คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!
อาชญากรรม,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!
มี E-Book นะคะ
บทที่ 4
ในห้องที่มีแต่ความเงียบถูกผมทำลายอย่างสิ้นเชิง หากเป็นเมื่ออาทิตย์ก่อนผมคงโดนเจ้าของห้องดุ แต่มีสิ่งเดียวที่ผมทำเสียงดังแค่ไหน ทูดีไม่ต่อว่าผมสักคำนั่นก็คือ การสืบคดี!!
“ทูดีกินข้าวด้วยกันไหม” ผมถามคนที่เดินออกมาจากห้องในสภาพดูดีเหมือนเช่นเคย เขามองผมครู่เดียวด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะผลุบกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม
“เลิกทำเสียงโครมครามด้วยนะครับ ผมจะนอนแล้ว” เขาบอกผมก่อนที่ผมจะเอ่ยปากอะไรกับเขาอีก
“ให้ตายเถอะ ไม่เห็นต้องดึงหน้าขนาดนั้นก็ได้ ออกจะน่ารักแท้ๆ”
ผมอ่านข้อความที่ไอ้ดุลเพื่อนรักมันส่งมาบ่นนู้นนี่ ว่าผมไม่ออกมาช่วยงานมันเลย แถมมันยังบ่นเรื่องที่ผมไม่ออกไปกินเหล้ากับมัน แต่ผมตั้งใจจะออกจากห้องวันนี้พอดีแต่ไม่ใช่ไปหามันนะ ผมตั้งใจออกไปสืบดคีเพิ่มหลังจากที่หมกตัวอยู่ในห้องนี้จนจะกลายเป็นบ้าหลังจากที่หลักฐานถูกทำลายจนหมด แถมนายจ้างก็ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเลยสักอย่าง ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาน่ารัก ชวนเอาใจเต้นจะจับมาเค้นปากคำให้เข็ด
“ทูดี…ผมจะออกไปข้างนอกนะ” เงียบ….เหมือนเช่นเคยแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายอาจหลับไปแล้ว แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ตอบรับ แต่ผมก็ยังหน้าด้านเข้าหาทูดี จนกลายเป็นความเคยชิน ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าที่ทำอยู่เพราะอะไรกันแน่ เพราะสงสาร เพราะต้องการเอาชนะ เพราะต้องการเข้าถึงความจริง หรือเพราะ…ชอบ
ผมขับมอไซด์คู่ใจมาถึงจุดเกิดเหตุ ที่เมื่อเดือนก่อนมันยังดูดี ทันสมัยแต่บัดนี้ไม่ต่างอะไรจากตึกร้างแม้แต่บ้านตรงข้ามก็ประกาศขายในราคาถูกซะจนเหลือเชื่อ
“ห้ามเข้า” ป้ายสีเหลืองล้อมรอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมป้ายสีแดงแสดงคำสั่งชัดเจน แต่ทว่าขาของผมมันก็ยาวพอให้เดินข้ามเข้าไปด้านในได้อย่างสบายๆ
ภายในคลีนิคเคยถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ดูจากฝ้าและผนังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ส่วนเฟอร์นิเจอร์น่ะเหรอ ถูกขนไปซะจนเกลี้ยง หลักฐานคงอยู่บนข้าวของพวกนั้น พวกเขาเก็บหลักฐานราวกับบริษัทรับเก็บกวาดหลักฐาน มันก็ไม่ได้น่าแปลกถ้าคนที่ทำเรื่องพวกนี้เป็นพวกที่รู้ว่าจะหาหลักฐานสำคัญได้จากที่ไหน ก็เลือกที่จะทำลายมันตรงนั้น
ในที่สุดผมก็เดินขึ้นมาชั้นบนสุด ที่ๆ หมอวันดีใช้ปลิดชีพของตัวเอง ผมยังคงจำได้ดีตำแหน่งที่หมอใช้สายไฟฟ้าฆ่าตัวตาย แล้วห้อยอยู่ตรงนั้น ตรงที่ระเบียง…ตำแหน่งของกล้องวงจรปิดที่ผมเห็นทำองศาไม่ผิดจากคนที่ให้ปากคำ ผมทำได้แค่ถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุที่ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่อีก ก่อนที่สายตาผมจะเห็นอะไรบางอย่างที่กำแพง
“รอยบุบนี่มันอะไร”
“คุณเป็นใคร!!” เสียงตวาดจากใครบางคนทำผมสะดุ้ง
“ไม่มีอะไรครับ ผมเป็นนักข่าวโนเนม ทำข่าวไปลงเรื่อยเปื่อย” ผมโล่งใจทันทีที่เห็นเป็นรปภ.หมู่บ้าน
“ออกไปเลยไม่งั้นผมจะแจ้งข้อหาบุกรุก”
“ออกไปก็ได้…แต่ผมจะเขียนข่าวเรื่องที่คุณละเลยหน้าที่วันนั้น วันที่หมอวันดีฆ่าตัวตาย!!”
