รวมเรื่องสั้น สยองขวัญ หลอน หักมุม เหนือธรรมชาติ แปลก แหก แหวกแนว ที่จะทำให้คุณต้องร้องว่า "อิหยังวะ!?"

Shot Story : สั้น หัก สยอง - 8 เพื่อนบ้าน โดย Chocolate Mlz @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

พารานอมอล,ผู้ใหญ่,ดาร์ค,เลือดสาด,เรื่องสั้น,อ่านเพลิน,แปลก,หลอน,หักมุม,พล็อตสร้างกระแส,ผี,สยองขวัญ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Shot Story : สั้น หัก สยอง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

พารานอมอล,ผู้ใหญ่,ดาร์ค,เลือดสาด,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อ่านเพลิน,แปลก,หลอน,หักมุม,พล็อตสร้างกระแส,ผี,สยองขวัญ

รายละเอียด

Shot Story : สั้น หัก สยอง โดย Chocolate Mlz @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้น สยองขวัญ หลอน หักมุม เหนือธรรมชาติ แปลก แหก แหวกแนว ที่จะทำให้คุณต้องร้องว่า "อิหยังวะ!?"

ผู้แต่ง

Chocolate Mlz

เรื่องย่อ

สารบัญ

Shot Story : สั้น หัก สยอง-1 นอนไม่หลับ,Shot Story : สั้น หัก สยอง-2 ตัวแทน,Shot Story : สั้น หัก สยอง-3 ผู้มาเยือน,Shot Story : สั้น หัก สยอง-4 หนังรอบดึก,Shot Story : สั้น หัก สยอง-5 ตู้เย็น,Shot Story : สั้น หัก สยอง-6 เลขที่ออก,Shot Story : สั้น หัก สยอง-7 เสียงกระซิบ,Shot Story : สั้น หัก สยอง-8 เพื่อนบ้าน,Shot Story : สั้น หัก สยอง-9 วิ่งไล่จับ,Shot Story : สั้น หัก สยอง-10 "ผมอยากกลับบ้าน"

เนื้อหา

8 เพื่อนบ้าน

หลังจากกลับจากงานปาร์ตี้ ฉันและผู้ชายที่เจอกันในงานก็กลับมาที่ห้องของฉัน ในอพาร์ทเม้นท์ที่เช่ามาตั้งแต่ตอนอยู่ปีหนึ่ง แล้วเราก็มีอะไรกันจนเกือบถึงเช้า




ว้าว...! เขาช่าง...เร่าร้อน และ รุนแรงกับฉันเยี่ยงสัตว์ป่า เขาทั้งดูดคอของฉันจนเจ็บ และทิ้งร่องรอยแห่งความหิวกระหายเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันกลับชอบมันอย่างบอกไม่ถูก จริงๆ นะ




โดยปกติแล้วฉันเป็นผู้หญิงที่ถือตัวค่อนข้างมาก ไม่ใช่ว่าใครที่เข้ามาถูกเนื้อต้องตัวของฉันแล้วฉันจะชอบ โดยเฉพาะ มนุษย์ตัวผู้ ทุกตัว... มนุษย์ประเภทที่ ขี้เก็ก อวดเบ่ง ชอบมองฉันด้วยสายตาที่ราวกับอยากจะเขมือบฉันลงท้องตลอดเวลา แหว่ะ! น่ารังเกียจชะมัด ฉันก็คนนะ ถ้าไม่สามารถควบคุมอารมณ์กระเหี้ยนกระหือรือได้ อย่างน้อย ก็ช่วยรบกวนมีมารยาทในสังคมด้วย...ฉันล่ะเกลียดพวกนี้เสียไม่มี เชอะ!




