หิมะปรากฏขึ้นในประเทศไทยและเหตุฆาตกรรมเยาวชนอย่างเป็นปริศนา เหล่าประชาชนต่างตั้งคำถามให้กับปรากฎการณ์ธรรมชาติแสนประหลาดโดยไม่รู้ว่ามีปีศาจตนนึงจ้องมาด้วยสายตาเยือกเย็นเพื่อเป้าหมายบางอย่าง
ระทึกขวัญ,ชาย-หญิง,เลือดสาด,ไทย,เรื่องสั้น,นักเขียนรถแห่มาเยือนพล็อตเทลเลอร์,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,สืบสวนสอบสวน,รถแห่ชวนเขียน8,รถแห่ชวนเขียน7,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คริสต์มาสข้างแรมหิมะปรากฏขึ้นในประเทศไทยและเหตุฆาตกรรมเยาวชนอย่างเป็นปริศนา เหล่าประชาชนต่างตั้งคำถามให้กับปรากฎการณ์ธรรมชาติแสนประหลาดโดยไม่รู้ว่ามีปีศาจตนนึงจ้องมาด้วยสายตาเยือกเย็นเพื่อเป้าหมายบางอย่าง
หลังจากที่ 'เนย' สก๊อยสาวเห็นภาพฆาตกรรมแสนเยือกเย็นสยดสยองในคืนหิมะตกอย่างเป็นปริศนาและกำลังถูกไล่ล่า เธอจึงไปขอร้อง 'พันธ์' เด็กแว้นแฟนเก่าให้คอยช่วยรวบรวมกลุ่มสมาคมเด็กแว้นปกป้องเธอโดยไม่รู้ว่าฆาตกรผู้มากับเหมันต์สีทมิฬในคืนเดือนดับนั้นจ้องฆ่าล้างเหล่าเด็กชั่วให้หมดแผ่นดิน
คำพูดของลุงปืนทำให้เนยหวาดหวั่นจนใบหน้าเปื้อนยิ้มแสยะกว้างเผยฟันซี่ยาวแหลมคมไม่ต่างจากใบมีดชีวะเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตสีชาดย้อมเหมันต์ขาวบริสุทธิ์ให้แดงฉานอย่างน่าสยดสยอง
"ตะ...ตามหาตัวหนูเหรอ...?" ร่างกายของเด็กสาวสั่นระริก สายตาล่อกแล่กไปมาและเผลอกัดริมฝีปากอวบอมชมพูจนแดงระเรื่อ "ไม่จริงน่า เป็นไปได้ไง?"
"ปกติปีศาจตัวนี้จะปรากฎตัวในแถบประเทศอากาศหนาว เป็นปีศาจที่ออกมาเพื่อล่าเด็กผู้มีจิตใจต่ำช้า" ลุงปืนชำเลืองมองเนยด้วยสายตาเย็นชา "ข้าได้ยินเรื่องของเอ็งมาเยอะ นิสัยเอ็งไม่ใช่เล่น ๆ เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมริอาจเที่ยวกลางคืนและหลับนอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตาไม่ซ้ำกันในแต่ละคืน แถมยังไม่กลับบ้าน พูดจาปากหมากับบุพการีแบบนี้จัดอยู่ในอาหารอันโอชะของเจ้าแครมปัสนี้เลยทีเดียว"
"งั้นหนูจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว! หนูจะกลับตัวเป็นคนดี คนที่ดีที่สุดเท่าที่โลกทั้งใบนี้เคยเจอมา!" เนยเริ่มสติแตกพุ่งคุกเข่าต่อหน้าลุงปืนพร้อมเกาะชายเสื้อ น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความหวาดกลัวพุ่งทยานเต็มปรอท "ดะ...ได้โปรดเถอะค่ะคุณลุง หนูจะพยายามล้างมณทินให้ตัวเอง ไม่ว่าจะใช้เวลาทั้งชาติก็ตาม"
ชายชราห่มชุดขาวมองด้วยสายตาอนาถาก่อนส่ายหน้าอย่างหมดหวัง
"ชาติหน้าเอ็งคงไม่ได้กลับมาเกิดใหม่แล้วล่ะ" เขากล่าวเสียงเรียบราวกับไม่ได้สนใจใยดีจิตใจของเด็กสาวผู้ไร้ทางออก "หากใครโดนเจ้าแครมปัสนี้เล่นงาน วิญญาณจะถูกผนึกในมิติปริศนาชั่วกัปชั่วกัลป์ ทำดีแค่ไหนก็ไม่สามารถลบล้างสิ่งที่เอ็งทำพลาดได้หรอก เพราะมันกลายเป็นตราบาปประทับอยู่บนหน้าของเอ็งแล้วยังไงล่ะ!!"
ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นในจิตใจ ฉุดกระชากเด็กสาวลงสู่หุบเหวอันดำมืด ขากรรไกรของเธอสั่นกระทบอย่างบ้าคลั่งดวงตากลมเบิกโต ความหวังปลายอุโมงค์ริบหรี่แทบดับอยู่มะรอมมะร่อ
"ลุงไม่คิดจะช่วยแฟนผมสักหน่อยเหรอครับ?" พันธ์เอ่ยถาม มือกำหมัดแน่น "พวกผมอุตส่าห์ถ่อฝ่าหิมะมาถึงนี่แล้วเชียวนะครับ"
"อย่ามาเหิมเกริมให้มาก ไอ้หลาน" เขาหยิบกระโถนขึ้นมาเคาะศีรษะหลานชายเบา ๆ แต่สายตาของชายชราดูเหมือนอับจนหนทางอยู่เนือง ๆ "ไอ้ปีศาจตัวนี้เป็นอมตะ มีชีวิตอยู่มาก่อนพระพุทธเจ้าหรือกระเยซูประสูติเสียอีก ถือว่าเป็นปีศาจดึกดำบรรพที่ไม่สามารถเอาชนะลงได้ ฉะนั้น ปล่อยเธอรับชะตากรรมของตัวเองไว้ดีกว่า"
"แล้วพวกเครื่องรางของขลังหรือบทสวดที่เป่าไล่ผี ไล่วิญญาณหรือแม้กระทั่งเสือสมิงล่ะครับ? พวกมัน..."
"สิ่งเหล่านั้นมันจะกลายเป็นของเล่นเด็กไปเลยหากเทียบกัน" ลุงปืนสวนกลับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สายตาแข็งกร้าวและผิดหวังมองตรงไปยังหลานชายแล้ววางมือบนบ่า "ตัดใจเสียเถอะ หลานรัก ปีศาจที่ทำได้แม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ แม้แต่พระเจ้ายังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย"
.................................
"จะทำยังไงกันดี!? ลุงปืนเขาไม่ยอมช่วยกันเลย!!" เนยยังคงสติแตกจนเอามือจิกหนังศีรษะเลือดซิบกลัวความตายที่กำลังคืบคลานมาเยือนใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ "มันหมดหนทางแล้วจริง ๆ เหรอพี่!?"
เด็กหนุ่มยืนตัวเกร็งท่ามกลางหิมะรายล้อมขาวโพลนจนสุดสายตา เป็นภาพที่ชาวไทยอยากเห็นที่สุดเป็นอันดับหนึ่งด้วยตาตัวเองแต่ไม่อยากเผชิญเพราะภูมิคุ้มกันความหนาวไม่แข็งแกร่งเท่า
ในที่สุดพันธ์นึกได้บางอย่าง
ทั้งคู่ตั้งสินใจมุ่งหน้าไปยังกระท่อมเก่าซอมซ่อซึ่งเป็นสถานที่สำหรับรวมตัวสมาคมเด็กแว้นและสก๊อยในเขตใกล้เคียง โดยปกติช่วงเวลากลางวันจะมีเหล่าเด็กแว้นและสก๊อยเข้ามาประชุมกันเรื่องการแข่งรอบถัดไปหรือไม่ก็แลกคู่ไปมั่วที่ป่ากล้วย แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีลำดับขั้นตอนแบบกิจลักษณะ แต่เป็นการโต้เถียงไปมา สรุปสุดท้ายจบลงด้วยการตะลุมบอนไม่ต่างจากไฟท์คลับ
"ขอเข้าไปหน่อย" พันธ์เอ่ยเสียงเข้มเมื่อเด็กแว้นหัวเกรียนถือมีดทำครัวขู่ไม่ยอมเปิดประตูให้เพื่อนร่วมสมาคมเข้า อีกทั้งยังทำเป็นหูทวนลมมองบนขึ้นไปบนฟ้าราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงลมอากาศ เขาใส่เพียงกางเกงขาสั้นพร้อมเสื้อกันหนาวบาง ๆ ทำให้ใบหน้าแดงเพราะความหนาวกัดกินผิวหนังรวมทั้งความหนาวที่อาจฆ่าเขาได้ในเวลาต่อมา "หูหนวกไปกันหมดแล้วหรือไง กูบอกว่าขอเข้าไป!"
