ครอบครัวของธิชาฉลองค่ำคืนคริสต์มาสด้วยกันที่บ้านพักตากอากาศแต่กลับมีใครบางคนหรืออะไรสักบางอย่างคอยจับตามองตลอดเวลา เหมือนมันจ้องจะขโมยความสุขคืนนี้ไปจากเธอและครอบครัว
แฟนตาซี,เรื่องสั้น,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Christmas Moonlight โศกศัลย์คริสต์มาสครอบครัวของธิชาฉลองค่ำคืนคริสต์มาสด้วยกันที่บ้านพักตากอากาศแต่กลับมีใครบางคนหรืออะไรสักบางอย่างคอยจับตามองตลอดเวลา เหมือนมันจ้องจะขโมยความสุขคืนนี้ไปจากเธอและครอบครัว
เรื่องสั้นภายใต้กิจกรรมรถแห่ชวนเขียน x พล็อตเทลเลอร์
คีย์เวิร์ด: ปีศาจแครมปัส มาร์ชเมลโล่ คนจร ทูตสวรรค์
ครอบครัวของธิชาฉลองค่ำคืนคริสต์มาสด้วยกันที่บ้านพักตากอากาศแต่กลับมีใครบางคนหรืออะไรสักบางอย่างคอยจับตามองตลอดเวลา เหมือน มัน จ้องจะขโมยความสุขคืนนี้ไปจากเธอและครอบครัว ราวกับของขวัญไม่คู่ควรกับเธอ ธิชาต้องรู้ให้ได้ว่า มัน ต้องการอะไรจากเธอ ก่อนค่ำคืนนี้จะจบลง
"คุยกันแบบผู้ใหญ่ดีกว่ามั้ย"
ริตคงใบหน้ายิ้มแย้ม ไร้ยางอาย แม้เจ้าบ้านขับไล่ไสส่ง เขาขยับเก้าอี้ร่วมนั่งที่โต๊ะทานอาหาร วางมือเปล่าทั้งสองข้างประสานบนโต๊ะ ลูกชายคนเล็กกำลังน้ำตาซึมเพราะหวาดกลัว ผิดกับลูกชายคนโตที่รู้สึกรำคาญชายตรงหน้ามากกว่า ขณะที่คู่รักชราพยายามเก็บซ่อนความกลัว ไม่มีใครกล้าสบมองดวงตาประกายแดงของปีศาจร้าย นอกจากสามีภรรยาเจ้าของบ้าน "สามีของคุณไม่รู้เหรอว่า เรายังมีเรื่องที่ยังไม่ได้สะสางกัน"
"เราไม่มีอะไรติดค้างกัน! ออกไป!!"
"ได้ ในเมื่อคุณเชื่อแบบนั้น" แขกผู้ไม่ได้รับเชิญเปลี่ยนเป็นเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วแบมือขวาเสกปืนลูกโม่กระบอกหนึ่งขึ้นมาราวกับมีเวทมนตร์ ตอนนั้นเองที่ทั้งครอบครัวกรีดร้องเสียงหลงกันหมด "จำปืนกระบอกนี้ได้มั้ยครับ ทุกอย่างมันเริ่มมาจากไอ้นี่แหละ" เขาวางปืนลงกลางโต๊ะอย่างเบามือแล้วไขว่ห้าง ประชันสายตากับธิชาคล้ายบีบคอให้เธอขย้อนคำพูดออกมา
"อธิบายมาเดี๋ยวนี้นะ!" ธีร์ตะคอกใส่คนตรงหน้าที่นั่งสบายใจ
"ธิชาน่าจะอธิบายได้ดีที่สุดครับ เพราะมันไม่ใช่ปืนของผม มันจดทะเบียนในชื่อของพ่อคุณ..." ริตไม่อาจหุบยิ้มได้เลย เมื่อเห็นสายตาเลิ่กลั่ก น้ำตาเอ่อท่วมจนแดงก่ำของธิชา "ปืนกระบอกนี้ทำลายคนไปหลายชีวิตเลยนะ จะไม่เล่าให้สามีกับลูก ๆ คุณฟังจริงเหรอครับ" เสียงคำรามลอดผ่านไรฟัน กรณ์ปิดหูร้องไห้แล้ววิ่งไปกอดแม่ กันต์ตามน้องไปด้วย "คิดดี ๆ นี่ผมใจดีแล้วนะ"
