เมื่อความรักไม่ใช่เรื่องง่าย และครอบครัวกลายเป็นศัตรูหัวใจ เขาจะยอมปล่อยมือจากคนที่รักที่สุด หรือสู้เพื่อรักษาความรักนี้ไว้?

ก้าวผ่านรัก - Mpreg - ตอนที่ 1 - งานแต่งาน โดย Levy. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,ชายรักชาย,วาย,Mpreg ,BL,ดราม่า,ก้าวผ่านรัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ก้าวผ่านรัก - Mpreg

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชายรักชาย,วาย,Mpreg ,BL,ดราม่า,ก้าวผ่านรัก

รายละเอียด

ก้าวผ่านรัก - Mpreg  โดย Levy. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อความรักไม่ใช่เรื่องง่าย และครอบครัวกลายเป็นศัตรูหัวใจ เขาจะยอมปล่อยมือจากคนที่รักที่สุด หรือสู้เพื่อรักษาความรักนี้ไว้?

ผู้แต่ง

Levy.

เรื่องย่อ

สารบัญ

ก้าวผ่านรัก - Mpreg -อารัมภบท ตอนที่ - 0,ก้าวผ่านรัก - Mpreg -ตอนที่ 1 - งานแต่งาน

เนื้อหา

ตอนที่ 1 - งานแต่งาน

ตอนที่ 1: งานแต่งงาน


เสียงเพลงบรรเลงในบรรยากาศสุดหรูของห้องจัดเลี้ยงโรงแรมระดับห้าดาวดังคลอเบา ๆ แขกเหรื่อในงานต่างสวมชุดที่บ่งบอกถึงฐานะอันมั่งคั่งของพวกเขา ราวกับไม่ได้มาเพื่อร่วมงานแต่ง หากแต่ต้องการแต่งตัวมาประชันโฉมกันเสียมากกว่า 

แชนเดอเลียร์คริสตัลที่ประดับประดาเหนือศีรษะเปล่งประกายสะท้อนแสงไฟในห้อง ช่างเป็นภาพงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ ถ้าไม่นับบรรยากาศอันน่าอึดอัดที่ซ่อนอยู่

ฟาริท เจ้าบ่าวในชุดสูทสีงาช้างเรียบหรูยืนเคียงข้าง ภูบดินทร์ สามีหมาด ๆ ของเขา ภูบดินทร์ดูสง่างามในชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีรอยยิ้มบางเบาที่แทบไม่อาจบอกได้ว่านั่นเป็นความสุขหรือเพียงการรักษามารยาท 

ขณะที่ฟาริทยืนข้าง ๆ ด้วยท่าทางนิ่งสงบเหมือนจะพยายามปิดบังความรู้สึกบางอย่างในใจ

เสียงกระซิบกระซาบของแขกบางกลุ่มดังแว่วเข้ามา ฟาริทรู้ว่าหลายคนตั้งคำถามถึงสถานะของเขาอยู่ในใจ แม้เขาจะไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น แต่เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์แฝงคำดูถูกจากมุมหนึ่งของห้องก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้

“แฟนของคุณภูเขาเป็นใครกัน ไฮโซตระกูลไหน”

“ก็แค่คนธรรมดา นี่หนูตกถังข้าวสาวชัด ๆ แถมยังเป็นข้าวสารหอมมะลิเสียด้วย”

ฟาริทก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามระงับอารมณ์ เขาเหลือบมองไปที่แม่สามีที่นั่งอยู่ไม่ไกล หญิงวัยกลางคนในชุดผ้าไหมสั่งตัดนั่งตัวตรงด้วยท่าทางสง่างาม แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและความไม่พอใจที่ปิดบังไม่มิด

“คุณพิมพ์คิดดีแล้วเหรอคะ” เสียงญาติฝ่ายสามีเอ่ยขึ้นเบา ๆ แต่จงใจให้ได้ยินกันทั่วโต๊ะ

“คิดดีไม่ดีงานแต่งก็เกิดขึ้นแล้วคุณเด่นจันทร์ จะถามเอาอะไรอีก” พิมพ์ทอง ตอบเสียงเบา แต่คำพูดนั้นชัดเจนพอที่จะเหมือนจบใจตบหน้าฟาริทโดยตรง

คนฟังกำมือแน่นอยู่ใต้โต๊ะ ดวงตาสั่นระริกแต่พยายามข่มความรู้สึก ภูบดินทร์หันมามองเขาเพียงแวบเดียว แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มีเพียงสายตาที่คล้ายจะเตือนให้เขาอดทน

