คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1 - อัตฆาตกรรม ตอนที่ 3 โดย Glutamate @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อาชญากรรม,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

อาชญากรรม,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,จิตวิทยา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน

รายละเอียด

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1 โดย Glutamate  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!

ผู้แต่ง

Glutamate

เรื่องย่อ

มี E-Book นะคะ

สารบัญ

[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-บทนำ บทนำ,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-อัตฆาตกรรม ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-อัตฆาตกรรม ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-อัตฆาตกรรม ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-อัตฆาตกรรม ตอนที่ 4,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-กักขังหน่วงเหนี่ยว ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-กักขังหน่วงเหนี่ยว ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-กักขังหน่วงเหนี่ยว ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-กักขังหน่วงเหนี่ยว ตอนที่ 4,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-นายนกต่อ ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-นายนกต่อ ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-นายนกต่อ ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-นายนกต่อ ตอนที่ 4,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ปริศนากับหลวงพี่ใจบุญ ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ปริศนากับหลวงพี่ใจบุญ ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ปริศนากับหลวงพี่ใจบุญ ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ปริศนากับหลวงพี่ใจบุญ ตอนที่ 4,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ความจริงสุดสะพรึง ตอนที่ 1,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ความจริงสุดสะพรึง ตอนที่ 2,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ความจริงสุดสะพรึง ตอนที่ 3,[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1-ความจริงสุดสะพรึง ตอนที่ 4

เนื้อหา

อัตฆาตกรรม ตอนที่ 3

บทที่ 3

ก่อนที่ห้องนี้จะกลายเป็นห้องที่ไร้คนอยู่ ผมจัดการเคลียร์ขยะจนไม่เหลือความซกมกที่ผมกองเอาไว้ ได้ซะเต็มถุงขยะใบใหญ่ แต่ไอ้ที่เห็นจะจัดการยากสุดคงเป็นของใช้บางอย่าง ที่ผมใช้เวลานานก่อนจะทิ้งพวกมันลงกล่องข้าวของรวมกับของเก่าชิ้นอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ แม้สิ่งของนั้นมันจะมีค่ากับความทรงจำแต่มันก็ทำลายความรู้สึกดีๆ ที่เคยผ่านมาด้วยเช่นกัน และที่ผมเก็บไว้ไม่ใช่เพราะผมยังรักเธออยู่เพียงแต่…ผมขี้เกียจที่ต้องมานั่งเก็บข้าวของพวกนี้เสียมากกว่า

“หวังว่าคุณคงไม่ทำให้ผมผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สองนะ หมอจี” ผมบอกลารูปถ่ายที่วางคว่ำหน้าเอาไว้เกือบ 2 ปีจนฝุ่นจับหนา เก็บมันไว้ในกล่องข้าวของที่รวบรวมอดีตที่ไม่ต้องการมองเห็นอีก ผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาวเลยบ่า ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ใส่เสื้อกราวน์สีขาวในครั้งแรกช่างดูใสสื่อบริสุทธิ์กับปฎิทานอันแน่วแน่จะช่วยคนเจ็บให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จนอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่นึกเลยคนที่เคยมองโลกในแง่ดีวันนั้นจะกลายเป็นอีกคน เมื่อเวลาผ่านพ้นเสียจนจำไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยงดงามราวกับดอกไม้สีขาวที่บานสะพรั่ง เพราะอะไรกันที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะผมไม่เคยรู้จักเธอเลยกันแน่

ผ่านมาสามวันผมกลับมาที่คอนโดของทูดีอีกครั้งพร้อมข้าวของใช้ที่จำเป็น ก่อนกลับแวะไปหาเพื่อนตัวดีเดี๋ยวมันจะหาว่าผมล้มหายตายจากไปเสียก่อน

“มึงดูอารมณ์ดีจังวะ” ไอ้ดุลเพื่อนรักถามผมอย่างสงสัยตอนที่ผมไปกินเหล้ากับมันเมื่อคืนก่อน ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้มกริ่มให้มันไปหนึ่งที แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าทูดีเป็นสเป็คของไอ้ดุล!!

“เสือก!!”

“เกี้ยวกราดจังวะ เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนนะมึง” นั่นคือการตัดบทสนทนาที่เกือบทำให้ผมหลุดปากเรื่องของทูดีออกไป แม้มันจะทำหน้าเหมือนหมาสงสัย แต่ผมไม่มีทางบอกมันเด็ดขาด

ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องชั้นบนสุดของคอนโดในช่วงเย็น ถ้าหากห้องที่เข้ามาไม่รู้สึกถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศ และไฟที่ถูกเปิดเอาไว้ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมคงคิดว่าห้องนี้ไม่มีคนอยู่ มันวางกระเป๋าใบโตลงบนข้างโซฟาเบาะหนังสีดำขลับ บนโต๊ะกระจกมีเอกสารของหมอวันดีวางอย่างเป็นระเบียบรวมทั้งซองสีน้าตาลหนาเตอะ ดูแล้วทูดีน่าจะเตรียมเอาไว้ให้ผม ยังไม่ทันที่ผมจะเริ่มต้นเปิดอ่าน ประตูบานสีดำถูกเลื่อนออกเจ้าของห้องเดินออกมาในสภาพที่ดูดีเหมือนกับเตรียมพร้อมออกไปทำงาน ทั้งที่เขาทำงานอยู่ที่บ้านแท้ๆ จำเป็นต้องดูดีขนาดนั้นไปทำไมนะ

“มองอะไรครับ”

“มองคุณไง…เพิ่งรู้คนทำงานที่บ้านต้องใส่สูตร ฉีดน้ำหอมแล้วก็ใส่กางเกงแสล็คแบรนด์เนมขนาดนี้”

“ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟัง” ถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้านก็อย่าเสือกกกกกก!! ช่างเป็นคำด่าที่สุภาพที่สุดที่โดนมา!! แต่คนหน้าหนาอย่างผมมีเหรอจะระคาย

“ผมไปเก็บของแล้วก็เตรียมสิ่งที่ผมต้องใช้นานไปหน่อย พอดีคุณไม่ได้ให้เบอร์ผมไว้ก็เลยไม่ได้บอก”

“เรื่องนั้นผมไม่อยากรู้ ผมเชื่อว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพพอถึงคุณหายไปอาทิตย์นึงผมก็คงไม่ตามคุณ แค่ไม่มีข่าวนายตำรวจเก่าโดนฆ่าตายก็พอ”

“ไม่ต้องห่วงนะ ผมตายยาก”

“ผมไม่ได้ห่วงคุณ!! ผมแค่กลัวคดีของพี่ผมไม่คืบหน้ามากกว่า”

“แต่คุณโทรตามผมได้นะ คุณมีเบอร์ผมนี่” ทูดีหยิบโทรศัพท์กดเบอร์ผมแล้วโทรออก

“ถ้าไม่มีอะไรด่วนไม่ต้องโทรมานะครับ”

“ทราบแล้วครับเจ้านาย”

“ผมจะพาคุณไปที่ห้อง” ทูดีเปลี่ยนเรื่องเดินนำหน้าไปที่ห้องๆ หนึ่งทันทีไม่มีท่าทีสนใจผมสักนิด

“ห้อง….”

หน้าประตูห้องสไตล์โมเดิร์นสีดำเงาคล้ายกับห้องอื่นๆ หากแต่ประตูบานนี้มันชวนให้คิดถึงหนังสยองขวัญอย่างอดเสียไม่ได้ ห้องที่ติดกันกับห้องของทูดี ห้องสี่เหลี่ยมที่คั่นระหว่างผมกับเขา ห้องๆ นี้คงเป็นห้องของใครไม่ได้นอกเสียจากห้องนอนของหมอวันดี ภายในห้องข้าวของดูกระจัดกระจายนิดหน่อย ผิดกับความเป็นระเบียบของทูดีที่ไม่ชอบให้สิ่งของดูระเกะระกะสายตา ถ้าให้ผมเดาเขาคงเข้ามาในห้องนี้เป็นประจำพยายามหาของบางอย่าง ที่น่าจะเป็นประโยชน์ แต่ที่เด่นที่สุดในห้อง คงเป็นไวท์บอร์ดติดอยู่กำแพงด้านหลัง มันถูกวาดระโยงระยางไปทั่วอย่างวุ่นวายและสับสนด้วยปากกาสีแดง