แต่กับ...เอ่อ...ที่จริงเขาบอกชื่อฉันแล้วล่ะ แต่ตอนนั้นฉันเมามากไปหน่อย ก็เลยไม่แน่ใจ เอาเป็นว่าฉันจะเรียกเขาว่า มิกกี้ ก็แล้วกันนะ




ทำไมฉันเรียกเขาแบบนั้นน่ะเหรอนั่นก็เพราะ ฉันรู้สึกว่าเขามีอะไรที่ พิเศษ กว่าคนอื่นๆ ตอนคุยกันในปาร์ตี้ เขาดูเป็นคนขี้อาย คุยสนุกอย่างประหลาด เวลาที่เขาพูดดวงตาของเขาจะเป็นประกายระยิบระยับ แต่ไม่ดูคุกคาม มันดูอบอุ่นด้วยซ้ำ จนละลายหัวใจน้ำแข็งของฉันได้อย่างอ่อนโยน ฉันตกหลุมรักเขา ฉันเลยตั้งชื่อให้เขาว่า มิกกี้ เหมือนมิกกี้เมาส์ เป็นตัวการ์ตูนที่ฉันชอบ จะได้ดูน่ารักดี




ฉันตื่นมาอีกทีก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆ ตอนนั้น มิกกี้ก็ไม่อยู่แล้ว...




ไม่บ่อยนักที่ฉันจะรู้สึกว่า ฉันทำผิดพลาดอะไรไปตรงไหน...ใจของฉันมันตุ้มๆ ต่อมๆ แปลกไป ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต แม้ร่างกายของฉันจะส่งเสียงบอกถึงความรวดร้าวจากการใช้งานมันเมื่อคืน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันกลับรู้สึกว่า ฉันต้องการมันอีก...แม้จะอีกครั้งเดียวก็ตาม




ฉันเดินงัวเงียเข้าไปอาบน้ำล้างตัวในห้องน้ำเล็กๆ แคบๆ เพื่อจะเตรียมตัวไปเรียนในคาบบ่าย สายน้ำฟู่จากฝักบัวชะโลมตั้งแต่หัวจนโชกไปทั้งตัว ละอองน้ำเม็ดเล็กๆ ที่กระทบหลังคอ ช่วยนวดและลดความเครียดจากร่างกายของฉันได้มาก สายน้ำเล็กๆ ที่ไหลผ่านตัวฉันจากบนลงล่าง ชำระความรู้สึกผิดออกไป มันใสสะอาด แล้วเปลี่ยนเป็นธารสีแดงอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนกลับมาใสสะอาดเช่นเดิม




"...อ้าส์...สสส" 




จู่ๆ ก็มีเสียงบางอย่างที่เบามากๆ ดังขึ้น ฉันผวา แล้วรีบหันหาที่มาของเสียง




"..." ฉันเงี่ยหูฟังอีกครั้ง




...มีแต่ความเงียบ...




ฉันบิดวาล์วน้ำ ลูบน้ำบนหน้าแล้วยื่นนิ่ง เอาจริงๆ ฉันก็ไม่มั่นใจกับสิ่งที่ได้ยินนักหรอก




"อะไรน่ะ?" ฉันคิด




ไม่มีเสียง หรือสิ่งใดตอบกลับมา...นอกจากเสียงหัวใจของฉันที่มันเต้นดัง


 


...




หลังจากอาบน้ำ ​ฉันนั่งหวีผมและแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกที่พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องประทินผิวนับร้อยที่วางอยู่บนนั้น โดยที่ภายในหัวก็ยังคงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้วนไปวนมา ไม่รู้จบ




"ฉันคงหูฝาดไปเอง ไม่มีอะไรหรอก" ฉันย้ำความคิดในใจอีกครั้ง เพื่อตัดความกังวล "วันนี้ต้องรีบไปเรียนให้ทัน ไม่งั้นยัยเจสซี่ได้ชิ่งไปกินพิซซ่ากับอเล็กซ์ โดยไม่บอกฉันอีกแน่"




ฉันบ่นในขณะยกตลับแป้งพัฟขึ้นมาตบลงบนใบหน้า สายตาของฉันสังเกตุเห็นรอยจ้ำแดงรอบคอที่มิกกี้ทิ้งไว้ดูต่างหน้า มันช้ำเป็นวงสักสี่ถึงห้ารอย แต่มีวงหนึ่งที่มันแดงและใหญ่กว่าอันอื่น ฉันยื่นหน้าไปที่กระจกเพื่อดูมันให้ชัด แล้วค่อยๆ เอานิ้วเล็กๆ ของฉันลูบมันอย่างระวัง




