คดีที่ไม่มีที่สิ้นสุดเหยื่อทุกรายล้วนมีบุปผาแปลกตาระดับข้างกายา ร่องรอยคนร้ายที่เป็นปริศนายังไม่แม้แต่จะเจอเลย ครานี้พวกเราจะทำยังไง
แฟนตาซี,อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,เรื่องสั้น,นักเขียนวัยจิ๋วมาป่วนพล็อตเทลเลอร์,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สืบดอกไม้แปลกคดีที่ไม่มีที่สิ้นสุดเหยื่อทุกรายล้วนมีบุปผาแปลกตาระดับข้างกายา ร่องรอยคนร้ายที่เป็นปริศนายังไม่แม้แต่จะเจอเลย ครานี้พวกเราจะทำยังไง
จะกล่าวว่ากะไรเสียดี
ยามใดกันที่เราจะได้ร่องลอยคนร้ายเสียที
ต้องมีผู้คนล้มตายเสียกี่คน เราถึงจะรู้ตัวคนร้ายได้เสียที
นักสืบสวนวัยกลางคนเป็นผู้ริเริ่มในการเปิดบทสนทนาการประชุมในครานี้ เหตุเพราะหล่อนมิสามารถอยู่ใต้อำนาจพวกเบื้องบนนั้นอีกแล
“มันต้องถึงคราวที่เราต้องเล่นเกมนำหน้ามันได้แล้วเสีย”
เมื่อสิ้นค่ำคืนแห่งก้าวแรกเริ่ม เราทั้งคู่ต่างรีบเคลื่อนย้ายจากที่เกิดเหตุ เพื่อมุ่งตรงมายังฐานวิจัยให้เร็วที่สุด
ได้เริ่มสืบหาคนร้ายกันสักที
สองเราย่างก้าวเข้าสู่ฐานวิจัยที่ไม่ได้กว้างใหญ่มากแต่ภายในห้องมีอุปกรณ์สำหรับตามหาร่องรอย ตรวจดีเอ็นเอ ตรวจหาลายนิ้วมือ เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์ครบสำหรับการหาตัวฆาตกรนั้นแน่นอน คุณนักสืบรีบก้าวเท้าโดยเร็ว โต๊ะขนาดกลางที่มีกล่องประดับไว้ทั่วพื้นที่ เจ้าก้อนสี่เหลี่ยมมีขนาดที่แตกต่างกันตั้งแต่เล็กไปสู่ขนาดใหญ่สำหรับใส่ตัวทดลองหรือบางสิ่งที่อาจจะอันตรายบางสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ถึงการมีตัวตนของมันมาก่อนอย่าง เจ้าดอกไม้ประหลาดนี้ และเพื่อกันการสูญเสียของชีวิตอันมีค่าแล้ว เราห้ามประมาทถึงมันเด็ดขาด หล่อนหย่อนตัวลงสู่เก้าอี้สีครีมสบายตา พร้อมกับใส่ถุงมือเพื่อป้องกันสารบางอย่างอาจส่งผลต่อมนุษย์โดยตรงได้ หล่อนทอดดวงตาคู่สวยนั้นจดจ่อแด่กล่องขนาดเล็ก
“คุณนักสืบ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกสติในหัว สายตาละจากเจ้ากล่องขนาดเล็กนั้นทอดมองแก่ผู้หมวดหนุ่ม ใบหน้าที่ได้พบคล้ายคลึงว่ากังวลใจกว่าที่เคย หล่อนเพียงเอามือข้างที่ว่างจับมือขาวซีดของชายตรงหน้า รอยยิ้มบางๆประทับใบหน้าของสาวดวงตาสีครามยามท้องฟ้าตอนกลางคืนที่เต็มไปดวงดาว ความหวังฉายชัดภายในดวงตาคู่สวยนั้น ผู้หมวดรับรู้ถึงมันเลยปล่อยมือที่กังวลนั้นแลถอยห่างไปยังด้านหลังเก้าอี้ที่หญิงสาวนั่งอยู่
เมื่อสิ้นเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์แล้ว ผมที่ประดับไปด้วยสีครามหันหลังไปมอบมองแก่กล่องเดิมนั้น มือที่กุมเจ้าพวงกุญแจวางลงตรงกลางของกล่อง หล่อนค่อยๆเปิดกล่องพวงกุญแจที่เก็บเจ้าดอกไม้นั้นอย่างระมัดระวังเจ้าดอกไม้เมื่อได้รับรู้ถึงการถูกปลดปล่อยนั้น เดินออกมาสำรวจโลกที่กว้างขึ้นในทันที และเมื่อมันเป็นไปตามแผนที่หล่อนวางไว้ หล่อนก็ปิดฝากล่องเสียทันที ก่อนที่เจ้านั้นจะทำอะไรแผงๆ
ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่วห้องวิจัย เจ้าพืชที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเริ่มเพิ่มความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่มันอยู่ในพวงกุญแจขนาดเล็กมันไม่เคยมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน ด้วยปฏิกิริยาที่แปลกทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในใจทันใด
เจ้าละอองนี้
มันกำลังทำอะไรกันแน่?