“ออกไปเลย!! ไอ้นักข่าวเวรนี่!!” ผมรีบเผ่นอย่างไวหลังจากกวนประสาทรปภ.คนนั้น ไอ้กลิ่นเหล้ายังคลุ้งอยู่เลยสงสัยว่าทำไมหมู่บ้านนี้ยังจ้างไอ้หมอนี่เอาไว้อีก!!
หลักฐานที่คิดว่าควรจะเป็นคดีฆาตกรรมถูกทำลายจนหมด หนำซ้ำหลักฐานที่มีจะเอามาหักล้างก็อ่อนเกินกว่าจะเอาไปโต้แย้งเพื่อรื้อฟื้นคดีใหม่ นั่นยังไม่ร้ายแรงเท่ากับที่เจ้าตัวญาติเพียงคนเดียวเซ็นต์ไม่ติดใจการตายของหมอวันดีไปซะแล้ว หากหาหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีได้จะหาทนายมาทำให้คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ใครจะกล้ารับคดีที่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังกัน!!?
“ใช้ไม่ได้ใช่ไหมครับ” เสียงสลดของทูดีทำผมที่นิ่งเงียบอยู่ได้สติ สิ่งที่ทำได้คงมีแต่ตบหลังปลอบใจคนข้างๆ จริงๆ มีหลายคดีที่คนในครอบครัวรู้สึกถึงเงื่อนงำจนพลิกคดีได้ นี่มันก็แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น!!
“ผมจะช่วยคุณเอง อย่าเพิ่งถอดใจสิ” ทูดีเดินขยับหนีฝ่ามือของผมที่วางค้างอยู่บนบ่า เขาไม่ได้ดูโกรธเคืองอะไรแต่ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อทำให้ผมอดยกยิ้มมุมปากไม่ได้
“ผมถามได้ไหม ทำไมตอนนั้นคุณถึงได้ยอมความ” ทูดีไม่ตอบแต่เดินไปที่ห้องนอนของเขาครู่หนึ่ง ก่อนกลับมาพร้อมจดหมายฉบับหนึ่งยื่นให้ผม
:จากผู้หวังดี:
คดีพี่ชายคุณไม่ใช่การฆ่าตัวตาย…พี่ชายของคุณถูกทำให้ตาย!! คนที่ฆ่าเขาคือคนที่ทำคดี อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด ถ้าอยากทวงความยุติธรรมให้ติดต่อ นายแทนไท ธารานันท์ เบอร์ 081xxxxxxxx หน้าโซเชียล WTF ครับ
คนที่พิมพ์จดหมายฉบับนี้ส่งให้ทูดีเป็นใครกัน มีเบอร์ส่วนตัว รู้หน้าเพจ ทำไมถึงเป็นผมล่ะ มีคนไม่น้อยที่สามารถช่วยเหลือเขาได้มากกว่าผม แต่คนๆ นี้กลับเลือกให้ผมช่วยทูดี ถ้าให้ผมสันนิษฐานเขาต้องรู้จักผม หรือไม่ก็ตำรวจที่ไม่กล้าออกหน้า คนที่รู้ว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้เป็นใคร เชอะ!! ไอ้พวกขี้ขลาด!!
