มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อนหนึ่งค่ะ...สองครับ...มาด้วยกันเหรอคะ...เปล่าครับ แค่จะกลับด้วยกัน
รัก,เรื่องสั้น,เรื่องสั้น,มาร์ชเมลโล่,รักโรแมนติก,ฟีลกูด/feelgood,อบอุ่นหัวใจ,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อนมาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อนหนึ่งค่ะ...สองครับ...มาด้วยกันเหรอคะ...เปล่าครับ แค่จะกลับด้วยกัน
ยินดีต้อนรับสู่โลกของ ณธนิษฐ์ นะคะ
การเดินทางสายสั้น แต่อบอวลด้วยรัก
เพิ่งเคยเขียนแนวนี้ครั้งแรกเลยค่ะ
เรื่องสั้นเข้าร่วมกิจกรรม รถแห่ชวนเขียน ครั้งที่ 8 ค่ะ
ปีศาจแครมปัส / มาร์ชเมลโล่ / คนจร / ทูตสวรรค์
“มาร์ชเมลโล่โกโก้ร้อนหนึ่งค่ะ”
“สองครับ”
“มาด้วยกันเหรอคะ”
“เปล่าครับ แค่จะกลับด้วยกัน คิดเงินกับผมได้เลย”
โต๊ะประจำด้านในถูกจับจองไว้ทุกปี กระจกหนาเกิดฝ้าให้ต้องลูบไล้ไล่มันทิ้งเพื่อจะมองสอดส่องสายตาดูความเคลื่อนไหวด้านนอก บทสนทนาระหว่างกันเริ่มต้นไปแล้วหลังจากแก้วโกโก้ถูกนำมาตั้งวางตรงหน้า
ช่วงเวลาแสนสุข
“ตอนเด็กผมกลัวช่วงคริสมาสต์ที่สุด”
“ทำไมคะ”
“เพราะผมจำไม่ได้ว่าในหนึ่งปีที่ผ่านมาเคยทำตัวเกเรกับใครไว้บ้างรึเปล่า”
เขาขยิบตาซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
“คุณรู้มั้ยว่าผมแขวนถุงเท้าไว้แล้วนอนภาวนาขอให้ผู้ที่มาหาคือลุงซานต้าไม่ใช่ปีศาจแครมปัสด้วยนะ”
“ฉันก็เป็นไม่เห็นจะแปลกเลย ถ้าเผลอเถียงแม่ตอนค่ำเพราะปฏิเสธแครอทในจานเป็นต้องนอนไม่หลับแทบทั้งคืน คิดแล้วก็ตลกดี คุณว่าทำไมเด็กถึงกลัวปีศาจแครมปัสกันขนาดนั้น”
“คงเพราะรูปร่างมั้งครับ ลองคิดเล่น ๆ ถ้าเห็นคนมีเขาโค้งกับกีบเท้าแพะ ฟันแหลมแถมลิ้นยังยืดยาว เดินลากโซ่แบกถุงกระสอบไว้จับเด็กเกเรยัดลงไปในนั้น ใครจะไม่กลัว”
“คุณลืมหางไปอย่างนะคะ”
“อ่า ครับ หางเหมือนวัวด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าเขาวัดจากอะไรแล้วขอบเขตมันกว้างแค่ไหนถึงจะเรียกว่าเด็กเกเร แต่ผมขอกลัวไว้ก่อนดีกว่าครับ ไม่เสี่ยง”
“เหมือนกันเลยค่ะ แม้จะโดนเพื่อนหัวเราะเยาะก็เหอะ ใครจะอยากเจอปีศาจเนอะ ขอเป็นลุงซานต้าหรือไม่ก็ทูตสวรรค์ลงมาประทานพรดีกว่า”
“คุณกลัวปีศาจใต้เตียงรึเปล่า”
“กลัวสิ ใครจะไม่กลัว”
“ผมก็กลัวนะ แม้มันไม่เคยออกมาหลอกหลอนซักทีก็เถอะ ผมว่ามันเป็นสีสันให้วัยเด็กได้สดใสแม้มันจะหม่นขมจนต้องเสียน้ำตาหลังจากนั้นก็เถอะ”
เขาก้มมองมาร์ชเมลโล่ลอยฟ่องราวจะส่งสายตาถามบางอย่างกับมันแล้วเฝ้ารอให้ตอบกลับ วันนี้เขาดูเศร้าแตกต่างจากทุกที หรือไม่ก็กำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ก็ไม่รู้
“แม่บอกว่าให้หาคนที่ใช่จากแก้วโกโก้ครับ”
“คะ? ยังไง”
“นี่คือเครื่องดื่มสุดโปรดของแม่ครับเพราะมาร์ชเมลโล่ภาษาดอกไม้คือการทำแต่ความดีซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจริงมั้ย แค่เคยเห็นประโยคนี้ถูกเขียนไว้ในสมุดบันทึกของแม่เท่านั้น”
เขาคว้าสมุดจากในกระเป๋า ฉีกกระดาษออกมาแล้วเขียนอะไรยุกยิกก่อนจะยื่นมันให้
