ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!
ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ดราม่า,จิตวิทยา,yaoi,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!
บทที่ 2
วันที่ 18 เดือนกันยายน 2564 วันนี้เป็นวันเกิดผมพี่วันดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ทั้งที่สำหรับผมแล้วมันก็เหมือนกับวันอื่นๆ นั่นแหละไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย เพียงแต่ความกระตือรือร้นของพี่มันทำให้ผมรู้สึกว่าพี่ดีใจมากแค่ไหนในวันที่ผมเกิดมา ยิ่งตอนนี้เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้อง ดูเหมือนว่าพี่ยิ่งใส่ใจผมเป็นพิเศษราวกับอยากชดเชยเวลาที่หายไป
“ทูดี วันนี้ออกไปข้างนอกกับพี่นะ” ผมกำชายเสื้อเอาไว้แน่นไม่อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบที่พี่ใส่ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจมากขึ้นไปอีก
“ผม…”
“ใส่เสื้อแบบที่เราชอบได้เลย อยากใส่แบบไหนก็ใส่”
“พี่ไม่อายเหรอครับ”
“อาย? ทำไมต้องอายด้วยล่ะ ทูดีน้องของพี่น่ารักขนาดนี้ บอกตรงๆ ว่าพี่หวงมากกว่าอายซะอีก ใจจริงพี่อยากจะห่อทูดีแล้วพกไปทำงานทุกวัน ใส่เสื้อคลุมฮู้ดแบบนี้แหละดีแล้ว จะได้ไม่มีคนเห็นความน่ารักของทูดี พี่ชอบแบบนี้มากกว่า” สมกับเป็นพี่วันเขาพูดให้ผมสบายใจและมั่นใจมากขึ้น
“ครับ” ผมยอมไปกับพี่วันอย่างว่าง่าย ไม่ถามด้วยซ้ำว่าพี่วันจะพาผมไปไหน แต่อย่างน้อยพี่เขาก็เลือกเวลาช่วงหัวค่ำมากกว่าช่วงเวลากลางวัน ทำให้คนไม่เยอะและผมก็ดูไม่เด่นสะดุดตาอย่างที่ผมกังวล
พี่วันขับรถพาผมไปที่แห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านจัดสรรตัวบ้านมีความสูง 3 ชั้นถูกตกแต่งด้านนอกคล้ายสตูดิโอ เป็นบ้านเดี่ยวที่มีขนาด 3 ไร่มีป้ายที่เวลานี้ปิดไฟอยู่แต่ก็พอมองออกชื่อคลินิก One Skin คลินิกเสริมความงามของพี่
“พี่ย้ายมาเปิดสาขาแถวนี้ ที่กว้างกว่าที่เก่า แล้วก็ใกล้บ้านเรา ที่จอดรถก็เยอะด้วย เงียบสงบเหมาะกับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว”
“ครับ”
“พรุ่งนี้พี่จะเปิดคลินิกแล้ว เลยถือโอกาสพาทูดีมาฉลองวันเกิดที่นี่เลย พี่อยากให้ที่นี่มีความทรงจำดีๆ ของเราสองคน”
“ขอบคุณนะครับ..พี่วัน” ผมยิ้มให้พี่ รู้สึกเสมอว่าพี่ให้ความสำคัญกับผมมาก นานแล้วที่ผมไม่ได้เรียกพี่เขาแบบนี้ รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะอายุที่เยอะเกินกว่าจะมานั่งอ้อนพี่ชายแบบเด็กๆ แล้วก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะบรรยากาศที่เปิดไฟสลัวๆ กับเค้กส้มที่มีเทียนปักอยู่ตรงหน้า เลยทำให้บรรยากาศมันดูพิเศษไปหมด
“อธิษฐานสิ” พี่วันบอกผมหลังจากจุดเทียนตัวเลขบ่งบอกว่าตอนนี้ผมอายุ 24 ปีแล้ว ผมเงยหน้ามองหน้าพี่แล้วยิ้มก่อนจะเป่าเทียนให้ดับลง
“ของขวัญครับ”
“ผม…แกะเลยนะครับ” กล่องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มากถูกยื่นให้หลังจากที่ผมเป่าเทียนแล้ว ของข้างในเป็นนาฬิกาสายหนังสีดำราคาของมันเฉียดล้าน พี่คว้ามันแล้วใส่ให้ผมทันทีทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก
“เข้ากับทูดีมากเลย” พี่วันจับมือผมเอียงไปเอียงมาอย่างชอบใจ ราวกับคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าผมชอบนาฬิกาสายหนังมากกว่าสายสเตนเลส
“หมอวันดีผู้ชายคนนี้เป็นใครคะ!!?”