"หรือว่า...จะปล่อยไว้แบบนี้ดี" ฉันแค่ลองคิด "ไม่ได้ๆ ยัยเจสซี่ต้องเอาไปบอกพ่อกับแม่แน่เลย เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ พวกท่านยิ่งเคร่งเรื่องแบบนี้ด้วย แต่..." จู่ๆ เธอก็อมยิ้ม "นี้มันเป็นหลักฐานความรักระหว่างฉันกับมิกกี้นะ...เอาเป็นว่า ใส่เสื้อคอเต่าปิดไว้ก็พอ แค่นี้ก็คงไม่น่าเป็นปัญหาแล้ว" ฉันยิ้มกับกระจก




....




วันต่อมา ฉันตื่นขึ้นในตอนเช้า เพราะเสียงประหลาดที่เคยได้ยินนั่น อีกแล้ว...




"โอ้ย...อ่าส์...สสส" คราวนี้มันดังขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่า มันใกล้ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ




ฉันผวา ลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียง โดยมีผ้าห่มผืนอุ่นประทับตัวอยู่ เป็นโซนปลอดภัย




ฉันสงสัย "เสียงอะไรน่ะ?" คนกำลังฝันดีอยู่เลย ไม่น่ามาขัดจังหวะให้เสียเรื่อง "บ้าชิบ!" ฉันส่ายหัว ก่อนจะมุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง เพราะยังงัวเงียอยู่




"เอ~มิ~เลีย~"




"กรี้ด...ดดด!"




ฉันกระโดดพรวดเดียวไปถึงมุมห้องด้วยความตกใจ เสียงนั้นดังอีกแล้ว และคราวนี้มันเรียกชื่อฉัน




"ใครน่ะ!" ฉันพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง หมอนคืออาวุธเดียวที่ฉันคว้ามาไว้เพื่อป้องกันตัว ในขณะที่ตัวของฉันก็กำลังสั่นเกร็ง




"ฉันถามว่าใคร!?" เสียงแข็งตวาดไปในอากาศที่ว่างเปล่า ฉันคิดว่า ต้องมีใครกำลังเล่นตลกอะไรอยู่แน่ๆ อาจจะเป็นจอร์จ หรือนอร์ม่า แต่พวกนั้นคงไม่ตื่นเช้าขนาดนี้ แต่ก็ไม่แน่...




...




วันที่สองหลังจากเจอกับมิกกี้ ฉันกลับไปที่ผับนั่นอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันตั้งใจจะไปตามหาเขาโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่มีวี่แวว




...




วันต่อมา ฉันสังเกตว่า รอยแผลแห่งความรักค่อยๆ จางลงแล้ว แต่เหลือแค่รอยแผลเดียวที่ต้นคอข้างซ้าย แผลวงใหญ่ ที่ดูจะไม่จางลงเลย ซ้ำยังเหมือนจะบวมอักเสบแดง และมีรอยสะเก็ดประปราย มันคันเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่เกามันหรอกนะ เพราะฉันอยากทะนุถนอมรอยแผลนี้ไว้ อย่างน้อยก็ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อยก็ยังดี




"ก๊อกๆๆ !" เสียงเคาะประตูดังขึ้น พ่อกับแม่ฉันท่านคงมาถึงแล้วสินะ ฉันเดินไปเปิดประตู




"เซอร์ไพรส์ เอมิเลีย!" พ่อกับแม่พูดพร้อมกัน อันที่จริงท่านก็บอกล่วงหน้าแล้วว่าจะมาวันนี้ แต่ที่เซอร์ไพรส์กว่าก็คือ ยัยเจสซี่กับนอร์ม่าดันมาด้วยน่ะสิ ฉันล่ะช็อคจริงๆ




"ยินดีต้อนรับค่ะ คุณพ่อ คุณแม่" ฉันโน้มตัวไปกอดท่านทั้งสอง ก่อนจะเบ้ปากใส่ตัวแถมที่ไม่ได้รับเชิญด้วยความเต็มใจ "ต้อนรับพวกเธอด้วยนะ เข้ามาก่อนสิ" ฉันรู้สึกว่า วันนี้ต้องเหนื่อยใจแน่ๆ ที่ต้องรอรับมือความวายป่วงที่สองคนนั้นจะมอบให้กับฉัน แต่...




