับเตียงแต่ยังคงมองเซนที่กำลังจัดกีตาร์เข้ากระเป๋า
“เซน” ดีแลนเรียกเสียงเบา
“ว่าไง” เจ้าของชื่อตอบโดยไม่หันมามอง
“ไม่ได้เหลวไหลหรอก ฉันพูดจริงนะ” น้ำเสียงของดีแลนเปลี่ยนไป มันนุ่มนวลและจริงจังจนเซนต้องหยุดมือที่กำลังรูดซิปกระเป๋ากีตาร์
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับดีแลน ที่ตอนนี้มีรอยยิ้มอบอุ่นและแววตาที่แฝงความหมายบางอย่างที่ทำให้เขาใจเต้นแรงกว่าเดิม
“ฉันจริงจังกับสิ่งที่พูด ถ้าเป็นไปได้ อยากให้คนที่นายพูดถึงเป็นฉันจริง ๆ นะ” เซนไม่ตอบอะไร เขาเก็บกีตาร์เรียบร้อย หันหลังเดินออกไปพร้อมหัวใจที่เต้นระรัว จนกระทั่งเสียงประตูปิดลงดีแลนก็ยังคงนอนยิ้มเหมือนคนเพิ่งคว้าชัยชนะครั้งใหญ่มาได้
“นายก็หายเร็วๆ ล่ะ”
เซนกลับถึงบ้าน เดินเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองที่ยังคงเต้นรัวจากคำพูดของดีแลน
“พูดอะไรของนาย ทำเหมือนฉันจะหวั่นไหวง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองพลางถอนหายใจหนัก ๆ แต่สายตากลับเลื่อนไปมองกีตาร์ที่เขาเพิ่งเก็บมา
เสียงทำนองเพลงที่เซนเริ่มแต่งดังขึ้นในห้อง มันไม่ได้เป็นแค่เพลงสำหรับตัวเองอีกต่อไป แต่เหมือนเพลงนี้กำลังพูดถึงใครอีกคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในโลกของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
.
.
To be continued