ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 - จุดเริ่มต้น ตอนที่ 1 โดย Glutamate @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ดราม่า,จิตวิทยา,yaoi,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ดราม่า,จิตวิทยา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

yaoi,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2  โดย Glutamate  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!

ผู้แต่ง

Glutamate

เรื่องย่อ

สารบัญ

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -บทนำ บทนำ,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -จุดเริ่มต้น ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -จุดเริ่มต้น ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -จุดเริ่มต้น ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -จุดเริ่มต้น ตอนที่ 4,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -รับมือ ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -รับมือ ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -รับมือ ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -รับมือ ตอนที่ 4,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -แต้มต่อ ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -แต้มต่อ ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -แต้มต่อ ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -แต้มต่อ ตอนที่ 4,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -สิ่งที่ซ่อนอยู่ ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -สิ่งที่ซ่อนอยู่ ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -สิ่งที่ซ่อนอยู่ ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2 -สิ่งที่ซ่อนอยู่ ตอนที่ 4

เนื้อหา

จุดเริ่มต้น ตอนที่ 1

บทที่ 1

เมื่อ 2 ปีก่อน ผม…นายทักษกร หิรัญรัก อายุ 23 ปี อาชีพที่ปรึกษาการตลาดให้กับหลายบริษัทในฝั่งยุโรปประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกผมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 21 ทำให้ผมเริ่มชีวิตทำงานก่อนคนอื่น ด้วยวุฒิการศึกษาจากมหาลัยชั้นนำของยุโรป

“ซา หวัดดีครับ” ผมรับสายหลังจากที่ฟังมันสั่นมาสักพัก

“ทูดีเหรอ…นี่พี่เองนะ” เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นแต่ ผมกลับรู้ได้โดยสัญชาตญาณมาว่าคนที่โทรมาคือ หมอวันดี นายแพทย์สิปปากร หิรัญรัก พี่ชายแท้ๆ ที่ไม่ได้เจอกันนานถึง 8 ปีเต็มหลังจากเหตุการณ์วันนั้น…

“ครับ” ผมตอบกลับไปสั้นๆ แม้จะอยู่ในอาการงัวเงียจับใจความได้บ้าง ไม่ได้บ้างแต่ก็พอจะได้ยินประโยคที่พี่วันดีพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งได้อย่างชัดเจน ‘กลับบ้านเรานะ’

ในตอนนั้นเอง…ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาเผชิญความจริงเสียที เรื่องเมื่อ 8 ปีก่อนที่มันเกาะกินความทรงจำที่เลือนรางของผม แต่กลับฝังรากลึกทำให้ผมมีอาการ FOGO หรือโรคกลัวการออกจากบ้าน กลัวการพบผู้คน ผมเป็นโรคบ้านี่ทั้งที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 00:45 เครื่องบินแลนด์ดิ้งลงประเทศปลายทางไม่ดีเลย์อย่างที่คิดเอาไว้แม้ผมจะใช้วิธีบินอ้อมโลกไปสักหน่อย ผมตั้งใจเลือกเวลาถึงให้มืดที่สุด ดึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็นั่นแหละเมื่อผมเดินออกมาจากเกจ คนแรกที่ผมเห็นก็ยังคงเป็นเขานายแพทย์ สิปปากร หิรัญรัก หรือหมอวันดี ผู้ชายที่มีรอยยิ้มสดใส ผิวขาวดูสะอาดตา เสื้อเชิ้ตที่พับแขนเสื้อแบบหลวมเข้ากับกางเกงสแล็คสีดำ ไม่ได้ทำให้ความดูดีนั้นลดน้อยลงเลย ยิ่งใบหน้านั้นแต่งแต้มไปด้วยแววตากระตือรือร้น ยิ่งเพิ่มเสน่ห์และแรงดึงดูดสายตาใครหลายคนให้พากันจับจ้อง ผิดกับผมที่ไม่ชอบเป็นจุดเด่นแบบนี้เอาเสียเลย

“ทูดี! ทางนี้!” นั่นคือภาพแรกที่ผมเห็นก่อนกลับมาที่นี่ในรอบหลายปี ผมเอาเสื้อฮู้ดปิดบังใบหน้า ยิ้มให้พี่อย่างรู้สึกอายสายตาผู้คน ยิ่งมีคนน้อยกลับยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นจุดเด่น

“เราออกไปก่อนดีไหมครับ” ผมบอกคนที่กอดผมเอาไว้แน่น

“ได้สิ” เขาคลายอ้อมกอดจากผม ทำให้ผมเห็นดวงตาของเขาแดงก่ำเหมือนกับกำลังร้องไห้ ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มจำได้ว่าพี่กับผมเคยสนิทกันมากแค่ไหน

ก่อนมาถึงคอนโดที่พักพี่วันดีเล่าเรื่องมากมายให้ผมฟัง พี่รู้ว่าผมมีอาการ FOGO จึงซื้อคอนโดที่สูงถึง 45 ชั้นและเลือกชั้น 43 ที่อยู่สูงที่สุดของที่อยู่อาศัยเพราะด้านบนเป็นดาดฟ้าและห้องเครื่องยนต์

“ชอบไหม” ผมมองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูผิดกับห้องเล็กๆ ที่ผมเคยอยู่มากพี่วันดีเห็นผมไม่ตอบเลยพามาที่ห้องนอน มันช่างมืดและเงียบสงัด

“ชอบครับ” ผมบอกพี่หลังจากที่เห็นห้อง พอพี่วันดีเปิดไฟทำให้เห็นของใช้ทุกชิ้นเป็นของที่ผมสามารถทำงานได้ ห้องของผมถูกตกแต่งเป็นสองส่วนขนาดย่อมเพียงแค่ปิดม่านก็จะกลายเป็นห้องทำงานได้อย่างลงตัว

“ทูดี หิวไหม?”

