ความฝันของข้าคือได้แต่งงานกับหญิงงาม แต่ไหงความจริงกลับตาลปัตรถึงเพียงนี้—ทั้งสัตว์ประหลาด แผนลับ และคำทำนายทายาทผู้ยิ่งใหญ่! ใครมันเขียนโชคชะตาข้ากันเนี่ย?”
แอคชั่น,ผจญภัย,จีน,สงคราม,เลือดสาด,จีนโบราณ,แฟนตาซี,เทพเซียน,กำลังภายใน,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยุทธภพนี้! นี่ใครครองความฝันของข้าคือได้แต่งงานกับหญิงงาม แต่ไหงความจริงกลับตาลปัตรถึงเพียงนี้—ทั้งสัตว์ประหลาด แผนลับ และคำทำนายทายาทผู้ยิ่งใหญ่! ใครมันเขียนโชคชะตาข้ากันเนี่ย?”
ยุทธภพนี้! นี่ใครครอง
"The Edge of Dragon Spirit"
ผู้เขียน : ปริมะ , 2024
ฮวงฟาง—เด็กหนุ่มผู้ (อยาก) มีชีวิตเรียบง่ายและความฝันเล็กๆ (แต่ยิ่งใหญ่) : ทำงาน หาเงิน แต่งหญิงงามสักคน แล้วหนีให้ไกลจากเงื้อมมือของ ท่านตาจอมเผด็จการ ที่ยืนกรานว่า
“วิทยายุทธ์คือคำตอบของทุกปัญหา!”
สำหรับข้า?
“การฝึกมันคือปัญหาของทุกคำตอบ!"
ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว ทำไมต้องมานั่งทรมานตัวเองให้เมื่อยด้วย?
เพื่อไล่ตามอิสรภาพ ฮวงฟางรับจ้างทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่ ซ่อมหลังคา เฝ้ายาม ดูแลเป็ดไก่ ยันทวงหนี้นอกระบบ ความตั้งใจของเขาดูเหมือนง่ายดาย แต่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่ไม่คาดฝัน!
ไม่ว่าจะเป็น แผนลับของท่านตา ที่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยว (เดินผ่านบ้านนิดเดียวก็ซวยได้) คิงคองยักษ์ ที่โผล่มาท้าตีโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย(ก็เข้าใจคำว่าหน้าไม่เกี่ยว ใส่เดี่ยวได้หมดอยู่หรอก!) หรือแม้กระทั่งมีคนมาเรียกเขาว่า “ทายาทผู้ยิ่งใหญ่” (อะไรอีกล่ะเนี่ย?)
ฮวงฟางมีทางเลือกเดียว : “ถ้าความสงบสุขไม่มาหา ข้าก็จะหาทางวิ่งไปหามันเอง! ฮ่าฮ่าฮ่า!” (หัวเราะแบบตัวร้ายที่ซ่อนแววตาวิบวับ)
งานนี้ ฮวงฟางจะใช้ไหวพริบ (หรือความเจ้าเล่ห์?) ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลาย หรือจะกลายเป็น จอมยุทธ์แบบไม่ทันตั้งตัว กันแน่?
“แทงเสีย! แทงเสีย! เอ้า! ใครอยากเปลี่ยนเหรียญในกระเป๋าให้กลายเป็นภูเขาทอง ก็เข้ามา!”
“วันนี้ข้า ฮวงฟาง… ไม่ได้มาเล่น ๆ!” ฮวงฟางประกาศลั่น ก่อนจะกระโดดขึ้นไปยืนบนโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว เสียงฝีเท้ากระทบไม้ดัง ปึง! สะท้อนไปทั่วทั้งโรงเตี๊ยม ดึงสายตาทุกคู่ให้หันมาจับจ้องเขาโดยพร้อมเพรียง
“เจ้าถุงเงินนี่มันไม่ใช่ของธรรมดา แต่มันคือ ‘ถุงรีดทรัพย์’!” ฮวงฟางตบถุงเงินในมือดัง ปั้ก! ก่อนจะยกมันขึ้นสูงเหนือหัว ราวกับกำลังอวดสมบัติวิเศษล้ำค่า ใบหน้าของเขาฉายรอยยิ้มกว้างและกวนประสาทไม่เปลี่ยนแปลง “ใครกล้าท้าดวงก็เข้ามา! ข้าไม่ถือ—หากพวกเจ้าจะมาขนทรัพย์ข้าไป!”
