ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!
ชาย-ชาย,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ดราม่า,จิตวิทยา,yaoi,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตรกรรม SS.2ร่วมกันปิดคดี ในนิยายสืบสวนเกินจะคาดคิด เมื่อการตายที่ดูเหมือนจะธรรมดาของหมอวันดี นำไปสู่ความลับอันดำมืด ที่ไม่อาจคาดเดา จงอย่าไว้ใจใคร! จงอย่าเชื่อใจใคร! เพราะแม้แต่เงาในกระจกอาจจะไม่ใช่ของจริง!!
บทที่ 4
00:45 พี่นนท์พาผมมาที่หมู่บ้านเจอกับพี่เล็ก รปภ.คนเดิมพวกเขากล่าวทักทายตามปกติ ดูท่าพวกเขาทั้งสองคงรู้จักกันมานานพอสมควร และคงรอเจอผมมาตั้งนานแล้ว
“อยากเข้าไปข้างในไหม”
“ครับ” แม้ตอนนี้บ้านหลังนี้จะเหลือเพียงที่เปล่า ตัวบ้านเหลือเพียงกำแพงที่เต็มไปด้วยเขม่าควันและผักตำลึงเลื้อยไปมา สระว่ายน้ำก็แห้งเหือดมีเพียงซากใบไม้ที่ร่วงสะสมอยู่ด้านล่างจนผมนึกไม่ออกว่าตอนเด็กเคยว่ายเล่นกับพี่บ่อยแค่ไหน
“กลัวหรือเปล่า”
“ไม่ครับ” ผมจินตนาการในความทรงจำรางเลือนของผมในวัยเด็ก พ่อกับแม่กำลังออกแบบงานอยู่ในห้องอย่างเช่นเคยทำ พี่วันดีพาผมที่ชอบเอาหูตุ๊กตากระต่ายมากัดวิ่งลงมาจากด้านบน แล้วพากันออกไปเล่นที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เด็กคนอื่นกำลังเล่นอยู่หลายคนที่นั่น หนึ่งในนั้นอาจจะรวมพี่เล็กอยู่ด้วย เพราะผมเป็นเด็กขี้อายและพูดน้อย ทำให้เพื่อนของพี่ชอบล้อผม แต่เหมือนจะมีคนหนึ่งที่มักให้ขนมผมกินเป็นประจำ
“พี่เล็ก” อยู่ๆ ผมก็จำได้พี่คนที่ใจดีคนนั้นคือพี่เล็กนี่เอง
“จำได้แล้วเหรอ”
“จำได้ว่าพี่เล็กเคยให้ขนมผมกิน”
“เขาเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กนายน่ารักมาก คล้ายเด็กผู้หญิงเลยมักโดนล้ออยู่เป็นประจำ แถมมีพี่กระต่ายคาบอยู่ที่ปากตลอด ถามอะไรก็ไม่ค่อยพูด ดูท่าก็ไม่ต่างจากตอนโตเท่าไหร่”
“ผมจำได้ว่า ไม่นานพี่เล็กก็ไม่มาเล่นที่สนามอีก”
“นั่นเป็นเพราะ…พี่ชายของนาย พี่ของนายหวงนายมาก ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้นายเลย พวกเขาทะเลาะกันจนที่บ้านพี่เล็กห้ามไม่ให้มาเล่นที่นี่อีก”
“เพราะแบบนี้นี่เอง”
“ทูดี นายเคยสงสัยไหม พวกนายสนิทกันขนาดนี้ทำไมพ่อกับแม่ถึงจับพวกนายแยก”
“เคยครับ อาจเป็นเพราะกลัวผมไม่รู้จักโตล่ะมั้งครับ”
“คุณหมอวันดีมีคนรักกี่คน”
“คุณสงสัยอะไรกันแน่” อยู่ๆ สารวัตรอานนท์ก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาดื้อๆ
“ความจริงในฐานะคนกำลังสืบสวนคดีนี้อยู่ ผมตามสืบเรื่องของพี่คุณมาสักระยะ มีหลายเรื่องที่แปลกมากๆ เกี่ยวกับพี่ชายของคุณ หลังจากที่พ่อกับแม่เสียมรดกถูกแบ่งให้พวกคุณอย่างละครึ่ง รวมทั้งเงินประกันชีวิต เงินประกันอัคคีภัย กรมธรรม์ต่างๆ พี่ชายของคุณจัดการได้ดีมาก ดีจนผิดสังเกต”
“พี่วันเป็นคนเก่ง ฉลาด อัธยาศัยดี ก็ไม่แปลกถ้าพี่จะมีคนคอยให้คำปรึกษาเยอะ ผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วคุณกำลังสงสัยอะไรกันแน่”
“ทูดี…นายจำเรื่องสมุนไพรที่พี่พูดถึงได้ไหม”
