คดีที่ไม่มีที่สิ้นสุดเหยื่อทุกรายล้วนมีบุปผาแปลกตาระดับข้างกายา ร่องรอยคนร้ายที่เป็นปริศนายังไม่แม้แต่จะเจอเลย ครานี้พวกเราจะทำยังไง
แฟนตาซี,อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,เรื่องสั้น,นักเขียนวัยจิ๋วมาป่วนพล็อตเทลเลอร์,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สืบดอกไม้แปลกคดีที่ไม่มีที่สิ้นสุดเหยื่อทุกรายล้วนมีบุปผาแปลกตาระดับข้างกายา ร่องรอยคนร้ายที่เป็นปริศนายังไม่แม้แต่จะเจอเลย ครานี้พวกเราจะทำยังไง
จะกล่าวว่ากะไรเสียดี
ยามใดกันที่เราจะได้ร่องลอยคนร้ายเสียที
ต้องมีผู้คนล้มตายเสียกี่คน เราถึงจะรู้ตัวคนร้ายได้เสียที
นักสืบสวนวัยกลางคนเป็นผู้ริเริ่มในการเปิดบทสนทนาการประชุมในครานี้ เหตุเพราะหล่อนมิสามารถอยู่ใต้อำนาจพวกเบื้องบนนั้นอีกแล
“มันต้องถึงคราวที่เราต้องเล่นเกมนำหน้ามันได้แล้วเสีย”
ความเจ็บปวดในอดีต และ กการหายไปที่น่าสงสัย
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ข้อความระวังภายในเรื่อง
มีการพูดถึงการตายแบบไม่ละเอียด สภาพจิตใจที่ไม่คงที่ของตัวละคร
เมื่อสิ้นคืนค่อนไปเสียแล้ว ดวงอาทิตย์ขึ้นประทับแทนที่ดวงจันทร์เสี้ยวสีเหลืองอ่อน เมื่อถึงยามที่เจ้าดวงสุริยันมาแสดงอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตให้ลืมตาตื่นจากค่ำคืนที่แสนมืดมิด แสงสาดส่องมายังห้องวิจัยที่ยังมีลมหายใจที่สม่ำเสมอของใครบางคน
ในเพลงเช้าวันนี้หล่อนลุกขึ้นตั้งแต่ก่อนรุ่งสางเสียอีก คุณนักสืบเดินมาทางร่างของชายคนหนึ่งที่สลบไสลอย่างไม่ได้สติ ดวงตาสีนำ้เงินกุหลาบจดจ้องตั้งแต่ผมสีดำขลับที่ยุ่งจนดูไม่ได้จรดจนรองเท้าหนังคู่สวยที่ถูกดูแลอย่างดี หญิงสาวเพียงแค่ทอดสายตามอบมองแก่ชายผู้นั้นพลางดื่มด่ำกับกาแฟรสขมเข้ม สารในเครื่องดื่มส่งผลต่อหล่อนโดยเร็วเพียงเพราะแค่กลืนไปแค่ครั้งเดียวร่างกายแลความเหนื่อยล้าทั้งหลายสลายหายไปในทันที
หล่อนฮัมเพลงในขณะที่ย่างก้าวเข้าสู่โต๊ะตรงนั้น ตรงที่มีชายผู้เป็นถึงผู้หมวดแสนไร้เดียงสา ผู้หมวดที่ซื่อสัตย์กับหล่อนเกินความจำเป็น เมื่อระยะห่างลดน้อยลงมากขึ้นหล่อนก็ได้เห็นผู้หมวดมากขึ้นยิ่งขึ้น ริมฝีปากบางอมยิ้มให้แก่ความคิดพิเรนที่พลุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แก้วกระเบื้องสีฟ้าอ่อนปนส้มแดงเหมือนดั่งท้องฟ้าในยามเย็นถูกแนบลงกับแก้มสีขาวซีดนุ่มของผู้หมวด แลเมื่อความร้อนเกินขีดจำกัดปะทะกับร่างกายที่บอบบางนั้นแล้ว
“อะ คะ…คุณนักสืบ?” เจ้าของร่างกายนั้นสะดุ้งต่นขึ้นมาทันใด ดวงตาสีดำดั่งถ่านหินเบิกกว้างเพื่อแสดงความตกใจ ผู้เป็นนักสืบเพียงแค่หัวเราะในลำคอของตนเท่านั้นเสีย
เมื่อกิจกรรมยามเช้าสิ้นสุดลงไป หล่อนก็กลับมาสนใจแก่เจ้าดอกไม้ประหลาดนั้นต่อ ยามก่อนเข้านอนหล่อนได้นำซากหนูมาไว้ในกล่องร่วมกับบุปผาที่กำลังแบ่งบานนี้ หากทฤษฎีที่หล่อนคิดถูกละก็ เราจะสามารถนำเจ้าสสิ่งนี้มาแกะหาตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดาย
สิ่งที่หล่อนคิดกลับไม่เป็นจริง
ในสิ่งที่ดวงตาเฉียบคมคู่สวยเห็นนั้น ในกล่องสี่เหลี่ยมที่บรรจุเจ้าดอกไม้นั้นบัดนี้กลับเต็มไปด้วยเจ้าผกาสีปนเปื้อนที่มิสามารถปล่อยได้ว่าเป็นบุปผาชนิดใด ซากหนูตายที่วางไว้แทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเพียงแค่มีก้านของใบของบุษบาโอบล้อมมันเสียเอาไว้เท่านั้น สิ่งที่หล่อนคาดการณ์คือการที่เจ้าดอกนั้นกลืนกินซากศพหรือแทรกสอดเข้าสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิต
แต่มันเพียงโอบอุ้มซากนั้นไว้เท่านั้น
ทำไม?