“คุณเป็นคนทำเหรอ” ทูดีพยักหน้ามองไปที่ผลงานตัวเองด้วยแววตาครุ่นคิด เขาคงพยายามอย่างหนักที่จะเรียกความยุติธรรมคืนมาให้พี่ชาย จับต้นชนปลายและไม่ทิ้งข้อสงสัยไหนไปเลย

“ดีนะครับ แต่ว่ามัน…ดูงงไปหน่อย” ผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้ก่อนที่จะเดินไปลบทุกอย่างทิ้ง จนกลายเป็นกระดานสีขาวโพลน

“คุณทำอะไร คุณแทน!!?”

“ลากเส้นเป็นสายไฟกรุงเทพแบบนั้น แล้วจะหาจุดเชื่อมโยงเจอได้ยังไงกัน อีกอย่างไอ้เพื่อนคน 1,2,3 นั่นอีกให้ผมทำเองจะดีกว่า”

“ครับ” เสียงทูดีหงอยลงทันควันน่าเอ็นดูซะจนผมนึกว่าคุยกับเด็กอายุ 16-17 จนอดเผลอที่จะตบบ่านั้นเบาๆ ไม่ได้ แม้เจ้าตัวจะยืนตัวแข็งทื่อด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นักก็เถอะ

ผมลากจุดเชื่อมโยงที่ได้ข้อมูลมา ทุกคนล้วนเป็นผู้ต้องสงสัย แน่นอนผมไม่ได้ทิ้งชื่อของทูดีแต่ตั้งเอาไว้ลากเส้นสั้นความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุด

“ไม่โกรธใช่ไหม”

“ไม่มีผมสิแปลก ผมไม่ได้ต้องการให้คุณทำคดีนี้เพื่อเอาใจผม” ทูดีลูบคางน้อยๆ ประหนึ่งนักสืบใหญ่ก็ไม่ปานพยายามนึกถึงคนที่มีความเป็นไปได้ก่อนจะลากเส้นจากจุดกึ่งกลางหมอวันดีออกไปเส้นลากยาวกว่าตัวเองนิดหน่อยก่อนเขียนว่า “พี่พอล”

“แบบนี้ใช้ได้ไหมครับ”

“ใครเหรอ พี่พอล”

“แฟนพี่”

“คุณเคยเจอไหม”

“เคยครับ ก่อนไปเมืองนอกเจอพี่พอลทุกวันแต่ตอนนี้ไม่เจอแล้ว”

“หน้าตา รูปถ่ายล่ะ” ทูดีทำหน้าคิ้มขมวดก่อนจะเดินหาไปทุกมุมห้องหมุนไป หมุนมาจนผมต้องจับตัวเอาไว้ก่อนที่จะทำผมและเขาเวียนหัวไปมากกว่านี้

“ไม่เจอก็ไม่เป็นไรครับ” น้องพยักหน้ารับหงึกๆ สีหน้าผิดหวังที่หารูปให้ผมไม่ได้จนผมเผลอลูบหลังอีกฝ่ายอย่างลืมตัวเป็นการปลอบใจ

“ผมเป็นเจ้านายคุณนะ!! และผมก็เตือนคุณแล้วว่าอย่าโดนตัวผมถ้าไม่จำเป็น!!”

“คร้าบๆ รู้แล้วคร้าบเจ้านาย ขอโทษนะครับ…แต่คุณโดนตัวผมได้นะ ผมไม่ถือ” ทูดีทำตาแข็งใส่ โกรธผมจนตัวสั่นเหมือนกับสุนัขพันธุ์ปอมที่กำลังขู่ผมไม่ให้เข้าใกล้ ก่อนผมจะเดินไปเขียนที่บอร์ดเมื่อนึกอะไรออกขึ้นมาหนึ่งอย่างนั่นคือ รปภ หมู่บ้าน เขียนเสร็จทูดีก็ลากเพิ่มอีกเส้นคราวนี้เป็นเพื่อนผู้หญิงที่ 1

“ใครกัน”

“ผมจำชื่อไม่ได้ เจอกันครั้งเดียวแต่ดูเหมือนเขาจะรักพี่มาก”

“เดี๋ยวนะ…พี่พอลของคุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ผู้ชาย”

“ถ้างั้น….”

“ผมว่าพี่ชอบพี่พอลส่วนผู้หญิงคนนี้น่าจะชอบพี่ข้างเดียวมากกว่า”

“เขาเคยพามารู้จักกับคุณเหรอ”

“ไม่เชิง เขาเข้าใจว่าผมคือคนรักของพี่ก็เลยตามมา” ผมลูบคางที่มีตอหนวดพอสะดุดมืออย่างครุ่นคิดเขียนว่าเพื่อนหญิง 1 ผมใช้ความคิดอย่างหนักไม่อาจตัดประเด็นความหึงหวงออกไปได้เลย หากแต่มีบางอย่างที่ผมสลัดออกไปจากหัวไม่ได้ ทูดีจำลายละเอียดของคนที่เข้าใกล้พี่ชายแทบไม่ได้เลย ราวกับต้องการปกปิดข้อมูลของทุกคน ทำไมกันในเมื่อทุกคนคือผู้ต้องสงสัย ไม่มีกลุ่มใดเลยที่เขาจะพยายามโยงให้เป็นผู้ต้องสงสัย ถ้าเขาเลือกจะช่วยใครก็ควรจะโยงความน่าสงสัยไปที่อีกคนสิ แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลของใครเลย หึ! แต่มีบางอย่างที่ผมแน่ใจ นายพอลกับทูดี น่าจะสนิทกันพอสมควร ก็เขาคบกับหมอวันดีมาหลายปีมีเหรอที่แฟนพี่ชายจะไม่ตีซี้กับน้องชายของคนรัก!!

“คุณเจอเพื่อนผู้หญิงที่ไหน”

“คลีนิกของพี่”

“นานหรือยังครับ”

“เมื่อประมาณ 7 เดือนก่อน”

“จำแม่นจังนะครับ”

“ก็วันเกิดผม”

“คุณเกิดเดือน 9 วันที่ 18 ถ้าอย่างนั้นภาพจากกล้องวงจรปิดของคลีนิกคงจับคนร้ายไม่ได้”

“ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกทำลายทั้งหมด ภาพทางเข้าหมู่บ้านด้วยที่ใช้ได้และชัดเจนสุดคงมีแต่ภาพจากกล้องวงจรปิดของหลังที่อยู่ตรงกันข้ามกับคลีนิค”

“คุณกำลังบอกผมว่าคนร้ายเป็นผู้มีอิทธิพลสินะ!!”

“หลักฐานหลายอย่างถูกทำลาย พี่ผมกำลังรักษาอาการป่วยจากไบโพล่าห์ ทุกอย่างชี้ชัดว่าพี่ผมฆ่าตัวตาย….ผมอยากจะแย้งแต่ผมไม่มีหลักฐานมีแต่ความเชื่อว่าพี่ผม พี่ชายของผม…ไม่มีทาง…ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว” ถ้อยคำบางคำของทูดีเหมือนกับถูกบีบเอาไว้ในลำคอ ความรูสึกจุกเจ็บจนพูดมันออกมาไม่ได้ ครอบครัวนี้เหลือกันเพียงสองคนพี่น้อง การจากไปแบบนี้มันคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับ ผมบีบบ่าที่สั่นเครือของเขาแน่น

“คุณรู้ไหม...หมอวันดีรักษาอาการป่วยที่ไหน”

“ผมไม่ทราบ ผมถามหลายโรงพยาบาลแต่ไม่มีใครให้ข้อมูลผมเลย”

“เป็นไปได้ไหมที่พี่ชายคุณจะไม่ได้ไปหาหมอนานแล้วจริงๆ” ทูดีไม่ตอบหากแต่เดินไปหยิบของบางอย่างในลิ้นชัก มันคือยากลุ่มลิเทียมที่รักษาอาการไบโพล่าห์ ในกระปุกเหลืออยู่ไม่มากนักแต่มันคงบอกได้ว่าหมอกินมันเกือบทุกวัน ข้างกระปุกระบุวันผลิตชัดเจน!!

