คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!
อาชญากรรม,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!
มี E-Book นะคะ
บทที่ 2
ผมลากสังขาร หายใจถี่เร็ว เหงื่อเต็มใบหน้า ถึงเสียที ผมหอบร่างหนาๆ ที่แม้จะผ่านการออกกำลังกายทุกวันมาจนถึงจุดนัดพบบนสุดของอาคารที่มีความสูงถึง 45 ชั้นประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ ผมไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้ต้องใช้บันไดขึ้นอาคารด้านนอกเท่านั้น และบันไดไม่ได้เชื่อมในส่วนของห้องพักแถมยังต้องต่อด้วยบันไดทางชันไปอีก 3 ชั้นจนถึงด่านฟ้า คนที่นัดผมบอกว่าต้องการเจอผมที่นี่คอนโดหรู ส่วนคนที่จะใช้ลิฟต์ได้ ต้องมีคีย์การ์ดเท่านั้นแล้วหมอนั่นมันก็ไม่ยอมให้ผมเสียด้วยสิ เล่นซะผมแทบจุก
“มาช้ากว่าที่คิดนะครับ” คำถามกวนประสาทของคนที่ยืนรอเฉยๆ ถามขึ้นในขณะที่ผมยังคงเหนื่อยหอบจากการเดินขึ้นจนถึงจุดสูงสุดของหอคอย
“หวัดดี” ผมกล่าวกับคนที่ทักทายสั้นๆ ยกมือเชิงปรามว่าผมยังไม่พร้อมจะพูดอะไรตอนนี้ ในขณะที่ตัวเองยังคงหายใจเข้าทางปาก หัวใจเต้นระรัวราวกลองระนาดบรรเลงเพลงโหมโรง
แสงแดดยามเช้าเริ่มโผล่พ้นขอบตึกระฟ้า มันทำมุมองศากับสายตาเสียจนผมมองคนตรงหน้าไม่ถนัดนัก ไม่อย่างนั้นผมคงได้เห็นใบหน้าไอ้คนใจจืดใจดำที่ไม่ยอมนัดพบที่ง่ายๆ อย่างคาเฟ่ หรือผับแบบที่ผมถนัด หรือจะเป็นที่ไหนก็ได้ไม่ใช่ที่ๆ ไม่อนุญาตให้ใช้ลิฟต์แบบนี้!!
“คุณแทน…หลังจากที่คุณเห็นหลักฐานที่ผมส่งไปให้ คุณเชื่อหรือเปล่าว่าพี่ชายของผมไม่ได้ฆ่าตัวตาย” นั่นเป็นประโยคเปิดที่ทำให้ผมได้คำตอบอยู่ในที คนที่ยืนตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือคนแรกที่ผมต้องตามหาหากจะสืบเรื่องของหมอวันดี เขาคือน้องชายคนเดียวของหมอ นายทักษกร!!
“เป็นคุณนั่นเอง”
“ผมส่งข้อความบอกคุณแล้วว่าไม่จำเป็นต้องตามหาผม ดูท่าคุณคงไม่ได้อ่านข้อความสินะ” ผมหรี่ตาลงสู้แสงแดดพยายามมองเพ่งคนตรงหน้า ผู้ชายสูง 176 ไม่อ้วนไม่ผอมนัก ผมยาวเลยบ่าสีดำขลับ แม้จะมองผู้ชายตรงหน้าย้อนกับแสง แต่ก็พอมองออกว่าเขาเป็นคนผิวขาวสไตล์คนเอเซียนิยมจากมือที่โผล่พ้นเสื้อ หากแต่ใบหน้าถูกปกปิดด้วยเสื้อแขนยาวมีฮูกจนบดบังแทบมองไม่เห็น มันทำให้ผมรู้สึก…เขาลึกลับกว่าที่ผมคาดเอาไว้ เขารู้เรื่องที่ผมให้คนสืบเรื่องของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!!