แม้สีหน้าของนักสืบจะดูเรียบเฉยมากแค่ไหน แต่ภายในนั้นต่างออกไป ความสงสัยใคร่รู้ก่อตัวขึ้นในอกอย่างมหาศาล ความรู้อยากเห็นถึงสิ่งแปลกใหม่ของเจ้าพืชชนิดนี้นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าเจ้านี้จะเป็นต้นต่อถึงเรื่องทั้งหมดกันแน่ ละอองนั้นรึเปล่า ที่เป็นต้นเหตุในการเติบโตของดอกไม้หน้าตาประหลาดพวกนั้นในซากของสิ่งมีชีวิตรึเปล่านะ ปลายติ้วเรียวสวยเริ่มจะจับจูบกันตามทฤษฎีที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ของหล่อน มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเกิดพืชแบบนี้ได้ในหลักของความเป็นจริง แล้วถ้ามันเกิดขึ้นตามหลักวิทยาศาสตร์ได้จริงๆละก็ ใครกันนะที่ทำมัน ต้องใช้สารตั้งต้นแบบใดถึงให้มีชีวิตได้ขนาดนี้
ห้วงความคิดของหล่อนเริ่มมากขึ้น อาการเจ็บแป๊บเกิดขึ้นตามความคิดมากของหล่อน คุณนักสืบรีบเอามือข้างขวาที่สวมถุงมือกุมศีรษะในทันที ใบหน้ายู่ยี่เพราะอาการปวดหัว หล่อนหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิและลดความคิดของตัวเอง มันคือวิธีแก้อาการของหล่อนเอง อาการแบบนี้มีมาตั้งแต่เธอคนนั้นหายไปในชีวิตแล้วละ และก็คงไม่หายง่ายๆถ้ายังไม่เจอตัวเธอผู้นั้นสักที
“คุณนักสืบครับ ดูสิครับ…มัน…ทำอะไรสักอย่างแล้วครับ” เสียงของผู้หมวดผู้เคร่งขรึมดังขึ้นในประสาตหู หล่อนเปิดตาดวงตาทอดมองแก่ดอกไม้นั้นในทันที แลเมื่อได้เห็นดวงตาของหล่อนกับแข็งค้างเบิกกว้างกว่าเดิม
เจ้าละอองในกล่องขนาดเล็กที่เมื่อครู่ยังปกคลุมทั่วทุกส่วนของพื้นที่สีเหลี่ยมนั้นเป็นพื้นหญ้าขนาดเล็ก ทั้งที่ไม่มีดินหล่อเลี้ยงใดๆแต่เจ้าพืชนั้นกลับสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นดอกไม้หน้าตาประหลาดขึ้นมาอีกครั้ง และเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เจ้าดอกไม้นั้นไม่เหมือนกับที่เคยเห็นมาก่อนเลยสักครั้ง
“เรื่องจริงหรอเนี่ย…จะบอกว่าเจ้าดอกไม้ตัวเล็กนั้น…สามารถใช้ละอองฆ่าคนได้งั้นหรอ? บ้าไปแล้ว” ผลการทดลองที่ไม่เป็นดังที่คิดไว้ นักวิจัยทรุดตัวลงด้วยความไม่เข้าใจ หลักการตามวิทยาศาสตร์ที่เคยเหล่าเรียนนั้นตอนนี้กลับทำให้หล่อนสับสนวุ่นวายไปเสียหมด แม้จะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็นแต่หล่อนก็ยังอยากจะต้องการคำตอบที่แท้จริงของคำถามภายในใจจากมัน มันที่กำลังเติบโตในกล่องขนาดเล็กนั้น มันที่ตอนนี้กำลังจดจ้องคุณนักสืบและผู้หมวดที่ตัวสั่นเครืออยู่ข้างหลังหล่อน