"คุณอาเป็นใครกันแน่เหรอครับ..." กันต์เอ่ยพูดโดยที่ยังกอดน้องชายคนเล็ก เด็กชายวัยสิบสี่รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักกับแม่ตัวเองเลย "ทำไมคุณอารู้เรื่องของแม่เยอะจัง"
"เพื่อนเก่าก็ต้องรู้จักชีวิตของกันและกันเป็นเรื่องธรรมดาน่ะ หนูกันต์ แม่ของเธอแค่ไม่เคยเล่าให้ฟังมากกว่า แต่คืนนี้อาจะให้แม่ของหนูเลือก... ว่าอยากเล่าเองหรือให้อาเล่าแทน ระดับความเจ็บมันจะไม่เท่ากันนะ"
"ลูกฉันไม่เกี่ยวด้วยนะ!" ธิชาเค้นเสียงเอ่ยปกป้องลูกชายทั้งสองของตัวเอง แต่นั่นทำให้ริตหัวเราะลั่น เสียงของมันราวกับฟ้าคำรามก้องสะท้านไปทั่วบ้าน เด็กชายสิบสี่ปีรู้ซึ้งว่าชายตรงหน้าไม่ใช่คน เป็นดั่งปีศาจใจร้าย แม้ไม่รู้ว่าความลับที่แม่ปิดบังไว้คืออะไร แต่ยิ่งประวิงเวลา มันอาจแปลงกายเป็นสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดน่ากลัวจริง ๆ กันต์ปิดหูปิดตาน้องชายคนเล็กเอาไว้ ธีร์ได้แต่อ้าปากค้าง หมดคำพูด
"โอ้ ไม่มีใครในนี้เกี่ยวข้องอยู่แล้วล่ะ โดยเฉพาะลูก ๆ ของคุณกับอีกคนในท้อง แต่พวกเขาจะต้องได้รับผลลัพธ์จากการกระทำของคุณอยู่ดี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งคุณก็รู้ดีตั้งแต่แรกแล้วด้วย"
"ก็ได้"
ทันใดนั้น บ้านพักตากอากาศทั้งหลังตกอยู่ในความมืด ห้วงอากาศสีดำไร้แสงสว่าง เสียงหัวเราะชั่วร้ายห้อมล้อมรอบตัวคล้ายไม้เลื้อยพันเกี่ยวด้วยหนามแหลม มันดังเสียดหู พวกเขาทั้งหกจำได้ว่าอยู่ในห้องทานอาหารพื้นที่กว้าง ทว่ารู้สึกเบียดแน่นอึดอัดเหมือนถูกบีบจนหายใจไม่ออกครู่หนึ่งประมาณวินาที แต่ดูเหมือนนานเป็นนาที
ดวงหลอดไฟสีขาวกลับมาติดอีกครั้ง พวกเขายังอยู่ในห้องทานอาหารเหมือนเดิม ไม่มีใครหายไปหรือบาดเจ็บมีแผลจากไฟตกชั่วคราว สิ่งเดียวที่แปลกไปจากเดิมคือกล่องพัสดุขนาดใหญ่จากริตซึ่งฉีกขาดออกจากข้างใน ธิชาชะเง้อมองดูเหลือเพียงความว่างเปล่า เพราะสิ่งนั้นปรากฎอยู่เบื้องหลังชายวัยกลางคนแล้ว
มันคือ แครมปัส ปีศาจร่างใหญ่มหึมาแทบล้นบ้านเพดานสูง หน้าตาของมันน่าเกรงขามเหมือนฝันร้าย เขี้ยวขาวคมขนาบสองแก้ม แววตาสีประกายแดงเหมือนกับริต ในมือใหญ่กรงเล็บเท่าใบหน้าถือกระบองสำหรับโบยตีลงโทษเด็กไม่ดี ริตยังคงไขว่ห้างยกยิ้มหวาน กระบอกปืนลูกโม่ก็อยู่กลางโต๊ะเหมือนเดิม เด็ก ๆ ทั้งสองส่งเสียงร้องไห้หวาดกลัว ขอร้องให้พ่อแม่หรือปู่ย่าทำอะไรสักอย่าง แม้ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรแต่พวกเขากำลังกลัวที่สุดในชีวิต พ่อแม่ต้องทำอะไรสักอย่างให้มันหายไป
"นี่ไม่ใช่เกมหรอกนะ ดังนั้นจะไม่มีผู้แพ้หรือผู้ชนะ ผมแค่มาทำหน้าที่..."
