คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!
อาชญากรรม,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[มี E-Book] The Murder ผมว่านี่คือคดีฆาตกรรม SS.1คดีที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่คดีธรรมดา ยิ่งสืบยิ่งเข้าใกล้ความจริงกลับค้นพบ ความดำมืดในจิตใจมนุษย์มากขึ้น และคนร้ายกับใกล้ตัวมากกว่าที่ คุณคิด!!
มี E-Book นะคะ
ตอนที่ 10
รถของผมถูกล้อมไปด้วยผู้ชาย 5 คนดูจากการแต่งตัวคล้ายพวกรับจ้างมือสมัครเล่น คนดีๆ ที่ไหนจะแต่งตัวด้วยเสื้อยีนส์มีปืน CZ75 เหน็บเอาไว้ที่เอวแบบนั้นกัน!! หนึ่งในพวกมันสั่งให้ 2 คนไปที่ร้านสะดวกซื้อส่วนอีกสองคนมาทางผมที่อยู่ตรงห้องน้ำ!!?
“เข้าไปข้างในอย่าออกมา” ผมผลักทูดีเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่ตัวเองกำลังทำท่ายิงกระต่ายยืนหันหลังให้พวกมัน ก่อนจะหันไปประเคนหมัด ศอก ลากพวกมันไปในห้องน้ำแล้วขังมันไว้ด้วยก้านไม้กวาดที่อยู่แถวนั้น ก่อนที่มันจะลงมือ
“ทูดีออกมา!!” ทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก ผมรีบคว้าข้อมืออีกฝ่ายวิ่งไปที่รถ ไอ้คนที่เฝ้าอยู่คนเดียวคว้าปืนขึ้นเล็งมาที่พวกผม หากมันตั้งใจยิงจริงๆ ในระยะห่างแค่นั้นไม่ผมกับทูดีคงมีใครสักคนที่ถูกยิงจุดสำคัญแน่!! ผมอาศัยจังหวะที่มันลังเลเตะปืนที่มือของมันออกจนลอยไปไกล ทูดีรีบขึ้นรถ ในขณะที่ผมวิ่งอ้อมไปฝั่งคนขับหันมาอีกทีเห็นคนร้ายดึงขาทูดีเอาไว้ เขาใช้ขาถีบให้อีกฝ่ายพ้นตัวแล้วกระโดดขึ้นรถ
“ไปเลยๆ” เขาเร่งให้ผมออกรถโบกมือที่ชุ่มไปด้วยเลือด!! ทำผมสติแทบหลุด หากแต่เสียงเร่งเร้าให้ผมขับหนีสถานการณ์ตรงหน้าทำให้เท้าและมือของผมบังคับรถคันโตหนีออกจากปั๊มนั้น แม้จะกังวลที่อีกฝ่ายมีเลือด แต่อาการของทูดีไม่ได้หนักขนาดนั้น
“เป็นอะไรไหม”
“น่าจะโดนที่ขา ผมรู้สึกแค่แสบๆ”
“ไปโรงพยาบาลดีกว่า”
“ครับ”
“เจ็บแผลมากไหม ทนไหวหรือเปล่า”
“แค่แสบๆ น่ะครับ” ผมเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาบนใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วลูบหัวปลอบใจอย่างลืมตัว แม้จะเพิ่งโดนบ่นมาแต่มันทำให้ผมคลายกังวลได้บ้าง
“ทนหน่อยนะ…” หลังจากที่ผมมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนร้ายตามมาผมเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลลักษณะคุ้นตา ที่นี่คือโรงพยาบาลที่แรกที่มาถามเรื่องการรักษาอาการป่วยของหมอวันดี ไม่นึกเลยว่าต้องมาที่นี่ครั้งที่สอง!!
“คนไข้ไปโดนอะไรมาคะ” เสียงคุณหมอถามขึ้นเมื่อเห็นบาดแผลที่ต้นขาของทูดี
“น่าจะโดนอะไรบาด ผมไม่ทันระวังครับ รู้อีกทีก็แสบๆ แล้ว”
“แผลไม่ลึกมากโชคดีที่คนไข้ใส่กางเกงหนา ช่วงนี้อย่าเพิ่งโดนน้ำนะคะ”
“ครับ”
“คุณหมอเรียนจบจากมหาลัยหมอในไทยไหมครับ” ผมถามผู้หญิงที่นั่งตรวจอยู่ตรงหน้า อายุน่าจะราวๆ 26-27 ไล่กับหมอวันดี เธอทำหน้าแปลกใจกับคำถามของผมก่อนพ่นถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจนักจ
“คุณถามทำไมคะ”
“ขอโทษครับ พอดีพี่ชายผมเป็นหมอเพิ่งเสียเราแค่กำลังตามหาเพื่อนของพี่แต่เราไม่มีอะไรติดต่อเขาได้เลย เพื่อนผมเสียมารยาทขอโทษครับ แต่วันนี้เราเจอกันหลายเรื่องมาก ขอโทษนะครับ” โอ้โหตั้งแต่รู้จักกับทูดีมานี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาพูดยาวขนาดนี้ หมอคนนี้หน้าตาสะอาด สะอ้านผิดกับผมที่มีหนวดเคราเขียวครึ้มถ้าทูดีจะชอบก็คงไม่แปลก นี่ผมกำลังหึงหมอคนนี้เหรอวะ นึกอิจฉาแบบนี้จะผิดไหมวะเนี่ยะ
“ความจริงแค่เห็นนามสกุลหมอก็จำได้แล้วล่ะค่ะ เพียงแต่คำถามของเพื่อนคุณเหมือนอยากเปิดสงครามมากกว่า ใช่ค่ะ หมอรู้จักพี่ชายคุณ ว่าแต่เพื่อนที่คุณตามหาคือใครคะ”
“ชื่อเจตต์ครับ”
“อ๋อ หลวงพี่เจตต์”
“หลวงพี่!!?”