ในขณะที่งานดำเนินต่อไป แขกเหรื่อร่วมยินดี แม้บางคนจะแสร้งทำก็ตาม ฟาริทรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลาในทุก ๆ ก้าว ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของเขามักถูกหยิบนกขึ้นมาเป็นเรื่องซุบซิบนินทา

เขารู้ว่างานแต่งนี้ไม่ใช่เรื่องของความรักเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นการแต่งงานเพื่อกู้หน้าของครอบครัวภูบดินทร์ สาเหตุเพราะเขากำลังตั้งท้องลูกของภูบดินทร์อยู่นั่นเอง

แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าความเกลียดชังและการดูถูกจะเปิดเผยอย่างชัดเจนในวันแรกที่เขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้

แม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่ฟาริทบอกตัวเองให้เข้มแข็ง เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกหรือทำลายศักดิ์ศรีของเขาได้ง่าย ๆ แม้จะต้องยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางพายุแห่งความเกลียดชัง แต่เขาก็จะไม่ถอย

และนั่นคือต้นเริ่มของเส้นทางชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความดราม่าและบททดสอบครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา





ภายในห้องโถงกว้างที่ประดับด้วยดอกไม้สดสวยงาม แขกเหรื่อมากมายล้อมวงอยู่รอบพิธีการสำคัญของวันนี้ ฟาริทนั่งอยู่เคียงข้างภูบดินทร์ เขาแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูดี สายตาของฟาริทมองพิธีด้วยความนิ่งสงบ แต่ภายในใจกลับรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาอย่างพินิจพิจารณา

ทุกอย่างดำเนินไปตามลำดับพิธี จนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง แขกหลายคนเริ่มหันไปมองก่อนจะมีเสียงซุบซิบกันเบา ๆ หญิงวัยกลางคนในชุดเรียบหรู เดินเข้ามาด้วยท่าทีแข็งกร้าว แม่ของภูบดินทร์หยุดยืนตรงหน้าคู่บ่าวสาว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่ฟาริทแบบไม่วางตา

“ช่างกล้าหาญนะที่คิดว่าจะเข้ามาเป็นคนในครอบครัวเราได้” พิมพ์ทองกระซิบข้างหูฟาริท น้ำเสียงของเธอไม่ดังนัก แต่ถ้อยคำกลับชัดเจนราวคมมีด

ฟาริทยกยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้หลบสายตาแม่สามีด้วยซ้ำ “ความกล้าหาญนี้มาจากความรักครับ ขอบคุณสำหรับคำติชม”

คำตอบนั้นทำให้ความเงียบโรยตัวลงในห้องโถง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ทั้งสองคน ฟาริทยังคงนั่งตัวตรงด้วยความสง่างาม ราวกับคำพูดของแม่สามีไม่ได้กระทบจิตใจเขาเลยแม้แต่น้อย

คุณนายพิมพ์ทองทำเพียงแค่ปรายตามองอย่างประเมิน ก่อนจะหันไปมองลูกชายของเธอด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้

พิธียังคงดำเนินไปจนจบ ท่ามกลางบรรยากาศที่กลับมาสงบลง แต่เมื่อทุกอย่างสิ้นสุด พิมพ์ทองจึงเรียกลูกชายออกไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว

ในห้องรับรองส่วนตัว เธอนั่งตัวตรงไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาของเธอจ้องมองภูบดินทร์ด้วยความหนักแน่น

“ลูกต้องคิดให้รอบคอบนะ” เธอเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นปนห้วนนิด ๆ “การแต่งงานครั้งนี้จะนำปัญหามาสู่ครอบครัวของเรา”

เจ้าบ่าวหมาด ๆ ได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ แต่สีหน้าของเขาไม่มีวี่แววลังเลแต่อย่างใด

“แม่ไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฟาริทไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับครอบครัวเรา”

“ผมรู้ว่าแม่ไม่ชอบเขา” ภูบดินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่มั่นคง “แต่เขาคือคนที่ผมเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตด้วย”

“ภูบดินทร์!” น้ำเสียงของพิมพ์ทองเริ่มเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ลูกต้องมองอนาคตของตัวเองบ้าง อย่าปล่อยให้ความรู้สึกชั่ววูบทำให้ชีวิตลูกตกต่ำ”

ภูบดินทร์มองสบตาแม่ของเขาด้วยความแน่วแน่ “แม่ครับ ผมเลือกฟาริทแล้ว และผมจะไม่เปลี่ยนใจ”

คำพูดนั้นทำให้แม่ของเขาถึงกับชะงัก เธอมองลูกชายด้วยความผิดหวัง แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เธอทำเพียงแค่ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ภูบดินทร์อยู่ตามลำพังเงียบ ๆ