‘จงกระทำแต่ความดีและมีเมตตากรุณา ใสสะอาดดุจดั่งดอกมาร์ชเมลโล่นี้เถิด’
“ฉันชอบนะ”
“ครับ ผมก็จำมันไว้เสมอ แม่ยังบอกอีกว่าใครก็ตามที่ชอบมันมักจะเป็นคนดี”
น้ำเสียงของเขาเบาลงทุกครั้งที่เอ่ยถึงบุพการี ฉันอดแปลกใจไม่ได้เพราะการสนทนาของเราไม่เคยลากยาวเข้าเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้งเดียว
“คุณเศร้ามากเหรอคะ”
“ครับ...แม่ผมเสียตอนอายุสิบขวบ หลังจากนั้นอีกสี่ปีพ่อก็จากไป ผมต้องย้ายไปอยู่กับญาติฝ่ายพ่อซึ่งก็เต็มใจต้อนรับอย่างอบอุ่นเพราะพวกเขาไม่มีลูก” เขาหยุดเล่าเพราะจำต้องยกแก้วโกโก้ขึ้นดื่ม “ความรักน่ะนะ ต่อให้ส่งมามากมายแค่ไหนลึก ๆ ผมก็ยังคงโหยหาอ้อมกอดของพ่อกับแม่อยู่ดี นี่เราวนมาเรื่องนี้ได้ยังไงกันครับเนี่ย”
“ฉันยินดีรับฟังนะคะ ทุกเรื่องของคุณ”
เขาเหลียวมาสบสายตาซึ่งฉันก็จ้องตอบกลับไปเช่นกัน เรายังไม่พูดจาปล่อยให้เวลาไหลผ่านพร้อมผู้คนเดินขวักไขว่ตามรายทาง
นอกร้านจะหนาวเย็นเพียงใดหรือภายในอากาศกำลังอุ่นขึ้นแค่ไหนไม่รู้ก็หัวใจจดจ่ออยู่แค่เพียงถ้อยคำกับมาร์ชเมลโล่ลอยฟ่องในถ้วยโกโก้ตรงหน้าเท่านั้น
เวลาผ่านนานแสนนานอย่างน้อยก็ในความรู้สึกเพราะหากนำบทสนทนามาวางเรียงต่อกันคงยาวข้ามสะพานไปถึงเมืองฝั่งตรงข้ามแล้วค่อยวกกลับมาได้อีกรอบทีเดียว
“คุณพอจะรู้มั้ยว่าเราสามารถดื่มโกโก้ร้อนได้วันละกี่แก้ว” ฉันเอียงคอถามเขาออกไปอย่างลืมตัวแต่ก็จ้องตากลับแบบเลยตามเลย ไหน ๆ ความคิดในหัวก็โพล่งออกมาให้เขารับรู้ไปแล้วนี่
จะอายทำไม
“อยากต่อเวลาเหรอครับ”
เขาสิน่าหมั่นไส้เพิ่งเอียงคอทำท่าทางเลียนแบบอย่างรู้ทัน
“ค่ะ!”
“จริงจังเสียด้วย...ผมไม่รู้หรอก แต่ก็อยากดื่มอีกแก้วอยู่เหมือนกันนะ คงนั่งได้นานกว่านี้”
“ใช่มั้ยคะ คุณก็ยังอยากคุยเหมือนกันใช่มั้ย…”
“ผมพูดแบบนั้นเหรอครับ ไม่ใช่ว่า ‘อยากดื่ม’ แต่เป็น ‘อยากคุย’ สินะครับ”
พลาด
“ฉันเพิ่งพูดเหรอ…”
“น่าจะได้ยินแบบนั้นนะ”
“จริงเหรอคะ...คิดไปเองรึเปล่าเอ่ย…”
“น่ารักจริงเชียว...ถ้ามีคุณอยู่ในทุกช่วงเวลาคงดี”
ฉันไปต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ คงต้องยอมเปิดประตูต้อนรับพายุหิมะด้านนอกให้ถาโถมพัดไอเย็นมาแช่แข็งหัวใจให้ด้านชาแล้วรอคอยสัมผัสอบอุ่นจากถ้อยคำ แววตา รวมถึงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเขาให้เข้ามาละลายมันเสียแล้วล่ะ
“อยากมีจริงรึเปล่าล่ะคะ”
“อยากสิครับ แต่คงฝ่ายเดียวไม่ได้ คงต้องถามเจ้าตัวเขาก่อนว่ากำลังฝันไปทิศทางเดียวกันอยู่หรือไม่”
“แล้วถ้าไม่…”
“ก็คงเสียใจ แต่ก็ยังคงวาดหวังว่าจะใช่ในสักวัน”
เขาบรรจงยกแก้วจรดริมฝีปากแยกยิ้ม ทำทีเป็นอยากดื่มโกโก้ร้อนด้วยจงใจจะปล่อยละประโยคนั้นไว้ให้มันแทรกซึมลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจฉันแน่ ๆ แม้มันจะได้ผลแต่ฉันคงทนไม่ได้หากพูดขึ้นมาก่อน อย่าเข้าใจผิดว่าอยากเอาชนะแค่กำลังสนุกกับการต่อปากคำโดยโยนทุกความเคลื่อนไหวรอบตัวใส่เปลวร้อนของเตาผิงเท่านั้นเอง
“หรือคุณว่าไง”
“ฉันเหรอคะ”