"ออก~ ไป~ !!!" จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้นอย่างไม่มีที่มา เสียงนั้นตะโกนไล่พวกเขาทั้งหมดอย่างโกรธเคือง มันดังออกมาจากฝั่งเอมิเลีย ทำเอาทั้งพ่อแม่และเพื่อน ยื่นงุนงงกับประโยคนั้น




"นั่นใครน่ะ เอมิเลีย ลูกพาแฟนมาอยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ!?" คุณพ่อถามอย่างตกใจ คุณแม่ก็พูดเสริมขึ้นมาต่อ




"แม่เคยบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งรีบมีแฟนในวัยเรียน ทำไมลูกทำแบบนี้!?" ทั้งสองท่านคิ้วขมวดใส่ฉัน และยัยเพื่อนสองคนที่แอบทำท่าซูบซิบๆ ฉันไม่ชอบสถานการณ์นี้เลย




"เอ่อ...ไม่มีนะคะคุณแม่ หนูอยู่คนเดียว ไม่มีใครในห้องจริงๆ นะคะ" ฉันพยายามแก้ตัว




"ไม่มีได้ยังไง ก็ฉันยังได้ยินมันตะโกนไล่อยู่เมื่อกี้นี้" คุณพ่อชักโมโห เขาเดินปรี่เข้าไปในห้องอย่างใจร้อน โดยไม่ฟังคำแก้ต่างใดๆ จากฉัน




"ไหน...มันอยู่ที่ไหน!?" ทั้งคุณพ่อคุณแม่ต่างก็ช่วยกันหาบุคคลต้องสงสัยในห้อง แต่คงจะเป็นความพยายามที่ว่างเปล่า เพราะว่ามันไม่มีใคร




ยัยนอร์ม่าที่เคี้ยวหมากฝรั่งเดินมาพูดกับฉัน "เดี๋ยวนี้แซ่บนะยะ แอบซุกหนุ่มในห้อง" และเจสซี่พูดต่อ "แล้วทำไมต้องใส่เสื้อคอเต่าด้วย หล่อนซ่อนอะไรไว้อย่างงั้นเหรอ แม่คนดี"




เอาจริงๆ ฉันอยากขับรถสิบล้อบดร่างพวกเธอทั้งสองให้หายไปเลยตอนนี้ แค่นี้มันยังไม่แย่พออีกหรือไงที่พ่อกับแม่ต้องมาเข้าใจฉันผิดไปแบบนี้ พวกเธอนี่มัน...ผีเจาะปากมาเกิดจริงๆ...ฉันคิด




แต่คุณพ่อและคุณแม่ก็คิดเห็นดีไปในทางเดียวกับยัยสองคนนั่น




"นั่นสิ ใส่คอเต่าทำไม อากาศร้อนจะตาย" คุณพ่อพูด เขาเดินมาจ้องหน้าฉันครู่หนึ่งแล้วออกคำสั่ง "เปิดเสื้อออกเอมิเลีย พ่ออยากรู้ว่าที่เจสซี่เล่าให้พ่อฟังน่ะจริงไหม?"




ฉันว่าแล้ว ว่าทำไมสองคนนั้นถึงมากับพ่อแม่ฉัน ยัยเพื่อนนรก นี่ขนาดไม่ได้เล่าอะไรให้หล่อนฟัง ยังกุเรื่องมาหลอกพ่อของฉันอีก ยอมไม่ได้...