"หน้าที่อะไรของแก!" ธีร์ปาดน้ำตากอดลูก ๆ ในอ้อมแขน "ธิชาไปทำอะไรให้แก!"
"ขอนับก่อนนะ..." ริตยกมือขึ้นนับนิ้วทั้งสองข้างด้วยท่าทีกวนโอ๊ย ยั่วโมโหคู่สามีภรรยายิ่งกว่าเดิม "เยอะเลยล่ะ นิ้วมือยังนับไม่ครบ คงต้องยืมมือกับเท้าของพวกคุณทุกคนมานับรวมถึงจะพอ... เอาล่ะ ในเมื่อธิชาไม่ยอมรับว่ายุ่งเกี่ยวอะไรกับปืนกระบอกนี้ ผมจะเล่าให้ฟังแล้วกัน แต่พวกคุณอาจจะตายทันทีที่ผมเล่าจบนะ"
"ทุกคนเลยเหรอ!?" เด็ก ๆ ตะโกนร้องถามชายแปลกหน้า
"แน่นอนสิ! ทุกคนในนี้เลย! แต่หนู ๆ ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เจ็บหรอกเพราะจะไม่รู้สึกอะไรเลย..."
"พวกเรามีทางเลือกอื่นมั้ย!?" ธิชาถามบ้าง
"ก็... คุณอาจจะต้องตายคนเดียวในคืนนี้ ไม่สิ ลูกสาวในท้องของคุณด้วย... คนอื่น ๆ ถึงจะรอด" ความใจดีของเพื่อนเก่าให้ทางเลือกกับธิชา เธอยิ้มทั้งน้ำตาอาบแก้ม วิธีนี้จะช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ได้ แม้ต้องโยนตัวเองลงกองไฟและจะไม่ได้เห็นหน้าใครอีกเลย มันจะดีจริง ๆ ใช่มั้ย คุ้มแล้วเหรอ เธอคิดลังเลในใจ "แต่รีบหน่อยนะ ผมไม่มีเวลาทั้งคืน ยังมีเด็กไม่ดีอีกหลายคนที่ผมต้องไปจัดการ..."
ธิชาเริ่มเล่า เมื่อได้รับความกดดันจากทุกทาง สายตาของพ่อแม่สามีและลูก ๆ ของเธอทำให้รู้สึกเจ็บใจ เธอจำเป็นต้องละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อช่วยพวกเขา
"ฉันนำปืนไปจำนำเป็นเงินทุนสำหรับธุรกิจของฉัน ได้มาประมาณแสนกว่า ๆ ประมาณสามเดือนหลังจากเริ่มธุรกิจ ฉันก็ได้เงินทุนคืน ฉันเอาปืนกระบอกนั้นไปเก็บที่เดิมด้วยซ้ำ"
"ถ้ามันเป็นปืนของคุณก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่นั่นมันปืนของพ่อผม! คุณรู้ที่เก็บปืนของพ่อได้ไง!"
"ไม่สำคัญหรอก..."