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองผมด้วยสายตาเกลียดชัง ทั้งที่ผมไม่รู้จักเธอเลยสักนิด ในตอนนั้นผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาของเธอเป็นแบบไหน เพราะผมกำลังก้มหน้าเป็นปฏิกิริยาจากโรคที่ผมเป็นอยู่ ตัวของผมสั่นเล็กน้อยกับการไม่ได้เตรียมใจที่ต้องพบคนที่ไม่รู้จัก ยิ่งคนที่กำลังตะคอกผมเสียงดังแบบนี้อาการของผมมันช่างดูไม่ดีเอาเสียเลย
“ผมจำได้ว่าผมไม่ได้นัดคุณมา”
“คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ฉันต้องการคำอธิบาย” เธอชี้มาที่มือของพี่วัน ผมถึงได้รู้ตัวว่าพี่ยังจับมือของผมเอาไว้อยู่ และนั่นพอทำให้ผมอุ่นใจได้บ้าง
“เขาเป็นน้องชายของผม ทูดี…เธอเป็นเพื่อนของพี่ไม่ต้องกลัวนะ” ไม่ทันแล้ว อาการของผมแย่ลงรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เริ่มเปียกชื้นบนฝ่ามือ
“เพื่อนเหรอ! น้องชายเหรอ! คุณมันพวกโกหกหลอกลวง ฉันยอมทุ่มเทเพื่อคุณทุกอย่าง คุณกลับตอบแทนฉันแบบนี้งั้นเหรอ แค่เพื่อน! เพราะผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ เธอเป็นอะไรกับหมอวันดี บอกมา!!” เสียงของเธอดังมากจนผมสะดุ้ง ผมใช้มืออีกข้างล้วงกระเป๋าสตางค์แล้วส่งให้เธอดูบัตรประชาชน หลังจากที่เธอเห็นท่าทีของเธอก็ดูสงบลงทันที สีหน้าของเธอเจื่อลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เธอดูจนพอใจพี่วันคว้ากระเป๋าของผมกลับคืนมา ผมเองก็ไม่เคยเห็นพี่โกรธใครแบบนี้มาก่อน พี่ดูไม่พอใจมาก
“คุณไม่เคยบอกว่าคุณมีน้องชาย ฉันขอโทษนะคะ” นาทีนี้พี่ดูจะไม่ฟังอะไรเธออีก ดึงผมออกมาจากวงสนทนาแล้วพาขึ้นรถ ขับออกมาจากคลินิกทันที
“ทูดี…พี่ขอโทษนะ ทูดีออกมากับพี่แท้ๆ ยังมาเกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกพี่ทั้งที่เสียงของผมยังสั่นอยู่เล็กน้อย ผมไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์วันนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
ช่วงเวลาหัวค่ำของแต่ละวัน ผมจะทำงานมี Video Call บ้างเป็นบางครั้ง แต่โชคดีที่วันนี้ผมกำลังนั่งทำรายงานส่งไปบริษัท เพราะเสียงทะเลาะกันของพี่กับพี่พอลดังจนเข้ามาในห้องของผม
“วันขอมากไปเหรอ ทำไมพอลถึงจัดการให้วันไม่ได้”
“วัน เขาเป็นลูกสาวเจ้านายพอลโดยตรง อีกอย่างถ้าพอลทำจริงๆ คนที่เดือดร้อนจะเป็นวันเองนะ”
“วันไม่สน จัดการเรื่องนี้ให้วัน”
“วันเรื่องนี้ผมช่วยคุณไม่ได้ ถ้าวันบอกว่ามีแฟนแล้ว เดี๋ยวเธอก็ไปเองนั่นแหละ”
“คิดว่าวันโง่เหรอ วันบอกไปแล้ว แล้วยังไงเห็นคนตามตื๊อแฟนตัวเองแล้วช่างมันเหรอ พอลนี่ใจกว้างไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ”
“วัน เรื่องนี้มันเล็กมากนะ อีกเดี๋ยวเขาก็ไปแล้วแต่ถ้าพอลทำอะไรลงไป จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เขามีทั้งเงินและอำนาจพวกเขาไม่ปล่อยวันไปหรอก”
“ได้! ถ้าพอลไม่จัดการ วันหาวิธีของวันเองก็ได้”
“วัน”
“กลับไปได้แล้ว บอกให้กลับไปไง วันไม่อยากเจอหน้าพอลอีก!” ทุกอย่างเหมือนจะสงบลงหลังจากที่พี่พอลกลับไปแล้ว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนลงมือทำงานของผมต่อ
หลายวันผ่านไปผมได้ข้อความจากพี่พอลให้ช่วยง้อพี่ให้หน่อย สงสัยพี่พอลคงหมดหนทางแล้วจริงๆ ระหว่างที่ผมนั่งกินข้าวตอนหัวค่ำผมมองพี่ไม่รู้ว่าควรช่วยพี่พอลดีไหม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่วันทะเลาะกับพี่พอลเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนว่าพี่วันจะไม่หายโกรธง่ายๆ เลยทำได้แต่ลังเล
“มองแบบนี้ มีอะไรจะถามพี่หรือเปล่า”
“พี่…พี่ทะเลาะกับพี่พอลเหรอครับ”
“ฮึ! พอลให้ทูดีมาง้อพี่เหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
“พอลกับพี่ทะเลาะกันได้ไม่นานหรอก ทูดีก็รู้พี่เป็นคนใจอ่อนจะตาย แค่อยากแกล้งงอนต่ออีกหน่อยน่ะ”
“อ๋อ…ครับ” ผมพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจสักเท่าไหร่
“ทูดี ไม่เคยมีแฟนเหรอ”
“ผม…”
“เพราะโรคที่เป็น..”
“ครับ”
“ก็ดี ทูดีจะได้อยู่กับพี่นานๆ อย่าเพิ่งรีบมีนะ”
“ครับ” ผมตอบรับพี่อย่างไม่ลังเล นั่นเป็นเพราะแค่จะออกจากบ้านแต่ละทีผมทำใจอยู่นาน แล้วผมจะมีแฟนได้ยังไงกัน
หลังจากที่เราคุยกันวันนั้นผมกับพี่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะผมมักทำงานในเวลากลางคืน ส่วนพี่ทำงานในเวลากลางวัน แถมช่วงนี้พี่ยังกลับบ้านดึกอีก เห็นพี่บอกว่ามีเคสพิเศษที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ช่วงนี้พี่ค่อนข้างยุ่ง
‘ทูดีพี่รบกวนหน่อยสิ พี่ลืมหยิบเอกสารมาเอาไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ข้างล่างให้พี่หน่อย’
“เอกสารแบบไหนครับ” ผมเดินเข้าไปในห้องพี่เป็นครั้งแรกมองหาของตามที่พี่บอกทางโทรศัพท์ ก่อนจะเจอซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่บนโต๊ะทำงาน บนโต๊ะของพี่นอกจากจะมีกรอบรูปของผมที่ถ่ายกับพี่เมื่อตอนเป็นเด็กวางอยู่ บนโต๊ะยังมีรูปพ่อกับแม่วางไว้อยู่คู่กัน นานแล้วที่ผมไม่ได้เห็นใบหน้าของท่านทั้งสองจนเกือบจะลืมไปว่าหน้าตาของพวกท่านเป็นแบบไหน
‘เจอไหม’
“เจอครับ” ผมเอาเอกสารไปวางฝากไว้ตามที่พี่บอก ก่อนรีบกลับขึ้นไปบนห้องอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าอาการของผมดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด มือของผมสั่น เหงื่อออกจนชื้น ใจเต้นเร็ว และหายใจหอบถี่ราวกับเพิ่งไปออกกำลังกายมา ผมหยิบยามากินเพื่อให้อาการสงบลงก่อนจะพบว่ามันเหลือเพียงแค่เม็ดเดียว ในตอนนั้นผมเห็นกระดาษที่พี่เล็กเขียนเบอร์โทรศัพท์ บางทีผมอาจจะรักษาอาการที่เกิดขึ้นได้ หากผมนึกออกเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเด็ก
“ผมอยากนัดเจอคุณ” ผมทำใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจไปหา ‘พี่เล็ก’
ผมบอกกับพี่ว่าจะออกไปหาหมอเพราะยาของผมใกล้หมด พี่วันอยากพาผมไปด้วยตัวเองแต่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าพี่จะยุ่งมากจริงๆ เลยให้พี่พอลขับรถมาส่งผม
“พี่พอลรอผมอยู่ที่รถก็ได้นะครับ”
“ไม่ได้หรอก ขืนวันรู้ว่าพี่ให้เราเข้าไปคนเดียว พี่คงโดนหมอนั่นผ่าไส้ติ่งเล่นแน่”
“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงพยาบาลทำประวัติการรักษารอหมอเรียกพบ พี่พอลนั่งได้ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ในช่วงจังหวะนั้นเองมีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งข้างผม เพราะผมใส่เสื้อมีฮู้ดตลอด ทำให้ผมไม่ได้สนใจคนที่มานั่งแทนพี่พอล
“คุณทักษกร ใช่หรือเปล่า” เขาถามผมเบาๆ ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน ผมไม่ตอบรับยังนั่งก้มหน้านิ่ง
“ผมมาแทนนายเล็ก” นั่นถึงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นและมองคนที่มาอย่างตกใจ
“อย่าหันมาครับ ผมมาดีไม่อยากให้ใครรู้”
“คุณต้องการอะไร” ผมหันกลับมาขยับหนีผู้ชายคนนั้นนิดนึงอย่างระวังตัว
“ผมเป็นตำรวจสืบสวนพิเศษ ผมตามสืบเรื่องของพ่อแม่คุณ ผมชื่อสารวัตรอานนท์ ผมสงสัยว่าพ่อกับแม่ของคุณไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรมอำพราง”