มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อนหนึ่งค่ะ...สองครับ...มาด้วยกันเหรอคะ...เปล่าครับ แค่จะกลับด้วยกัน

มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อน - ตอนที่หนึ่ง มาร์ชเมลโล่ โกโก้ร้อน โดย ณธนิษฐ์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,เรื่องสั้น,เรื่องสั้น,มาร์ชเมลโล่,รักโรแมนติก,ฟีลกูด/feelgood,อบอุ่นหัวใจ,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เรื่องสั้น,มาร์ชเมลโล่,รักโรแมนติก,ฟีลกูด/feelgood,อบอุ่นหัวใจ,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์

รายละเอียด

มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อน โดย ณธนิษฐ์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อนหนึ่งค่ะ...สองครับ...มาด้วยกันเหรอคะ...เปล่าครับ แค่จะกลับด้วยกัน

ผู้แต่ง

ณธนิษฐ์

เรื่องย่อ

ยินดีต้อนรับสู่โลกของ ณธนิษฐ์ นะคะ

การเดินทางสายสั้น แต่อบอวลด้วยรัก

เพิ่งเคยเขียนแนวนี้ครั้งแรกเลยค่ะ

เรื่องสั้นเข้าร่วมกิจกรรม รถแห่ชวนเขียน ครั้งที่ 8 ค่ะ

ปีศาจแครมปัส / มาร์ชเมลโล่ / คนจร / ทูตสวรรค์

สารบัญ

มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อน-ตอนที่หนึ่ง มาร์ชเมลโล่ โกโก้ร้อน

เนื้อหา

ตอนที่หนึ่ง มาร์ชเมลโล่ โกโก้ร้อน

 “มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อนหนึ่งค่ะ” 

 “สองครับ” 

 “มาด้วยกันเหรอคะ” 

 “เปล่าครับ แค่จะกลับด้วยกัน คิดเงินกับผมได้เลย” 

โต๊ะประจำด้านในถูกจับจองไว้ทุกปี กระจกหนาเกิดฝ้าให้ต้องลูบไล้ไล่มันทิ้งเพื่อจะมองสอดส่องสายตาดูความเคลื่อนไหวด้านนอก บทสนทนาระหว่างกันเริ่มต้นไปแล้วหลังจากแก้วโกโก้ถูกนำมาตั้งวางตรงหน้า

ช่วงเวลาแสนสุข 

 “ตอนเด็กผมกลัวช่วงคริสมาสต์ที่สุด” 

 “ทำไมคะ” 

 “เพราะผมจำไม่ได้ว่าในหนึ่งปีที่ผ่านมาเคยทำตัวเกเรกับใครไว้บ้างรึเปล่า” 

เขาขยิบตาซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม 

 “คุณรู้มั้ยว่าผมแขวนถุงเท้าไว้แล้วนอนภาวนาขอให้ผู้ที่มาหาคือลุงซานต้าไม่ใช่ปีศาจแครมปัสด้วยนะ” 

 “ฉันก็เป็นไม่เห็นจะแปลกเลย ถ้าเผลอเถียงแม่ตอนค่ำเพราะปฏิเสธแครอทในจานเป็นต้องนอนไม่หลับแทบทั้งคืน คิดแล้วก็ตลกดี คุณว่าทำไมเด็กถึงกลัวปีศาจแครมปัสกันขนาดนั้น” 

 “คงเพราะรูปร่างมั้งครับ ลองคิดเล่น ๆ ถ้าเห็นคนมีเขาโค้งกับกีบเท้าแพะ ฟันแหลมแถมลิ้นยังยืดยาว เดินลากโซ่แบกถุงกระสอบไว้จับเด็กเกเรยัดลงไปในนั้น ใครจะไม่กลัว” 

 “คุณลืมหางไปอย่างนะคะ” 

 “อ่า ครับ หางเหมือนวัวด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าเขาวัดจากอะไรแล้วขอบเขตมันกว้างแค่ไหนถึงจะเรียกว่าเด็กเกเร แต่ผมขอกลัวไว้ก่อนดีกว่าครับ ไม่เสี่ยง” 