"เธอเล่าอะไรให้พ่อฉันฟัง ห้ะ เจสซี่!" ฉันเริ่มฉุน ในขณะเดียวกัน ฉันเหมือนได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า ให้ตบเธอ




"อย่าไปยอม ~ตบเลย ~ตบหล่อนเลย~" 




เจสซี่พูด "ก็วันนั้นที่ผับ เธอเมา แล้วเธอพาผู้ชายของฉันขึ้นมานอนที่ห้องนี้ ฉันจำได้" หล่อนชี้หน้าด่าฉัน "เธอมัน...ผู้หญิงโสเภณี" หล่อนพูดกระแทกเสียง




"มิกกี้เหรอ?" ผู้ชายของเธอ หมายถึง มิกกี้ น่ะเหรอ? ฉันสับสน




"มิกกี้ที่ไหน นั่นมันอเล็กซ์" เจสซี่บอก "เธอควงอเล็กซ์แฟนฉันขึ้นห้องของเธอ แล้วจะให้ฉันคิดว่า เธอนั่งกินซีเรียล นอนดูการ์ตูนเน็ตเวิร์คจนเช้าหรือไง ยัยประสาทเอ๊ย!"




ถ้าเธอบอกว่า อเล็กซ์มากับฉันคืนนั้น มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันรู้จักกับอเล็กซ์ ไอ้ควายนั่นไม่ใช่สเปกฉันแน่นอน อีกทั้ง คนที่ฉันเจอก็ไม่ใช่อเล็กซ์ ไม่มีทางที่ฉันจะมองไอ้หนุ่มหัวเกรียน ตัวล่ำ ที่ใส่เสื้อโชว์กล้ามแขนปูดๆ เป็นมิกกี้ไปได้หรอก พ่อหนุ่มผมยาว ท่าทางสุภาพเรียบร้อย น่ารักตัวเล็ก มีแววตาระยิบระยับ ไม่มีทางที่ฉันจะจำผิดแน่นอน ไม่มีทาง...ไม่มีทางเลย




ตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนไปหมด ท้องไส้ก็มวนจนอยากจะอาเจียนของเก่า 




"แกพาผู้ชายมามีอะไรด้วยจริงๆ เหรอ เอมิเลีย" คุณพ่อตะคอกใส่ฉัน "แก...แกมันลูกไม่รักดี พระเจ้าจะต้องสั่งสอนแก ไอ้ลูกทรพี"




"หายไปดีไหมล่ะ ~ หายไปจากตรงนี้ ~" เสียงแว่วก็ยังคงกรอกหูฉันอยู่ร่ำไป ราวกับว่า มันล่องหนมาคอยบงการชีวิตฉันอยู่ข้างๆ หู




นี่มันวันอะไรนักหนากับชีวิตของฉัน ฉันชักทนไม่ไหวแล้วนะ ฉัน...ฉันที่เคยสงบนิ่ง ตั้งรับกับทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาอย่างมีสติ ชักจะไม่ไหวแล้วนะ




ใช่ ฉันไม่ไหวแล้ว...




"พอกันที่ทั้งหมดนั่นแหล่ะ!!!" ฉันตะโกนสั่งทุกอย่างรอบตัวด้วยเสียงที่ดังและยาว




ฉันรู้สึกว่าได้ข้ามเส้นบางอย่างที่กลัวมาโดยตลอด




ฉันคาดหวังว่า เมื่อฉันแสดงออกถึงความไม่พอใจ ทุกคนจะหยุด แต่เปล่าเลย นั่นกลับยิ่งทำให้แย่ลงกว่าเก่า Why?




"นี่ลูกกล้าตะคอกใส่ผู้มีพระคุณใช่ไหม ลูกอกตัญญู!"




"แกมันเพื่อนเลว แย่งแฟนชาวบ้าน หน้าไม่อาย ไปตายซะ ยัยเอมิเลีย!" 




ฉัน...ฉันค่อยๆ ทรุดตัวลงแล้วเอามือปิดหูตัวเอง ไม่อยากได้ยินเสียงที่มาทำร้ายฉัน ทำไมฉันที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยถึงต้องมาถูกต่อว่าจากคนที่ฉันเคารพและฉันเชื่อใจ มากถึงขนาดนี้ มันเป็นเพราะฉันพลั้งพลาดเหรอ หรือเพราะอะไร ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้




"โดดลงไปเลยไหม ~ แค่สามชั้นเอง ~ เธอจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจอีกแล้ว ~ เชื่อฉันสิ ~ " เสียงกระซิบปริศนานั่นอีกแล้ว แต่ทำไมคราวนี้ฉันรู้สึกเห็นด้วยกับมันก็ไม่รู้




"ใช่ ~ แบบนั้นแหล่ะ ~ ตัดปัญหาไป ~ เธอจะได้สบาย ~ ไม่มีใครมาว่าอะไรเธอได้อีกแล้ว~"




ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ฉันก็ลุกพรวดพราด วิ่งตรงไปที่ระเบียงหลังห้อง สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ ฉันรู้สึกว่า ร่างกายเป็นอิสระ แขนขาไม่ยึดติดกับสิ่งใด สายลมเย็นวูบผ่านใบหน้าฉันไป จากนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องในหัว มันดังแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แล้วฉันก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย...