"กูได้รับคำสั่งมาว่า ห้ามให้มึงกับเมียมึงเข้า" เสียงยังไม่แตกหนุ่มของเด็กชายตัวเล็กเอ่ยเฉียบขาด ใบหน้าขมวดเข้มจริงจังกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย "กูต้องทำตามคำสั่งหัวหน้าสมาคม!!"
"หัวหน้าสมาคมบ้านพ่อมึงสิ! ยุทธตายห่าคอขาดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วโว้ย!" พันธ์ตะคอกกลับด้วยความเหม็นขี้หน้า "หมาตัวไหนจะมาสั่งมึงได้วะห๊ะ!? เดี๋ยวปั้ดถีบยอดหน้าให้รีบให้พวกกูเข้าไปเร็ว ๆ!! เรื่องนี้มันสำคัญกับกูมากนะโว้ย!!"
"...."
เด็กชายยังคงยืนนิ่งไม่ยอมแพ้จ้องตาอีกฝ่ายกลับอย่างท้าทาย สร้างความน่ารำคาญใจแปรเปลี่ยนเป้นความเกรี้ยวกราดให้พันธ์กระชากคอเสื้อเก่าจนขาดเล็กน้อยดึงประชิดตัวพร้อมง้างหมัดหมายซัดให้หน้าแหก
"จะเอาเหรอ!?"
"ก็มาเด้ ไอ้สัส!!" เด็กชายร่างก้างกระชากเสียง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิงโหมกระหน่ำไร้ความกลัว "ในฐานะผู้เฝ้าประตูสมาคม จะไม่ยอมให้ใครผ่านไปทั้งนั้น!!"
"มึงนี่ยิ่งอินการ์ตูนหนักเกินไปละ" พันธ์กัดฟันแน่นก่อนยกดึงร่างเล็กเท้าลอยเหนือพื้นด้วยมือข้างเดียวพลางแยกเขี้ยวขู่ไม่ต่างจากสัตว์ร้าย "เอาสักวูบไหมมึง?"
"หยุดเลยไอ้เหี้ยพันธ์! หมัดนั่นจะย้อนเข้าหน้ามึงถ้ายังไม่วางน้องกูลง" เสียงอันทรงพลังดังผ่านประตูไม้พังแหล่มิพังแหล่ก่อนจะถูกเปิดโดยเด็กหนุ่มร่างสูงย้อมผมทองยาวปิดใบหู เครื่องประทับสีทองส่องประกายแสดรอบลำคอและข้อมือยกระดับให้สูงกว่าพวกเดียวกัน เขาเชิดหน้ามองพันธ์สลับเนยพลางกระชับเสื้อกันหนาวตัวหนาหรูหราพลางพ่นลมหายใจออกมาเป็นควันสีขาว "ข้างนอกมันหนาว เข้ามาข้างในซะ"
ภายในกระท่อมสมาคมไม่ได้ตกแต่งอะไรมากไปกว่ารูปขาวดำของสมาชิกที่เสียชีวิตลงในอุบัติเหตุหรือถูกทางการจับ บนโต๊ะเรียนที่ขโมยมาจากโรงทิ้งขยะของสถาบันตั้งอยู่กลางกระท่อมโดยมีหม้อน้ำกระท่อมตั้งอยู่พร้อมด้วยแก้วกระดาษซึ่งสมาชิกทุกคนสามารถตักดื่มกินให้เมามายขนาดไหนก็ได้ รวมถึงเสื่อเก่าเปรอะขี้ดินขี้ฝุ่นปูพื้น ตรงข้ามประตูทางเข้ามีเก้าอี้ตัวหนึ่งตั้งวางไว้โดดเดี่ยว เปรียบเสมืองบัลลังก์ของหัวหน้าสมาคมซึ่งตอนนี้ว่างเปล่า พันธ์และเนยชะงักเมื่อชายร่างสูงเดินตรงเข้าไปนั่งประทับ
"พี่ยุทธตาย กูก็ได้ครองเก้าอี้ในฐานะหัวหน้าสมาคม"