 “เหมือนกันเลยค่ะ แม้จะโดนเพื่อนหัวเราะเยาะก็เหอะ ใครจะอยากเจอปีศาจเนอะ ขอเป็นลุงซานต้าหรือไม่ก็ทูตสวรรค์ลงมาประทานพรดีกว่า” 

 “คุณกลัวปีศาจใต้เตียงรึเปล่า” 

 “กลัวสิ ใครจะไม่กลัว” 

 “ผมก็กลัวนะ แม้มันไม่เคยออกมาหลอกหลอนซักทีก็เถอะ ผมว่ามันเป็นสีสันให้วัยเด็กได้สดใสแม้มันจะหม่นขมจนต้องเสียน้ำตาหลังจากนั้นก็เถอะ” 

เขาก้มมองมาร์ชเมลโล่ลอยฟ่องราวจะส่งสายตาถามบางอย่างกับมันแล้วเฝ้ารอให้ตอบกลับ วันนี้เขาดูเศร้าแตกต่างจากทุกที หรือไม่ก็กำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ก็ไม่รู้ 

 “แม่บอกว่าให้หาคนที่ใช่จากแก้วโกโก้ครับ” 

 “คะ? ยังไง” 

 “นี่คือเครื่องดื่มสุดโปรดของแม่ครับเพราะมาร์ชเมลโล่ภาษาดอกไม้คือการทำแต่ความดีซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจริงมั้ย แค่เคยเห็นประโยคนี้ถูกเขียนไว้ในสมุดบันทึกของแม่เท่านั้น” 

เขาคว้าสมุดจากในกระเป๋า ฉีกกระดาษออกมาแล้วเขียนอะไรยุกยิกก่อนจะยื่นมันให้

 ‘จงกระทำแต่ความดีและมีเมตตากรุณา ใสสะอาดดุจดั่งดอกมาร์ชเมลโล่นี้เถิด’ 

 “ฉันชอบนะ” 

 “ครับ ผมก็จำมันไว้เสมอ แม่ยังบอกอีกว่าใครก็ตามที่ชอบมันมักจะเป็นคนดี” 

น้ำเสียงของเขาเบาลงทุกครั้งที่เอ่ยถึงบุพการี ฉันอดแปลกใจไม่ได้เพราะการสนทนาของเราไม่เคยลากยาวเข้าเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้งเดียว

 “คุณเศร้ามากเหรอคะ” 

 “ครับ...แม่ผมเสียตอนอายุสิบขวบ หลังจากนั้นอีกสี่ปีพ่อก็จากไป ผมต้องย้ายไปอยู่กับญาติฝ่ายพ่อซึ่งก็เต็มใจต้อนรับอย่างอบอุ่นเพราะพวกเขาไม่มีลูก” เขาหยุดเล่าเพราะจำต้องยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่ม “ความรักน่ะนะ ต่อให้ส่งมามากมายแค่ไหนลึก ๆ ผมก็ยังคงโหยหาอ้อมกอดของพ่อกับแม่อยู่ดี นี่เราวนมาเรื่องนี้ได้ยังไงกันครับเนี่ย” 

 “ฉันยินดีรับฟังนะคะ ทุกเรื่องของคุณ” 

เขาเหลียวมาสบสายตาซึ่งฉันก็จ้องตอบกลับไปเช่นกัน เรายังไม่พูดจาปล่อยให้เวลาไหลผ่านพร้อมผู้คนเดินขวักไขว่ตามรายทาง 

นอกร้านจะหนาวเย็นเพียงใดหรือภายในอากาศกำลังอุ่นขึ้นแค่ไหนไม่รู้ก็หัวใจจดจ่ออยู่แค่เพียงถ้อยคำกับมาร์ชเมลโล่ลอยฟ่องในถ้วยโกโก้ตรงหน้าเท่านั้น

เวลาผ่านนานแสนนานอย่างน้อยก็ในความรู้สึกเพราะหากนำบทสนทนามาวางเรียงต่อกันคงยาวข้ามสะพานไปถึงเมืองฝั่งตรงข้ามแล้วค่อยวกกลับมาได้อีกรอบทีเดียว 