“ครับ”
“พวกเราเจอว่าพี่ของนายเคยสั่งซื้อก่อนที่พ่อแม่ของนายจะใช้มัน 1 ปี”
“คุณกำลังสงสัยว่าพี่วัน…เป็นไปไม่ได้”
“จริงอยู่ว่าพี่ของนายใช้มันหลังจากที่นายไปต่างประเทศแล้วและปริมาณก็น้อยมาก แต่บางทีพี่ของนายอาจใช้ตัวเองทดลองยาอยู่ก็ได้นะ”
“พอแล้วครับ! พี่วันไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้หรอกนะครับ อีกอย่างทดลองกับตัวเองมา 1 ปีไม่นานไปเหรอครับ ผมจะกลับแล้ว” ผมยอมรับว่าผมกำลังโกรธดูเหมือนว่าสารวัตรอานนท์จะพุ่งความสงสัยทั้งหมดมาที่พี่ มันเป็นไปไม่ได้เลย
“ขอโทษนะ พี่อาจจะคิดมากเกินไป เพราะว่าคนที่ได้ประโยชน์จากการเสียชีวิตมีแค่นายกับคุณหมอสิปปากรเท่านั้น”
“กลับกันเถอะครับ” เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ สี่คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดไม่น่าออกมาเจอกับสารวัตรอานนท์เลย นั่นคือสิ่งที่ผมตัดพ้อตัวเองอยู่ในใจ
“เดี๋ยวก่อนทูดี มีต้นไม้อยู่ตรงนี้” ผมมองสารวัตรอานนท์ที่วิ่งไปหาต้นไม้ต้นหนึ่งที่กำลังโต มันสูงเกือบ 50 เซ็นแล้ว แต่มันกำลังจะล้มไปตามแรงลมเพราะลำต้นของมันยังเล็กอยู่มาก ในที่สุดพี่นนท์ก็ได้เชือกฟางเส้นหนึ่งแถวๆ นั้น ด้านหนึ่งของเชือกมัดลำต้นเอาไว้ อีกด้านก็มัดกิ่งไม้เล็กๆ แล้วปักยึดลำต้นไว้กับดิน จังหวะนั้นเองที่ผมเห็นภาพๆ หนึ่งเข้ามาในหัว
“ปวดหัว!” ราวกับสมองจะระเบิด มีภาพบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวผมไม่หยุด มันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนผมคลื่นไส้ มีใครบางคนกำลังจับมือทั้งสองข้างของผมมัดไว้กับหัวเตียง เสียงของคนคนนั้นพูดอะไรบางอย่างอยู่ที่ข้างหูของผม จากนั้นเสียงพ่อกับแม่ก็พากันโวยวายไม่หยุดเป็นคำพูดที่จับใจความไม่ได้ เสียงของสารวัตรอานนท์ก็แทรกเข้ามาเขาพยายามเรียกชื่อผม ในตอนนั้นราวกับทุกเสียงดังขึ้นทุกทิศทางมันทั้งเสียงดัง ภาพที่เห็นหมุนไป หมุนมาสลับกับใบหน้าของสารวัตรอานนท์ ผมพยายามเอามือปิดหูเอาไว้ แต่แล้วอยู่ๆ เสียงทุกเสียงก็เงียบลงพร้อมกันอย่างฉับพลัน ‘อ่า…ทูดี น้องรักของพี่’
เฮือก! ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงสุดท้ายที่ได้ยินชัดเจนราวกับพี่เพิ่งกระซิบอยู่ข้างหูของผม
“ทูดี เป็นอะไรหรือเปล่า!” พี่นนท์จับแขนของผมที่ลงไปนั่งปิดหู ปิดตาอยู่ที่พื้น พร้อมอาการหอบ ใจเต้น เหงื่อออกท่วมตัว
“ผม…ผม” มันพูดไม่ออก ราวกับจุกอยู่ในลำคอ จำได้แล้ว! จำได้ทั้งหมดเลย! ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นพี่…พี่วัน
“ไปนั่งพักในรถก่อน” พี่นนท์ค่อยๆ ประคองผมที่พูดไม่เป็นภาษาให้อาการสงบ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงถูกส่งตัวไปเรียนต่างประเทศ ถูกสั่งห้ามกลับจนกว่าจะเรียนจบ โรค FOGO ของผมไม่ได้เพิ่งเป็นแต่เป็นมาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่มันกำเริบหนักในตอนนั้น