“ไม่ครับ…ผมอยากพักผ่อน ได้ไหมครับ” ผมถามด้วยความไม่มั่นใจพี่จ้องมองผมแล้วยิ้ม

“ได้สิ เอาไว้พรุ่งนี้พี่จะเตรียมอาหารอร่อยไว้ให้นะ”

“ครับ” ผมกล่าวสั้นๆ ก่อนจะปิดประตูลงอย่างช้าๆ

“เดี๋ยวทูดี”

“ครับ”

“ฝันดีนะ”

“ครับ…ฝันดีครับ” ผมตอบกลับพี่อย่างเขินๆ คล้ายๆ ว่าต้องตอบรับเป็นมารยาทแต่ทำไมถึงตื่นเต้นแบบนี้ก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ ของผมไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่นานแล้วล่ะมั้งถึงทำให้รู้สึกกระดากปากที่พูดอะไรแบบนี้ในวัยทำงานแล้วทั้งคู่

หลายวันผ่านไปผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าพี่วันดีเลือกจะไม่กวนผมในตอนเช้า เขาจะทำอะไรให้เงียบที่สุด สั่งอาหารมาเตรียมไว้ให้จนทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความใส่ใจที่พี่ทำ

“กลับมาแล้วเหรอครับ” พี่วันดีมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมนั่งคุดคู้อยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ เขาคงคาดไม่ถึงว่าจะเจอผมนั่งอยู่ตรงนี้และเริ่มทักทายพี่เขาก่อน

“กลับมาแล้วครับ ทูดีทานอะไรหรือยัง”

“ครับ”

“คือพี่…”

“ทูดี จำพี่ได้หรือเปล่า” คำถามจากคนแปลกหน้าที่เดินตามหลังพี่วันดีมาทำผมแปลกใจยิ่งกว่า ใช่ครับผมจำไม่ได้แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง

“พี่…พี่พอล” ผมพยายามรื้อฟื้นความทรงจำอันน้อยนิดก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก

“โชคดีจังที่ทูดีจำพี่ได้”

“ตอนเด็กทูดีรู้จักอยู่ไม่กี่คน จำนายได้ก็ไม่แปลก”

“สวัสดีครับ”

“ช่วงนี้พี่อาจจะยุ่งหน่อย แต่พี่จะให้คนเอาอาหารมาแขวนไว้ให้ตอนเที่ยง กับเที่ยงคืนนะ”

“ผมกินบะหมี่สำเร็จรูปได้”

“ไม่ได้สิ ต้องกินของที่มีประโยชน์นะรู้ไหม” ผมพยักหน้าหงึกๆ เข้าใจที่พี่พูดแต่ผมก็ไม่ใช่เด็กซะหน่อย พี่พอลเองก็มองผมราวกับผมยังเป็นเด็กเล็กๆ ไม่ต่างกัน

“ถ้ามีอะไรด่วน โทรหาพี่ได้เลยนะ นี่เบอร์พี่เผื่อบางทีวันติดเคสด่วน” ผมรับนามบัตรของพี่พอลมา ร้อยตำรวจเอกพอควร ตั้งตรงดี

“พี่เป็นตำรวจ”

“เรียกพี่พอล หรือจะเรียกว่าหมวดพอลก็ได้ แต่พี่ชอบให้เรียกว่าพี่พอลมากกว่า”

“ครับ” ผมตอบรับก่อนที่พี่วันจะเรียกให้ผมไปกินข้าว มื้อนั้นผมนั่งฟังพวกพี่ๆ เล่าถึงวีรกรรมตอนเด็ก บางอย่างผมก็จำได้ บางอย่างก็ไม่มีอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ เหมือนทุกอย่างมันว่างเปล่าราวกับไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ที่แน่ๆ ความสัมพันธ์ของพี่ทั้งสองคงไม่ใช่เพื่อนสนิทกันธรรมดา ก่อนที่พี่พอลจะกลับเขาเอียงตัวมาจูบพี่วันเบาๆ แล้วยิ้มให้ผม

“พี่เป็นแฟนกับพอล 7 ปีแล้วล่ะ” ผมไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าห้อง ผู้ชายกับผู้ชายสำหรับผมถือเป็นเรื่องธรรมดามาก และก็ไม่แปลกใจนักที่เห็นทั้งสองคนคบกัน