เสียงหัวเราะครืนดังขึ้น บรรยากาศรอบวงพลันคึกคัก คำพูดของฮวงฟางเหมือนจุดไฟความโลภแก่พวกเขา เงินที่หมุนเวียนและเสียงหัวเราะเริงรื่นได้ลบเลือนความวุ่นวายเมื่อครู่จนสิ้น
“ข้าเอาเสือ! ใครจะตามก็รีบมา!” ชายคนหนึ่งโพล่งขึ้นพร้อมเทเงินลงบนโต๊ะดัง กราว! เสียงเหรียญกระทบไม้ปลุกความคึกคักให้ลุกฮือทันที
“ข้าด้วย!” อีกเสียงหนึ่งตะโกนตามราวกับไม่ยอมแพ้
“วันนี้ข้าจะรวย! ฮ่า ๆ ๆ!”
ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายดังขึ้นแทรก “แทงปลา! ข้าจะแทงปลา!” เขายื่นเหรียญหนึ่งสลึงออกไปอย่างมั่นใจ ท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มขบขันจากคนรอบวง ดวงตาเล็ก ๆ เปล่งประกายสดใส ราวกับกำลังจับต้องโชคชะตาด้วยมือเล็ก ๆ ของตัวเอง
ฮวงฟางยิ้มกริ่ม ก่อนกระโจนลงจากโต๊ะ ก้าวเข้าไปใกล้เด็กชายเนื้อตัวเลอะฝุ่น ใบหน้าเปรอะคราบน้ำมูก เขาก้มหน้ามองเด็กน้อยพลางหัวเราะขบขันเกินจริง “ปลางั้นรึ? เจ้ารู้ใช่ไหม… ถ้าพลาดขึ้นมา เหรียญสลึงนี้จะกลายเป็นของว่างคำโตให้ข้าเคี้ยวเล่น! ฮ่า ๆ ๆ!”
เขาพูดพลางทำท่าเคี้ยวลมประกอบ มือข้างหนึ่งจับท้องหัวเราะเบา ๆ แต่สายตาที่มองเด็กน้อยยังคงแฝงไว้ด้วยแววเจ้าเล่ห์ ราวกับจงใจจะล้อเล่นและทดสอบเด็กคนนี้ไปพร้อมกัน
เด็กชายเชิดหน้า ดวงตาเป็นประกายวาววับ สบตาฮวงฟางอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าจะชนะ! ข้าจะเอาคืนที่ท่านโกงเงินพ่อข้าไปเมื่อวันก่อน!”
คำพูดนั้นเรียกเสียงหัวเราะลั่นรอบวงทันที ชายคนหนึ่งถึงกับสำลักสุราออกมา บางคนหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ขณะที่อีกคนยกมือขึ้นปาดน้ำตาพลางพูดขำ ๆ “โอ้โห! ฟังคำโวเจ้าสิ เอ้า! ข้าลงปลาตามเจ้า”
ฮวงฟางหัวเราะในลำคอ พลางยกยิ้มมุมปากขึ้น “หึ! เจ้ากล่าวดีนัก เจ้าก้อนขี้มูก เอาล่ะ! มาดูซิว่าดวงของเจ้า จะดีเช่นฝีปากเจ้าไหม!”
ชายหนุ่มกล่าวพลางเขย่าถ้วยหวาย กริ๊ก กริ๊ก ก่อนวางลงตรงหน้าเด็กชายอย่างเชื่องช้า ทุกสายตาจับจ้องมาที่ถ้วยนั้น
ทันทีที่เปิดฝาออก เขาประกาศลั่น:
“ปลา! ปลา! ปลา!”
เสียงเฮดังสนั่นลั่นโรงเตี๊ยม ชาวบ้านรอบวงต่างโห่ร้องด้วยความสะใจ ราวกับชัยชนะนั้นเป็นของตัวเอง หลายคนที่ลงพนันตามเด็กชายรีบคว้าเงินเดิมพันกลับไปพร้อมเสียงหัวเราะอย่างเริงรื่น
ฮวงฟางหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหยิบเหรียญสามเหรียญขึ้นมาด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง แล้วดีดมันลงบนฝ่ามือของเด็กชายดัง กราว! “หึ! เป็นแค่ก้อนขี้มูกแท้ ๆ! เอ้า เอาไป! เห็นทีคราวนี้เจ้าคงมีเรื่องไปอวดพ่อเจ้าแล้ว!”