“เอนหลังสักหน่อยดีไหม” พี่นนท์เปิดฮู้ดผมให้ผมหายใจโล่งขึ้น ผมปรับเบาะให้เอนไปข้างหลังก่อนจะมองพี่นนท์ ที่จ้องผมค้างอยู่แบบนั้น
“ผมดูแย่มากเลยหรือครับ”
“เปล่า…น่ารักมากจริงๆ แฮะ” พี่นนท์พูดพึมพำอะไรบางอย่างที่ผมได้ยินไม่ถนัดนัก ก่อนที่ผมจะหยิบยาที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อมากิน ผมหลับตาลง ไม่น่าเลย ไม่น่าคิดถึงเรื่องนั้นออกเลย มันควรจะหายไปตลอดกาลถึงจะถูก แต่ว่าเรื่องที่พี่เคยทำในอดีตตอนนั้นอาจแค่ต้องการแกล้งเล่นตามวัยที่คึกคะนองก็ได้ ผมหลับตาลงจัดการเรียงลำดับเรื่องที่เกิดอีกครั้งอย่างตั้งใจ
ในวันนั้นวันที่แสงแดดแรงมาก น่าจะเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนตอนที่ผมอายุ 17 ผมที่เพิ่งว่ายน้ำเล่นเสร็จ ขึ้นมาอาบน้ำก่อนรู้สึกว่าตัวเองมีไข้ ตัวผมร้อนผ่าวเลยขึ้นไปนอนบนห้องหลังจากกินยา ไม่นานพี่ที่เพิ่งกลับจากมหาลัยตรงเข้ามาจับตัวของผมที่นอนซมอยู่ แล้วเช็ดตัวให้ผมอย่างเบามือ คงเป็นเพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้พี่เช็ดตัวให้ผมลำบาก ไม่นานผมเหลือเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่า แม้จะรู้สึกอายอยู่บ้างแต่ในตอนนั้นผมมีไข้สูงเกินกว่าจะมีสติ แต่แล้วเหมือนพี่เกิดนึกสนุก พี่จับมือสองข้างของผมมัดด้วยเข็มขัดแล้วคล้องมือทั้งสองข้างของผมที่ถูกมัดไว้กับหัวเตียง แววตาของพี่ในตอนนั้นดูแปลกไปพี่มองผมไปทั่วทั้งตัว ก่อนที่พี่จะหยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่พี่เพิ่งซื้อมาถ่ายรูปของผมที่กำลังเปลือยเปล่าเอาไว้ ทันทีที่พี่ลั่นชัตเตอร์แสงแฟลชมือถือก็สว่างวาบจนผมแสบตาหันหน้าหลบ ในตอนนั้นเองที่พี่ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของผม ‘ทูดี น้องรักของพี่’
ผมไม่รู้เลยว่าในตอนนั้นพี่แค่ต้องการเพียงอยากแกล้งผมด้วยความคึกคะนอง หรือพี่ตั้งใจทำอะไรกันแน่ หากพ่อกับแม่ไม่กลับมาหลังจากนั้นจะเป็นยังไงต่อไป
“ผมอยากกลับบ้าน”
“มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังหรือเปล่า”
“ผมยังไม่พร้อมครับ”
“ก็ได้ นี่ก็ดึกมากแล้วพี่จะขับรถไปส่ง” พี่นนท์ขับรถมาถึงที่คอนโดของผมก็ตีสี่กว่าๆ หลังจากที่รอให้อาการของผมดีขึ้น คงเป็นเพราะเขาขับรถมาเรื่อยๆ แม้ถนนในเวลานี้รถจะไม่เยอะมาก ผมเองก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร เราทั้งสองนั่งเงียบกันมาตลอดทาง แต่ถึงอย่างนั้นผมกับไม่รู้สึกว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้สักนิด
04:15 คอนโดของผมยังคงปิดไฟสนิท รองเท้าของพี่ก็ไม่อยู่ บ่งบอกชัดเจนว่าพี่ไม่กลับมาแน่ๆ คืนนี้ผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอพี่เหมือนกัน
04:30 เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่หยุดเป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้นจนผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน เสียงโทรศัพท์ยังคงดังขึ้นไม่ขาดสายเพียงแต่คราวนี้เป็นพี่พอลที่โทรเข้ามา
“ครับพี่พอล”
‘ทูดี…วันเสียแลัว’