 “คุณพอจะรู้มั้ยว่าเราสามารถดื่มโกโก้ร้อนได้วันละกี่แก้ว” ฉันเอียงคอถามเขาออกไปอย่างลืมตัวแต่ก็จ้องตากลับแบบเลยตามเลย ไหน ๆ ความคิดในหัวก็โพล่งออกมาให้เขารับรู้ไปแล้วนี่

จะอายทำไม

 “อยากต่อเวลาเหรอครับ” 

เขาสิน่าหมั่นไส้เพิ่งเอียงคอทำท่าทางเลียนแบบอย่างรู้ทัน

 “ค่ะ!” 

 “จริงจังเสียด้วย...ผมไม่รู้หรอก แต่ก็อยากดื่มอีกแก้วอยู่เหมือนกันนะ คงนั่งได้นานกว่านี้” 

 “ใช่มั้ยคะ คุณก็ยังอยากคุยเหมือนกันใช่มั้ย…” 

 “ผมพูดแบบนั้นเหรอครับ ไม่ใช่ว่า  ‘อยากดื่ม’  แต่เป็น  ‘อยากคุย’ สินะครับ” 

พลาด

 “ฉันเพิ่งพูดเหรอ…” 

 “น่าจะได้ยินแบบนั้นนะ” 

 “จริงเหรอคะ...คิดไปเองรึเปล่าเอ่ย…” 

 “น่ารักจริงเชียว...ถ้ามีคุณอยู่ในทุกช่วงเวลาคงดี” 

ฉันไปต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ คงต้องยอมเปิดประตูต้อนรับพายุหิมะด้านนอกให้ถาโถมพัดไอเย็นมาแช่แข็งหัวใจให้ด้านชาแล้วรอคอยสัมผัสอบอุ่นจากถ้อยคำ แววตา รวมถึงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเขาให้เข้ามาละลายมันเสียแล้วล่ะ

 “อยากมีจริงรึเปล่าล่ะคะ” 

 “อยากสิครับ แต่คงฝ่ายเดียวไม่ได้ คงต้องถามเจ้าตัวเขาก่อนว่ากำลังฝันไปทิศทางเดียวกันอยู่หรือไม่” 

 “แล้วถ้าไม่…” 

 “ก็คงเสียใจ แต่ก็ยังคงวาดหวังว่าจะใช่ในสักวัน” 

เขาบรรจงยกแก้วจรดริมฝีปากแยกยิ้ม ทำทีเป็นอยากดื่มโกโก้ร้อนด้วยจงใจจะปล่อยละประโยคนั้นไว้ให้มันแทรกซึมลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจฉันแน่ ๆ แม้มันจะได้ผลแต่ฉันคงทนไม่ได้หากพูดขึ้นมาก่อน อย่าเข้าใจผิดว่าอยากเอาชนะแค่กำลังสนุกกับการต่อปากคำโดยโยนทุกความเคลื่อนไหวรอบตัวใส่เปลวร้อนของเตาผิงเท่านั้นเอง

 “หรือคุณว่าไง” 

 “ฉันเหรอคะ” 

 “คุณนั่นแหละครับ...พร้อมจะรับผมเข้าไปใช้ทุกช่วงเวลาต่อจากนี้หรือยัง” 

โอ้โห! ยอมใจ

 “อยากเข้ามาในฐานะไหนล่ะคะ” 

 “ฐานะไหนก็ได้ครับผมไม่ติด ขอแค่ชีวิตของคุณได้มีผมร่วมด้วยก็พอ” 

 “คุณพูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเหรอคะ” 

 “คุณคิดว่าไงล่ะครับ...เท่าที่เรารู้จักกันผ่านแก้วโกโก้ร้อนทุกช่วงเทศกาลคริสมาสต์กับวันหยุดในชีวิตประจำวันอันแสนจะเร่งรีบบางโอกาส คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นรึเปล่า” 