“คุณนั่นแหละครับ...พร้อมจะรับผมเข้าไปใช้ทุกช่วงเวลาต่อจากนี้หรือยัง”
โอ้โห! ยอมใจ
“อยากเข้ามาในฐานะไหนล่ะคะ”
“ฐานะไหนก็ได้ครับผมไม่ติด ขอแค่ชีวิตของคุณได้มีผมร่วมด้วยก็พอ”
“คุณพูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเหรอคะ”
“คุณคิดว่าไงล่ะครับ...เท่าที่เรารู้จักกันผ่านแก้วโกโก้ร้อนทุกช่วงเทศกาลคริสมาสต์กับวันหยุดในชีวิตประจำวันอันแสนจะเร่งรีบบางโอกาส คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นรึเปล่า”
เขาเลิกคิ้วถามแทนที่จะตอบออกมาซึ่งฉันคงต้องยอมรับว่ามันไม่จริง สามปีแล้วที่เราเลือกนั่งร้านนี้ สั่งเครื่องดื่มนี้ แล้วเปิดบทสนทนาด้วยเรื่องราวมากมายจนนำไปเขียนเป็นเรื่องราวตีพิมพ์ขายได้หลายเล่มทีเดียว
เราเริ่มต้นจากการนั่งข้างกันโดยบังเอิญแล้วทอดสายตามองหิมะหล่นร่วงนอกหน้าต่างในวันที่อากาศหนาวรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว เขาเดินออกไปยื่นแก้วโกโก้ร้อนให้ชายจรที่เดินผ่านพร้อมขนมปังอย่างใจดี ก่อนจะกลับเข้ามาด้านในแล้วสั่งแก้วใหม่ให้ตัวเองอีกครั้ง
จากนั้นบทสนทนาที่ฉันเป็นคนเปิดประเด็นก็ลากยาวไปเรื่อยกระทั่งมาร์ชเมลโล่ละลายไปกับโกโก้ร้อน เปลวไฟอ่อนแรงจนเจ้าของร้านต้องโยนท่อนฟืนเพิ่มเชื้อให้ลุกโหม
ความอบอุ่นนำพาช่วงเวลาเคลื่อนผ่านเร็วจนใจหายก่อนที่เราจะแยกย้ายบอกลาแล้ววนมาเจอกันใหม่อีกครั้งหลังจากนั้นแทบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แม้มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดไปกับลมฟ้าอากาศหรือเรื่องราวรอบตัว แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่เคยขยับไปไกลกว่านั้นเลยสักครั้ง เขาไม่พูด ฉันไม่พูด เราแลกเปลี่ยนเพียงความสบายใจระหว่างกัน
ฉันคิดว่ารู้จักเขาเยอะพอสมควรซึ่งมันเพียงพอแล้วจริงหรือ...แต่ถ้าไม่มั่นใจทำไมไม่ลองเรียนรู้ดูล่ะ
นั่นสิ
“ถ้ายังไม่มั่นใจจะลองเรียนรู้กันไปก่อนก็ได้นะครับ” เขาถามเหมือนอ่านความคิดได้อีกตามเคย
“เราก็เข้าเรียนกันมาสามปีแล้วนี่คะ”
“นั่นก็แสดงว่า…”
“...ว่า…”
“ว่าปีนี้ผมคงไม่ต้องนอนผวากลัวว่าปีศาจแครมปัสจะมาหาแล้วล่ะครับ ผมคงได้เจอคุณลุงซานต้าหรือไม่ก็ทูตสวรรค์หกปีกมากกว่า”
“อ้าว! แล้วกัน นี่ฉันตั้งใจจะไปคอยชงโกโก้ร้อนหย่อนมาร์ชเมลโล่นั่งดื่มเป็นเพื่อน เผื่อคุณเกิดกลัวปีศาจแครมปัสจนนอนไม่หลับซักหน่อย คงไม่จำเป็นแล้วมั้งคะเนี่ย”
“ไม่จำเป็นแล้วครับ…”
ฉันขมวดคิ้ว เขาหัวเราะ
“นี่คุณ…”
“คุณไม่ต้องนั่งคอยไปกับผมหรอก ขอแค่ตื่นเช้าได้เห็นคุณก็พอครับ”
“ถ้าอย่างนั้น...ยินดีที่จะได้ทำความรู้จักนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักและได้เรียนรู้ที่จะรักนับจากนี้ครับ...ผมฟลอเรนซ์”
“เลทิเซียค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”
“ครับ ว่าแต่...บ้านใคร?”
“บ้านเราสิคะ”
จบ.
ขอบคุณที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน
ขอให้ทุกวันมีความรักอบอวล
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
ณธนิษฐ์