รวมเรื่องสั้น สยองขวัญ หลอน หักมุม เหนือธรรมชาติ แปลก แหก แหวกแนว ที่จะทำให้คุณต้องร้องว่า "อิหยังวะ!?"
พารานอมอล,ผู้ใหญ่,ดาร์ค,เลือดสาด,เรื่องสั้น,อ่านเพลิน,แปลก,หลอน,หักมุม,พล็อตสร้างกระแส,ผี,สยองขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Shot Story : สั้น หัก สยองรวมเรื่องสั้น สยองขวัญ หลอน หักมุม เหนือธรรมชาติ แปลก แหก แหวกแนว ที่จะทำให้คุณต้องร้องว่า "อิหยังวะ!?"
"ฮัลโหล ไอ้ต๊อบ...มึงจองหนังไว้รอบไหนวะ?"
"สี่ทุ่มครึ่งว่ะ มึงจะมาทันไหม ไอ้สอง" ปลายสายตอบกลับมา
"เออ ทันๆๆ เนี่ย กูใกล้จะถึงแล้ว กำลังวนรถขึ้นไปจอดบนชั้นโรงหนัง...มึงซื้อตั๋วแล้วใช่ป่ะ งั้นมึงซื้อป๊อบคอร์นถังใหญ่ กับน้ำอัดลมไว้ให้กูด้วย จะได้ไม่เสียเวลา"
"เออ ได้ แต่มึงต้องขับไปส่งกูที่บ้านด้วยนะ กูนั่งรถเมล์มา ดึกแล้ว กูขี้เกียจเจอด่าน คราวก่อนกูโดนไถไป 500 เข็ดเลยกูทีนี้"
"เออ ได้ๆ งั้นเจอกันเพื่อน...ตื้ดๆๆ" ผมวางสายแล้วรีบขับวนหาที่จอดรถ
ผมกับเพื่อนชอบไปดูหนังด้วยกันดึกๆ เป็นประจำ อย่างน้อยก็สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ขึ้นอยู่กับว่ามีโปรแกรมหนังอะไรเด็ดๆโดนๆ ในอาทิตย์นั้นหรือเปล่า ถ้ามีผมก็มักจะไม่เคยพลาด แล้วก็มักจะลากไอ้เชี่xต๊อบมาดูด้วย เวลาคุยกันหลังดู จะได้เพิ่มอรรถรสให้กับประสบการณ์การดูหนังของผมขึ้นไปอีก
ทำไมต้องมาดูรอบดึกน่ะเหรอ ผมว่า มันก็ต้องมีบ้างแหล่ะคนที่มีรสนิยมแบบผม ผมชอบบรรยากาศเงียบๆ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ไม่ต้องไปเบียดเสียดแย่งกินแย่งจ่ายกับใคร ไม่ต้องเจอแสงแดดแผดเผาให้ผิวเสีย คุณก็รู้ ว่าประเทศเราแดดมันแรงขนาดไหน แค่เดินไปเฉียดแดดสักทีนะ ก็เหมือนเนื้อที่โดนย่างอยู่ในเตาบาร์บีคิว เพราะฉะนั้น ผมจึงเลือกดูหนังรอบกลางคืน ด้วยเหตุผลดังกล่าว
โรงหนังที่ผมมักจะมาก็จะอยู่ใกล้ๆ บ้านนี่แหล่ะ โรงหนังในห้าง อยู่ชั้น 5 ชั้นอื่นปิดไฟหมดแล้ว เหลือแค่ชั้นนี้ชั้นเดียวที่ยังเปิดให้บริการอยู่ มีพนักงานไม่กี่คนที่ยังทำงานในชั้นนี้ มีลุงยาม มีพนักงานขายตั๋วกับพนักงานบาร์ ซึ่งพอหมดรอบสุดท้ายพวกนี้ก็จะพากันกลับจนหมด เพราะฉะนั้น ชั้นนี้เลยเหลือเพียงแค่ ลุงยาม พนักงานเปิดประตูในโรงหนังหนึ่งคน และลูกค้าที่มาดูหนัง
...