“ทำไม…คุณถึงติดต่อผม”
“ผมอยากได้คนที่เป็นกลาง คนที่ผมมั่นใจว่าความลับของผมจะไม่รั่วไหล คุณไม่ต้องห่วงคดีนี้ผมจ้างให้คุณช่วยสืบ ไม่ได้ให้คุณช่วยฟรีๆ”
“ที่ผมมาก็ไม่ได้คิดจะช่วยใครฟรีๆ อยู่แล้ว ผมแค่อยากรู้นักสืบเอกชนมีตั้งเยอะ เลือกเอาสักที่ไม่น่าจะยาก”
“แต่คนที่ไม่ถูกกับตำรวจ หมอชันสูตร คนมีอิทธิพล และมีเพื่อนเป็นนักข่าว มีไม่กี่คนนี่ครับ”
“ทำการบ้านมาเยอะเหมือนกันนะเรา เก่งแบบนี้น่าจะสืบเองซะเลย”
“คดีเมื่อ 3 ปีก่อนของคุณหาได้จากในเน็ตไม่จำเป็นต้องสืบอะไรนี่ถ้าคุณตกลง…ผมจะให้คุณตามจำนวนที่คุณต้องการ”
“ระยะเวลาล่ะ”
“1ปี”
“ให้เวลานานขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าคุณดูถูกฝีมือของผม”
“สิ่งที่ผมอยากรู้คือความจริง ผมไม่ได้ต้องการแก้แค้น แค่อยากเอาคนทำความผิดมาลงโทษ ขอแค่คุณมีหลักฐานคนทำผิดมาส่งให้ผม ผมยินดีจ่ายให้คุณไม่อั้น”
“แล้วทำไมถึงบอกเจ้าหน้าที่ว่าไม่ติดใจสาเหตุการตายล่ะ”
“ที่คุณถามเพราะคุณไม่รู้จริงๆ หรือถามเพราะยังคิดว่าความยุติธรรมมันยังมีอยู่กันแน่” หึๆ เสียงหัวเราะออกมาจากในลำคอของผมอย่างไม่ได้ตั้งใจนักที่ถามคำถามที่ตัวเองรู้คำตอบดี จริงของผู้ชายตรงหน้า ถูกต้องแล้วผมจะเชื่อมันได้ยังไงในเมื่อผมเองเจอมันมากับตัวในขณะที่ตอนนั้นผมเป็นผู้รักษากฏหมายแท้ๆ ยังพ่ายแพ้กับอำนาจที่มองไม่เห็นเลย แม้จะมองในแง่ดีว่าอาจมีสักคนที่พร้อมจะอยู่ข้างเดียวกันแต่ผมคิดผิด!!
“ผมรับงานนี้…ในเมื่อผมก็ไม่มีอะไรให้ทำ ลองดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป”
“ผมจำเป็นต้องบอกข้อตกลงระหว่างเรากับคุณก่อน ข้อแรก ผมไม่ออกจากห้องถ้าไม่จำเป็น”
“โลกส่วนตัวสูงสินะ”
“ข้อสอง ผมทำงานตอนกลางคืน ผมติดต่องานกับคนต่างประเทศ”
“งานที่ปรึกษาการตลาดของคุณผมพอรู้มาบ้าง”
“ข้อสาม คุณต้องย้ายมาอยู่กับผม แต่ช่วยทำเหมือนผมไม่อยู่ในห้อง นี่คือข้อสำคัญ”
“ให้มาอยู่ด้วยแต่ทำเหมือนไม่มีตัวตน…คุณนี่ตลกชะมัด”
“ระหว่างเราเป็นแค่นายจ้างกับลูกจ้าง เลี่ยงได้ก็เลี่ยงผมไปซะ ส่วนในห้องของพี่ คุณเข้าออกได้ตลอดไม่ต้องบอกผม”
“ลึกลับจังนะคุณเนี่ย แล้วจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไร คุณอายุ 25 ให้เรียกน้อง หรือเรียกคุณทักษกร ดีล่ะ” ผมประชดคนที่กำลังเป็นเจ้านายคนใหม่ อย่างน่าหมันไส้รู้สึกไม่ถูกชะตากับเขาเท่าไหร่นัก หากแต่ 1 วินาทีต่อมาความรู้สึกของผมมันกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!!
“ผมไม่ได้อยากนับญาติกับคุณ คุณเรียกผมว่า ทูดี ก็พอ” บัดนี้พระอาทิตย์ลอยสูงขึ้น แสงแดดที่ทะแยงตาลอยพ้นผ่านไปแล้ว ใบหน้าของคนลึกลับเมื่อครู่เด่นชัดขึ้น เผยให้เห็นผู้ชายที่มีใบหน้าหวานหยดเรียวรูปไข่ ขนตางอนยาวประดับทำใหัดวงตาดวงหม่นดูหวานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ริมฝีปากกระจับได้รูปสีชมพูอวดอิ่มตัดกับผิวขาวรับกับสันจมูกทรงสวย ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า เขาทำผมตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่ทันรู้ตัว ร่างกายของผมที่คิดว่าไร้ความรู้สึกมันกลับมาเต้นระรัวเพราะคนๆ นี้อย่างไม่มีสาเหตุ ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่รู้ภาษา อาการที่เกิดขึ้นมันแน่ชัดว่าคือสิ่งที่ผมไม่มีมันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา….