“คุณได้รับจดหมายนี้ก่อนหรือหลังไปพบตำรวจ”
“หลังครับ” เพราะแบบนี้สินะ ทูดีถึงทำอะไรต่อไม่ได้ ต้องจ้างให้ผมช่วย คนที่ปิดหู ปิดตาได้ขนาดนี้นอกจากผู้มีอิทธิพล มีอำนาจจะเป็นใครได้อีก หรือว่านี่จะเป็นการฆ่าปิดปาก หมออาจไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้!!
“เขามีเพื่อนเป็นตำรวจบ้างไหม”
“ถ้าเพื่อนไม่มีครับ หรือผมอาจไม่รู้จักก็ได้”
“คุณเพิ่งกลับมา คงไม่ค่อยเจอใครสินะ”
“ผมไม่ชอบออกไปไหน ข้างนอกมันมีแต่คนน่ากลัว ผมเข้าสังคมไม่เก่งงานที่ทำก็ทำออนไลน์ได้”
“พี่ชายคุณถ้าไม่ไปชนต่อหม้อ ก็คงไปขัดใจใครเข้า”
“แล้วเราควรเริ่มจากตรงไหนดีล่ะครับ”
“ผมอยากได้ของทุกอย่างของหมอ โทรศัพท์ โน้ตบุ๊ค แทบเล็ตทั้งของส่วนตัว รวมทั้งของที่คลีนิก”
“ทุกอย่างอยู่ตำรวจครับ ตอนแรกผมเข้าใจว่าพี่ทิ้งผมไป ผมเลยไม่คิดจะเอากลับ ถ้าคุณอยากได้ผมจะไปเอาคืนมา”
“ถ้าคนร้ายพลิกคดีนี้ได้ ของทุกอย่างคงโดนทำลายไม่เหลือมาถึงมือเราแล้วล่ะ”
“ผมพลาดเอง เป็นเพราะผมพี่ถึงไม่ได้…รับความยุติธรรม”
“อย่าโทษตัวเองเลย คุณเองก็ไม่รู้นี่ว่าพี่คุณถูกทำร้าย ไปกินข้าวไหมผมจะพาไปหาอะไรกิน” ผมถามคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา ช่างน่าแปลกที่ผู้ชายอย่างเขาเรียกความสนใจจากผมได้ทุกอย่าง เขาเคยยิ้มบ้างไหมนะ หรือเคยหัวเราะบ้างไหมคำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวผมหลายครั้งตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน เขาจะน่ารักแค่ไหนถ้าเราไม่เจอในสถานการณ์แบบนี้
“ไม่ครับ...แต่ขอบคุณนะครับ ที่ชวน” ทูดีตอบผมพร้อมยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ราวกับเป็นเรื่องดีที่สุดที่ผมพูดมาในวันนี้ รอยยิ้มจางๆ ของเขามันทำให้หัวใจเต้นกระตุกราวกับจะหลุดออกมานอกอก จะเรียกว่าหลงก็คงไม่ผิดนัก ให้ตายสิผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใครมานานแค่ไหนแล้วนะ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“…ทูดี”
“ครับ”
“ยิ้มบ่อยๆ นะ”
“ครับ?” หมอนั่นทำหน้างงเล็กน้อย หากแต่ปลอยผมที่กระดกขึ้นมันเรียกสายตาของผมมาพักใหญ่
“ผมยุ่งน่ะ” มือของผมลูบหัวมนทุยให้เข้าที่ แม้จะเป็นความรู้สึกเล็กน้อยแต่ก็รับรู้ว่าอีกคนเกร็งจนตัวสั่น ริมฝีปากเม้มแน่นพยายามไม่หลบเลี่ยงผมเหมือนเช่นเคย จนบางทีผมอาจจะเข้าใกล้เขาได้มากกว่านี้ก็ได้
เพลัง!!? เสียงแก้วแตกทำผมหลุดจากพะวังหันไปมองที่มาของเสียง กรอบรูปตกลงมากระจัดกระจายไม่ได้เรียกสายตาของผมเท่ากับสมุดปกหนาที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น บอกปีไว้ที่สันปกอย่างเป็นระเบียบนั่นต่างหากที่ทำผมสนใจ หนังสือพวกนั้นรอดสายตาของผมไปได้ยังไงกัน!!