"เอ้...วันนี้มันเป็นอะไรว้า รถจอดกันเต็ม ตรงไหนก็ไม่มีที่ว่าง สงสัยต้องใช้สูตรที่ได้เจ้าพ่อ Tiktok ซะแล้ว" ผมก็บ่นพึมพัมไปงั้นล่ะ ไม่ได้คิดว่ามันจะได้ผลจริงจังอะไรเลย
"นนทนนท์ นนทนนท์ หาที่จอดรถให้ที" ผมส่งเสียงร้องขอเทพเจ้าที่จอดรถให้หาที่ว่างให้
"อุ้ย!" คำขอสัมฤทธิ์ผลทันควัน เมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งขับพรวดออกจากซองไปอย่างรวดเร็ว ผมนี้ทั้งอึ้งทั้งดีใจที่คำขอโง่ๆ ของผมมันได้ผลจริงๆ
"โห แล้วอย่างงี้ต้องแก้บนยังไงวะ เหอะๆ ดูมาแค่นั้นจริงๆ แต่ก็ช่างเถอะ ค่อยว่ากัน" ผมรีบเลี้ยวเข้าไปจอดตรงนั้นทันควัน กลัวว่าถ้าช้าไปกว่านี้ จะไม่ทันดูตัวอย่างหนังที่ฉายเบิกโรง ผมน่ะมันต้องเอาให้คุ้ม เพื่อเก็บข้อมูลไปลงเพจเล่าหนังที่ผมทำอยู่
"เอี้ยด...ปึ่ก!"
"เห้ย!" เหมือนชนอะไรหรือเปล่าวะ?
ผมรีบเปิดประตูลงไปดูที่ท้ายรถโดยไม่ดับเครื่อง ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ เห็นแต่ไฟท้ายที่มันส่องแสงสีแดงเรืองๆ มีขวดน้ำอะไรไม่รู้ล้มอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจ ผมกะว่าจะรีบไปให้ทันรอบหนังเลยรีบปิดประตูล็อครถ แล้วเดินออกไป
บรรยากาศของลานจอดรถก็คงรู้ๆ กันอยู่ล่ะมั้ง ไม่ว่าจะกลางคืนหรือกลางวันก็จะอ้างว้าง วังเวงๆ คล้ายๆกัน มีลมเย็นๆ พัดสบายๆ แค่ตอนกลางคืนมันจะมืดสลัวกว่าก็เท่านั้น จะมีแสงอยู่บ้างก็ตรงเสาไฟริมทางด่วนที่อยู่ไกลๆ มองเห็นรถยนต์คันน้อยวิ่งฉิวอยู่บนถนนที่ดูจะเงียบเหงา ตัวผมน่ะก็ไม่ได้กลัวความมืดหรืออะไรหรอก แต่การอยู่กับแสงว่าง มันดูปลอดภัยกว่าอยู่ตรงนี้
...
"ยินดีต้อนรับครับผม!" ลุงยามมาเปิดประตูทางเข้าให้ผม แกชื่อลุงชิน ผมมาบ่อย ก็เลยคุ้นเคยกับแกพอสมควร
"สวัสดีคับลุง ยันเช้าหรือเปล่าวันนี้ พักผ่อนบ้างนะครับ ดึกแล้ว" ผมพูดกับลุงยามด้วยความเป็นห่วง
ลุงยามแกมีบุคลิกที่ดูง่วงนอนตลอดเวลา ชุดยูนิฟอร์มสีฟ้ากับเสื้อยืดสีขาวขอบสีเลือดหมูซับในเป็นชุดที่แกใส่เป็นประจำที่เห็น เอกลักษณ์อีกอย่างคือ แกจะห้อยพระอะไรก็ไม่รู้เต็มคอไปหมด มีเป็นสิบๆ องค์ แกเคยคุยว่าแท้ทั้งคอ พ่อให้มาบ้าง ขุดเจอบ้าง ผมว่าแกโม้ แต่จริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ายังไงแน่ เพราะผมก็ดูพระไม่เป็น จึงได้แต่เออออไปกับแก เวลาแกเอาพระมาปล่อยให้ผม
"ยันหว่างเหมือนเดิมครับคุณสอง ขอบคุณครับที่เป็นห่วงลุง" ลุงแกก็ยังคงยิ้มแย้ม แม้จะดึกแค่ไหนก็ตาม "แล้ววันนี้เพื่อนไม่มาดูด้วยเหรอครับ ไม่เห็นเดินตามมาจากรถด้วย"
ผมตกใจที่ลุงถาม "เห้ย! อะไรลุง อำผมหรือเปล่าเนี่ย?...ผมเดินมาคนเดียว ส่วนไอ้ต๊อบมันมารออยู่ข้างในแล้ว ลุงตาฝาดหรือเปล่า...?" ผมเสียงดังใส่ลุงไปไม่รู้ตัว อาจจะด้วยอารมณ์เสียที่มาทักกันแบบนี้
แต่ว่า ลุงกลับดูตกใจกับสิ่งที่ผมบอกมากกว่า "เอ่อ...อ่า...อ้อ เหรอครับ สงสัยลุงตาลายจริงๆ แหะๆ ชะ...เชิญๆ คุณสองไปดูหนังเถอะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว"
ลุงแกดูมีปัญหากับผมอยู่เหมือนกันนะ คราวก่อนตอนเอาเหรียญหลวงพ่อมาให้ผมเช่า ผมบอกไม่เอา แกก็ทำเคืองใส่ผม สงสัยคราวนี้คงอยากเอาคืน แกล้งผมให้กลัวผี เพื่อจะได้เช่าของดีจากแกล่ะสิ ลุงเอ๊ย แผนสูงแบบนี้ ไม่ได้กินตังค์ไอ้สองหร้อก...กก หึหึ
...