“ผมจะเรียกคุณว่า…คุณแทนแล้วกัน ส่วนนี่คีย์การ์ดรอบหน้าจะได้ไม่ต้องขึ้นบันไดมาอีก” ทูดียื่นการ์ดสีน้ำเงินให้ผมก่อนจะหมุนตัวกลับลงไปด้านล่าง ทันทีที่ร่างบางนั้นเดินผ่านกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ มันยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายของผมวูบไหวจนเกินต้านทานได้อย่างน่าแปลกประหลาด กว่าจะตั้งสติได้อีกฝ่ายก็กำลังเดินลงบันไดไปแล้ว
“เดี๋ยวทูดี แล้วคุณอยู่ห้องไหน”
“4301” ชั้นที่ 43 ชั้นบนสุด!! โชคดีที่รอบนี้เขาให้คีย์การ์ดไม่อย่างนั้นขาทั้งสองข้างของผมคงเรียวเล็กเพราะออกกำลังกายอย่างหนักก็เป็นได้
เสียงฝีเท้าของทูดีเดินนำหน้าผมลงไปยังชั้น 43 เขาใช้คีย์การ์ดแตะที่ประตูเพื่อเข้าห้อง ผมเดินตามเข้าไปอย่างเงียบๆ มองไปรอบห้องที่มีกลิ่นหอมเหมือนกับเจ้าตัว ข้าวของในห้องเรียบร้อยผิดกับห้องของผมที่เต็มไปด้วยข้าวของกระจุยกระจาย แม้แต่ฝุ่นสักเม็ดก็ไม่มี
“คุณพักที่ห้องนี้ ผมขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวสิ ผมยังอยากได้ข้อมูลที่สงสัยอีกตั้งเยอะ” หมับ!! ไอ้บ้าเอ๊ย!! มือของผมไวพอๆ กับความคิด ผมคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้อย่างไม่ทันคิด รู้สึกตัวอีกทีก็โดนสายตาของคนตรงหน้าตำหนิจนปล่อยแทบไม่ทัน
“อย่าโดนตัวผมถ้าไม่จำเป็นด้วยนะครับ”
“ขอโทษ มือผมมันชอบไวกว่าสมอง” ทูดีเดินไปนั่งโซฟาอย่างว่าง่าย เขานั่งเอาหมอนอิงรูปกระต่ายมากอดเอาไว้แน่น เปลือกตาคล้อยหย่อนลงมาเกือบปิด บ่งบอกว่าใกล้สู่นิทราวังวนเต็มแก่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องถามรายละเอียดบางอย่างเพื่อที่ผมจะไปต่อได้
“ผมอยากรู้ตอนนี้ศพของคุณหมออยู่ที่ไหน”
“ความลับครับ”
“คุณได้ให้หมอชันสูตรศพอีกครั้งไหม”
“แน่นอน”
“ถ้าผลชันสูตรออก ผมอยากได้ด้วย แล้วก็มีบางคนที่ผมจำเป็นต้องติดต่อแต่คุณไว้ใจได้ผมจะไม่บอกเรื่องที่คุณให้สืบกับใคร ผมจะบอกว่าผมเสือกเอง ส่วนอีกเรื่องคือผมไม่มีเบอร์ติดต่อคุณ….”
“อืม…”
“และก็ผมอยากได้อุปกรณ์สื่อสารคุณหมอทุกชนิด โทรศัพท์ แทปเลต คอม”
“…..” ไม่มีเสียงตอบจากทูดีอีก แล้วก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดเขานอนหลับสนิทนิ่งโซฟา ขดตัวคุดคู้ไปกับหมอนอิงลายน่ารัก มันช่างเหมาะกับเจ้าของเสียจริงแม้ว่าดูเผินๆ ชายหนุ่มจะดูน่ากอดกว่ามากกว่าเจ้านุ่นใบสี่เหลี่ยมนี่ก็เถอะ
แปะ!!!ๆๆๆๆ ผมเอามือตบหน้าตัวเองไปหลายทีให้ได้สติ ก่อนที่จะคิดอะไรเลยเถิดกับเจ้าของห้องที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียว แล้วจัดแจงถอดเสื้อยีนต์ตัวเก่งของผมที่คิดว่ามันก็ดูสะอาด มาห่มให้คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องเงียบๆ และเบาที่สุดเท่าที่คนมือหนักอย่างผมจะทำได้
ถ้าหากแม้ตอนนั้นผมสังเกตดีๆ อีกนิดใช้สัญชาตญาณของตำรวจเก่าสักหน่อย มองข้ามหน้าตาน่ารักของผู้ชายที่นอนหลับตาพริ้มบนโซฟา ผมคงรับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้หลับจริงๆ!!