"ไม่เกินไปหน่อยเหรอวะไอ้เขม?" พันธ์กัดฟันกำหมัด แม้เขาจะไม่ชอบยุทธ แต่ก็ไม่อยากให้เขมขึ้นเป็นหัวหน้า
"มีอะไรก็พูดมา ไม่งั้นก็ออกไป" เขมตัดบทด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายยกแขนท้าวคางพลางโบกไม้โบกมือ
พันธ์ตั้งสติก่อนพูดเกริ่นเรื่องเกี่ยวกับปีศาจแครมปัสซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากลุงปืนโดยเนยได้เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนทุกระเบียดนิ้วไม่มีตกหล่น สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงปรบมืออันเย้ยหยันทำเอาทั้งคู่ไปต่อไม่ถูก
"เป็นนิทานที่สนุกดีหว่ะ" เขมหัวเราะ หึหึ "ไปเป็นนักเขียนนิยายน่าจะรุ่งนะเว้ย"
"ฟังกันหน่อยสิ! ตอนนี้แฟนกูกำลังมีอันตรายเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมเมื่อคืนนะ!!"
"เอาล่ะ...ขอโทษที จริง ๆ กูไม่เชื่อหรอกว่าปีศาจตัวนั้นจะมีจริง แต่ในเมื่อประเทศเรามีหิมะครั้งแรกในรอบล้านปีเลยมั้ง ถือว่าเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะให้เชื่อว่าเรื่องของพวกมึงไม่ได้แต่งขึ้นมาปั่นหัวสมาคมเล่น" เขมกล่าวอย่างใจเย็น ดวงตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยออร่าผู้นำหรี่มองสมาชิก "คืนนี้กูจะจัดแข่งมอไซต์อีกรอบเพื่อล่อให้มันออกมา ให้ทุกฝ่ายเตรียมตัวให้รัดกุม!! คืนนี้เป็นคืนข้างแรม ทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าเมื่อคืน...จะมีพวกเราหลายคนตาย คืนนี้หิมะทุกกอง จะถูกย้อมด้วยเลือด!!"
..................................
หิมะเริ่มโปรยปรายอีกครั้งเมื่อเวลาสี่ทุ่มตรง เหล่าสมาคมเด็กแว้นและสก๊อยจำนวนกว่าห้าสิบคนมารวมกันในงานแข่งซึ่งจัดในพื้นที่ปล่าวเปลี่ยวและมืดกว่าเดิม มีเพียงแสงจากไฟหน้ารถจักรยานยนต์และไฟฉายมือถือแทนแสงสว่างจากธรรมชาติ บนท้องฟ้ารวมประกายดาวระยิบระยับแต่พระจันทร์กลับถูกเงาบดบัง การแข่งดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไร้วี่แววของปีศาจแครมปัส อีกทั้งความหนาวทำให้แต่ละคนต้องขอตัวกลับบ้านจนเหลือเพียงไม่กี่สิบคน
"เฮ้ย! ไม่เห็นมาสักทีวะ!" เขมบ่นกระปอดกระแปดพลางกอดอกด้วยความหนาวจนหัวใจแทบเยือกแข็ง "อีกห้านาทีมันไม่มีล่ะก็มีปัญหาแน่!"