เมื่อเขากลับมาที่ห้องโถง ฟาริทยังคงรอเขาอยู่ทึ่เดิม ใบหน้าของอีกคนยังมีรอยยิ้มจาง ๆ เช่นเดิม ภูบดินทร์เดินเข้าไปจับมือคนรักแน่น ราวกับต้องการย้ำเตือนสิ่งที่เขาเพิ่งตัดสินใจ

“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” ฟาริทถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร ผมเลือกคุณแล้ว” 




หลังพิธีจบลง แขกเหรื่อเริ่มทยอยออกจากห้องโถง เหลือเพียงครอบครัวคนสนิทที่ยังคงพูดคุยกันเบา ๆ ภูบดินทร์หันไปมองฟาริทที่กำลังสนทนาอย่างอ่อนโยนกับญาติผู้ใหญ่ เขารู้สึกภูมิใจในตัวฟาริทที่แสดงออกถึงความสง่างาม มีวุฒิภาวะและสุขุมในทุกสถานการณ์

หลังจากพิธีใหญ่ผ่านไปก็ยังมีงานเลี้ยงเล็ก ๆ สำหรับคนในครอบครัว บรรยากาศในงานเลี้ยงที่ควรเต็มไปด้วยความยินดี กลับถูกทำลายด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรจากญาติบางคนของภูบดินทร์ ฟาริทยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าและพูดคุยกับแขกอย่างเต็มที่ แม้จะรู้สึกถึงสายตาและคำพูดเหน็บแนมที่ลอยมาเป็นระยะ

"ดูสิ ยังมีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้ได้อีกนะ" เสียงญาติผู้หญิงคนหนึ่งกระซิบกับคนข้าง ๆ แต่ดังพอที่ฟาริทจะได้ยิน

"อย่างเขาเหรอจะดูแลตาภูได้ ฉันว่าอยู่ได้ไม่นานหรอก" อีกเสียงหนึ่งตอบกลับพร้อมหัวเราะเบา ๆ

ฟาริทสูดหายใจลึก เขากำหมัดแน่นพยายามสะกดความรู้สึกไม่สบายใจไว้ในใจ เขาเดินไปหาญาติผู้ใหญ่บางคนที่ดูเป็นมิตรและเริ่มสนทนาเพื่อทำให้ตัวเองดูเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวให้ได้มากที่สุด

เสียงกระซิบเงียบลงทันทีเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวในงาน อันนา เธอเป็นผู้หญิงที่ครอบครัวของภูบดินทร์เคยจับคู่ให้ หญิงสาวเดินเข้ามาด้วยความสง่างามในชุดราตรีหรูหรา สีหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้มที่ดูมั่นใจในตัวเอง

"พี่ภู!" เธอเอ่ยทักทายเสียงหวานก่อนจะเดินตรงมาหาภูบดินทร์ โดนผ่านหน้าของฟาริทไปอย่างไม่ใยดี

ภูบดินทร์ที่กำลังสนทนากับแขกหยุดชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองอันนาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าทักทายอย่างสุภาพ

"สวัสดีครับคุณอันนา ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่"

"ฉันก็แค่อยากมาร่วมยินดีน่ะค่ะ" อันนายิ้ม ก่อนจะปรายตามองฟาริทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ "นี่คือคุณฟาริทใช่ไหมคะ ยินดีด้วยนะคะที่ได้แต่งงานกับพี่ภู พี่ภึเขาเป็นคนดี ดีมากจริง ๆ ดีเสียจนฉันเสียดาย ยังไงก็ฝากดูแลพี่ภูแทนฉันด้วยนะคะ" 

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความนัยที่ยากจะเดา เธอยิ้มหวาน แต่สายตานั้นเหมือนกำลังจับจ้องฟาริทอย่างพินิจพิจารณา

ฟาริทยิ้มรับและโค้งศีรษะเล็กน้อย "ขอบคุณครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณภูเป็นอย่างดี"

“จะคอยดูค่ะ”

คำพูดของอันนาไม่ได้ดังมาก แต่ก็พอให้คนรอบข้างเริ่มหันมาสนใจ บรรยากาศรอบตัวเริ่มเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบอีกครั้ง

ภูบดินทร์เห็นสีหน้าของฟาริทที่เริ่มเคร่งเครียดเล็กน้อย เขาจับมือฟาริทเบา ๆ ราวกับจะบอกให้ไม่ต้องกังวล ก่อนจะหันไปหาอันนา

"ขอบคุณสำหรับความยินดีของคุณ แต่ผมคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมกับผมได้เท่าฟาริทอีกแล้ว"

คำพูดของภูบดินทร์ชัดเจนและมั่นคง ทำให้อันนาหยุดชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มของเธอจางลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะเบา ๆ 

"ก็จริงค่ะ พี่ภูเป็นคนมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองเสมอ" เธอพูดก่อนจะโบกมือลา "ถ้าอย่างนั้นอันขอตัวก่อนนะคะ ขอให้มีความสุขแล้วกันค่ะ"

หลังจากที่อันนาเดินจากไป บรรยากาศตึงเครียดรอบตัวเริ่มเบาบางลง ภูบดินทร์หันมามองฟาริทด้วยสายตาอบอุ่น

"อย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้นเลยนะ ผมอยู่ข้างคุณเสมอ"

ฟาริทมองเขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย แม้จะยังมีความกังวลอยู่ลึก ๆ ในใจ แต่คำพูดของภูบดินทร์ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย





เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของงานเลี้ยง ความเหนื่อยล้าเริ่มฉายชัดบนใบหน้าของฟาริท แม้จะยังคงรักษาท่าทีสงบสุขุม แต่ภายในจิตใจกลับเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เสียงซุบซิบและสายตาจับจ้องจากญาติฝ่ายภูบดินทร์ยังคงตามหลอกหลอนเขาตลอดทั้งงาน

ภูบดินทร์ที่รับรู้ถึงความอึดอัดของฟาริท ค่อย ๆ เลื่อนมือไปจับมือของอีกฝ่ายแน่น เขาหันมามองด้วยสายตาอ่อนโยน ราวกับจะยืนยันว่าฟาริทไม่ได้เผชิญเรื่องเหล่านี้เพียงลำพัง

"เหนื่อยไหม" ภูบดินทร์ถามเสียงเบา ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปส่งแขกคนสุดท้าย “ขึ้นห้องไปพักเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”

ฟาริทส่ายหน้าเล็กน้อย แม้ในใจจะมีความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูด "ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหว"

คนฟังยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกระชับมือให้แน่นขึ้น "คุณทำได้ดีมาก ขอบคุณนะที่อยู่เคียงข้างผมนะ"

คำพูดนั้นช่วยให้ฟาริทยิ้มออกมาได้ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจที่แสดงออกมา

หลังจากแขกคนสุดท้ายออกจากงานไป บรรยากาศในบ้านก็เงียบลงอย่างน่าประหลาด คุณนายพิมพ์ทองเดินเข้ามาพร้อมสายตาเฉียบคม เธอยืนอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง มองฟาริทและภูบดินทร์ที่ยังยืนจับมือกันอยู่ด้วยแววตาเย็นชา

"ก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี แต่อย่าคิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้เสมอไป" เสียงของคุณนายพิมพ์ทองแหลมต่ำ แต่ทิ้งนัยยะที่หนักหน่วงในทุกคำพูด

ฟาริทหันมามองเธออย่างสงบ แม้จะรู้สึกถึงความหมายที่ชัดเจนของคำพูดนั้น เขาเลือกที่จะไม่ตอบโต้

เมื่อภูบดินทร์กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง คุณนายพิมพ์ทองกลับหันไปพูดกับญาติที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

"ให้มันรู้ซะบ้างว่ามันเข้ามาอยู่ในครอบครัวเราไม่ได้ง่าย ๆ"

คำพูดนั้นดังพอที่จะทำให้ฟาริทได้ยิน ราวกับตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ภูบดินทร์กัดฟันแน่น มือที่จับฟาริทไว้กระชับขึ้นอย่างชัดเจน





เมื่อทั้งสองกลับมาถึงห้องพัก ฟาริทเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน แต่ยังคงเก็บซ่อนความรู้สึกไม่สบายใจไว้ลึก ๆ

"ผมขอโทษนะ" เสียงของภูบดินทร์ดังขึ้น เขานั่งลงตรงหน้าอีกฝ่าย จับมือของฟาริทไว้

ฟาริทเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ "คุณไม่ต้องขอโทษหรอกครับ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ"

"แต่มันก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องปกป้องคุณ" ภูบดินทร์พูดหนักแน่น "ผมสัญญาว่าผมจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณ ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน"

ฟาริทยิ้มจาง ๆ "ขอบคุณครับ"

ในขณะเดียวกัน คุณนายพิมพ์ทองยังคงนั่งพูดคุยกับญาติที่สนิทในห้องรับแขก เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น

"เรามาดูกันว่าคนอย่างมันจะอยู่ในครอบครัวเราได้นานแค่ไหน"

เสียงหัวเราะแผ่วเบาของเธอและญาติที่ร่วมวงทำให้บรรยากาศในบ้านยังคงเต็มไปด้วยความกดดัน แม้งานแต่งจะจบลงด้วยรอยยิ้ม แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าความขัดแย้งกำลังค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