ถ้านี้คือสิ่งที่มันทำได้ทั้งหมดจริงๆ
แล้วทำไมเจ้าบุปผานี้ถึงมีความสำคัญกับฆาตกรนั้นด้วย
ตอนนี้ทุกสิ่งพลิกจากหน้ามือไปหลังมือเสียหมด ในตอนที่เราคิดว่าจะเดินตามรอยมันได้แล้ว แท้จริงแล้วเราเสียเวลาเปล่างั้นหรอ ใบหน้าวิไลบัดนี้กลับขมวดคิ้วแน่น ดวงตาปิดสนิท ฟันคมขาวสะอาดกัดริมฝีปากจนห้อเลือด มือจับกุมด้วยความโกรธและหวุดหงิดในใจที่ตนไม่เดินหน้าไปไหนสักที ภายในหัวคิดตีกันไปหมด ความสับสนทำให้หล่อนพบกับทางตัน และทางตันพบกับความผิดหวังในตัวเอง
“คุณนักสืบครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
แต่หล่อนไม่ได้สนใจ
“พบว่าเรามีทางออกแล้วนะครับ”
ครานี้หล่อนหันกลับไปมองโดยเร็วทันที
“คุณว่าอะไรนะคะ?”
“คุณนักสืบดูพื้นห้องตอนนี้สิครับ”
สายตาที่ทอดมองแก่ชายหนุ่มพลันมอบมองสู่ด้านล่างของห้องวิจัย รอยร้าวเกิดขึ้นเล็กน้อยเพราะเนื่องจากรากสีเขียว เพียงนั้นหล่อนส่ายสายตาดูทุกแห่งหนของพื้นสีขาวสะอาด แต่น่าแปลกใจหนักที่รอยร้าวจากรากนั้นเลื้อยแค่ทางทิศใต้ของห้องวิจัย
“มันอาจกำลังส่งละอองเพื่อขอความช่วยเหลือก็ได้นะครับ” ผู้หมวดย่องเข้ามาใกล้หล่อน
“หรือไม่ก็รู้ที่ที่คนร้ายอยู่ก็ได้” เสียงกระซิบแผ่วเบาเกิดขึ้นอีกครั้ง
หล่อนละสายตาจากพื้นสีขาว มาสบสายตาสีดำทมิฬของผู้หมวด ความคิดในหัวตีกันอย่างหนักหนายิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่สะสมมาตั้งแต่เด็กขึ้นมาตีกับหลักฐานและข้อสันนิษฐานไร้สาระเมื่อครู่อย่างดุเดือด
“เราลองปล่อยมันออกมาดูไหมครับ” น้ำเสียงของผู้หมวดที่น่าฟังจนทำให้เคลิ้มไปด้วยดังขึ้นเข้าขัดความคิด นักสืบสาวเพียงแค่ยิ้มบางตอบแลแปรเปลี่ยนใบหน้าให้มั่นคงแม้ในใจหล่อนจะสั่นกลัวถึงภัยที่อาจเกิดขึ้นได้จากเจ้าดอกไม้นั้น
“เชื่อผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ผมจะปกป้องคุณเอง”
เพียงแค่นั้นผู้หมวดเคลื่อนไหวร่างกายจากการนั่งย่องที่ทำเพื่อให้เท่าความสูงของเราที่ทรุดลงกับพื้น บัดนี้เขาผู้นั้นอยู่ในความสูงอย่างเต็มที่ไหล่ตรง รอยยิ้มมั่นใจที่ส่งมาให้แก่หล่อน เขาผู้นั้นหันหลังเดินหน้าไปสู่โต๊ะที่วางเจ้ากล่องเล็กนั้นอยู่ หล่อนผู้มอบมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ใจเต้นสั่นระรัว ดวงตาสีน้ำเงินยามค่ำคืนที่มืดสนิทเบิกกว้าง ริมฝีปากสวยสง่าสั่นระริกภายในใจได้แต่ภาวนาสารพัด
ผู้หมวดเปิดฝากกล่องนั้น
เจ้าดอกไม้นั้นกระโดดออกมาทันที
มันมุ่งหน้าไปทิศใต้ในทันใด
เราสองหันมาสบตาพร้อมกัน
เราสองเคียงข้างกัน
แล้ววิ่งตามเจ้านั้น
ไปหาตัวคนร้ายกันเถอะ
แล้วพบกัน เจ้าของดอกไม้ฆาตรกร