"แล้วกูจะไปรู้ไหมล่ะว่ามันจะมาเมื่อไหร่!?" พันธ์ตะคอกกลับเริ่มหงุดหงิดกับการถูกกดดันจากหัวหน้าสมาคมคนใหม่และความหนาวเหน็บเจาะทะลุเสื้อกันหนาวเข้าไปยังกระดูก
"เดี๋ยวก่อน..." เขมรีบตัดบทก่อนมองไปรอบ ๆ เห็นว่าเหล่าเด็กแว้นที่เหลืออยู่น้อยกว่าสิบคนทั้งที่เขาจับตาสอดส่องอยู่ตลอดราวกับหายวับไปในสายลมเกร็ดเหมันต์ เขาชักดาบคาตะนะตีจากเหล็กเกรดต่ำออกมา ความคมของมันเพียงพอที่จะเฉือนร่างมนุษย์ให้ขาดเป็นสองท่อนซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของเขม ยามที่เขาชักมันออกมาจึงรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหวั่นเกรงในสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทุกคนที่เหลือรอดต่างรวมกลุ่มก้อนมองไปรอบทิศ หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความกลัวครอบงำไปทั้งร่าง ยังไม่รวมความหนาวเข้าขั้นติดลบนี่อีก "กูได้กลิ่นคาวเลือดรอยอยู่ในอากาศ...มันมาแล้ว"
เนยถูกเหล่าเด็กหนุ่มล้อมรอบ แต่ละคนต่างชักอาวุธประจำกายของตัวเองออกมาไม่ว่าจะเป็นมีด ปืนปากกา ตะบองหรือเครื่องมือช่างที่ขโมยมาจากสถาบัน เด็กสาวหมุนตัวหันมองไปทางนั้นทีทางนี้ที ไม่เจออะไรนอกจากความดำมืดเหนือการรับรู้ของมนุษย์วัยเยาว์
.
.
.
.
"กรร..."
เสียงคำรามโทนต่ำดังมาจากทิศทางปริศนา ทำเอาทุกคนยังตื่นกลัว ขนตามร่างกายลุกซู่ ภายในเริ่มอุ่นร้อน อะดรีนาลีนสูบฉีดไปทุกอณู สายตาสอดส่ายไปทั่วหลายสิบรอบ กลับไม่เจออสุรกายแม้แต่เงา
"กรร..."
"อ๊ากก!!"
ฉัวะ!! กร๊อบบ!!
เพียงไม่กี่อึดใจ ศีรษะของน้องชายหัวหน้าเขมกลิ้งหลุน ๆ มายังปลายเท้า ดวงตาเบิกกว้างตกใจกับบางอย่างสุดขีด
"พะ...พี่...พี่...ชะ...ช..." ปากยังขยับและออกเสียงได้เพียงเสี้ยวหนึ่งก่อนจะนิ่งสนิทในเวลาต่อมา เลือดไหลออกจากแผลที่คอย้อมพื้นหิมะจากขาวกลายเป็นแดงฉานเด่นชัด สร้างความตกใจแต่เหล่าเด็กแว้นและสก๊อยทุกคนจนสติแตกวิ่งหนีแหกปากแยกคนละทิศละทาง เนยและพันธ์เองตั้งสติไม่อยู่แล้วจึงดับเครื่องชนวิ่งฝ่าความมืดออกไปโดยลืมมอเตอร์ไซด์สุดหวงไว้
เสียงกัดหักกระดูกรวมถึงเสียงกรีดร้องดังลั่นจากความมืด ทำไมความกลัวตรึงขาทั้งสองข้างของเนยไว้อยู่กับที่ ยิ่งควบรวมกับอุณหภูมิที่เริ่มลดลงจนติดลบหลักสิบ ทำให้ร่างกายเริ่มมีเกร็ดน้ำแข็งและพายุหิมะค่อย ๆ พัดแรงขึ้นจนไม่สามารถมองเห็นอะไรในระยะหนึ่งช่วงแขนได้เลย
"หยุดทำไมละเนย!! รีบวิ่งหนีก่อนมันจะตามมาถึง!! เร็วเข้า!!" เด็กหนุ่มพยายามทั้งดึงทั้งกระชาก แต่สาวเจ้ากลับไม่ขยับเขยื้อนจากจุดนั้นเลย แววตาของเธอค่อย ๆ เลือนลางจากความหนาวของหิมะซึ่งค่อย ๆ กัดกินหัวใจที่เริ่มเต้นช้าลง
เพี้ยะ!!