หลายอาทิตย์ที่ผมไม่ได้เจอพี่มาสักระยะ เหมือนพี่วันกำลังยุ่งอยู่กับคลินิกมากเป็นพิเศษ แต่ถึงจะยุ่งขนาดนั้นพี่วันกลับเตรียมอาหาร เสื้อผ้า รวมทั้งยังไม่ลืมเอาม่านลงตอนที่พี่ไม่อยู่ เพราะรู้ว่าผมไม่ชอบแสงแดดเท่าไหร่นักจนตอนนี้ครบเดือนแล้วที่ผมกลับมา

“คุณทักษกร ดิฉันเรียกรถให้แล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่ด้านล่างคอนโดโทรมาบอกผม หลังจากที่ผมตัดสินใจนั่งรถเพื่อไปที่แห่งหนึ่ง

บ้านหิรัญรัก บ้านที่มีเนื้อที่ 5 ไร่อยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรใจกลางเมืองหลวง แต่ละบ้านห่างกันจนผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนข้างบ้านเป็นใคร พ่อกับแม่ผมทำธุรกิจนำเข้าส่งออกเฟอร์นิเจอร์ปกติก็ไม่มีเวลาเจอกันเท่าไหร่นัก พวกท่านมักยุ่งอยู่ตลอดทำให้ผมอยู่กับพี่เลี้ยงและพี่วัน เพราะผมเป็นคนชอบเก็บตัวด้วยล่ะมั้ง ถึงไม่ค่อยรู้จักใคร ไม่เหมือนพี่วันที่มีเพื่อนเยอะตั้งแต่ยังเด็กๆ

“ไม่ทราบจะไปบ้านหลังไหนครับ” รปภ.หมู่บ้านถามคนขับรถเมื่อเรามาถึงหน้าหมู่บ้าน

“บ้านหิรัญรัก”

“บ้าน…บ้านหิรัญรัก ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่นานแล้ว” ผมไม่ตอบแต่ยื่นบัตรประชาชนให้ รปภ.หมู่บ้านดู พอเขาเห็นคล้ายว่าจะตกใจนิดหน่อยก่อนส่งคืนแล้วยกไม้กั้นขึ้น

ไม่นานนักรถก็จอดอยู่หน้าบ้านหิรัญรัก ทันทีที่คนขับรถเห็นบ้านของผมก็แปลกใจ มองหน้าผมหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าถาม หากเป็นช่วงเวลาอื่นเขาคงไม่สงสัย แต่นี่เกือบจะเที่ยงคืนแล้วคนขับรถดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร เป็นใครก็คงรู้สึกกลัวไม่น้อยที่ผมให้พามาบ้านที่เหลือแต่รั้ว ด้านในไม่มีตัวบ้านหลงเหลืออยู่มีเพียงกำแพงเล็กๆ ที่เต็มได้วยเขม่าควัน!

“กลับเลยครับ” แค่นี้แหละที่ผมต้องการจะเห็น ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในตอนนั้น ผมไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วรู้เพียงพ่อกับแม่หนีออกมาไม่ทันเสียชีวิตทั้งคู่ พี่วันเองต้องอยู่รับมือลำพังตอนอายุ 18 คงเป็นอะไรที่หนักมาก ผมที่รู้เป็นคนสุดท้ายเพราะทนายเป็นคนติดต่อมา อีกทั้งยืนกรานว่าไม่ให้ผมกลับจนกว่าจะเรียนจบ เป็นคำสั่งของท่านทั้งสอง

“ขอโทษนะครับ” รปภ.คนเดิมยังไม่ยกไม้กั้นขึ้นให้ผม แต่ออกมาจากป้อมเหมือนกับกำลังรอเจอผมอยู่

“ครับ” ผมยอมลดกระจกลงเล็กน้อย แค่พอพูดคุยได้

“คือ…ผมจำคุณได้ คุณชื่อเล่นว่าทูดี ถ้าอยากรู้เรื่องตอนเด็ก เรื่องที่คุณไม่เคยรู้ เรื่องของพี่ชายคุณ รวมถึง…เรื่องท่านทั้งสอง โทรมาได้นะครับ” รปภ.คนนั้นยื่นกระดาษสีขาวให้ผมก่อนจะวิ่งไปยกไม้กั้นขึ้น เมื่อผมเปิดออกก็พบว่าเขาจดเบอร์โทรศัพท์ลงชื่อสั้นๆ ว่า ‘เล็ก'

ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้หรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าจะมีครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ช่างเถอะผมไม่ได้อยากรื้อฟื้นความทรงจำอะไรมากมายนัก แค่อยากมากลับมาดูเศษซากที่เหลือเผื่อจะนึกอะไรออกเกี่ยวกับโรคที่ตัวเองเป็น

“ทูดีไปไหนมา” พี่วันถามผมทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง

“ไปดูรั้วบ้านมาครับ” คำตอบของผมทำพี่วันชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา

“มันน่าดูตรงไหน”

“แค่อยากไปสักครั้ง”

“ทีหลังจะไปไหนบอกพี่ เดี๋ยวพี่พาไป”

“ครับ” แม้ในตอนแรกพี่ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่พี่ก็ทำเพียงถอนหายใจแล้วมองผมด้วยแววตาอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกที