ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!
ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ดราม่า,จิตวิทยา,yaoi,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!
บทที่ 3
หลังจากวันนั้นผมเฝ้าครุ่นคิดมาตลอด จริงหรือเปล่า ที่ตำรวจคนนั้นพูด ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพี่ต้องทำอะไรแล้วสิ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะลุกไปเขากำชับว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใครผมควรจะเชื่อเขาเหรอ เขาใช่ตำรวจหรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งก็เท่านั้น
“พี่ครับ เรื่องพ่อกับแม่” ในที่สุดผมกับพี่ก็มีเวลาได้เจอกันสักที แน่นอนผมรีบถามเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจ
“จริงสิ ทูดีคงอยากรู้ว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นสินะ ความจริงพี่ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว แต่พี่เข้าใจนะเป็นพี่ก็คงอยากรู้เหมือนกัน”
“ถ้าพี่วันไม่อยากพูดถึง ไม่ต้องเล่าก็ได้นะครับ”
“ทูดี ความจริงพี่เป็นโรคซึมเศร้าจากเรื่องนี้ ช่วงเวลานั้นมันยากลำบากกับพี่มาก เอาไว้ถ้าพี่พร้อมเมื่อไหร่ พี่จะเล่าให้เราฟังแล้วกันนะ”
“ครับ” ผมพยักหน้า เป็นผมถ้าต้องรับมือกับสถานการณ์นั้นคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีอย่างที่พี่ทำหรือเปล่า ‘โรคซึมเศร้างั้นเหรอ’ ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่เองก็ป่วยโรคนี้เหมือนกัน ความจริงแล้วตั้งแต่ที่ผมกลับมา ผมแทบไม่รู้เรื่องของพี่สักเท่าไหร่ ผมรับความใส่ใจของพี่มาอย่างไม่เคยนึกถาม ในสายตาของผมพี่เป็นคนใจดี เข้มแข็ง และก็ทำงานเก่งมาก เอาใจใส่และดูแลผมอย่างดีถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะอายุ 24 แล้วก็ตาม
‘สะดวกคุยไหมครับ’
“ครับ”
‘เข้าเรื่องนะครับ พ่อกับแม่ของคุณถูกคนร้ายให้ทานสมุนไพรชนิดหนึ่ง สมุนไพรตัวนี้จะออกฤทธิ์กับประสาททำให้เกิดอาการผ่อนคลาย และง่วงนอนทำให้ในวันที่เกิดเพลิงไหม้พ่อกับแม่ของคุณไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน’
“จะเป็นไปได้ไหมครับว่า พวกท่านทานเข้าไปเอง”
‘เป็นไปได้ครับ เพียงแต่ตามหลักแล้ว หากคุณกำลังทำงานอยู่คงไม่อยากทานอะไรแบบนี้ในเวลางาน สมุนไพรพวกนี้มีฤทธิ์อยู่ได้ไม่นานก็จริง แต่มันจะไม่บังเอิญไปเหรอครับที่เมื่อพวกท่านทานสมุนไพรนั้นเข้าไปแล้วเกิดเหตุเพลิงไหม้พอดี’
“เรื่องเกิดขึ้นมานานแล้ว ทำไมคุณถึงเพิ่งมาสืบล่ะครับ คุณได้คุยกับพี่วันแล้วหรือยัง”
‘แน่นอน ผมได้คุยกับคุณหมอวันดีแล้วเขาไม่เชื่อ อีกอย่างตอนนั้นมีเรื่องที่คุณหมอต้องจัดการหลายอย่าง แต่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางเราไม่ได้ปล่อยวาง อาจมีเรื่องผลประโยชน์ หรือเรื่องบาดหมางอะไรเกิดขึ้น ผมอยากถามคุณ ก่อนที่คุณจะไปเรียนต่อเมืองนอก คุณพบอะไรที่น่าสงสัยบ้างหรือเปล่าครับ’
“ตอนนั้นผมยังเด็ก แล้วก็…ความทรงจำของผมตอนนั้นมัน…หายไป”
‘ความทรงจำหายไป’
“ครับ ผมจำได้แค่รางเลือน พ่อกับแม่พวกท่านยุ่งกับงานมาก ท่านแค่บอกกับผมว่าให้ไปเรียนต่อเมืองนอก ในตอนที่ท่านเสียมีเพียงคุณทนายที่จัดการเรื่องทุกอย่างให้ผมที่ต่างประเทศ”
‘ทนายที่คุณพูดถึงใช่ ทนายสรจักษ์ หรือเปล่าครับ’
“ครับ”
‘เรื่องพ่อกับแม่คุณ ดูเหมือนจะมีแต่ทางตันนะครับ’
“ทำไมล่ะครับ”
‘ทนายสรจักษ์ เสียหลังจากนั้นไม่นาน’
“ผมไม่ทราบเลย”
‘เอาเป็นว่า ถ้าคุณนึกอะไรออกโทรหาผมนะครับ’
“ครับ” เรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ ถ้าผมเป็นสารวัตรอานนท์ ผมเองก็คงสงสัยเหมือนกันแต่ว่า โลกใบนี้มีเรื่องบังเอิญได้ตลอด หากในตอนนั้นเรื่องที่สารวัตรอานนท์สงสัยเป็นเรื่องจริงพี่ก็คงไม่ปล่อยผ่านแน่
“ช่วงนี้ทูดีดูใจลอยนะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ” พี่ถามผมหลังจากมื้ออาหารที่ไม่ได้กินด้วยกันมาสักระยะ
“ใกล้ปีใหม่แล้ว อยากไปไหน”
“ไม่ครับ” ผมตอบพี่อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิด
“ตอนที่ทูดีอยู่คนเดียว ฉลองกับใครงั้นเหรอ”
“ผมไม่ฉลองครับ”
“สมกับเป็นทูดีจริงๆ แต่ว่าปีนี้เรามาฉลองปีใหม่ด้วยกันนะ แค่เราสองคนพี่น้องดีไหม” ผมเงยหน้ามองคนยิ้มหวานก่อนพยักหน้าตอบรับแบบไม่ลังเลสักนิด
คนมืดมนอย่างผมดูจะไม่เข้ากับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงและเสียงหัวเราะสักเท่าไหร่นัก ในแต่ละปีผมจะปล่อยวันสำคัญที่ทั่วโลกอยากฉลองให้ผ่านไปราวกับว่ามันเป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่ง คริสมาสเหรอ ปีใหม่เหรอ วาเลนไทน์อีก แต่ปีนี้ผมกลับตั้งตารอที่จะฉลองกับพี่ แม้ท่าทางของผมจะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่เมื่อนึกถึงหัวใจของผมก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“ทูดีว่าสีไหนดี” พี่วันหยิบดาวที่ประดับยอดต้นคริสต์มาสขึ้นมาสองสีเป็นสีขาวกับสีแดง ผมมองมันอย่างช่างใจก่อนจะชี้ไปที่สีขาว
“คิดเหมือนพี่เลย” พี่วันยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะติดมันแล้วเปิดไฟประดับ ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้มาทำเรื่องแบบนี้
“ของขวัญครับ” ผมหยิบกล่องเล็กแบนๆ มาให้พี่ ดูพี่วันประหลาดใจมาก เขารีบรับมันค่อยๆ แกะกระดาษห่อของขวัญอย่างตั้งใจ
“สมุดโน๊ต”
“เผื่อพี่อยากเขียนอะไร คือ…ผมเลือกของขวัญไม่เก่ง”
“พี่ชอบมากเลย สมุดปกหนังเอาไว้พี่จะบันทึกเรื่องของเราพี่น้องดีไหม”
“ครับ” ผมแค่คิดว่าของอย่างอื่นพี่ก็มีหมดแล้ว โทรศัพท์พี่ก็เปลี่ยนตามกระแส แหวน นาฬิกา ผมก็เลือกไม่เป็น ก่อนที่ผมจะเห็นสมุดโน๊ตปกหนังสีดำในเวปไซต์ขายของออนไลน์ ดูคลาสสิคและคิดว่าของแบบนี้พี่คงไม่คิดจะซื้อแน่ๆ ตอนแรกกลัวว่าพี่จะไม่ชอบแต่หลังจากที่พี่วันเปิดเจอของขวัญ พี่วันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูพี่วันชอบมันมากจริงๆ
“อันนี้พี่ให้” ผมรับกล่องเล็กๆ มาแกะพบว่ามันเป็นแหวนแบรนด์หรูที่เขากำลังนิยมกัน ด้านในแหวนสลักคำว่าหิรัญรัก ด้านบนเป็นแหวนเกลี้ยงมีอักษรย่อ S.T.H
“เป็นอักษรย่อชื่อพี่กับทูดีชอบไหม”
“ชอบครับ”
“มาพี่ใส่ให้” พี่วันสวมแหวนให้ผมที่นิ้วกลางข้างซ้ายเป็นข้างเดียวกับที่พี่เองก็ใส่ พี่วันทำมาสองวงสำหรับเราคนสองพี่น้อง
วันนั้นผมจำได้ว่าเรายิ้มให้กันบ่อยมาก ผมฟังเรื่องตลกที่พี่เคยเจอจนเกือบเช้า เราสองคนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีแสงแดดของวันใหม่ก็จ่อหนังตาจนผมรู้สึกตัวตื่น
“อยากดื่มอะไรร้อนๆ ไหม”
“ครับ” ผมงัวเงียมองคนที่กำลังเตรียมอาหารให้เราสองคน พี่พอลนั่นเองดูจากสภาพแล้วผมคิดว่าแกคงเพิ่งออกเวรแล้วแวะมาหาพี่เสียมากกว่า
“มาแต่เช้าเลย” คนที่นอนอยู่บนพื้นข้างๆ โซฟาลุกขึ้นมาบ่นก่อนจะเดินเข้าห้องไปแปรงฟัน
“ใครกันล่ะ ไม่ยอมให้มาฉลองปีใหม่ด้วยบอกอยากอยู่กับน้องแค่สองคน” พี่พอลบ่นกระปอดกระแปด มือก็ชงกาแฟให้พี่ หลังจากที่แกะน้ำเต้าหู้ให้ผมเสร็จแล้ว
“ไม่ใช่ช่วงปีใหม่ตำรวจงานยุ่งเหรอ”
“ก็แวะมาได้ แวะมาทุกปี ใช่สิปีนี้ทูดีกลับมาเราเลยตกกระป๋อง”
“พูดมากจัง” ผมมองพี่ทั้งสองต่อปากต่อคำ รับรู้ถึงความสุขที่ไม่ได้เจอมานานมากแล้ว บางทีแสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ก็ไม่ได้แย่เสมอไปนัก
ทุกอย่างผ่านไปราวกับนี่คือจุดที่ดีที่สุดของความทรงจำแสนวิเศษของใครหลายคนรวมทั้งผม ก่อนสารวัตรอานนท์จะส่งข้อความและหลักฐานบางอย่างมาให้
‘เคยมีเรื่องกับคุณตอนเด็กหรือเปล่า’
ข้อความชวนสงสัยปิดท้ายนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกใจมาก มากกว่าหลักฐานที่ยากเกินพิสูจน์เมื่อหลายปีก่อนที่สารวัตรอานนท์ส่งมาให้เสียอีก
“ผมจำไม่ได้”
แม้ผมจะบอกสารวัตรอานนท์ไปกี่ครั้งแต่ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะรื้อฟื้นคดี และเปลี่ยนจากคดีอุบัติเหตุให้เป็นคดีฆาตกรรมให้ได้ ทั้งที่ผมก็มองไม่ออกว่าจะมีใครทำร้ายพวกท่านในขณะที่ทรัพย์สิน หรือธุรกิจล้วนเป็นชื่อของพวกผมสองคนพี่น้อง รวมทั้งเราไม่มีญาติที่ไหนอีก
หลายเดือนมานี้สารวัตรอานนท์พยายามชวนผมพูดคุยทั้งเรื่องคดี และเรื่องทั่วไปจนในที่สุดผมก็ยอมใจอ่อนออกมาพบเขาอีกครั้ง
วันที่ 26 เดือนมิถุนายน 2565 เวลา 23:15 สวนสาธารณะริมแม่น้ำใจกลางเมืองหลวง หลังจากที่ผมทำงานเสร็จก็ใกล้เวลาที่นัดสารวัตรอานนท์เอาไว้พอดี ผมใส่เสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีดำตัวเก่ง กางเกงยีนขาเดฟราวกับอากาศของประเทศนี้หนาวเสียเหลือเกิน ผมเดินก้มหน้ามาตามทางเดินด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากคอนโดมากนักแค่เพียงไม่กี่นาทีก็เดินมาถึง
“สวัสดีครับ” ทันทีที่ผมนั่งลงข้างๆ ผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงสแล็คสีดำตามที่เขาบอกเอาไว้ สารวัตรอานนท์ก็กล่าวทักทายผมก่อน
“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ
“อยากกินอะไรไหม”
“ไม่ครับ”
“วันนี้อากาศดีนะครับ”
“สารวัตรครับ เราไม่ได้มาเดตกัน” ดูเหมือนเขาจะแปลกใจที่ผมพูดกับเขาแบบนั้น จนเขาหัวเราะร่วนออกมา
“ฮา ฮ่า ฮ่า หึ หึ หึ ขอโทษครับ ขอโทษ ผมแค่อยากทำความคุ้นเคยกับคุณก่อน”
“ครับ” ผมถอนหายใจหนัก คงเป็นหลักจิตวิทยาเบื้องต้นสินะ เพราะดูท่าทางสารวัตรดูประหม่ามากกว่าผมเสียอีก
“เรียกผมว่าพี่นนท์ได้ไหมครับ”
“ผมทูดี”
“ชื่อแปลกดีนะครับ”
“พูดเรื่องคดีเถอะครับ ผมไม่ได้บอกพี่ว่าจะออกมาข้างนอก”
“ครับ จากหลักฐานที่ผม…ที่พี่ส่งให้ทูดีดู พอจะตั้งข้อสังเกตได้ไหม” ผมเปิดโทรศัพท์มือถือดูอีกครั้ง มันคือการจองตั๋วเครื่องบินมาที่ประเทศที่ผมกำลังเรียนอยู่
“บางทีวันนั้นคุณพ่อกับคุณแม่อาจมีธุระด่วน ปกติก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง”
“เพราะแบบนี้ทูดีกับพี่ชายถึงสนิทกันสินะ”
“ผมคิดว่าอย่างนั้น”
“จำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้เลยเหรอครับ”
“จำได้แบบรางเลือน”
“ก่อนหน้าที่คุณจะไปต่างประเทศเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ผมบอกคุณแล้วว่าผมจำไม่ได้”
“ถ้าเราไปที่บ้านของคุณอีกครั้ง คุณจะจำได้บ้างไหม”
“ผม…ไม่แน่ใจ”
“ลองดูไหม” พี่นนท์ลุกขึ้นปัดกางเกงสองสามที ผมมองไปที่ระเบียงห้องที่ยังปิดไฟอยู่ ดูท่าวันนี้พี่คงไม่กลับมานอนที่ห้องอีกตามเคย
“ครับ”