“ใช่ค่ะ หมอไม่แปลกใจหรอกนะคะที่คุณจะหาหลวงพี่ไม่เจอ ก็ตั้งแต่เรียนจบหลวงพี่ก็บวชจนตอนนี้ยังไม่สึกและก็คงไม่สึกแล้วล่ะค่ะ ขนาดงานรับปริญญา ยังไม่มาเลย ไมเสียใจด้วยนะคะพี่ชายคุณ ถ้าจัดพิธีศพเมื่อไหร่ หมอจะไปค่ะ อย่างน้อยก็จะได้ไปขออโหสิกรรม…”
"บวชตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอ” การที่มีใครนึกถึงอดีตของหมอวันดี มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และทูดีเองคงไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องนั้นขึ้นมาในความทรงจำของใคร คำถามผมเกิดขึ้นมากมายเกิดอะไรขึ้นกับสองเพื่อนสนิทหรือเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ทั้งคู่เกลียดกันจนทำร้ายกันได้ขนาดนั้น
“ใช่ แต่หมอไม่แน่ใจนะว่าถ้าไปนิมนต์แล้วพระเจตต์จะไปหรือเปล่านะ ช่วงก่อนจบไม่รู้พวกเขามีปัญหาอะไรถึงขั้นตัดเพื่อน”
“คุณหมอพอทราบชื่อวัดไหมครับ” ทูดีเปลี่ยนเรื่องอย่างที่ผมคิด เขาไม่อยากพูดเรื่องในอดีตของหมอวันดี แม้แต่ผมเองยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
“วัดเหรอเดี๋ยวหมอจดให้นะ” หมอยิ้มให้ทูดีบางๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็รับมาด้วยสีหน้าประดับด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน ผมบอกเลยถ้ายิ้มแบบนี้ให้ผมนะ จะจับกลืนลงท้องให้หมดเลย!!
ทูดีอ่านชื่อวัดสถานที่ตั้งอยู่สระบุรีแล้วกำมันไว้ในมือตลอดทางกลับบ้าน ทำให้ผมเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทูดีไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ
“เจ็บแผลไหม” ผมถามเขาทันทีที่เราเดินเข้าลิฟต์
“ไม่ครับ”
“ไม่เห็นพูดเก่งเหมือนตอนคุยกับหมอคนนั้นเลย”
“หึงเหรอ” อึ้งเลยไม่คิดว่าเขาจะถามตรงๆ แถมหน้าตายซะขนาดนั้นแต่มีเหรอผมจะยอม
“ใช่!”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยนะครับ เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง”
“กำลังสะกดจิตตัวเองอยู่เหรอ…”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความตามที่พูด กลัวว่าจะเผลอใจให้ผมเหรอ”
“ฮึก! ผมไม่ได้ใจง่ายซะหน่อยแค่จูบเดียว ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอ…อยู่ต่างประเทศชินว่างั้น ไม่บอกจะได้จูบบ่อยๆ”
“ไร้สาระ” คนสู้ไม่ได้ปิดประตูหนีเข้าห้อง ผมเองก็เดินเข้าไปลากจุดเชื่อมโยงใหม่ หลวงพี่เจตต์…เรามาถูกทางหรือเปล่านะ เรื่องมันเกิดมานานมากแล้ว อาจารย์ภทรก็ตายแล้ว หลวงพี่เจตต์ก็บวชบางทีเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตอาจไม่เกี่ยวกับการตายของหมอวันดีเลยก็ได้ แต่มาคิดอีกที การบวชก็ไม่ได้หมายถึงอีกฝ่ายฝักใฝ่ธรรมมะ หรือซึ้งรสพระธรรม หลายครั้งที่คนร้ายเลือกใช้ผ้าเหลืองเพื่อปกปิดเรื่องในอดีต!!!
“คุณ” เสียงเรียกดังอยู่ในห้อง คุณ…งั้นเหรอผมมีชื่อนะ เรียกชื่อกันมันจะตายหรือไง
“ผมรู้นะ คุณได้ยินอ่ะคุณแทน”
“มีอะไรเหรอครับเจ้านาย”
“คุณ…ช่วยผมหน่อย”
“คุณขอร้องหรือคุณจ้างผมล่ะ”
“ฮึก! คุณแทนผมขอร้องช่วยหน่อยผมแกะผ้าก๊อดทำแผลไม่ได้”