มือใหญ่ฟาดแก้มจนสติของเด็กสาวกลับคืนมาด้วยกำลังของแฟนหนุ่ม ร่างกายถูกรีบูตพร้อมใช้งานจึงสามารถจับมือเขาและก้าวขาออกวิ่งตามสัญชาตญาณ บนพื้นเริ่มมีหิมะทับถมหนาขึ้นจนก้าวขาลำบากกว่าเดิม แน่นอนว่าคนไทยผู้ไม่เคยเผชิญพายุหิมะมาก่อนย่อมพ่ายแพ้ต่ออุณหภูมิต่ำถึงขั้นติดลงหลักสิบและมีท่าทีว่าจะลดต่ำลงกว่านี้อีก
"มะ...ไม่ไหวแล้ว..." เนยกำมือแน่น แต่กลับไม่สามารถแบออกได้เนื่องจากพวกมันถูกแช่แข็งแม้กระทั่งเส้นเลือด ในขณะเดียวกันเธอกลับรู้สึกว่าหัวกำลังจะระเบิด มือข้างที่ยังถือมือถือส่องไฟออกไปหน้าแฟนหนุ่มที่หันกลับมาหา ฝันร้ายในคืนวานปรากฎตัวจังก้าตรงหน้า ร่างกายสูงใหญ่ดูเก้งก้างแต่แข็งแกร่งทนทานมิอาจทำลาย ฟันซี่ยาวแหลมคมเปรอะคราบเลือดคราบน้ำเหลืองแสยะยิ้มกว้างพร้อมสะพายถุงผ้าสีแดง กรงเล็บยาวราวกับใบมีดเงื้อเหนือศีราะก่อนวาดลงตัดร่างแฟนหนุ่มฉับเดียวร่างขาดเป็นสองเสี้ยว
พันธ์แทบไม่รู้เลยว่าตัวเองลาโลกไปแล้ว
สัญชาตญาณบีบบังคับให้เธอหนีออกมาจากตรงนั้น ทั้งที่ไม่มีเวลาให้เสียใจกับการจากไปโดยไร้เหตุผลของแฟนหนุ่ม มือและขาทั้งสองข้างถูกหิมะกัดจนแดงเถื่อก ผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกถูกน้ำแข็งจับจนไม่สามารถก้าวขาได้คล่องแคล่วเหมือนปกติ ความเร็วตกลงเรื่อย ๆ เสียงฝีเท้าหนักดังมาจากด้านหลังยิ่งบีบบังคับให้เธอฝืนก้าวขา
ทุกอย่างกลับไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด
ข้อเท้าทั้งสองของเด็กสาวถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์ เมื่ออกแรงฝืนจึงทำให้หักแยกจากร่างกายเหมือนกิ่งไม้หักจากลำต้น ความเจ็บปวดแสบสะท้านไปทั่วร่าง ปากแผลชาเพราะความเย็นในจุดเยือกแข็ง ใบหน้าล้มคะมำไปกับพื้น โชคดีพื้นซีเมนต์ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่น่าเสียดายที่ไม่หนาพอในการรองรับศีรษะอันหนักอึ้งกระทั่งหน้าผากเด็กสาวกระแทกกับพื้นสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก
"กริ๊ดดดดดด!!!" เธอแหกปากร้องออกมา เลือดไหลหยดย้อมหิมะตามทาง ยิ่งเธอหยุดนิ่งนานเท่าไหร่ น้ำแข็งยิ่งเจาะเนื้อหนังทะลุไปยันเส้นเลือดและกระดูกมากเท่านั้น
มือถือหล่นสู่พื้นจมหายไปในหิมะ เป็นช่วงที่ปีศาจแครมปัสไล่มาทัน มันค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ความกลัวทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด เธอฝืนส่งเสียงร้องมากเกินจนลมหนาวลงคอทำให้เส้นเสียงแข็ง เสี่ยงฝืนออกเสียงอีกนิดทำให้เส้นเสียงขาดสะบั้น ตอนนี้ไม่มีอะไรออกมานอกจากลมปาก ปีศาจแครมปัสเข้าประชิดตัวยืนจังก้ามองด้วยดวงตาแดงฉาน น้ำตาของเนยไหลอาบแก้ม ลมหนาวพัดเพียงวูบเดียวทำให้กลายเป็นน้ำแข็งเกาะติดใบหน้า
"เด็กเหี้ยพ่อแม่สั่งสอนไม่ได้ สมควรตาย"
หลังจากมันกล่าวประโยคสั่งตายเสร็จสิ้น ศีรษะของเด็กสาวถูก 'หัก' หลุดออกจากบ่าเหมือนดอกไม้เคลือบแก้ว
เป๊าะ!!
.....................................