"สำคัญสิ! ผมไม่สอนลูกให้เป็นคนขี้ขโมย แต่เมียของผมดันเป็นขโมยเองเนี่ยนะ!? ภูมิใจเหรอ" ธีร์ตวาดใส่ภรรยาที่เพิ่งสำรอกความลับหนึ่งข้อต่อหน้าทุกคนในห้องทานอาหาร "ริตบอกว่าปืนนี้ทำลายชีวิตไปหลายคน... คุณทำอะไรกับมันอีก! ธุรกิจอะไรของคุณ ทำไมต้องดิ้นรนขนาดนั้น!"
"อ้าว! ผมคิดว่าคุณรู้ซะอีกว่าเมียของคุณทำงานอะไร ให้ตายสิ มีแค่ผมที่รู้เหรอเนี่ย" ริตหัวเราะเยาะเย้ยพลางเอนเก้าอี้ไปซบหน้าท้องของปีศาจแครมปัสข้างหลัง มันกำลังหิวกระหายเลือด แววตานั้นจ้องมองแต่หญิงสาวเจ้ากรรมที่ยังไม่ยอมก้าวผ่านกำแพงศักดิ์ศรี "น่าสมเพชจริง ๆ อยากเล่าต่อมั้ยหรือจะให้ผมช่วย"
"มันเป็นธุรกิจสกินแคร์กับอาหารเสริมเพื่อสุขภาพค่ะ" ธีร์ได้แต่เลิกคิ้ว ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ราวกับที่ผ่านมาเป็นเพียงหน้ากากและคำโกหกของภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่กิน สร้างครอบครัวด้วยกันมาเกือบยี่สิบปี ผมก็ทำธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ... แล้วทำไมคุณไม่มาทำที่เดียวกับผมล่ะ จนกระทั่งธิชาเล่าต่อ "มันต้องใช้เงินต้นทุนประมาณหนึ่งสำหรับค่าลิขสิทธิ์สินค้าแล้วจัดจำหน่ายต่อ"
"เดี๋ยวนะ ๆ อะไรวะ!"
ผัวะ!!!
เรี่ยวแรงมหาศาลเหวี่ยงกระบองใหญ่ของแครมปัสใส่ร่างเล็กของเด็กชายวัยเก้าขวบเข้าที่หน้าและลำตัวในครั้งเดียว ส่งผลให้กรณ์กระแทกเข้ากับผนัง เฟอร์นิเจอร์จนเลือดอาบ ทุกคนกรีดร้องตกใจ รีบกรูเข้าไปแตะแก้มให้เด็กชายฟื้นสติ แต่ไม่แล้ว... กรณ์ไม่หายใจแล้ว... ไม่มีใครเตรียมใจสำหรับการโจมตีอย่างไร้ปี่ไร้ขลุ่ยแบบนี้
"มึงทำลูกกูทำไม!?"
"จะได้หยุดทำตัวเป็นเหยื่อไง เล่าต่อสิ" ริตยิ้มหวานให้ธิชา รอบนี้เขาส่งสายตาไปหาเจ้าแครมปัสร่างใหญ่ด้วยราวกับสื่อสารถึงสิ่งที่กำลังจะทำต่อไป "เพราะต่อไปจะไม่ใช่แค่ทุบแล้ว"
ไอ้เชี่ยเอ๊ย! เธอได้แต่สบถในใจ ไม่มีเวลาให้แม้แต่หลั่งน้ำตาอาลัยให้ลูกชายคนเล็ก "สามเดือนหลังจากที่ได้เงินทุนคืน เอาปืนของพ่อคุณคืนที่เดิม ฉันภูมิใจมากที่หาเงินหลักแสนได้ ถึงจะไม่ใช่ด้วยตัวเองก็เถอะ... แต่มันเยอะมากนะคะ สำหรับสามเดือน และฉันก็ได้เลื่อนขั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากยอดเงินที่ทำให้บริษัทได้ ฉันได้ค่าคอมมิชชั่นไม่น้อยเลยจากการทำงานที่นี่ มันมากพอที่จะทำให้เราจัดงานแต่งงานกันได้นะ ธีร์... หลังจากนั้นก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถรับรองค่าใช้จ่ายการมีลูกได้"
ปู่และย่าทนฟังไม่ไหวแล้วหงายหลังเป็นลมไป แต่นั่นไม่ได้หมายความให้ธิชาหยุดพูดความจริงต่อหน้าทุกคน
"เงินพวกนั้นมาจากไหน..." ผู้เป็นสามีถามภรรยาเสียงสั่นเครือ
"ก็แบบเดียวกับที่เมียคุณทำนั่นแหละครับ แล้วก็คูณจำนวนคนที่หน้ามืดตามัวเข้าไป... ในทีมของคุณมีกี่คนนะ ธิชา"
"ตอนนี้ก็ประมาณ... แปดสิบคน..."