เขาเลิกคิ้วถามแทนที่จะตอบออกมาซึ่งฉันคงต้องยอมรับว่ามันไม่จริง สามปีแล้วที่เราเลือกนั่งร้านนี้ สั่งเครื่องดื่มนี้ แล้วเปิดบทสนทนาด้วยเรื่องราวมากมายจนนำไปเขียนเป็นเรื่องราวตีพิมพ์ขายได้หลายเล่มทีเดียว 

เราเริ่มต้นจากการนั่งข้างกันโดยบังเอิญแล้วทอดสายตามองหิมะหล่นร่วงนอกหน้าต่างในวันที่อากาศหนาวรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว เขาเดินออกไปยื่นแก้วโกโก้ร้อนให้ชายจรที่เดินผ่านพร้อมขนมปังอย่างใจดี ก่อนจะกลับเข้ามาด้านในแล้วสั่งแก้วใหม่ให้ตัวเองอีกครั้ง 

จากนั้นบทสนทนาที่ฉันเป็นคนเปิดประเด็นก็ลากยาวไปเรื่อยกระทั่งมาร์ชเมลโล่ละลายไปกับโกโก้ร้อน เปลวไฟอ่อนแรงจนเจ้าของร้านต้องโยนท่อนฟืนเพิ่มเชื้อให้ลุกโหม 

ความอบอุ่นนำพาช่วงเวลาเคลื่อนผ่านเร็วจนใจหายก่อนที่เราจะแยกย้ายบอกลาแล้ววนมาเจอกันใหม่อีกครั้งหลังจากนั้นแทบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แม้มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดไปกับลมฟ้าอากาศหรือเรื่องราวรอบตัว แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่เคยขยับไปไกลกว่านั้นเลยสักครั้ง เขาไม่พูด ฉันไม่พูด เราแลกเปลี่ยนเพียงความสบายใจระหว่างกัน 

ฉันคิดว่ารู้จักเขาเยอะพอสมควรซึ่งมันเพียงพอแล้วจริงหรือ...แต่ถ้าไม่มั่นใจทำไมไม่ลองเรียนรู้ดูล่ะ

นั่นสิ

 “ถ้ายังไม่มั่นใจจะลองเรียนรู้กันไปก่อนก็ได้นะครับ” เขาถามเหมือนอ่านความคิดได้อีกตามเคย

 “เราก็เข้าเรียนกันมาสามปีแล้วนี่คะ” 

 “นั่นก็แสดงว่า…” 

 “...ว่า…” 

 “ว่าปีนี้ผมคงไม่ต้องนอนผวากลัวว่าปีศาจแครมปัสจะมาหาแล้วล่ะครับ ผมคงได้เจอคุณลุงซานต้าหรือไม่ก็ทูตสวรรค์หกปีกมากกว่า” 

 “อ้าว! แล้วกัน นี่ฉันตั้งใจจะไปคอยชงโกโก้ร้อนหย่อนมาร์ชเมลโล่นั่งดื่มเป็นเพื่อน เผื่อคุณเกิดกลัวปีศาจแครมปัสจนนอนไม่หลับซักหน่อย คงไม่จำเป็นแล้วมั้งคะเนี่ย” 

 “ไม่จำเป็นแล้วครับ…” 

ฉันขมวดคิ้ว เขาหัวเราะ 

 “นี่คุณ…” 

 “คุณไม่ต้องนั่งคอยไปกับผมหรอก ขอแค่ตื่นเช้าได้เห็นคุณก็พอครับ” 

 “ถ้าอย่างนั้น...ยินดีที่จะได้ทำความรู้จักนะคะ” 

 “ยินดีที่ได้รู้จักและได้เรียนรู้ที่จะรักนับจากนี้ครับ...ผมฟลอเรนซ์” 

 “เลทิเซียค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ” 

 “ครับ ว่าแต่...บ้านใคร?” 

 “บ้านเราสิคะ” 

 

จบ.


ขอบคุณที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน

ขอให้ทุกวันมีความรักอบอวล

มีความสุขมาก ๆ นะคะ

ณธนิษฐ์