...




ที่โรงพยาบาล ฉันสะลืมสะลือขึ้นมาบนเตียงคนไข้ ฉันรู้สึกได้ว่าผู้คนขวักไขว่ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้า เสียงโลหะของล้อเลื่อน เครื่องมือหมอ เสียงพูดคุยจอแจ ฉันมองไม่เห็นว่าใครหรืออะไรอยู่ตรงหน้าฉัน มันเหมือน...มีอะไรบางๆ ขาวๆ ปิดทับใบหน้าของฉันอยู่




"ถ้าลูกไม่เป็นอะไรแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับบ้านกันนะจ้ะ เอมิเลีย" นั่นเสียงของคุณแม่ ฉันตอบรับเสียงนั่น




"คะ...คะ ค่อก!" จู่ๆ ก็รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง เหมือนแขนขามันหายไป นี่ร่างกายฉันมันเป็นอะไรมากไหม




"ได้ค่ะ คุณแม่ เรากลับบ้านกัน" เสียงเครือตอบกลับมา มันเป็นเสียงของเอมิเลีย 




"เอ้ะ! นั่นเสียงใคร ใครตอบแทนฉัน?! ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เฮ้..." แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจฉันเลยสักคน




"เอาล่ะ ได้เวลาคนไข้พักผ่อนแล้วนะครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ" เสียงนุ่มสุภาพพูดขึ้น "ผ้าพันแผลที่คอนี่ หมอจะให้พยาบาลเอาออกให้ ส่วนรอยแผลเป็นวงที่ต้นคอ หมอให้ยาทาลดอาการอักเสบ ทาสัก 2 สัปดาห์ รอยก็จะค่อยจางหายไปนะครับ" 




จากนั้น เสียงของพวกเขาก็ค่อยๆ เบาและหายไป ทิ้งคำถามเอาไว้ให้กับฉันว่า ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น กับร่างกายฉัน




ฉันพยายามเปล่งเสียงเรียก "พ...ม...ช...ด..."มันไม่ออกมาเป็นคำ และมันเหมือนจะเบามากเกินไป




"จุ้ๆๆ" จู่ๆ ก็มีเสียงดัังเอ็ด ห้ามฉันไว้ มันเป็นเสียงของฉัน "เบาๆ หน่อยสิครับ เอมิเลีย ตอนนี้ คุณเป็นของผมแล้วนะ"




"หมายความว่ายังไง~ แล้วใครกำลังพูดกับฉัน?~"




เจ้าของเสียงนั้นตอบคำถามของเอมิเลียอย่างกับคนคุ้นเคย "คุณเคยบอกว่าคุณรักผม คุณจำได้ไหม ผมเองก็เช่นกัน จากนี้ไป ผมจะดูแลตัวของคุณ ร่างของคุณ ให้สมกับความรักที่ผมมอบให้คุณ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ" น้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูเพลิดเพลินใจ ราวกับมีความสุขสมที่ได้บรรลุบางอย่างแล้ว




"ไอ้...มิก...!" ก่อนจะทันได้พูดอะไร ฉันก็ถูกมันเอานิ้วมากดทับฉัน ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่า ร่างกายของฉันถูกมันเอาไปแล้ว และวิญญาณของฉันก็กลายเป็น รอยแผลบนคอ แทนที่ตัวมัน ที่คอยกระซิบกระซาบ บงการฉันตลอดมา




นับจากนี้ ฉันมีเวลาเหลือเพียง 14 วันก่อนจะหายไป...




พ่อจ๋าแม่จ๋า...ช่วยลูกด้วย...