วันนี้หนังสนุก แอร์เย็นฉ่ำ คนดูก็แทบจะนับคนได้ ไอ้ต๊อบก็ดูเอ็นจอยกับหนัง ดูสิ หัวเราะร่าเลย แต่ก็ดี มันเอ็นจอย ผมก็เอ็นจอย พรุ่งนี้จะได้มีเรื่องไปเล่าให้ลูกเพจฟัง น่าจะได้ยอดไลค์กันพอสมควรเลยล่ะ
"ปึ่ก!"
'เห้ย ไรวะ!?' มีคนถีบเบาะ
"ปึ่ก! ปึ่ก!" อ้าว ไอ้เวรนี่ ถีบเบาะแบบนี้ อยากมีเรื่องแน่นอน มึงรู้จักไอ้สอง ลูกซองสั้น น้อยไปแล้ว ไหนกูขอดูหน้าหน่อยดิ้ว่ามึงจะแน่แค่ไหน
"ควับ!"
'เห้ย!'
พอผมหันไปก็ต้องตกใจ เพราะว่าเบาะหลังไม่มีใครนั่งอยู่เลย ผมพยายามกวาดสายตาดูจนทั่วก็ไม่มีใครอยู่จริงๆ คนที่อยู่ที่นั่งใกล้ที่สุด ก็อยู่เก้าอี้ถัดไปอีกห้าถึงหกตัว ไม่มีทางที่จะยืดขามาถีบได้แน่นอน
"อะ ไร วะ !?" ผมนี้เกาหัวแกร่กๆ เลยทีเดียว ไอ้ต๊อบเห็นผมทำทีแปลกๆ มันหันมาสะกิด
"เห้ย! สอง กูปวดเยี่ยวว่ะ!" ไอ้ต๊อบกระซิบบอกผม ผมก็กระซิบกลับ เกรงใจคนอื่นในโรง
"ไอ้ห่า หนังใกล้จะจบแล้ว มึงทนอีกนิดเถอะวะเพื่อน"
"เออๆ อูยย" มันหันค้อนผม
...
วันนี้มันเป็นวันอะไรของผมวะ มีแต่เรื่องแปลกๆ ผมครุ่นคิดไม่ตก จนไม่มีสมาธิดูหนังให้รู้เรื่องไหว
จากนั้น พอชื่อผู้กำกับขึ้นจอ เด็กโรงหนังเดินมาเปิดประตูให้ ผมแมร่xก็ยังคิดไม่ตกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับผมอยู่ดี เหมือนมันต้องมีอะไรที่ผมพลาดไป มีอะไรที่...คงไม่มีอะไรหรอก ผมพยายามเลิกคิดดีกว่า
"ไอ้สอง มึงรอกูก่อนนะ ปวดจนเยี่ยวจะแตกแล้ว" ไอ้ต๊อบรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ผ่านเหล่าลูกค้าคนอื่นที่ทยอยเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์
"เออๆ ตามสบายเพื่อน เดี๋ยวกูรออยู่ตรงนี้แหล่ะ" ผมบอกมันอย่างสบายๆ
ทางเดินโล่งกว้าง ที่ทอดตัวยาว โดยเชื่อมจากโรงภาพยนตร์หนึ่งๆ ไปสู่ทางออกด้านหน้า ผนังสีชมพูอ่อนตัดกับเสาและคานปูนสีฟ้าอ่อน ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายหลังดูภาพยนตร์จบแล้ว ผมยืนรอไอ้ต๊อบอยู่ตรงทางเดินนี้อย่างเดียวดาย ลูกค้าทั้งหลายก็กลับกันไปหมดแล้ว ความเงียบและเปลี่ยวเข้าแทนที่ความหรรษา มันก็ทำให้ขนที่แขนผมลุกชูชันขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"ตุ้บ!" จู่ๆ ก็มีเสียงของบางอย่างเหมือนตกลงมาจากที่สูง เสียงมันดังก้องสะท้อนไปทั้งทางเดิน ผมสะบัดหน้าไปตามเสียงนั้นตามสัญชาตญาณด้วยความกลัว
"เห้ย! นั่นอะไรวะ?!" มีก้อนอะไรดำๆ ปรากฏขึ้นกลางทางเดิน ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่ง มันค่อยๆ กอบร่างของมันลุกขึ้นยืน