“เห็นไหมล่ะ! ข้าชนะแล้ว!” เด็กชายตะโกนลั่นด้วยความภูมิใจ รอยยิ้มแห่งชัยชนะแต่งแต้มบนใบหน้าที่มอมแมมของเขา
แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้ถอยจากโต๊ะ ฮวงฟางก็โน้มตัวลง กระซิบเสียงยั่วเย้าเบา ๆ แต่ดังพอให้คนรอบวงได้ยิน
“แต่ถ้าเจ้าทายถูกอีกครั้ง… ข้าจะให้เป็นสองเท่า!” ฮวงฟางโน้มตัวลงมากระซิบเสียงเจ้าเล่ห์ แต่ดังพอให้คนรอบวงได้ยิน เขาถอยตัวกลับ ยกมือขึ้นฟ้า ทำท่าคล้ายบูชาเทพเจ้า “ใครจะไปรู้? เจ้าอาจจะเป็นเทพแห่งโชคชะตาตัวจริงก็ได้!”
เขาหันกลับมาเท้าเอว เอียงคอมองเด็กชาย “หรือเจ้าจะหยุดแค่นี้ แล้วเอาเงินไปซื้อลูกอมมาดมเล่น ข้าก็ไม่ว่าอะไร!” ฮวงฟางหัวเราะลั่น ฮ่า ๆ ๆ! ก่อนจะยื่นมือไปหยีหัวเด็กชายเบา ๆ
เสียงรอบวงดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงยุแยงที่เต็มไปด้วยความสนุก
“เล่นอีกสิ! เจ้าหนูวันนี้เจ้าโชคดีนัก!”
“เจ้าคือเทพแห่งโชคชะตาของข้า ฮ่า ๆ ๆ!”
คำพูดเหล่านั้นเหมือนเขย่าความลังเลในใจเด็กชายจนหมดสิ้น เขากำเหรียญในมือแน่น ดวงตาเล็ก ๆ ที่ยังคงเปี่ยมความหวังเงยขึ้นสบตาฮวงฟางอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ
“ข้าจะเล่นอีก!”
ฮวงฟางหัวเราะลั่น ยกมุมปากขึ้นอย่างพึงใจ “ฮ่า ๆ! แบบนี้สิ ถึงจะสนุก!” เขากล่าว ก่อนจะเริ่มเขย่าถ้วยหวายอีกครั้ง เสียงลูกเต๋ากระทบกันดังก้อง กริ๊ก กริ๊ก แทรกเข้าไปในความเงียบ ความตื่นเต้นเหมือนถูกฉีดเข้าไปในทุกสายตาที่จับจ้อง
ชาวบ้านหลายคนมองหน้ากันอย่างฮึกเหิม “ข้าขอแทงปูอีกคน!”
“ข้าด้วย! ข้าจะวางตามเจ้าหนูนี่!”
เสียงเหรียญกระทบโต๊ะดังเป็นระลอก ฮวงฟางเอนหลังพิงเก้าอี้ ยิ้มกว้างพลางกวาดตามองความคึกคักตรงหน้าอย่างพึงใจ
เขายิ้มกริ่มมองรอบวง ก่อนดีดขอบถ้วยหวายเบา ๆ ป๊อก! ทำทีคล้ายร่ายมนต์
“เอาล่ะ! มาดูกันให้ชัด ๆ ว่าเจ้าจะเป็นเทพแห่งโชคชะตาดังคำกล่าวอ้างหรือไม่!”
หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศตรงหน้าอย่างถึงที่สุด ก่อนจะค่อย ๆ เปิดถ้วยหวาย
“เสือ! น้ำเต้า! ไก่!”
ทันใดความเงียบงันพลันเข้าปกคลุม สายตาของเด็กชายเบิกกว้าง จ้องมองลูกเต๋าอย่างไม่เชื่อสายตา รอยยิ้มแห่งความหวังพลันหายวับ น้ำตาเริ่มคลอขึ้นในดวงตาเล็ก ๆ
“ไม่… ไม่จริง…” เขาพึมพำแผ่วเบา น้ำตาหยดแรกไหลพรากลงบนแก้มสกปรกที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมูก
เสียงรอบวงคราวนี้ไม่ใช่เสียงหัวเราะอีกต่อไป กลับกลายเป็นเสียงฮือฮาอย่างโกรธเคือง
“ไอ้เด็กเวรนี่!” ชายคนหนึ่งตบโต๊ะลั่นจนจอกสุราสั่นสะเทือน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธจัด “เจ้าทำให้ข้าเสียพนันหมดตัวเลย!”