"เฉพาะในกรุงเทพและปริมณฑลนะครับ ยังไม่รวมจากสายที่ต่างประเทศอีกน้าา ถ้านับยอดสุทธิทั้งหมดจากบอร์ดผู้บริหาร ตีตัวเลขกลม ๆ อยู่ที่สามร้อยยี่สิบคน" ความอึดอัดมันจุกอก ธีร์กับกันต์ไม่เชื่อหูตัวเองแต่น้ำตาของธิชายืนยันแล้วว่าชายคนนั้นพูดความจริง ริตลุกขึ้นจากเก้าอี้ คว้ากระบอกปืนเก็บไว้กับตัว ส่งสัญญาณกับแครมปัสด้วยการขยิบตา แล้วบ้านทั้งหลังก็ตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง ฝีเท้าหนักของปีศาจเหยียบลงบนพื้นพร้อมเสียงควงกระบองยักษ์ "มาเล่นซ่อนหากัน! เจอใครก่อน คนนั้นตาย!!"
สิบ
เก้า
"เล่นเชี่ยอะไร!!" ธีร์สบถใส่ความมืดแต่มันยังคงนับต่อ เฉยเมยต่อคำพูดงอแงโวยวาย
แปด
ธีร์มองพ่อแม่ของตนสลับกับลูกชายคนโต ไม่มีทางเลือกอื่น... เขาสะกิดให้ธิชาประกบลูกชาย เขาจะเป็นคนพาพ่อแม่หนีด้วยตัวเอง เขาเชื่อว่าคนแปลกหน้าคนนี้ไม่มีทางรู้จักผังบ้านหลังนี้ดีไปกว่าเจ้าของบ้านแน่ แถมบ้านพักตากอากาศหลังนี้กว้างใหญ่ พวกเขามั่นใจว่ายังไงก็รอด
"ถ้ารอดคืนนี้ไปได้... เราค่อยคุยกันเรื่องลูก" นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เขาบอกกับภรรยา ครอบครัวมีค่ากับเขามากกว่าเงินทอง ลำพังเงินของเขามากพอ ทั้งเงินเดือนประจำตำแหน่งในบริษัท โบนัสและสวัสดิการอื่น ๆ ลูกของเขาจะไม่อด แต่ต้องรอดคืนนี้ให้ได้ก่อน
เจ็ด
หก
ห้า
ขณะที่ธีร์พาครอบครัวมุดหนีภายในชั้นล่างของบ้านซึ่งมีทางเชื่อมไปยังบ้านพักแขกรวมถึงเรือนคนใช้ ธิชาพาลูกชายขึ้นบันไดไปชั้นบน ส่งเสียงในห้องของเล่นเด็กหวังล่อให้ปีศาจไปผิดทาง แล้วหนีเข้าห้องนอนหลัก เธอให้กันต์ในตู้เสื้อผ้า เธอจะคุ้มกันที่ประตู
สี่
สาม
สอง
หนึ่ง
"จะหาแล้วน้าาา"
#โศกศัลย์คริสต์มาส #ChristmasMoonlight