“คุณนักสืบครับ…ฆะ ฆ่ามันดีไหมครับ” หล่อนเชยตามองชายหนุ่มคนนั้นทันที ใบหน้าแย้มยิ้มเยาะเย้ยให้แก่เขา
“อย่าเด็ดขาด…ถ้านักวิทยาศาสตร์วิจัยอะไรสักอย่างแล้ว…จะต้องรู้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการรู้” หล่อนว่าพร้อมรอยยิ้มกว้างเผยฟันซี่สวยที่เรียงต่อกันอย่างดี ผู้หมวดเพียงแค่พยักหน้าน้อมรับในความดื้อรั้นนั้น แม้ภายในใจอยากจะกล่าวค้านมากเพียงใด
นักสืบสาวลุกขึ้นจากพื้นที่เย็นเฉียบนั้นละจากพื้นที่ต้องหน้ากล่องแลเดินหนีออกไป หล่อนเคลื่อนย้ายตัวมาหยิบของบางสิ่ง อย่าง ปากกาหมึกซึมด้ามงามที่สภาพจะพังแลไม่พังเสีย กระดาษสีสบายตาอันละมุน เมื่อได้ตามที่ต้องการครบทุกอย่างแล้วหล่อนก็ย่างก้าวขาข้างขวาในทันทีเพื่อกลับไปยังจุดที่เจ้าดอกไม้ที่เริ่มสร้างอาณาเขตด้วยละอองที่เพิ่มมากขึ้น
หล่อนนั่งลงเก้าอี้สีครีมของตนแลเริ่มจดบันทึกในทันที หล่อนเขียนทุกอย่างทั้งเรื่องละออง การเติบโตและรวมถึงคำถามมากมายที่หล่อนต้องการคำตอบ
“ผู้หมวดว่าเรื่องราวในครานี้จะจบเร็วรึไม่” คำถามที่ดังขึ้นมาระหว่างทางของการจดบันทึก คำพูดที่เปล่งออกมานั้นราวกลับคำถามในโลกนิยายย้อนยุคโบราณที่ตัวเอกถามแก่ผู้ที่เชื่อหมดใจ แลผู้หมวดคนนั้นคงเป็นคนที่หล่อนเชื่อใจมากพอจะทำทุกวิธีทางเพื่อรักษาคนๆนี้ไว้
“โทษทีค่ะ พอดีติดนิสัยตอนอยู่กับน้องมาค่ะ” ครานี้ความรู้สึกเมื่อครู่กลับเปลี่ยนฉับพลันโดยรวดเร็วไปเสียแล้ว ผู้หมวดเพียงแค่พยักหน้าตอบหล่อน หันหน้าหนีหล่อนเพื่อซ่อนความรู้สึกเขินอายเมื่อครู่เอาไว้
“ผู้หมวดคะ มิทราบว่าคุณสะดวกไปเอาซากหนูที่ห้องเย็นให้หน่อยได้ไหมคะ” ผู้หมวดเพียงแค่พยักหน้าให้หล่อน แล้วเมื่อได้รับภารกิจเขาก็เดินไปในทิศทางของห้องที่หล่อนมาในทันที ทำให้ในห้องนั้นเหลือเพียงหล่อนคนเดียว ภายในความเงียบงันของห้อง
หล่อนทำได้แค่ยิ้มให้แก่ขอแก้ตัวที่หน้าเขินอายของตน
แม้มือจะจับต้องปากกาด้ามโปรดตวัดปัดแกว่งไปมาก็ตาม
แล้วพบกันในยามรุ่งสาง