“เจ้าเด็กพาซวย! ข้าหมดต้องหมดตูดก็เพราะตามเจ้า!” อีกเสียงหนึ่งตะโกนเสริมอย่างเหลืออด ชาวบ้านหลายคนเริ่มหันขวับมองเด็กชายด้วยสายตาเกรี้ยวกราด บ้างตบเข่าด้วยความโมโห บ้างตะโกนด่าทอ
เด็กชายยืนนิ่ง น้ำตาคลอเบ้า พลางเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “ฮึก… ข้าจะชนะอีก…” เขากวาดมือลงไปในกระเป๋าของตัวเอง ทว่าในนั้นกลับว่างเปล่า
ฮวงฟางหัวเราะลั่นราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกที่สุดในโลก เขาชี้นิ้วไปยังเด็กชาย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างสะใจ
“ฮ่า ๆ ๆ! ถ้าไม่มีเงินก็กลับไปหาพ่อเจ้าซะเถอะ!”
เด็กชายสะอื้นฮัก น้ำตาไหลพรากลงบนแก้มเปื้อนฝุ่นที่ปนเปไปกับคราบน้ำมูก เขาก้มหน้าก่อนจะหันหลังแหวกฝ่าฝูงชนออก พร้อมเสียงโห่ไล่และคำด่าทอที่ไล่หลังมา
ฮวงฟางเอนตัวพิงเก้าอี้ มือยกถ้วยสุราขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ ท่ามกลางเสียงบ่นพึมพำและการถอนหายใจอย่างหงุดหงิดจากคนรอบวงที่เสียเงินถ้วนหน้า
“เทพแห่งโชคชะตารึ? หึ! ของพรรค์นั้นมันมีซะที่ไหนกันเล่า” ฮวงฟางพึมพำพร้อมรอยยิ้มเย็นชา ราวกับสั่งสอนบทเรียนให้ทุกคนอย่างไร้ความปรานี
เขายืดแขนบิดขี้เกียจ ก่อนจะหาววอดราวกับเรื่องตรงหน้านั้นชวนให้ง่วงนอนเสียเหลือเกิน พร้อมตะโกนลั่นโต๊ะพนัน
“เอาล่ะ ๆ! ไม่ต้องเถียงกันให้วุ่นวาย วันนี้ข้าเบื่อแล้ว—ข้าขอเลิกล่ะ!”
เสียงนั้นปานฟ้าผ่าทำเอาชาวบ้านที่กำลังโวกเวกเงียบกริบ ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มีเสียงพึมพำดังขึ้นจากมุมโต๊ะ
“หา? เจ้าว่าอะไรนะ?”
ชายคนหนึ่งทุบโต๊ะ ปัง! ใบหน้าแดงก่ำเหมือนหม้อข้าวกำลังเดือดปุด
“ข้าลงเงินไปเยอะแล้ว! เจ้าจะเลิกเล่นเอาดื้อ ๆ แบบนี้ได้ยังไงกันฟะ!”
ชายอีกคนถึงกับลุกพรวดพร้อมชี้นิ้วด่าลั่น
“เจ้านี่มันโจรชัด ๆ! เอาเงินข้ามาคืนเดี๋ยวนี้!”
ฮวงฟางส่ายหน้าเวทนา ก่อนถอนหายใจยาวใหญ่
“โถ่ ๆ ๆ ดูพวกเจ้าสิ! ตอนเล่นก็หัวเราะกันอย่างกับได้กินเป็ดปักกิ่งในงานเลี้ยง แต่พอเสียขึ้นมา กลับทำหน้าเหมือนข้าขโมยข้าวสารไปจากบ้านเจ้า!”
เสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ!” ของฮวงฟางดังลั่น แต่ไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น กลายเป็นเสียงโวยวายที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ แทน
“แบบนี้มันขี้โกงนี่!”
“เจ้าหัวขโมย!”
“ถูกแล้ว! เจ้านี่มันนักต้มตุ๋น!”