"ห่ะ! อะ..." ผมนี้เบิกตาโพลง อ้าปากค้าง รู้สึกได้เลยว่าหัวใจกำลังเต้นแรงมาก เอาจริงๆ ผมแมร่xไม่กล้าที่จะหายใจเลยด้วยซ้ำเมื่อเห็นร่างที่บิดเบี้ยวนั้น ยืนจังก้าอยู่หน้าผม ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมไม่รู้ว่ยืนตัวแข็งแบบนี้อยู่นานแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว ร่างกายผมมันก็สั่งขา ให้ต้องวิ่งออกไปจากตรงนี้ ออกไปที่ที่มีมนุษย์คนอื่นอยู่บ้าง
"ว้ากกก ไม่อยู่แล้ววว" เมื่อผมวิ่ง ไอ้ตัวนั้นมันก็วิ่งตามผมมาอย่างไว นาทีนี้ ต่อให้ยูเซน โบวล์ มารั้งผมไว้ ก็เอาผมไม่ลง
"ไปๆ ไอ้ต๊อบ ผีหลอกกก" ผมคว้าแขนเพื่อน แล้วลากมันไปทั้งอย่างนั้น โดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
"ว้ากกก...ว้ากกก" ผมวิ่งไม่คิดชีวิตอย่างกับคนบ้า ป๊อบคงป๊อบคอร์นที่เหลือมากระจัดกระจายไปทั่วทั้งหน้าโรงหนัง ผมมารู้ที่หลังจากลุงยามว่า ผมแหกปากร้องลั่นออกไปจากห้างอย่างกับคนไม่มีสติ...ก็ตอนนั้นคนมันกลัวนี่หว่า ใครมันจะไปคุมสติไหว...
"แฮ่กๆๆ" ผมวิ่งมาที่รถถูกได้ยังไง ผมก็จำไม่ได้จริงๆ
"ไปๆ เข้ารถก่อน" ผมเลิ่กลั่กบอกไอ้ต๊อบให้รีบเข้าไปในรถก่อน
"ปึ่ง! ปึ๋ง!" เสียงปิดประตูรถ ผมกระโดดพรวดเดียวลงนั่งหลังพวงมาลัย สตาร์ทรถ แล้วเหยียบคันเร่งจนสุดไมล์
"เอี้ยด...ดด" ล้อรถบดกับถนนดังสะท้าน ผมพยายามสูดหายใจลึกๆ ตั้งสติ นึกถึงพระพุทธพระธรรมคำสั่งสอน "นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ นะโมนะโม..."
"เชี่x...เมื่อกี้กูโดนผีหลอกว่ะ ผีมันมาจากไหนวะ แล้วกูไปทำอะไรให้ต้องมาตามกูเนี่ย..." ผมบ่นกับไอ้ต๊อบยาวเลยทีนี้ ใครมันจะไปนึกว่าจะเจอผี ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยเห็น ผมหันหน้าหันหลังดูกระจกหลัง ว่าผีมันจะตามมาไหม แต่ก็ไม่มี วันนี้มันวันมหาวิปโยคอะไรวะ กูไม่ได้อยากมีเรื่องไปเล่าให้พี่แจ็คฟังนะ กูชอบฟังเฉยๆ
"ตื้ด...ดดด ตื้ด...ดดด" ใครโทรมาวะ หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
"มึงเป็นอะไรนั่งเงียบ ไอ้ต๊อบ มึงรับสายดิ้ กูจะขับรถ" ผมโยนโทรศัพท์ให้มัน แต่มันก็ยื่นกลับมาให้ผม ผมมัวแต่ดูทางเลยคว้าโทรศัพท์มั่วๆ เพื่อรับสาย
"ไอ้นี่ พึ่งอะไรไม่ได้เลย ทีหลังกูไม่ไปส่งที่บ้านมึงล่ะนะ กลับเองเลยแล้วกัน...ฮัลโหล!" ผมรับสาย ทว่า เสียงที่มันพูดอยู่ในสาย ทำให้หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น
"ไอ้สอง ไอ้เหี้x มึงจะรีบขับรถไปไหนวะ กลับมารับกูก่อน...ไอ้ห่า ทิ้งเพื่อน เนี่ยกูอยู่กับลุงยาม มึงขับวนกลับมาเลยนะ ไม่งั้นกูไม่มีรถกลับบ้าน"
ผมค่อยๆ หันไปมองคนที่อยู่ตรงเบาะนั่งข้างคนขับ
"กะ...กรี๊ดดดดดดดด"
!!!
...ผมน่าจะเช่าพระลุงยามสักองค์