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ณ ใจกลางขั้วโลกเหนือ ชายร่างสูงไว้หนวดเคราขาวบริสุทธิ์ยกค้อนตอกตะปูกับงานของเล่นไม้สำหรับแจกในวันคริสต์มาสให้แก่เหล่าเด็ก แผ่นหลังอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวยราวกับฑูตสวรรค์ปั้นกับมือ ใบหน้าของเขาเข้มตึงยามที่ต้องใช้สมาธิในการประดิษฐ์ของต้นแบบก่อนส่งก่อให้กับเอลฟ์ไปเพิ่มจำนวน นี่เป็นชิ้นสุดท้าย หากทำเสร็จก็สามารถส่งมันไปให้กับพวกเด็ก ๆ ตามรายชื่อพร้อมกันทีเดียว
ลมอ่อนพักวูบหนึ่งทำให้ชายหนวดเครารุงรังชะงักก่อนจะยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายเนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าใครมา
"แครมปัส น้องข้า" ชายชรายืนขึ้นจากเก้าอี้หัวโล้น ความสูงของเขาเลยศีรษะปีศาจแครมปัสเกือบฟุต "ประเทศใหม่ที่ให้เจ้าไปตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ซานต้า พี่ข้า" ปีศาจแครมปัสกล่าวทักทาย ส่ายศีรษะก่อนพ่นลมหายใจเป็นไอเย็น "ประเทศนั้นเต็มไปด้วยเด็กชั่วกว่าเกินครึ่ง ศีรษะของเด็กพวกนั้นเต็มถุงเลยท่านพี่ ข้าได้กลิ่นความชั่วจากพวกมันจนต้องเด็ดหัวมันให้จมได้ ท่านพี่ซานต้า ข้ามิให้ประเทศที่มีแต่เด็กแว้นหรือลูกเศรษฐีที่วัน ๆ ทำแต่เรื่องหนักหัวสังคม ศีรษะที่ข้านำมาระหว่างสองคืนนี้นับเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าข้าไม่อนุมัติให้ท่านพี่ส่งของขวัญหรือบันดาลหิมะอีก"
"อืม....นี่ยิ่งกว่าดิ่งลงเหวอีกแหะ" ซานต้าแหวกปากถุงผ้าใบใหญ่ที่ปีศาจแครมปัสส่งให้ ภายในถุงผ้าสีแดงบรรจุศีรษะเด็กนับพันกองเป็นภูเขาขนาดย่อม
ชายชราเห็นดังนั้นจึงผงกศีรษะรับรู้ 'ผลการประเมิน' จึงหันไปกดปุ่มเขียนว่า 'หยุดหิมะ' จอแสดงแผนที่ประเทศไทยซึ่งถูกไฮไลท์ไว้จางหายก่อนขึ้นตัวหนังสือว่า 'Reject' จากนั้นเขาจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกแล้วหันไปยิ้มให้กับน้องชายผู้มีใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวก่อนวางมือบนไหล่
"เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ อีกไม่กี่นาทีข้าจะทำการส่งของขวัญให้กับเด็ก ๆ แล้ว" เขากล่าวก่อนหันไปมองมอนิเตอร์หลากหลายขนาดภายในออฟฟิศทำงานภายในโรงงานของขวัญซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนงานเอลฟ์ร่างกายบึ้กบึนไม่ต่างจากนักกล้ามทำงานกันอย่างขยันขันแข็งเกินค่าแรงต่อวัน ของขวัญที่ถูกห่ออย่างดีจะหายวับด้วยเวทมนตร์ของพวกเขาไปยังเครื่องปล่อย ซานต้ามองพร้อมเผยรอยยิ้มพอใจ "ถึงเวลาแล้วล่ะ"
นิ้วใหญ่ผิวหนังหยาบและเต็มไปด้วยแผลเป็นกดปุ่มสีเขียวเขียนว่า 'Launch'
ทันใดนั้นเหล่าของขวัญจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกผลิตขึ้นมานับตั้งแต่การปล่อยในปีที่แล้วหายวับไปกับตา โผล่ไปยังใต้ต้นคริสต์มาสแต่ละบ้านอย่างแม่นยำ
ซานต้ายืดตัวตรงก่อนกล่าวประโยคติดปาก
"Merry Christmas!! โฮ่! โฮ่! โฮ่! โฮ่! โฮ่!"
------------------------------
THE END