เสียงชุลมุนดังขึ้นทั่วโรงเตี๊ยม โต๊ะเก้าอี้ถูกชนกระจัดกระจาย ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ฮวงฟางยังคงนั่งเอกเขนก มือประคองถุงเงินแนบอก รอยยิ้มกวนประสาทประดับบนใบหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน
ความชุลมุนยังดังระงมอยู่ทั่วโรงเตี๊ยม แต่โต๊ะของเฉียงเทียนกลับเป็นจุดเดียวที่ยังคงความสงบเอาไว้ได้ ผู้ติดตามทั้งสองที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยต่างส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์
“เฮอะ! ช่างน่าละอายเสียจริง!” ผู้ติดตามสองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว “เจ้าหนุ่มผู้นี่รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก ไม่รู้จักละอายบ้างเลย!”
ผู้ติดตามหนึ่งยกจอกสุราขึ้น ก่อนจะวางลงแรงจนเกิดเสียงดัง แก๊ก! “เจ้าหมอนี่มันช่างกวนเมืองดีแท้! ดูนั่น! ขนาดชาวบ้านจะกินหัวอยู่แล้ว มันยังนั่งกระดิกเท้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เขาหันไปมองวงพนันที่ยังมีเสียงด่าทอดังไม่ขาดสาย “ข้าล่ะสงสารก็แต่เจ้าเด็กนั่น…”
ผู้ติดตามหนึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางกวาดตามองเด็กชายตัวเล็กที่เดินคอตก ร้องไห้สะอื้นขณะเดินผ่านมาอย่างน่าเวทนา
เฉียงเทียน วางจอกสุราลงเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางสายตางุนงงของผู้ติดตามทั้งสอง
“นายน้อย?” พวกเขาเอ่ยพร้อมกันอย่างไม่เข้าใจ แต่เฉียงเทียนไม่สนใจ เขาเดินออกไป หยุดยืนตรงที่เด็กชายกำลังเดินผ่าน
เด็กชายชะงักเท้า เงยหน้าขึ้นมองเฉียงเทียนด้วยดวงตาแดงก่ำ เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาและคราบน้ำมูก เขารีบก้มหน้างุดลงไปทันที ราวกับกลัวว่าจะถูกต่อว่า
เฉียงเทียนไม่ได้พูดอะไร เพียงค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างเรียบง่ายและไม่ถือตัว เขาล้วงถุงเงินจากแขนเสื้อ หยิบเหรียญสองสามเหรียญ ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าเด็กชาย การกระทำอันแสนสงบนี้จับสายตาชาวบ้านที่เผอิญเห็นเข้าอย่างไม่อาจละไปได้
“เอาไปเถอะ…” น้ำเสียงของเฉียงเทียนเรียบนิ่ง ทว่านุ่มนวลชวนหลงใหลไม่น้อย “ถือว่าเจ้าดวงไม่ดี แต่ครั้งหน้า อย่าเอาโชคชะตาไปทิ้งไว้บนโต๊ะพนันอีก”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเฉียงเทียน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและลังเล แต่สุดท้ายเขาก็ยื่นมืออันสั่นเทารับเหรียญไป ก่อนจะพูดเสียงเบา “ขะ… ขอบคุณขอรับ”
เฉียงเทียนยิ้มบาง ๆ ให้เด็กชายเล็กน้อย ก่อนที่เด็กคนนั่นจะวิ่งหายลับตาไป
ฮวงฟางที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้น ยกจอกสุราขึ้นกระดกอึกใหญ่ ก่อนจะขยับคอเสื้อพลางเบ้ปากออกมา ราวกับสุรานั้นบาดคอเสียเต็มประดา “อ๊า!”
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เฉียงเทียน ชายหนุ่มผู้แสนใจบุญที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกร้อนรนขึ้นมาอย่างประหลาด
ฮวงฟางสะบัดมือ โยนจอกสุราเปล่าไปข้างหลัง—โพละ! เสียงแตกกระจายดังลั่น ก้องไปทั่วโรงเตี๊ยม โดยไม่แยแสต่อความวุ่นวายที่โหมอยู่เบื้องหลัง
ในตอนนี้มีเพียงชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นที่ดึงดูดสายตาเขาไปจนหมดสิ้น ราวกับพบสิ่งที่น่าค้นหาในตัวอีกฝ่าย
“ช่างน่าดูชมยิ่งนัก!”
ฮวงฟางกล่าวลั่น น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับกำลังชมการแสดงที่ถูกใจเกินคาด