“เกือบลืมเรื่องสำคัญเลย ว่าแต่นายพอล กับเพื่อนหญิง 1 เขาทำงานอะไรคุณพอจะรู้ไหม แล้วก็รูปพรรณด้วยเอาเท่าที่คุณจำได้”

“พี่พอลตอนที่ผมเรียนเมืองนอก พี่เขายังเรียนไม่จบ ม.6 ผมเลยไม่แน่ใจว่าเขาเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ส่วนเพื่อนผู้หญิงของพี่เขาน่าจะเป็นลูกค้าประจำ เห็นเขาพูดประมาณว่าพี่ผมชอบแบบไหนเขาก็ทำหมด”

“หน้าตาล่ะ”

“เพื่อนผู้หญิงผิวดีมาก หน้าตาดี แต่งตัวแบรนด์เนมทั้งตัว ผมไม่แน่ใจเธอทำอะไรบ้าง หรือไปทำอะไรเพิ่มหรือเปล่า เธอเหมือนเสพติดการศัลยกรรม ส่วนพี่พอล…เป็นคนตัวสูง ยิ้มเก่ง เอาใจเก่ง ตามใจพี่ผมทุกอย่าง หน้าตาดูซื่อๆ ไม่อ้วนมาก มีคนเข้าหาพี่พอลเยอะ แต่เขาไม่สนใจใครเลย”

“แล้วคุณล่ะ ตอนที่อยู่เมืองนอกมีคนเข้าหาคุณเยอะหรือเปล่า” คำถามของผมทำผู้ชายตรงหน้าตาเป็นประกาย กลายเป็นชะงักกึก

“มันเกี่ยวกับคดีไหม”

“เกี่ยวสิ ทุกเรื่องเกี่ยวหมด”

“ก็มีบ้าง”

“แล้วคุณเคยคบใครหรือเปล่า”

“ไม่เคย…ผมชอบเรียน ชอบทำงานมากกว่า”

“คุณบอกว่าไม่ชอบออกไปข้างนอกหรือว่าคุณ…เป็นโรค FOGO”

“ใช่ คุณเข้าใจถูกแล้วล่ะ”

“เป็นมานานเท่าไหร่”

“ตั้งแต่เด็ก”

“เขาว่าคนที่เป็นโรคนี้มักเกิดจากความกังวลว่าข้างนอกไม่ปลอดภัย หลังจากอยู่บ้านเป็นเวลานาน”

“ความจริงตอนเด็กๆ ผม….” ติ๊กๆๆๆๆ ติ๊กๆๆๆๆ ยังไม่ทันที่ทูดีจะเล่าอาการป่วยเสียงนาฬิกาปลุกเข้างานของเขาดังขึ้น ทูดีทำให้ผมหายสงสัยกับท่าทางที่ผมได้เจอเขาตอนแรก แต่กับเกิดคำถามใหม่ขึ้นมาแทน เพราะอะไรคนประเภท Introvert แถมป่วยเป็นเป็น FOGO หรือ Fear of Going Out ถึงได้เลือกให้ผมเข้ามาในโลกส่วนตัวของเขา แม้ในความคิดของเขา ผมคือตัวเลือกที่ดีที่สุด และพยายามผลักไสผมให้เป็นเพียงลูกน้อง แต่ท่าทางกลับตรงกันข้าม แววตาที่สดใส คำพูดที่เจื้อยแจ้ว ไม่ว่าใครก็อยากเข้าหาเขาทั้งนั้น หรือจริงๆ เขากำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้ในโลกของเขากันแน่!!

 

 

 

—————————————————————————

คำอธิบาย

FOGO หรือ Fear of Going Out อาการกังวลเมื่อเราต้องออกไปข้างนอก

Introvert คือ กลุ่มคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง มีความสุขกับการอยู่คนเดียว